ในมือของพวกเขาคือของขวัญสิบแปดชิ้น ที่ทางพนักงานต้อนรับได้ป่าวประกาศเอาไว้แล้วก่อนหน้านั้น! ส่วนของขวัญที่แพงที่สุด ซึ่งก็คือวิลล่าราคาสี่สิบล้าน ได้ถูกนำมายื่นให้ผู้รับในรูปแบบของหนังสือสัญญา“... ร เรื่องพวกนี้… มันเกิดขึ้นได้อย่างไร…?” จอร์เจียบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกตกตะลึง“เราเอาของขวัญมาแล้วครับ คุณคลอฟอร์ด! นี่ครับ รายการของขวัญทั้งหมด!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูด หลังจากที่เดินเข้ามาหาเจอรัลด์ และโค้งคำนับเขาอย่างนอบน้อม“แล้วนายจะเอามาให้ฉันดูทำไม? นายควรจะเอาไปให้คุณยายดูมากกว่านะ!” เจอรัลด์พูด พร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้เซเรนิตี้“เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของคุณยาย แต่ผมไม่ได้ไปร่วมอวยพร วันนี้ผมก็เลยนำของขวัญมาให้ครับ”ในขณะเดียวกัน ทุกคนในงานต่างทำตาโตด้วยความตกใจ พวกเขาสลับกันบ่นพึมพำ “… ค คุณคลอฟอร์ด…?”ทุกคนได้ยินบอดี้การ์ดคนนั้นเรียกเจอรัลด์ว่าคุณคลอฟอร์ด รวมถึงยาน่าด้วย ด้วยความรู้สึกสับสน ยาน่าและทุกคนหันไปมองเจอรัลด์ด้วยความไม่เชื่อพร้อม ๆ กัน‘... มัน… มันไม่มีทางจะเป็นเขาไปได้… เขาเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้จน ๆ คนหนึ่ง จากอำเภอเล็ก ๆ ในเมืองเมย์เบอร์รี่! ของขวัญแค่ชิ้นเดี
ยาน่ามักจะคอยพึ่งพาอำนาจของครอบครัวเธอในการใช้ชิวิตมาโดยตลอด มันจึงส่งผลให้เธอเป็นคนเอาแต่ใจ และทำตัวจองหองแบบนี้ ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงไม่รู้ตัวเลยว่า เธอจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอะไรบ้าง จากการที่เธอทำตัวแย่ ๆ กับเจอรัลด์เจอรัลด์ได้ใช้คำพูดของเขาในประโยคสุดท้าย เพื่อเป็นการตักเตือนว่า เธอไม่ใช่เพียงคนเดียวที่มีอำนาจและอิทธิพลบนโลกใบนี้ ความจริงแล้ว มีอีกหลายคนที่มีอำนาจมากกว่าเธออยู่ข้างนอกนั่นจอร์เจียและสมาชิกของตระกูลเซียร์ทุกคนกำลังรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จนไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำท้ายที่สุดแล้ว งานเลี้ยงฉลองวันเกิดในวันนี้ก็ไร้ความหมาย จากนั้นเจอรัลด์และตระกูลสมิทก็ออกไปจากวิลล่าอย่างเงียบ ๆถึงแม้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่เซเรนิตี้ก็รู้สึกว่าจิตใจของเธอได้ถูกถาโถมโดยอารมณ์ที่หลากหลาย และก็เป็นจริงตามนั้น หลังจากที่พวกตระกูลสมิทออกมาจากวิลล่าของจอร์เจีย หญิงชราก็รู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย และเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะอาการของเธอยังไม่ดีขึ้น หลังจากที่พวกเขาเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว แขนและขาของเธอมีอาการเหน็บชา! ในขณะ
ก่อนหน้านั้น ตระกูลสมิทได้ไปหาแพทย์หลายคนให้มาช่วยรักษาอาการของเซเรนิตี้ แต่ก็ไม่มีการรักษาไหนที่ให้ผลที่น่าพึงพอใจ ในตอนนั้นเอง ที่พวกเขาได้เจอคุณหมอแมบบ์ผู้มากด้วยฝีมือ จึงติดต่อขอให้เขามาช่วยทำการรักษาหลังจากที่เขามาทำการรักษาอยู่หลายต่อหลายครั้ง คนในตระกูลสมิทก็เริ่มรู้จักสนิทสนมกับลูกศิษย์ของเขามากยิ่งขึ้น ชายคนที่อายุราว ๆ สามสิบปี มีชื่อว่า วอลบริดจ์ ลัมบ์ ส่วนลูกศิษย์อีกคนมีชื่อว่า บริแอนน่า ซีกเลอร์ถึงแม้ว่าคุณหมอแมบบ์จะมาตรวจดูอาการเธอหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถสรุปข้อวินิจฉัยของโรคได้“... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวผมขอเข้าไปดูอาการคุณยายก่อนนะครับ พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนะ อาการของเธอไม่ได้ร้ายแรงอะไร” เจอรัลด์พูดด้วยความมั่นใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น วอลบริดจ์ก็ทำสีหน้าโหดเหี้ยม ถึงแม้เขาจะมองเจอรัลด์ว่าเป็นศัตรูตั้งแต่ตอนที่บริแอนน่าพูดว่า เจอรัลด์อาจจะเป็นหมอเหมือนกัน‘หมอนี่กำลังพยายามจะแย่งงานของพวกเราหรืออย่างไร? เขาดูจะอายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ แต่ยังกล้าพูดออกมาว่าอาการของคุณหญิงไม่ได้ร้ายแรง ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ของเรายังวินิจฉัยโรคไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! หมอนี่มัน
“… โอ้! ฉันว่าฉันยังไม่ได้พูดเรื่องเวลาครั้งต่อไปที่อาการจะกำเริบเลยนะ ใช่ไหม?! ทำไมเธอถึงคำนวนได้ตรงขนาดนั้นล่ะ เจอรัลด์?” เซเรนิตี้ถามด้วยความประหลาดใจ “ผมประมาณการเอาเองน่ะครับ ตอนนี้อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเที่ยงพอดี ในเมื่ออุณหภูมิกำลังจะเพิ่มขึ้น ความร้อนที่เพิ่มขึ้นในร่างกายจะเข้าไปรบกวนการไหลเวียนของโลหิต และระบบการหายใจในร่างกาย ทั้งสองอย่างนี้จะทำให้ไมเกรนกำเริบได้” เจอรัลด์ตอบพร้อมกับยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงชราก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้เลยนะ เจอรัลด์!”เมื่อเห็นเช่นนั้น วอลบริดจ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเจซหันไปมองเจอรัลด์ด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่เขากำลังคิดว่า ‘… เด็กหนุ่มคนนี้ อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์จริงหรือเปล่า?’เป็นเหมือนที่เจอรัลด์ได้พูดเอาไว้ไม่มีผิด เซเรนิตี้ที่ก่อนหน้านี้ยังคงพูดคุยและหัวเราะกับทุกคน ก็ได้แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานออกมาในช่วงเวลาก่อนเที่ยงแค่นิดเดียว สักพักเธอก็เอามือทั้งสองข้างขึ้นไปกุมหัว เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเธออย่างต่อเนื่อง“ทนเจ็บอีกสักน
หญิงชรายิ้มออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะที่การหายใจขอเธอเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติในขณะที่คนรับใช้ของเธอรีบเข้ามาซับเหงื่อให้ เจซและวอลบริดจ์ก็กำลังยืนมองอย่างตกตะลึงเจซรู้สึกสับสนกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าใคร เพราะเขาไม่คิดว่าเจอรัลด์จะรู้จักวิธีรักษาแบบการฝังเข็มบำบัดขั้นเทพด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว วิธีการรักษาแบบนี้ไม่ได้นำมาใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว เจซคิดว่ามันหายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้วเสียอีก เมื่อเขาได้เห็นมันกับตา เขาจึงรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากวอลบริดจ์เองก็เริ่มรู้สึกอิจฉาริษยาในตัวเจอรัลด์ เขาคิดในใจว่า ‘ฉันอายุมากกว่าเขาหลายปี และใช้เวลาเรียนรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับการแพทย์กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายท่าน ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก! ฉันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนและเรียนรู้มาอย่างช่ำชอง แต่ฝือของฉันก็ยังสู้ไอ้สารเลวนี้ไม่ได้! นี่มัน… ฉันรับเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ!’ตวามริษยาของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อเขาเห็นบริแอนน่ายิ้มอย่างมีความสุข เวลาที่เธอมองเจอรัลด์“มันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าครับ อาจารย์! ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมีความรู้ความสามารถแบบนั้นได้!” วอลบ
“… คุณพูดว่ามีใครบางคนสอนวิชาสามบทแรกของการฝังเข็มให้กับเขาเหรอครับ? แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร?” เจอรัลด์ถามด้วยความประหลาดใจ“ผมเองก็ไม่เคยพบกับเขามาก่อนเลยครับ คุณคลอฟอร์ด ผมแค่ได้ยินเรื่องราวของเขาจากคุณวิทซ์ เขาเล่าให้ผมฟังอีกว่า เขาได้เจอกับคนคนนั้นเมื่อไม่นานมานี้ เขามาหาคุณวิทซ์ที่กรมทหาร และขอให้คุณวิทซ์ช่วยนำของบางสิ่งไปไว้ให้เขาที่ไหนสักแห่ง”“เพื่อเป็นการขอบคุณ เขาจึงเสนอที่จะสอนสามบทแรกของวิชาฝังเข็มให้ แต่ถึงแม้ว่าชายลึกลับผู้นั้นจะไม่ได้มอบสิ่งนั้นเป็นรางวัลให้กับเขา ผมเชื่อว่าเขาก็ยังจะช่วยชายคนนั้นอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชายลึกลับคนนั้นก็ดูจะมีพลังที่แข็งกล้าพอที่จะได้รับความเคารพนับถือจากเขาอยู่แล้ว และไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เขาคงไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างแน่นอน แต่ถึงผมจะพยายามคิดสักเท่าไร ผมก็คิดไม่ออกสักทีว่า ใครคือคนที่ทำให้คุณวิทซ์เคารพนับถือได้มากมายขนาดนั้น!” เจซอธิบายเมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเจอรัลด์ก็เต้นแรง เขาพอจะเดาได้ว่าชายลึกลับผู้นั้นเป็นใครกันแน่‘... ชายลึกลับคนนั้นจะใช่ฟินน์เลย์หรือไม่? เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ร
หลังจากนั้น เจซก็เริ่มอธิบายรายละเอียดของอาการให้ฟัง พอเจอรัลด์ได้ฟัง ใจของเขาก็ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ‘... อะไรนะ? อาการ…อาการเหล่านี้…ไม่ใช่อาการไข้หวัดธรรมดาแน่นอน! นี่มันอาการที่เกิดขึ้นกับฉัน ตอนที่โดนวิชากลืนกินดวงวิญญาณโจมตี! อาการที่เกิดขึ้นจะระบายเลือดและออกซิเจนบางส่วนในร่างกายออกไป! มันไม่ใช่แค่โรคภัยไข้เจ็บ แต่มันเป็นวิชามาร!’วิชากลืนกินดวงวิญญาณเป็นวิชาที่เขาเรียนรู้จากความทรงจำที่ถูกทิ้งไว้ในสมองของเขา เขารู้จักมันดี เพราะเขาถูกบังคับให้ใช้มันเพื่อช่วยในการหลบหนี เพราะมันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นแล้วในขณะนั้น‘แต่ทำไมถึงมีเด็ก ๆ มากมายที่ได้รับผลกระทบจากวิชากลืนกินดวงวิญญาณโดยไม่รู้สาเหตุแบบนี้? หรือมีใครคนอื่นที่รู้จักวิชานี้ด้วย…?’ เจอรัลด์คิดกับตัวเองด้วยความงุนงงอย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ เขาควรจะไปหาเด็ก ๆ เพื่อตรวจดูว่า พวกเขากำลังถูกโจมตีโดยวิชากลืนกินดวงวิญญาณจริงหรือไม่“... เรามีเวลาไม่มากแล้ว! ผมจะไปกับคุณ!” เจอรัลด์พูด“ผมดีใจที่ได้ยินคุณพูดอย่างนั้นครับ คุณคลอฟอร์ด! พวกคณบดี และคนอื่น ๆ ก็กำลังประชุมเกี่ยวกับเ
ถึงแม้จะมีใครบางคนที่คิดต่าง แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าที่จะออกความเห็น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเขาอาจได้รับรางวัล และชื่อเสียงจากการคิดค้นวิธีการรักษาที่ได้ผล แต่ถ้าพวกเขากระทำการผิดพลาดขึ้นมา พวกเขาก็คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้ายไปตลอดชีวิตคงจะไม่มีใครอยากกลายมาเป็นแพะรับบาปของเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ“... ไม่มีใครอยากพูดอะไรเลยเหรอครับ…?” เซนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ในขณะที่กำลังกวาดสายตามองคุณหมอทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมและแน่นอน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา พวกเขาเอาแต่หลบสายตาทุกครั้งที่ถูกสายตาของคุณหมอจับจ้องมาเมื่อเห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว เซนก็ได้แต่ถอนหายใจ อนาคตทางการแพทย์คงกำลังจะเดินทางมาถึงจุดจบแล้วเป็นแน่…อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังคิดว่าทุกอย่างได้พังทลายลงแล้ว ก็มีใครบางคนพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า “ผมมีความคิดอะไรบางอย่างครับ”เมื่อได้ยินว่ามีใครบางคนต้องการที่จะแสดงความคิดเห็น แพทย์ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปหาที่มาของเสียงทันที คนคนนั้นนั่งอยู่ตรงมุมห้องตลอดเวลาที่ผ่านมา หากเขาไม่พูดอะไรสักอย่างออกมา ทุกคนก็คงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเขานอกจากทุกคนจะรู้