เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ จึงทำให้ซาเวียรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาก็ยังคงค่อนข้างคลุมเครือ ถึงอย่างนั้น เธอก็รู้ถึงข้อเท็จจริงว่าแม้เธอจะเกลียดเขา แต่เธอก็ยังคงรักเขายิ่งกว่าเดิมอีก “โปรด…ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถอะนะ…!” หญิงสาวที่เศร้าโศกคนนั้นร้องไห้ ขณะที่เธอทรุดตัวลงกับพื้นเพื่อนั่งข้างเจอรัลด์ ครั้งหนึ่งคน ๆ นี้เคยมอบสิ่งที่สวยงามมากที่สุดในโลกให้เธอ…เขามอบความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวให้กับเธอ ความรักที่หมายถึงว่าเขาไม่รังเกียจที่จะสูญเสียทุกอย่างไปเพียงเพื่อเธอ และซาเวียก็ตระหนักถึงสิ่งนั้นเป็นอย่างดีตลอดเวลามานี้ “เจอรัลด์…ฉันรู้ว่านายเกลียดฉัน…ถึงอย่างไร ในบรรดาทุกคน ฉันก็รังแกนายเหมือนคนอื่น ๆ ในท้ายที่สุดอยู่ดีในตอนนั้น…ฉัน…ฉันแค่ทนไม่ไหวแล้วในตอนนั้น…ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่ฉันต้องถูกดูหมิ่นและดูถูกต่อไป…นายรู้ไหม แม้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันก็มักจะเป็นการที่ถูกคนอื่นดูถูกฉันอยู่เสมอ! ฉัน…ฉันแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉาและรักฉัน…! แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าฉันจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหน ฉันก็ตระ
“นายน้อยสอง วันนี้ผมไม่รู้ว่าสุนัขของคุณเป็นอะไร! พวกมันไม่กินอะไรเลย! อย่างกับว่านั่นยังไม่แปลกพอนะครับ พวกมันยังเอาแต่กัดโซ่ของพวกมันด้วยสีหน้าตื่นตระหนกบนใบหน้าของพวกมันอีกด้วย! พวกมันอาจพบบางอย่างตอนที่พวกเราพามันเข้าไปในภูเขาสามวันก่อนหรือเปล่าครับ?” พ่อบ้านกล่าวกับยูวาน ขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงเพลิดเพลินกับมื้ออาหารเที่ยงกันอยู่ “พบบางอย่างงั้นเหรอ? ไม่มีอะไรหรอก พวกมันอาจป่วยอยู่ก็ได้ ดังนั้นก็โทรเรียกสัตวแพทย์มาตรวจดูพวกมันแล้วกัน!” ยูวานยิ้มเยาะ ทันทีที่ประโยคของเขาสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามคนรับใช้คนหนึ่งก็เดินโซเซเข้ามาก่อนจะพูดขึ้น “น นายน้อยสอง! มีข่าวร้ายครับ! สุนัขสองตัวของคุณเพิ่งตาย! ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น! ชั่วขณะหนึ่งพวกมันก็เริ่มทำตัวบ้า ๆ บ้า ๆ ขึ้นมาฉับพลัน และถัดจากนั้น พวกมันทั้งคู่ก็น้ำลายฟูมปากไปแล้ว!” เนื่องจากคนรับใช้รู้ดีว่านายน้อยสองชอบเลี้ยงสุนัขมากแค่ไหน เขาจึงมาบอกยูวานเกี่ยวกับการค้นพบนี้ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น “ว่าไงนะ?! พาฉันไปหาพวกมัน!” ยูวานตอบกลับ ขณะที่สมาชิกของตระกูลโมลเดลคนอื่นทั้งหมดตามเขาไปยังสวนหลังบ้าน สวนหลังบ้านเอ
“แกจะทำบ้าอะไร ห๊ะ?! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” ก่อนที่ซาเวียจะทันได้ตะโกนได้ต่อไป ควินเลนก็ปิดปากของเธอด้วยผ้าขนหนูสีขาว! แม้เธอจะ บิดตัวอย่างแรงเพื่อจะหนีจากการจับของเขา แต่ซาเวียก็รู้สึกว่าการมองเห็นของเธอเริ่มพล่ามัวแล้ว ไม่นาน เธอก็ไม่ได้ดิ้นรนอีกต่อไป ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเจอรัลด์ก็กระตุกขึ้นมาฉับพลันในสภาวะการหลับลึกของเขา เขายังคงอยู่ภายในคุกใต้ดิน และก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ทันทีที่เขาทำแบบนั้น สายตาของเขาก็เปล่งประกายสีเขียวเรืองแสงชั่วครู่สั้น ๆ ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติในไม่กี่วินาทีต่อมา ด้วยความประหลาดใจ พูดได้แค่นั้น เจอรัลด์รู้ว่าตอนนี้เขาสามารถเห็นรายละเอียดที่เล็กที่สุดภายในคุกใต้ดินได้อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันแทบจะดำมืดสนิทในนั้น ความสามารถในการได้ยินที่ดีขึ้นอย่างมากของเขาก็น่าประหลาดใจอย่างยินดีเช่นกัน ตราบใดเขาต้องการ เขาก็จะได้ยินสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนแล้วตอนนี้ แม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม! เมื่อลุกขึ้นนั่ง เจอรัลด์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะกระโดดอยู่กับที่เพื่อให้กล้ามเนื้อของเขาได้ขยับบ้าง เมื่อมองไปที่ผิวหนังของเขา เขาก็ตระหนักได้ว่ามีรอยคราบสีดำกำลังไหล
“ข ขอร้อง! ไว้ชีวิตฉันด้วย! อย่าฆ่าฉัน!” “…ไว้ชีวิตงั้นเหรอ? นายเป็นโมลเดลใช่ไหม? และโมลเดลทั้งหมดก็สมควรที่จะตาย!” เจอรัลด์คำรามใส่ ขณะที่เขากำมือแน่น จนกระทั่งได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวที่คุ้นเคยดังขึ้นมา ขณะที่เจอรัลด์ทิ้งร่างไร้ชีวิตของควินเลนลงกับพื้น ซาเวียก็ลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรงอยู่บนเตียงก่อนจะถามขึ้นมา “จ เจอรัลด์…นาย…นายสบายดีใช่ไหม?!” “ใช่ แน่นอนสิ!” เจอรัลด์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า “ก่อนอะไรอื่น ฉันจะจำเป็นต้องยืมห้องของเธอ เพื่ออาบน้ำโดยเร็วก่อน!” เป็นบางเวลาต่อมาเมื่อสมาชิกทั้งหมดของตระกูลโมลเดลได้มารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ของพวกเขา “ไร้ค่า! พวกแกทุกคน! พวกแกดูแลสุนัขแค่ไม่กี่ตัวให้ดี ๆ ไม่ได้หรือไง?!” ยูวานที่อารมณ์ไม่ดีไปแล้วในตอนนี้แผดเสียงใส่ ยูวานได้ใช้เวลาและความพยายามส่วนใหญ่เพื่อฝึกฝนสุนัขแต่ละตัวของเขา ดังนั้นพวกมันทั้งหมดต่างก็สำคัญต่อเขาพอ ๆ กัน ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในตระกูลจึงเข้าใจได้ว่าความโกรธอันยิ่งใหญ่ของเขาเกิดจากอะไร แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนว่าพวกเขาสามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อยู่ดี “ไสหัวไปซะ! ทุกคนนั่นแหละ!” ยูวานหน้
“…ฮะ?” โดยรู้สึกสะดุ้งตกใจกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน ทุกคนจึงหันมองไปมองลานบ้านในทันที ในความมืดมิด เงาจาง ๆ ของร่างสองร่างสามารถเห็นได้ว่ากำลังเข้ามาใกล้บ้านของพวกเขา หนึ่งในพวกเขาคือผู้ชายคนหนึ่ง ในขณะที่อีกหนึ่ง ซึ่งติดตามอยู่ด้านหลังเงาของชายผู้นั้นอย่างใกล้ชิด ดูเหมือนว่าจะลูกสุนัขตัวหนึ่งที่มีดวงตาสีเขียวที่ค่อนข้างแวววาว เมื่อแสงจันทร์ส่องกระทบทั้งสอง ทุกคนจึงลงเอยด้วยการสูดหายใจเข้าลึก เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่านั่นเป็นใคร “จ เจอรัลด์ คลอฟอร์ด?!” “เขาออกไปจากที่นั่นได้ยังไงกัน? เขาไม่ได้อยู่ในอาการโคม่าหรอกเหรอ?!” หนึ่งในโมลเดลกล่าว “ใครจะไปสนล่ะ? ถ้าจะพูดให้ถูก มันไม่ดีเลิศหรอกเหรอที่พวกเรารู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน? พวกเราไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาเขาแล้วตอนนี้!” สมาชิกอีกคนของตระกูลโมลเดลกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะที่ทุกคนยังคงถกสถานการณ์กันต่อไป ประตูของทางเข้าก็เปิดออกดังเอี๊ยด เจอรัลด์เดินเข้ามาอย่างสบาย ๆ จากนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “เอาล่ะ ฉันคิดว่าทุกคนจากตระกูลโมลเดลอยู่ที่นี่กันแล้วนะ ใช่ไหม?” แม้เขากำลังยิ้มอยู่ แต่ทุกคนที่เห็นเขาก็รู้สึกเสียวส
“ทุกคน! โจมตีพร้อมกันเลย!” ยาชสั่งเสียงดัง ด้วยการที่ตอนนี้โมลเดลมากมายโกรธจัดกันอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงทำตามคำสั่งของยาช โดยวิ่งไปข้างหน้ากันเพื่อจะล้อมโจมตีเจอรัลด์! ความจริงก็คือว่าคนมีฝีมือที่ปรากฏตัวอยู่ในเวลานี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่แท้จริงภายในตระกูลโมลเดล พวกเขาเพียงเชี่ยวชาญทางทักษะและความสามารถในการต่อสู้มากกว่าโมลเดลทั่วไปเท่านั้น เป็นผลให้เห็นได้ชัดว่าไม่มีพวกเขาคนไหนใกล้เคียงที่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของเจอรัลด์ได้เลย เจอรัลด์เองตอนนี้ก็กำลังโจมตี และฆ่าทุกคนที่เขาเห็นได้อย่างง่ายดายราวกับว่าเขาเพียงกำลังหั่นผักอยู่ ใครก็ตามที่ขวางทางเขาก็จะพบกับความตายที่รุนแรงในทันที “ข เขาแข็งแกร่งมาก…เขาแข็งแกร่งมากเกินไป!” ยาชตะโกนขณะที่เขากลืนน้ำลายอย่างแรง การมีคนมากมายไม่ได้มีความอะไรถ้าพวกเขาไม่สามารถทำร้ายเจอรัลด์ได้เลยด้วยซ้ำ! เขาฉวยโอกาสของความวุ่นวาย ยาชรีบเข้าไปหายูวาน ที่ยังคงนอนอยู่จุดเดิมที่เขาตกลงมา ก่อนจะถามอย่างกระวนกระวานใจ “น นายน้อยสอง! คุณรู้สึกยังไงบ้าง?!” “พ พวกมันถูกตัดขาด…เส้นลมปราณทั้งหมดของฉันถูกตัดขาดแล้ว!” ยูวานตะคอกออกมา ขณะที่เขา
เมื่อช่วยเหลือซาเวียหลังจากการตื่นจากอาการโคม่าระยะสั้นของเขา เจอรัลด์จึงสั่งให้เวลสันและคนของเขารีบเร่งมาที่นี่ในทันที เจอรัลด์ยังบอกเขาให้ใช้เทคนิคสกานเน็ตของพระราชวังจิตวิญญาณเช่นกัน ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดสำหรับพวกเขาในการดักจับโมลเดลทั้งหมดไว้ภายในบ้านของเขาเมื่อเริ่มเกิดไฟไหม้ เจอรัลด์จะไม่เสี่ยงโอกาสใด ๆ ที่จะให้พวกเขาคนไหนได้ออกไปโดยมีชีวิตอยู่ “แม้มีคนไม่กี่คนจากการหนีรอดไปจากพวกเราได้ แต่พวกเราก็สามารถคาดคะเนตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขาทั้งหมดได้นะครับ นายน้อย” เวลสันรายงาน “เยี่ยมมาก อย่าลืมตามล่าพวกเขาทุกคนไม่ยกเว้นใคร ผมต้องการให้พวกเขาประสบกับความรู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริงว่าเป็นยังไง…” เจอรัลด์ตอบกลับ ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดสด ๆ ขณะที่เขาหันกลับไปมองคฤหาสน์ที่กำลังถูกเผาไหม้ เมื่อเฝ้ามองเปลวเพลิง เจอรัลด์ก็อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากของเขาเป็นการยิ้มเยาะที่มุ่งร้าย เป็นตอนนั้นเองเมื่อหัวใจของเวลสันเต้นสั่น ‘… เนื่องจากนายน้อยดื่มเลือดศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ตอนนี้เขาก็น่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้อย่างสบาย…แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับนายน
ซาเวียยังคงเงียบต่อไปขณะที่เธอก้มหน้าลง ไม่กล้าแม้แต่จะพูดสักคำเลยด้วยซ้ำ “แม้ผมยอมรับว่าโมลเดลล้ำเส้นมาได้สักพักแล้วในตอนนี้อย่างแน่นอน แต่มีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องแก้แค้นขนาดนี้เลยหรือไม่ คุณคลอฟอร์ด? คุณต้องทรมานและทำให้พวกเราขายหน้าแบบนี้จริง ๆ หรือ? คุณทำกับพวกเรามามากพอแล้ว ดังนั้นได้โปรดปล่อยพวกเราไปได้แล้ว…” ยาชเจราจาต่อรอง ขณะที่เขาลุกขึ้นยืน อย่างไรก็ดี เจอรัลด์ไม่ได้ตอบกลับ โดยเลือกที่จะเล่นกาน้ำชาฆ่าเวลาแทน “พอแค่นี้แหละ! ฉันจะฆ่าแกซะถ้ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ!” หนึ่งในคนของโมลเดลตะโกนขึ้น ขณะที่เขาพุ่งเข้าหาเจอรัลด์ โดยไม่เต็มใจที่จะเผชิญกับความทุกข์ทรมานทางจิตใจไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ดี ผู้ชายคนนั้นได้รับการจัดการในทันทีโดยลูกน้องคนหนึ่งของเจอรัลด์ เมื่อได้รับคำสั่งของเวลสัน “รู้ไหม จากสิ่งที่ผมรู้มา คอร์ดเพิ่งมาถึงในจังหวัดโลแกน…ผมมั่นใจว่ามันจะไม่นานหรอกก่อนที่เขาจะรีบเร่งมาที่นี่…” เจอรัลด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งยูวานและยาชจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย ภายหลังเวลาอันนานในที่สุด เมื่อช่วงแห่งความหวังที่พวกเขารอคอยก็มาถึงในท้
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ