ระหว่างมื้อดึกพูนก็ได้เล่าเรื่องที่สน.ให้น้องแผนฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าเขาเจรจากับแม่เจ้าตัวรวมถึงสัญญาซึ่งจะไม่มารบกวนชีวิตอีก ทว่าเขาไม่กล้าพูดจะถึงวิธีการเจรจา รวมไปถึงไอ้เงินเก้าพันที่มอบให้ไปด้วยเช่นกัน เพราะหากบอกแล้วคนอย่างน้องแผนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาคืนให้จงได้เป็นแน่
“พวกผมขออาศัยอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเพียงจะสอบได้ไหม เดี๋ยวพวกผมจะช่วยเรื่องทำความสะอาดบ้านเอง”
“ได้อยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องงานบ้านเราดูแลแค่ในส่วนของตัวเองก็พอ”
พูนกล่าวพลางตักชิ้นเนื้อในต้มข่าให้เจ้าน้องที่มักคิดเล็กคิดน้อยอยู่เสมอ นี่แค่เรื่องมาอยู่บ้านนะ ถ้าเขาบอกเรื่องแม่ไปจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะขอรับผิดชอบด้วยวิธีการใด
“ถ้าระหว่าง ๓ เดือนนี้ไม่สะดวกอย่างไร บอกได้เลยนะพี่”
ถ้าตัวเขาคนเดียวน่ะ ในตอนนี้คงสามารถอยู่บ้านได้แล้ว ติดก็แต่เขาเป็นห่วงเพียงที่ยังขวัญเสียกับหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไหนจะต้องการความเงียบสงบเวลาอ่านหนังสือหลังจากการเรียนกับพี่วิภาหากมองในภาพรวมโดยไม่เกรงใจกัน ที่นี่ก็เป็นบ้านที่กว้างขวางและเงียบสงบมากเลยทีเดียว
“ไม่ต้องกังวล
ดูเหมือนว่าไอ้เพิ่มมันจะไม่ได้มาร้าย ซ้ำยังมาขอโทษเรื่องของแม่ที่ทำให้เขาต้องหัวหมุนมาพักใหญ่ มันเองใจจริงไม่ได้อยากขอเงินจากคนอื่นนักหรอก เพียงแต่หลงผิดไปชั่วขณะเพราะอย่างไรผู้นำก็คือแม่แท้ ๆ“ฉันขอโทษจริง ๆไม่น่าทำไปแบบนั้นเลย”“เอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว ไม่ต้องขอโทษขนาดนั้นก็ได้”แฝดน้องกล่าวอย่างใจเย็น เขาเองทีแรกก็โกรธอยู่หรอกแต่พอเห็นท่าทีรู้สึกผิดแบบนี้ติดกันมาหลักชั่วโมงก็เริ่มใจอ่อนเสียแล้ว การที่แม่กลับมาในรูปแบบของการคุกคามรีดไถแบบนี้มันให้อภัยได้ลำบากสำหรับตัวเขาก็จริง แต่ในเมื่อเพิ่มมันสัญญาบอกจะพาแม่ไปอยู่ที่ไกล ๆ แล้วเขาก็วางใจ“แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”แผนเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถามกลับบ้างขณะยื่นโหลแก้วให้แฝดพี่ย้ายลงกล่อง ได้ยินว่าพ่อเลี้ยงรวยมาก ท่าจะอยู่สุขสบายในบ้านหลังโต มีคนรับใช้นับสิบนับร้อยเหมือนในละครเป็นวิทยุทำนองนี้กระมัง“ฮ่า ๆ กดดันกว่าที่คิดเยอะเลย เขารวยน่ะใช่ แต่นิสัยฉันแต่เดิมมันไม่ได้เป็นอย่างพวกคนเหล่านั้นน่ะสิ”แผนได้ฟังฝาแฝดตัวเองเล่าเรื่องก็พยักหน้าหงึก ๆ พลางทำความเข้าใจ เพรา
ในการย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพี่พูนนั้นไร้ซึ่งปัญหากวนใจ เพราะการอาศัยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาความติดขัดเพียงอย่างเดียวคือการแย่งกันใช้ห้องน้ำเวลาพวกเขากลับบ้านมาพร้อมกันในช่วงหัวค่ำ มันไม่เชิงว่าแย่งแต่พวกเขาสองคนมักเดินนุ่งผ้าขาวม้าลงมาในเวลาไล่เลี่ยกันมากกว่า รวมไปถึงตอนเช้าแบบนี้ทุกคนต่างต้องทำเวลา ดีหน่อยที่คุณน้าทั้งสองต้องลงไปตระเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่ตีสี่ และเพียงก็ไม่ได้เคร่งเรื่องเวลาเท่าคนวัยทำงาน พวกเขาจึงวนผลัดใช้ห้องน้ำกันสองคนและเช้านี้ก็เป็นเขาที่ได้ใช้ห้องน้ำก่อนพี่พูน ก่อนที่จะขึ้นมาสวมเครื่องแบบติดกิ๊บเหน็บไรผมหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งประจำห้อง ทว่ามันเป็นขณะเดียวกันกับเพียงซึ่งนุ่งกระโจมอกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ชายอย่างเขาจึงพยายามหลบเข้ามุมเพราะเกรงใจน้องสาวแผนคิดเรื่องนี้มาสักพักตั้งแต่เห็นแผนผังของบ้านว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองรู้สึกลำบากใจเวลาน้องสาวเข้ามาแต่งตัว เพราะเธอก็ดูจะอาย ๆ ตามประสาหญิงสาววัยสะพรั่ง รวมไปถึงพี่ชายคนนี้เองก็อึดอัดใจเช่นกัน สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงจะมีเพียงการรีบแต่งตัวและลงไปทานมื้อเช้าให้ได้ไวที่สุดว่าแล
1. นิยายเรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาปีพ.ศ.2485 ทุกตัวละคร และ'บาง'สถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือเรื่องราวซึ่งเป็นเพียงจินตนาการ3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจคู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน)4. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึง สิ่งเสพติด/อบายมุข, การพนัน, ความรุนแรง, การข่มขู่, คำหยาบคาย, นายเอกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นนอกเหนือไปจากพระเอก, ฉากล่อแหลมทางเพศ และฉากโจ่งแจ้งทางเพศ (Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Clothed sex, Cum drinking, Hand job, Semi-Outdoor, Vanilla)โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เขาเป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางสภาวะสงคราม แม้ผ่านมาเพียงสองปีมันจะจบลงทว่ามันไม่แปลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูขึ้นมาในชั่วพริบตา เพราะมันเป็นช่วงเวลาอันไกลพ้นและสั้นกุด เขาจึงไม่สามารถจำหน้าพ่อแม่แท้ ๆ ของตัวเองได้ ญาติหลายต่อหลายคนที่มาร่วมงานศพขนาดย่อมในวัดเล็ก ๆ กลางพระนครต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพ่อแม่ซึ่งป่วยออด ๆ แอด ๆ ของเขาตั้งใจเลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียวมากแค่ไหน สิ่งที่พวกท่านหลงเหลืออยู่คงจะเป็นเลือดที่ไหลเวียนอยู่และชื่อสกุลพูนไม่อาจจำได้ว่าตัวเองเมื่อครั้งอายุสิบขวบรู้สึกเศร้าโศกขนาดไหน บางทีอาจจะไม่สมควรเป็นวัยที่รู้จักความเศร้าจากความสูญเสียด้วยซ้ำไป งานวันนั้นเขาถูกจับแต่งตัวจากคุณย่าที่ยังไม่คุ้นหน้า และถูกจูงมางานเมื่อถึงเวลา ร่วมงานสีดำตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ในหัวมันรู้สึกว่างเปล่าพิกล รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย‘น่าสงสาร เด็กตัวแค่นี้เอง’‘แล้วใครจะรับไปเลี้ยงต่อล่ะ’‘วัยกำลังโตเสียด้วย’พูนในวัยเด็กพร้อมชุดเสื้อสีดำนั่งแกว่งขามองพื้นศาลาขณะรอกลับในช่วงค่ำหลังจากร้องไห้จนไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่ เขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าต
“พ่อ ฉันวางจานเอาไว้ตรงนี้นะจ๊ะ”พูนในวัยสิบห้าย่างสิบหกหยิบยกตะแกรงซึ่งเต็มไปด้วยจานที่ล้างเสร็จหมาด ๆ มาวางไว้บนโต๊ะหินหน้าบ้าน จนถึงตอนนี้ผ่านมาหลักปีเขาก็ยังนึกถึงน้องชายคนนั้นอยู่ตลอด ด้วยว่ายกให้เป็นเพื่อนสนิทคนแรกหลังต้องย้ายมาจากพระนครเด็กหนุ่มยืนจัดเรียงจานให้เข้าที่ แม้เป็นเวลาเพียงสามปีส่วนสูงกลับเพิ่มขึ้นจนจะเท่าคนเป็นพ่ออยู่แล้วเชียว กิจการช่วงนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายเช่นเคย รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องคอยปรามพ่อไม่ให้เอาเขียงทุบหัวลูกค้า“เฮ้อ...”พูนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย หากน้องเจ้ายังอยู่ละก็เขาคงมีที่ระบายเพิ่มขึ้น เพราะตั้งแต่วางแผนว่าจะสอบเข้าโรงเรียนตำรวจ ชีวิตเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะเมืองพิษณุโลกไม่มีโรงเรียนตำรวจ มีเพียงสถานีไม้เล็ก ๆ ให้ชาวบ้านไปไกล่เกลี่ยกับตำรวจไม่กี่นาย หากจะเรียนก็ต้องเตรียมตัวสอบข้อเขียนประกอบกับวัดสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะหนักแค่ไหน หรือเขาต้องรู้อะไรก่อนไปสอบบ้าง“ป๊าจ๊ะ ฉันออกไปวิ่งก่อนนะจ๊ะ”“ช่วงนี้มืดเร็ว กลับมาก่อนค่ำนะจ๊ะ”“จ้า”
“ก็บอกว่าผมไม่ใช่คนที่คุณพูดถึงไงครับ”“ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรหรอก~” ท่ามกลางแสงรำไรจากโคมไฟสีนวลเหนือโต๊ะสูงมีลูกค้าท่านหนึ่งซึ่งเหมือนจะพึ่งเข้ามาร้านนี้เป็นครั้งแรกกำลังนั่งเมามายไม่ได้สติ เอาหน้าไถไปกับโต๊ะไม้คล้ายจะหลอมรวมเป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวกันผู้จัดการร้านควบตำแหน่งมือชงซึ่งเช็ดแก้วอยู่ฝั่งตรงข้ามมองพ่อหนุ่มเสียงเหน่ออย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นไปมองเจ้าแผนซึ่งกำลังวกกลับมาเติมเครื่องดื่มให้ลูกค้า“อย่าลามปามครับ กินของคุณไปเลย”“พูดอย่างนี้พี่น้อยใจนะ~”พูนซึ่งขอสถานที่ดื่มมาจากพ่อเทียบว่าจะมาเดินเล่นเอาสนุกจนมาลงเอยที่ร้านนี้ ไม่น่าเชื่อว่าดื่มไปแค่ไม่กี่แก้วมันจะทำให้เขาที่มั่นใจในลำคอตัวเองเมามายได้ถึงขนาดนี้ภาพตรงหน้าคล้ายจะพร่ามัว ถึงไม่อาจมองอะไรชัดเจนแต่ทุกอย่างเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา กลิ่นหอมฟุ้งกำจายมากยิ่งกว่าเก่า พอมีเสียงเพลงเอื่อย ๆ จากแผ่นเสียงเข้ามาประกอบยิ่งชวนให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับรสสุรานายตำรวจในชุดไปรเวทเหมือนเมื่อเช้
“ฮะ! ฉันเหรอ!?”พูนซึ่งนั่งฟังวาระการประชุมแผนจับโจรอยู่ถึงกับลั่นขึ้นมาด้วยสำเนียงเสียงเหน่อ พร้อมกวาดสายตามองไปยังเหล่าเพื่อนร่วมงานชาวพระนครที่ต่างเห็นพ้องต้องกันให้เขาที่เป็นน้องใหม่เป็นคนแฝงตัวเข้าไปหนึ่งในชุมโจรเจ้าของคดีที่สน.เขาได้รับมาทำต่อย้อนกลับไปอีกสักนิดก่อนจะเกิดมตินี้ขึ้น สน.พระนครแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ารวมตัวคนมีฝีมือโดยเฉพาะท่านผู้กำกับการ พันตำรวจเอกไกรวิชญ์ ก้องภัชรกุลซึ่งตอนนี้ถือเป็นเพื่อนซี้หนึ่งเดียวของไอ้พูน ที่ทำคุณูปการเอาไว้มากมายเกินกว่าตำรวจบ้านนอกอย่างเขาจะทราบได้ทั้งหมด จึงไม่แปลกเลยที่สน.นี้จะได้แต่งานยาก ๆ มาทำรวมถึงงานนี้ที่ต้องจับสามโจรพันธุ์เสือที่ล่อจะขโมยของชาวบ้านลูกเดียว!ซึ่งวิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการส่งคนแฝงตัวเข้าไปในกองโจรสักกลุ่มเพื่อไล่ตามเบาะแสความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มที่เหลือจะได้รวบรัดจับกุมในทีเดียว แต่ด้วยความที่ทุกคนในสน.ต่างถูกเห็นหน้ากันมาหมดแล้ว ส่วนไอ้ไกรนี่ไม่ต้องพูดถึง ก็จะมีแต่ตำรวจบ้านนอกคอกนาอย่างเขาที่เหมาะสม‘ไกร...ฉันไม่ทำได้ไหม’พูนกระเถิบเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูหัว
“เพียง ไปอ่านที่สถานีพี่ก็ได้ พี่ด้วงเขาอยู่วันนี้”“นั่นมันที่ทำงานพี่นี่จ๊ะ แล้วสถานีมันไม่ได้เงียบอยู่ตลอดด้วย”เด็กสาวกล่าวเสียงเนิบ นอกจากที่สถานีรถไฟจะมีผู้คนพลุกพล่านแล้ว จะให้ไปรบกวนพื้นที่ห้องประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ไม่กี่ตารางเมตรแล้วเธอขอไปนั่งอ่านตรงลานกว้างดีกว่า ถึงจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือได้ยินเสียงคนทะเลาะ เสียงเด็กวิ่งพล่านมาบ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าอยู่ในบ้านที่ไม่รู้ว่าบิดาจะตื่นมาอาละวาดเมื่อไหร่“แล้วเราไม่ร้อนเหรอ?”“ช่วงนี้หน้าฝนนี่จ๊ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”“พี่ว่าจะเก็บเงินเช่าห้องให้เราไปอยู่”“มันแพงนะจ๊ะ แล้วครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสอบติดรึเปล่าอีก”แผนได้ฟังสิ่งที่น้องสาวพูดก็ปวดใจ เพียงเรียนจนจบม.๖ ไม่คิดจะต่อม.๗ เพราะเห็นว่าอายุถึงเกณฑ์การรับสมัครสอบพยาบาล ทว่าการสอบครั้งแรกที่ผ่านมาของน้องสาวนั้นไม่ประสบผลสำเร็จแม้จะตั้งใจอ่านหนังสือจนกระดาษเปื่อยยุ่ยก็ตามที“ถ้าอย่างนั้นพี่จะพยายามหาครูมาสอนตัวต่อตัว”“นั่นแพงกว่าอีกนะจ๊ะ”“มันคุ้มค่าหรอก”วันนี้เป็นเช้าวันพุธซึ่งเขามีนัด
ในการย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพี่พูนนั้นไร้ซึ่งปัญหากวนใจ เพราะการอาศัยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาความติดขัดเพียงอย่างเดียวคือการแย่งกันใช้ห้องน้ำเวลาพวกเขากลับบ้านมาพร้อมกันในช่วงหัวค่ำ มันไม่เชิงว่าแย่งแต่พวกเขาสองคนมักเดินนุ่งผ้าขาวม้าลงมาในเวลาไล่เลี่ยกันมากกว่า รวมไปถึงตอนเช้าแบบนี้ทุกคนต่างต้องทำเวลา ดีหน่อยที่คุณน้าทั้งสองต้องลงไปตระเตรียมวัตถุดิบตั้งแต่ตีสี่ และเพียงก็ไม่ได้เคร่งเรื่องเวลาเท่าคนวัยทำงาน พวกเขาจึงวนผลัดใช้ห้องน้ำกันสองคนและเช้านี้ก็เป็นเขาที่ได้ใช้ห้องน้ำก่อนพี่พูน ก่อนที่จะขึ้นมาสวมเครื่องแบบติดกิ๊บเหน็บไรผมหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งประจำห้อง ทว่ามันเป็นขณะเดียวกันกับเพียงซึ่งนุ่งกระโจมอกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ชายอย่างเขาจึงพยายามหลบเข้ามุมเพราะเกรงใจน้องสาวแผนคิดเรื่องนี้มาสักพักตั้งแต่เห็นแผนผังของบ้านว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองรู้สึกลำบากใจเวลาน้องสาวเข้ามาแต่งตัว เพราะเธอก็ดูจะอาย ๆ ตามประสาหญิงสาววัยสะพรั่ง รวมไปถึงพี่ชายคนนี้เองก็อึดอัดใจเช่นกัน สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คงจะมีเพียงการรีบแต่งตัวและลงไปทานมื้อเช้าให้ได้ไวที่สุดว่าแล
ดูเหมือนว่าไอ้เพิ่มมันจะไม่ได้มาร้าย ซ้ำยังมาขอโทษเรื่องของแม่ที่ทำให้เขาต้องหัวหมุนมาพักใหญ่ มันเองใจจริงไม่ได้อยากขอเงินจากคนอื่นนักหรอก เพียงแต่หลงผิดไปชั่วขณะเพราะอย่างไรผู้นำก็คือแม่แท้ ๆ“ฉันขอโทษจริง ๆไม่น่าทำไปแบบนั้นเลย”“เอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว ไม่ต้องขอโทษขนาดนั้นก็ได้”แฝดน้องกล่าวอย่างใจเย็น เขาเองทีแรกก็โกรธอยู่หรอกแต่พอเห็นท่าทีรู้สึกผิดแบบนี้ติดกันมาหลักชั่วโมงก็เริ่มใจอ่อนเสียแล้ว การที่แม่กลับมาในรูปแบบของการคุกคามรีดไถแบบนี้มันให้อภัยได้ลำบากสำหรับตัวเขาก็จริง แต่ในเมื่อเพิ่มมันสัญญาบอกจะพาแม่ไปอยู่ที่ไกล ๆ แล้วเขาก็วางใจ“แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”แผนเป็นฝ่ายเปิดประเด็นถามกลับบ้างขณะยื่นโหลแก้วให้แฝดพี่ย้ายลงกล่อง ได้ยินว่าพ่อเลี้ยงรวยมาก ท่าจะอยู่สุขสบายในบ้านหลังโต มีคนรับใช้นับสิบนับร้อยเหมือนในละครเป็นวิทยุทำนองนี้กระมัง“ฮ่า ๆ กดดันกว่าที่คิดเยอะเลย เขารวยน่ะใช่ แต่นิสัยฉันแต่เดิมมันไม่ได้เป็นอย่างพวกคนเหล่านั้นน่ะสิ”แผนได้ฟังฝาแฝดตัวเองเล่าเรื่องก็พยักหน้าหงึก ๆ พลางทำความเข้าใจ เพรา
ระหว่างมื้อดึกพูนก็ได้เล่าเรื่องที่สน.ให้น้องแผนฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าเขาเจรจากับแม่เจ้าตัวรวมถึงสัญญาซึ่งจะไม่มารบกวนชีวิตอีก ทว่าเขาไม่กล้าพูดจะถึงวิธีการเจรจา รวมไปถึงไอ้เงินเก้าพันที่มอบให้ไปด้วยเช่นกัน เพราะหากบอกแล้วคนอย่างน้องแผนต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาคืนให้จงได้เป็นแน่“พวกผมขออาศัยอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเพียงจะสอบได้ไหม เดี๋ยวพวกผมจะช่วยเรื่องทำความสะอาดบ้านเอง”“ได้อยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องงานบ้านเราดูแลแค่ในส่วนของตัวเองก็พอ”พูนกล่าวพลางตักชิ้นเนื้อในต้มข่าให้เจ้าน้องที่มักคิดเล็กคิดน้อยอยู่เสมอ นี่แค่เรื่องมาอยู่บ้านนะ ถ้าเขาบอกเรื่องแม่ไปจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะขอรับผิดชอบด้วยวิธีการใด“ถ้าระหว่าง ๓ เดือนนี้ไม่สะดวกอย่างไร บอกได้เลยนะพี่”ถ้าตัวเขาคนเดียวน่ะ ในตอนนี้คงสามารถอยู่บ้านได้แล้ว ติดก็แต่เขาเป็นห่วงเพียงที่ยังขวัญเสียกับหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไหนจะต้องการความเงียบสงบเวลาอ่านหนังสือหลังจากการเรียนกับพี่วิภาหากมองในภาพรวมโดยไม่เกรงใจกัน ที่นี่ก็เป็นบ้านที่กว้างขวางและเงียบสงบมากเลยทีเดียว“ไม่ต้องกังวล
ก่อนวันที่จะเกิดเรื่องขโมยต่างหูในโรงพักหลักสัปดาห์ จู่ ๆ ทนายรัญชน์ก็เดินเข้ามาในสน.โดยมีเป้าหมายคือการสนทนากับเขา พูนจึงจัดแจงทำโต๊ะให้โล่งเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงการฝากคนไปรินน้ำมาให้คุณทนาย เพราะแค่รู้ว่าหัวข้อเรื่องเป็นมารดาของน้องแผน เขาจึงคิดว่ามันคงใช้เวลานานเป็นแน่“แปลกนะครับที่คุณเอาเรื่องนี้มาบอกผม”รองผู้กำกับการกล่าวขึ้นด้วยแววตาประหลาดใจ ไม่คิดว่าทนายรัญชน์ที่น่าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขากลับเดินทางมาสน.พระนครเพื่อเล่าเรื่องระหว่างตัวเองและแม่น้องแผนให้ฟัง ทั้งที่จะตอบรับมันไปเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบก็ได้แท้ ๆ“ถึงข้อเสนอจะดูดี แต่ผมไม่ชอบทำงานกับคนโง่น่ะครับ”พูนฟังคุณทนายกล่าวพร้อมรอยยิ้มตามวิสัย เรื่องที่เจ้าตัวเล่ามามันเป็นเบื้องหลังที่หากเขาไม่รู้แล้วละก็มันอาจส่งผลกระทบต่อสองพี่น้อง หรือไม่เขาอาจจะมีอคติกับน้องแผนตามแผนการชั่วของสองแม่ลูกนั่นก็เป็นได้การบอกว่าจะดึงตัวเขาไปเป็นพวกโดยใช้รักแรกมันดูเป็นแผนที่สมเหตุสมผล เว้นเสียแต่ว่ารักแรกคนนั้นดันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปแล้วนี่สิ น่าเสียดายแทนจริง ๆ“ผ
“คะ...ค่ะ ดิฉันจะลองหาวิธีอื่น...”“หวังว่าหลังจากผ่านวิธีนี้ไป ผมจะได้ในสิ่งที่เราตกลงกันไว้นะครับ คุณแม่”คำแพงได้แต่กัดฟันก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของชายอายุคราวลูกอย่างจำใจ ได้แต่คิดว่าป่านนี้ไอ้ลูกชายคนโตของเธอดึกดื่นป่านนี้มันไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้านมารายงานสถานการณ์ตามที่ตกลงกันไว้ เพราะถ้าไม่สำเร็จเราสองคนมีหวังได้อดตายกันแน่“ว่าแต่คุณแม่บอกว่าจะทำให้สองคนนั้นแตกคอกันใช่ไหมครับ?”“ใช่ค่ะ ลูกชายฉันที่หน้าเหมือน-“ดูเหมือนลูกชายคุณแม่จะไม่ค่อยอยากทำเท่าไรนะครับ”ว่าแล้วก็หยิบภาพถ่ายขาวดำที่เก็บไว้ใต้เสื้อสูทสีน้ำตาลโยนลงบนพื้น ขบบุหรี่ในปากด้วยความไม่พอใจพลางเหลือบมองหญิงมีอายุที่กำลังมีใบหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นภาพลูกตัวเองนั่งก๊งเหล้ายาปลาปิ้งในร้านริมทาง“ดะ...เดี๋ยวดิฉันจะจัดการให้ค่ะ”“ให้เวลาอีกแค่ ๑ อาทิตย์ ทำให้ได้”“ค่ะ...ค่ะ”คนเป็นแม่ทำได้แต่พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะต้องมานั่งกลุ้มใจห
แผนต่อให้เมื่อวานพี่ตำรวจจะไม่สามารถเดินไปรับไปส่งได้ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าตัวไม่พลาดในการมารับถึงหน้าบ้าน เอาเข้าจริงเมื่อคืนที่ร้านเขาก็หวาดเสียวอยู่เหมือนกันว่าไอ้คุณรัญชน์จะมาตามมาตอแยถึงร้านหรือเปล่า แต่คืนสุดท้ายที่ร้านสุราลัยนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่นโดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ และจากที่มารดาจะขอมาอยู่ ก็กลับคำบอกว่าจัดการปัญหาได้แล้วเสียอย่างนั้น ต่อให้จะมีข้อสงสัยเล็ก ๆ ถึงเงินก้อนที่แม่ได้มาบริหารเรื่องที่อยู่ ทว่าเรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่ากับครอบครัวของเขาเอง“พี่ไม่เหนื่อยเหรอ?”“พี่เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ”“แรงดีจังเลยนะ”แผนกล่าวแซวพี่พูน ตำรวจผู้เหนือมนุษย์ ไม่รู้ไปเอากำลังมาจากไหนเยอะแยะ แค่เขาเดินไปเดินมาในสถานีไม่ต้องวิ่งไล่จับโจรหรือลงพื้นที่ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว“รับงานพี่ไอ้ด้วงมาทำต่อไม่หนักเลยเหรอ?”“หนักสิ แต่ถ้าไม่ขี้เกียจก็ไม่ยากอะไรนะ”“แสดงว่าที่ผ่านมาคือขี้เกียจสินะ”“เขาเรียกว่าเก็บแรงไว้ใช้ทีหลังต่างหากล่ะจ้ะ”ถึงพี่ตำรวจแกจะติดเล่นไปสักหน่อยแต่แผนก็เห็นถึงถุ
ก้อนผ้าห่มผืนบางในม่านมุ้งขยับยุกยิกเมื่อใกล้เวลาแสงแรกของวัน ก่อนที่เจ้าของร่างจะสะลึมสะลือโผล่ศีรษะพ้นผ้าผวยชำเลืองมองคุณตำรวจซึ่งนอนอล่างฉ่างกินที่เสียเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นคือการเอาแขนมาพาดเหมือนเขาเป็นหมอนข้างอีกแล้วเจ้าของบ้านอย่างแผนยกท่อนแขนบึกบึนบนเอวออกโดยไม่กลัวว่าพี่ตำรวจแกจะตื่น แล้วจึงหยิบผ้าห่มคลุมตัวมาจุดเตาอั้งโล่เพื่อนำน้ำร้อนไปเทใส่โอ่งคลายความหนาวยามต้องชำระร่างกาย แผนนั่งมองเปลวไฟใต้หม้ออย่างเหม่อลอยพลางนึกถึงเมื่อคืนเขาเล่าทุกเรื่องให้ฟังในขณะที่พี่พูนเจ้าหอบเอากล่องปฐมพยาบาลมานั่งทายาให้เพราะกลัวว่าคนจะเห็นรอยช้ำตอนใส่เครื่องแบบนายสถานีซึ่งเป็นแขนสั้น ไม่ว่าจะนึกกลับไปกี่ทีก็น่าตกใจที่ลูกค้ามาบอกรักอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หากเขาไม่ชิงหนีลงมาก่อนแล้วละก็ไม่แน่ตัวเองอาจโดนขืนใจทั้ง ๆ อย่างนั้นเลยก็เป็นได้ว่าแล้วก็เหลือบมองพี่พูนที่ยังหลับปุ๋ยอยู่ในมุ้งบนฟูกนอน ดีนะเขาตื่นมาก่อนเพียง ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคงได้เห็นภาพเขาถูกกอดเป็นแน่พี่บอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดตรงกับเขาพอดีจึงสามารถนอนตื่นสายได้ เขาเตรียมดูเลยถึงคำว่าสาย
“ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้นจริง ๆ นะครับ”“พี่ ผมจะสามสิบแล้วนะคิดบ้างสิ”ที่พี่พูนเอาแต่ถามถึงเด็กดนัยนั่นเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเดินมาคุยกับเขาถึงโต๊ะขณะเขาฝากพี่พูนไปซื้อน้ำ เขาก็บอกตลอดทางมาวัดแล้วว่าเขาไม่ได้คิดอะไร มิหนำซ้ำยังรู้สึกไม่ชอบเสียด้วยซ้ำที่เด็กมันมุ่งจะจีบน้องสาวเขา หากเขาบอกว่าเพียงเรียนอยู่ในอาคารคงจะขึ้นไปหาเลยกระมัง ไม่คิดเลยว่าเจ้าของร้านทองจะมีสามีเป็นหมอทำงานอยู่ที่เดียวกัน โลกกลมจริง ๆ“จริง ๆ นะ”“ผมไม่ชอบคนเด็กกว่า”“แสดงว่าชอบคนแก่กว่าใช่ไหม?”“ใช่”นายสถานีตอบฉะฉานขณะยื่นแจกันดอกไม้มายัดใส่มือนายตำรวจ ก่อนจะส่งมือมาจับปลายคางทู่นั้นด้วยความมันเขี้ยว แล้วจึงจัดแจงสั่งให้เอาแจกันนั้นไปวางยังตำแหน่งของมัน พูนจึงทำตามคำสั่งนำดอกไม้ตั้งยังโต๊ะหมู่บูชา ก่อนจะขอไปไหว้ศพคุณปู่คนนั้นก่อนที่ตัวเองจะต้องไปช่วยงานน้องแผนต่อในงานนี้ไม่มีใครมาร่วมนอกเสียจากคนในครอบครัวจำนวนสองคนและตัวเขาซึ่งอาสามาช่วยเหลือหากมีสิ่งใดขาดตก พิธีสีดำนี้เรียบง่าย ไร้ซึ่งการตกแต่งด้วยพวงหรีดมากมาย มีเพียงโลงสีขาวตั้งตระหง่
วันรุ่งขึ้นจากที่พวกเขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปทานมื้อพิเศษ กลายเป็นสิ้นปีนี้เขากลับต้องมานั่งเจรจาถกปัญหากับมารดาโดยสวมชุดดำไว้อาลัยให้กับบิดาซึ่งจะมีพิธีในคืนนี้ แผนนั่งประสานมือบนตักมองแม่ที่ถูกเชิญเข้ามานั่งในบ้านครั้งแรกซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดีหน่อยที่วันนี้แฝดพี่มีงานประจำที่ต้องไปทำ จะได้ไม่มีตัวปัญหาเพิ่มมาอีกคนแผนตั้งใจอยากให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราเจอกัน ดังนั้นต่อให้ต้องตัดแม่ตัดลูกเขาก็ยินดี เพราะมันไม่มีอะไรจะมากระทบความรู้สึกของเขาไปได้มากกว่านี้แล้ว“มีอะไรก็ว่ามา”แผนวางแก้วน้ำอุ่นลงกับโต๊ะเตี้ยเมื่อจิบเสร็จ เหลือบมองผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยหนีครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี น่าเสียดายที่เจ้าหล่อนจากไปในวัยที่เขายังโหยหาความรักจากมารดา ข้างในลึก ๆ มันจึงอ่อนยวบอยู่แบบนี้ ทว่าลองทิ้งไปไม่ช้าก็เร็วกว่านั้นอีกสักหน่อยเขาคงหนักแน่นกว่าตอนนี้มาก“คือที่แม่แค่คิดถึง-“หยุดตอแหลได้แล้ว อยากได้อะไร”“…”‘หนี้ ๑๐,๐๐๐ บาท’ แลกกับอิสระของเจ้าหล่อนและพี่ชายของเขา และมัน...ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลยสักนิดทุกอย่างมันเร