เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งบริเวณ ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา และพื้นดินก็พร้อมที่จะแยกออกจากกันในไม่กี่วินาทีนี้ในขณะที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันกำลังเกิดขึ้น โลงศพแก้วก็ค่อย ๆ ลอยออกโดยมีมือข้างหนึ่งของเจอรัลด์ช่วยรองรับมันเอาไว้ถึงแม้เจอรัลด์จะทำใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น…แต่เขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า ประตูจะไม่ยอมเปิดออก! แต่มันกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย โซ่ที่มัดโลงศพใบใหญ่เอาไว้ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงเช่นกัน…ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอีกเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นพวกเขาเห็นโซ่เหล็กที่มัดโลงศพเอาไว้กำลังแตกออก ในขณะเดียวกันนั้น โลงศพแก้วก็มีท่าทีเหมือนอยากจะลอยออกไปจากที่นี่! แค่นั้นยังไม่พอ จู่ ๆ ดอกเด้ด แอนนี่ส์ จำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาตามกำแพง!“นั่น…นั่นมันดอกเด้ด แอนนี่ส์ อีกแล้ว!” เชสเตอร์ตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดไม่นานดอกไม้พวกนั้นก็ขึ้นเต็มไปทั่วทั้งบริเวณ จากนั้นก็ค่อย ๆ มีเกสรโผล่ออกมาจากดอกไม้ทุกดอกทันใดนั้น อาการวิงเวียนก็กำเริบขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทั้งคู่จะทันคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป กำแพงฝั
ในขณะที่เจอรัลด์กำลังฟังสิ่งที่บอดี้การ์ของเขาพูด เขาก็กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ในหัวเช่นเดียวกันด้วยเหตุที่เขาหมดสติไปถึงหนึ่งเดือนครึ่ง เขาจึงคิดว่าเด้ด แอนนี่ส์ นั้นมีพิษร้ายแรงกว่าทีเขาเคยคิดเอาไว้มาก ฤทธิ์ของมันนั้นรุนแรงแตกต่างจากการโจมตี จากคนที่มีพลังมากมายมหาศาลอย่างคริสโตเฟอร์เสียอีก เด้ด แอนนี่ส์ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการทำร้ายคนทางจิตอย่างโหดร้ายมันทำให้เขาตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมาเขาได้แต่หมั่นฝึกฝนร่างกายตนเองให้แข็งแกร่ง แต่จิตใจของเขานั้นยังแข็งแกร่งไม่เทียบเท่ากับร่างกายของเขาเสียด้วยซ้ำ เขาเกือบจะต้องตายอย่างทรมานจากฤทธิ์ของเด้ด แอนนี่ส์นอกจากนั้น เจอรัลด์ยังนึกออกว่า เขาได้เห็นภาพบางอย่างตรงหน้า ไม่กี่วินาที ก่อนที่เขาจะหมดสติไปตอนที่เขายังอยู่ในราชาแห่งพระราชวังมหาสมุทรตอนที่เขากำลังเกาะโลงศพอมตะเอาไว้ เขาได้เห็นฝาโลงของโลงศพสีดำใบใหญ่เปิดออก และมีแสงสีดำพุ่งออกมาจากด้านใน…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น เขาก็มั่นใจว่า เขาได้นำโลงศพอมตะกลับมากับเขาด้วยอย่างแน่นอน แต่เหตุใดบอดี้การ์ดของเขา จึงพูดเหมือนมีบางอย่างหายไป?เขาลุกออกจากเตียง และเดินไปที่ห้องในสวนหลังบ้า
ตอนที่เขายังอยู่บนเกาะของคุณปู่ เขาได้ถามเวลสันเกี่ยวกับเรื่องของดอกไม้ชนิดนี้ เวลสันเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่คุณปู่ของเขาได้พบพระราชวังจิตวิญญาณ เขาก็เดินทางไปประเทศแถบตะวันตก ในขณะที่เขากำลังท่องเที่ยวอยู่แถวภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เขาก็ได้พบกับเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้โดยบังเอิญ ถึงแม้ว่าเขาจะนำมันกลับมาปลูกจนเต็มสวน แต่ก็เพื่อความสวยงามเพียงเท่านั้น พูดอีกอย่างได้ว่า เขารู้มาว่าคุณปู่ของเขาไม่ทราบเรื่องคุณสมบัติลึกลับของดอกไม้ชนิดนี้เลยแม้แต่น้อย! แต่เรื่องราวที่ท่านเฟนเดอร์สันเล่า มันฟังดูราวกับว่า คุณปู่ของเขาจะได้พบกับดอกไม้นี้ก่อนหน้าช่วงเวลาที่เวลสันบอกกับเขาอีก คุณปู่ของเขายังบอกกับท่านเฟนเดอรันอีกด้วยว่า ดอกไม้นี้เป็นของครอบครัวเขา!ช่างเป็นเรื่องราวที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง!“มันเป็นดอกไม้ที่ไม่มีชื่อจริง ๆ ‘มีเพียงกลีบสองกลีบที่ผลิบาน และแต่ละกลีบก็เป็นตัวแทนของโลกแต่ละใบ…’ มันคือประโยคที่แปลก ที่ปู่ของเธอบอกกับฉันน่ะ รู้ไหม?” ไบรสันพูด ในขณะที่เขาส่ายหัว และยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก‘ประโยคนั้นอีกแล้วเหรอ!’ เจอรัลด์คิดกับตัวเอง เขารู้สึกว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ มันยิ่งมีความน่
แม้ว่าเขายังไม่ได้เริ่มคิดเลยด้วยซ้ำว่า แสงสีดำที่เล็ดลอดออกมาจากโลงศพสีดำนั้นคืออะไร แต่เจอรัลด์ก็ไม่กล้าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้นานเกินไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนี้ ราวกับระเบิดเวลาที่สร้างความรู้สึกหนักใจให้แก่เขา“...จะว่าไป แล้วเชสเตอร์อยู่ที่ไหน?” เจอรัลด์เอ่ยถามขึ้น จู่ ๆ ก็นึกถึงเขาขึ้นมา“อ่า ครับ นายน้อยหมดสติไปค่อนข้างนานเหมือนกัน แต่เขาฟื้นขึ้นมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะที่ขา จนกระทั่งทุกวันนี้เขาก็ยังลุกจากเตียงไม่ได้ครับ” หนึ่งในบอร์ดี้การ์ดของเขาตอบ“เข้าใจแล้ว มันก็ดีพอสำหรับฉันแล้ว ที่เขาได้รอดตายมาได้!”แม้ว่าการที่เจอรัลด์และเชสเตอร์ได้รู้จักกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นแต่อย่างใด แต่เจอรัลด์จำได้ว่าเชสเตอร์เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขาเอาไว้อย่างไร ยามที่เขาเกือบจะหมดสติไป เพราะการกระทำที่กล้าหาญของเขา จึงทำให้เจอรัลด์รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก“...แล้ว นอกเหนือจากสัญญาณของพวกเราแล้ว มีใครที่ตามหาคุณกันเทอร์เจอบ้าง...?” เจอรัลด์ถามขึ้น“เรื่องนั้น... เราออกตามหาเธอเจ็ดวันเจ็ดคืน แต่เร
เขาจำได้ว่าเธอเคยช่วยให้เขาได้เข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลยอร์นวิคเมื่อเดือนก่อน หลังจากที่เขาถูกเด็กฝึกงาน ของยอร์นวิคคนหนึ่งไม่ยอมให้เข้าไปในคฤหาสน์ในตอนนั้น เจอรัลด์รู้สึกว่าเธอเป็นคนน่ารักและใจดีมาก แต่สุดท้ายแล้วจากสิ่งที่เจอรัลด์ประสบมากับตัวเอง ผู้หญิงนิสัยดีอย่างเธอมักจะเกินคาด และเหลืออยู่ไม่กี่คนบนโลกในทุกวันนี้ถึงนั่นจะเป็นความประทับใจแรกที่เขามีต่อเธอ แต่นิสัยของควีนน่าในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปมาก จากที่เขาเคยเจอในตอนนั้นแทนที่จะเป็นความอ่อนโยนที่เขาจำเธอได้ ตอนนี้เธอกลับเผยความอวดดีและชั่วร้ายออกมาเต็มที่ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่เจอรัลด์จะทันได้มั่นใจว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังภายในมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวเธอ มันช่างทรงพลังเสียจนเจอรัลด์ต้องยอมรับว่าในตอนนี้ เขาอาจจะอ่อนแอกว่าเธอ แต่ก็ทำให้รู้สึกประหลาดใจได้ไม่น้อย“...คุณมาทำอะไรควีนน่า?” เจอรัลด์เอ่ยถามด้วยความลังเลใจ“ทำไมเหรอ แน่สิ ฉันก็มาหาคุณยังไงล่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นตอบขึ้น ขณะที่เธอเอามือทั้งสองข้างไขว้หลังเอาไว้ แล้วมองดูเจอรัลด์ด้วยสายตาโหดเหี้ยมราวกับเธอจ้องมองคนที่ไ
‘ธะ...เธอช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน...!’ เจอรัลด์รำพันอยู่ในใจ เขาจำเป็นต้องสัมผัสกำลังภายในของเธอสักครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าพลังของเธอในตอนนี้แตกต่างมากเพียงใด เมื่อเทียบกับพลังอื่น ๆ ที่เขาเคยสัมผัสมาก่อนถ้าต้องเทียบพลังระหว่างของเขากับเธอ ก็เหมือนกับการเปรียบเทียบกับน้ำสกปรก ที่อยู่ในบริเวณน้ำท่วมขังกับน้ำสะอาดและน้ำกลั่น ซึ่งแตกต่างกันมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ณ ที่แห่งนี้ใครมีพลังมากที่สุดเจอรัลด์มองใบหน้าแดงก่ำของแจสมิน ขณะที่ควีนน่าค่อย ๆ ออกแรงบีบคอเธอให้แรงขึ้นในตอนนั้นเอง แจสมินคงกำลังจะตาย ถ้าควีนน่าอยากจะฆ่าเธอขึ้นมาจริง ๆ!“หยุดนะ!” เจอรัลด์พูดขึ้น ขณะที่เขารีบวิ่งออกไปหาเธออีกครั้ง“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ฉันจะไม่ฆ่าเธอแบบนี้... ในที่สุดฉันก็ได้เห็นว่าคุณเป็นห่วงเธอมาก! แต่ถึงยังไง ฉันก็จะพาเธอไปด้วย จนกว่าฉันจะได้คำตอบจากคุณ!” ควีนน่าตอบ ขณะที่เธอสัมผัสร่างกายของแจสมินอย่างแผ่วเบา...เมื่อเธอทำเช่นนั้น แจสมินก็หมดสติไปทันที! เมื่อควีนน่าออกจากคฤหาสน์ ทั้งเจอรัลด์และไบรสันต่างก็วิ่งตามเธอไปแต่เมื่อตามออกไป ชายทั้งสองก็ได้เห็นรถยนต์และบอดี้การ์ดของตระกูลยอร์นวิครออยู่ข้า
จนมาถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครเคยเห็นควีนน่ามีนิสัยแบบนี้มาก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยน้ำเสียงวางอำนาจของเธอ ทุกคนจึงทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากเชื่อฟังคำสั่ง เพราะความน่าเกรงขามของเธอนั้นช่างมีอิทธิพลเหลือเกิน!เธอไม่ได้สนใจที่พวกเขาบอกว่าถึงแล้ว ควีนน่าแค่ก้าวเท้าลงจากรถ และออกเดินเข้าไปในคฤหาสน์ภายในคฤหาสน์ ดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในครอบครัวนิดหน่อย...ถ้าไม่รวมเรื่องที่ว่าพวกยอร์นวิคยืนอยู่ด้วยกันหลายคน เฟรย่ากำลังเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจปัญหาส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะรีบไปรับเพื่อนที่สนามบิน แต่เธอก็เพิ่งมารู้ว่าควีนน่าได้นำรถของครอบครัวออกไปกับเธอทุกคัน!‘ให้ตายสิ!’ เฟรย่าสบถอยู่ในใจควีนน่าก็เป็นแค่ลูกสาวของคุณอาคนที่สามของเธอเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ได้มีสถานะที่สูงส่งเลย! เมื่อคิดว่าเธออาจหาญพอที่จะใช้รถทุกคันออกไป ทั้ง ๆ ที่เฟรย่า...ที่ทึกทักเอาเองว่า...มีเพียงเธอเท่านั้นที่ใช้รถได้! ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง!ขณะที่เฟรย่ายังคงโกรธอยู่นั้น ในที่สุดเธอก็เห็นควีนน่าเดินช้า ๆ ไปหากลุ่มพวกยอร์นวิค“คราวนี้เราน่าจะทำโทษควีนน่าให้สาสมนะคะคุณพ่อ! ถึงเธอจะ
“...เธอ...ไม่รู้ว่าความรักคืออะไรอย่างนั้นเหรอ...? ...นี่คือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงทำเกินกว่าเหตุเมื่อเธอต้องจัดการกับปัญหา! ...ดูเอาเถอะ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าชื่อเสียงและความร่ำรวยก็เป็นเพียงภาพลวงตา ที่สร้างความสุขให้กับผู้คนเท่านั้น... ไม่ว่าเธอจะได้รับมากมายเท่าไร เธอจะไม่มีวันมีความสุขที่แท้จริง หากไม่รู้ว่าความรักคืออะไร! สุดท้ายแล้ว ด้วยหัวใจอันว่างเปล่า เธอจะรักษาสิ่งที่เธอรักเอาไว้ไม่ได้... และเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปจนกระทั่งวันตาย นอกจากเธอจะทำความเข้าใจกับมัน!” แจสมินอธิบายถึงเธอจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นใคร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เธอก็มีจุดอ่อนดูเหมือนว่าเธอได้รับความเจ็บปวดจากความรักมาอย่างแสนนสาหัสควีนน่าเองก็อดไม่ได้ที่จะมองแจสมินด้วยความแปลกใจ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ในตอนแรกควีนน่าคิดจะฆ่าแจสมิน หลังจากได้สร้างความหวาดกลัวอย่างมหันต์ให้กับหญิงสาว จนแสดงสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดออกมา แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้พ่ายแพ้ให้กับแจสมินเสียแล้วถึงอย่างไรก็ตาม หญิงสาวก็ไม่ได้สนใ