“พุทโธ่! คุณหลวงขึ้นฝั่งไปที่ไหน ทำไมไม่บอกผมครับ!?” เสียงตวาดว่าเสียใหญ่โตของหนุ่มร่างเล็กอ้อนแอ้น มือเท้าเอวมองชายในสูทหล่อเหลา วางตุ๊กตาจระเข้น่ารักและถังกลมลายซูเปอร์ฮีโร่ยอดฮิตลงในฝั่งซ้ายและขวา
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่นักโทษซะหน่อย อยากไปไหนฉันก็ไป...”
“ขืนโดนจับไปผมจะทำยังไง ไถ่ถอนตัวออกมาจากสวนสัตว์ไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ นี่... แล้วถ้าเจอคนไม่ดี...”
“ได้โดนถลกหนังไปทำกระเป๋าใช่ไหม? ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่แกว่ามาสักอย่าง ยุคนี้มันศิวิไลซ์จะตายดูซี... มีทุกอย่าง มือถือ อินเทอร์เน็ต ฉันดูซีรีส์ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ” พูดพลางเคี้ยวป๊อปคอร์นกรุบกรอบรสชาติจืดสนิท นัยน์ตาสีแดงที่มีรูรับภาพแสงคมปลาบราวดวงตาของจระเข้ เหลือบมองหนุ่มร่างเล็กความสูงเพียงระดับบ่า เมื่อเจ้าตัวกระแทกก้นนั่งลงบนโซฟาตัวเดี่ยวข้างกัน ในสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหลวงนี่พูดอย่างไร เดือนนู้นก็โดนลูกดอกยาสลบ ซมซานคลานมานอนอืดอยู่หน้าบ้าน ดีนะ กลายร่างเป็นคนเสียก่อนจะได้เป็นหนูทดลองที่ศูนย์วิจัย...”
“พิกลล่ะ ไอ้เข้เกเตอร์จะกลายเป็นหนูได้ยังไงกัน...”
หนุ่มใหญ่ส่งเสียงหัวเราะดัง หน้าโทรทัศน์ขนาดใหญ่กว่าห้าสิบนิ้วในห้องมืดสลัว ไฟจากจอแอลซีดีกะพริบตามการเคลื่อนไหวของนักแสดงในนั้น บ่าวเห็นเจ้านายหยิบโยนข้าวโพดคั่วเข้าปากไม่หยุดหย่อน ตาหลุบมองของบนโซฟาสีดำกำมะหยี่อย่างสงสัย
“แล้วตุ๊กตาอะไรนั่นครับ?”
“ของเด็กน้อย เก็บมาได้ ของฟรี” พูดพลางหัวเราะหึหึในลำคอ บ่าวจึงส่ายหน้าอย่างเอือมระอาปากว่า
“ดูเถอะครับ คุณหลวงไม่เคยฟังผมเลย มีเรื่องวิวาทมาทีไร ไอ้คล้าว ๆ ช่วยกูด้วยโว้ย!”
เลียนเสียงตะโกนแหกปากของเจ้านาย ที่เคยกลายร่างงอกออกมาแค่หาง วิ่งเดือดร้อนมาถึงหนุ่มวัยรุ่นอายุร้อยกว่า ๆ ต้องเข้าไปช่วยปกปิดความลับไม่ให้รั่วไหล
สรีระของนายจันสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ร่างหนาใหญ่กำยำเท่าฝรั่งตัวโต ๆ ไปไหนมาไหนสาวน้อยใหญ่คอยแต่จะกรี๊ดกร๊าดชอบใจ แม้ว่าเวลากลางวันเขาต้องใส่คอนแทคเลนส์ปกปิดนัยน์ตาสีแดงสดสวยไว้ต่างจากนายคล้าว
บ่าวไม่ใช่ชายร่างสูงใหญ่แต่ก็ไม่อ้อนแอ้นมากนัก ความสูงแค่ประบ่าของนาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติ กลายร่างแล้วยังเป็นจระเข้ขนาดทั่วไปคือราวสามเมตร
โดยทั่วไปของจระเข้และแอลลิเกเตอร์มีลำตัวประมาณนั้น มากที่สุดในโลกน้ำหนักเกินหนึ่งตันคงประมาณหกเมตรกว่า ซึ่งคงไม่แปลก พวกมันใหญ่ได้มากเท่ากับที่มันกิน ใหญ่ขึ้นอีกเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดอายุขัยของมัน
ยังมีโอกาสเป็นไปได้ว่าอาจมีตัวที่ใหญ่กว่าสถิติ เพราะว่ายังไม่ได้รับการค้นพบด้วยน้ำมือมนุษย์
คงไม่ต้องพูดถึงนายจันที่มีอายุขนาดนี้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของมนตรา ถึงเขาจะไม่ใช่แอลลิเกเตอร์กินจุ ไม่บริโภคเนื้อมนุษย์แต่รับประทานเนื้อสัตว์ เนื้อวัว เนื้อปลา เป็นอาหารหลัก
เรียกว่าเป็นมังสะวิรัต... แอลลิเกเตอร์ไร้พิษภัยดี ๆ นี่เอง
“แกไม่รู้อะไร ฉันไปทัวร์แอมะซอน ตีขาเล่นในแม่น้ำสองสีอันแสนงดงาม ผู้คนแถวนั้นเขาอนุรักษ์สัตว์ ขนาดในน้ำมีปลาปิรันย่า งูอนาคอนด้า ไอ้เข้ตัวเท่าฉันว่ายน้ำข้างเรือนักท่องเที่ยวยังดูชิลล์ ๆ กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปกันสนุกจะตาย”
ตัวเขายังชอบเป็นดาราในน่านน้ำแอมะซอนเสียด้วย แต่นายคล้าวแค่นึกว่ามีแอลลิเกเตอร์ขนาดสิบเมตรมาว่ายน้ำข้างเรือก็เบิกตาอ้าปากค้าง! ขณะฝ่ามือหนาทั้งสองผายออกกว้าง
“ที่นี่... บราซิล!”
“คุณหลวง... ปะ... ไป... ถึงบราซิลเลยหรือครับ!?”
“อืม... ไว้คราวหน้าฉันจะพาแกไปว่ายน้ำเล่นด้วยกันนะ บรรยากาศดีมาก” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปากอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่บ่าวยกมือขึ้นกดกุมขมับเพราะเป็นห่วง ไม่เข้าใจว่าทำไมพักหลังมานี้เจ้านายถึงเที่ยวเก่งเหลือเกิน
ผ่านอะไรมาก็มาก ‘คุณพระ’ นายคล้าวยังเคยเป็นมาแล้ว เฝ้าติดตามนายเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาร่วมร้อยปี ซึ่งตอนนั้นบ่าวคนสนิทของจระเข้ใหญ่คือบิดาของนายคล้าว
นิสัยของจระเข้บ่าวจะเก็บตัวมากกว่าเจ้านายช่างเที่ยว เจียมเนื้อเจียมตัวไม่สุงสิงกับใคร และเป็นเพราะว่าเป็นลูกน้องจระเข้ จึงได้รับอายุขัยเพียงเท่านี้ ไม่เกินสองร้อยถึงสองร้อยห้าสิบปี หากโชคไม่ดีสักหน่อยอาจอายุแค่ร้อยกว่าปีเท่ามนุษย์
“ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง แกคงไม่เคยไปที่ไกล ๆ อย่างคิวบา ออสเตรเลีย แถว Queenland เขาว่ายน้ำกับจระเข้ ถ่ายรูปเซลฟี่ไม่จับไปถลกหนังขายแน่”
“แต่ผมก็ห่วงอยู่ดีนะครับ ยุคนี้มันไม่เหมือนเมื่อร้อยห้าสิบปีที่แล้วนะคุณหลวง”
“ก็แล้วอย่างไรเล่า มันไม่เหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วด้วย ฉันแก่กว่าแกกี่ปี ฮึ...” ปลายเสียงระอาใจกับการโดนบ่น นายจันรู้สึกไม่ต่างจากว่าตัวเองเป็นเด็กในปกครอง นายคล้าวก็พยายามถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่เข้าไปนั่งข้างเจ้านายด้วยความเกรงใจและให้ความเคารพ หากว่าเป็นเมื่อก่อนบ่าวคงจะนั่งกับพื้นด้วยซ้ำ
“นี่แน่ะครับ... กินเนสบุ๊คส์บันทึกว่าเจ้าโลลองน่ะตัวใหญ่ที่สุดในโลกสักประมาณหกเมตร แต่คุณหลวงใหญ่กว่ามันสองเท่านะครับ ขืนใครมาพบเข้า รับรองว่าโดนจับไปอยู่ในตู้กระจกนู้น คุณหลวงจะโดนสำรวจทุกซอกมุมเชียว”
“จะเป็นไรไป ใจผู้ชายอย่าขี้แย”
“อาคม มนตราคงกระพันป้องกันร่างกายไม่ให้ถูกภยันตรายได้... แต่การแพทย์สมัยนี้ไปไกลนัก มันไม่กันลูกดอกยาสลบ รับรองครับ ทีเดียวหลับ”
“ชิชะ รุ่นนี้น่ะ สามเข็มขึ้น...”
หนุ่มใหญ่หัวเราะร่า เผลอพูดภาษาโบราณตามบ่าวมาสักพักทั้งที่เริ่มชินกับภาษาวัยรุ่นยุคใหม่ไปเสียแล้ว
“ฮึ! ยุ่งพิลึก ถ้าแกว่างนักลองไปนั่งเล่นสตาร์บัค ซึมซับรสนิยมเด็ก Gen-Y เสียบ้างนะ ขืนยังทำตัวโบร่ำโบราณอย่างนี้ คนเขาจะหาว่าแกบ้า! ระวังเถอะ รถโรงพยาบาลมารับไปโรงพยาบาลศรีธัญญา”
หนุ่มหน้าใสทำหน้ายุ่ง ขนาดว่าเขาไม่พูดขอรับหรือคำโบราณมาก ๆ แล้วมันทำไมยังไม่พอ...
“ผมพูดจาไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือครับ?” จากนั้นก็ส่ายหน้ากลับคำพูดอย่างไม่มั่นใจ “เดี๋ยวผมจะไปกรมที่ดินพอดี คงได้ออกไป...”
“ไปเถอะ ฝากจัดการธุระแทนฉันด้วย กลับมาให้ทันตะวันตกดินละกัน”
นายคล้าวได้ยินดังนั้น จึงยกมือไหว้ลาแล้วเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้เจ้านายอยู่ตามลำพังในห้องทำงาน มินิโฮมเธียเตอร์ที่เจ้าตัวนั่งดูซีรีส์ได้ทั้งวี่ทั้งวัน
บ้านโบราณหลังใหญ่โตริมทางถนนชานเมืองกรุง ภายนอกตกแต่งด้วยสไตล์โคโลเนียลขนมปังขิง ในยุคที่เจ้าของบ้านชื่นชอบมันเป็นที่สุด
จากระเบียงชั้นสองมองลงไปเห็นสวนหย่อม ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ มีไม้เลื้อยปกคลุมหน้าต่าง กระจกติดฟิล์มดำสนิททำให้พวกเขาสามารถสังเกตการณ์บุคคลภายนอก แต่มองจากข้างนอกเข้ามาจะไม่เห็นทรัพย์สินข้างในแม้สักชิ้น
ห้องนอนสองห้องอยู่คนละฝั่ง กั้นกลางด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เท่าสระมาตรฐานสองสระรวมกัน หมุนเวียนด้วยระบบน้ำเกลือ มีโคมไฟระย้ารูปทรงหยดน้ำบนเพดาน โดยรอบตกแต่งด้วยน้ำพุที่มีไฟสลับสีกันไป
แน่นอนว่าคฤหาสน์แสนสวยนี้นายจันออกแบบมันเอง ด้วยประสบการณ์ด้านสถาปนิก วิศวกร และงานช่างสิบหมู่ที่สืบสกุลมา งานวาดรูปที่เขาชื่นชอบมันไม่น้อย เขาก็วาดมัน แปะไว้บนฝาผนังเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำร่างสูงกระโจนลงเหยียดตัวนอนบนเตียงนุ่มที่สั่งทำพิเศษ กว้างถึงสี่เตียงต่อกัน ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือเสียบสายชาร์จก่อนเข้านอน อย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัยวันนี้คงเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง...หากเป็นเมื่อก่อนก็นับตั้งแต่ย่ำค่ำ พระอาทิตย์ตกดินในเวลา ๑๘ นาฬิกานายจันเคยคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยกับสิ่งที่ตนเป็น เขาเคยลองขับรถข้ามเมืองเพื่อหนีพระอาทิตย์ หนีพระจันทร์ ในเมื่อหลายสถานที่ก็อาทิตย์ตกดินไม่เท่ากันอยู่แล้วถ้าไปอยู่อเมริกาล่ะ... ตรงนี้คงเป็นเวลากลางวันแล้วไอ้เรื่องบ้า ๆ นี่ต้องนับเวลาไหน มันถึงจะเม้คเซ้นส์!คำตอบอยู่ในภาพนั้น...ตามองผ่านกระจกบานใสความสูงจรดเพดาน ไปยังรูปภาพใบใหญ่ที่สุด เป็นภาพหินหลักหน้าตาประหลาดซึ่งปักล้อมรอบบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ พระจันทร์ดวงกลมโตสีแดงสนิทกำลังจมหายลงไป ทว่าลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำกลางบ้านมันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกมืดมนหม่นหมอง“ใกล้ถึงเวลานอนแล้วสินะ เฮ้อ
“ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที”“ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่”เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า”“เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ”“หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง”“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง”ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคมนายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย...“น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย[1] เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี”“เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ”“เชื่อ... แต่สิ่งที่พิส
“คนรับรองคนไหน? ผมยาวหรือผมสั้นคนนั้น”“ผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ครับ ที่หิ้วกระเป๋าจระเข้...”“สวยดีนี่ ตาถึง แต่ว่าฉันไม่ชอบรสนิยมนั่นเท่าไร ฉันเห็นจระเข้ตัวเมียโดนเชือดก่อนกลายเป็นกระเป๋าสีขาวแสนสวยของหล่อน แล้วแต่งตัวแบบนี้น่ะ คนเขาเรียกว่า ‘เซลล์’” นายจันมองหาคนไกลด้วยดวงตาที่สามารถมองได้ไกลลิบ มากสุดคงมองได้เป็นกิโลฯ แม้ว่ามันอาจไม่ชัดเจนนักแค่เห็นว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรจากนัยน์ตาเป็นประกายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลทรงเสน่ห์เช่นเดียวกับคนน้อง พวกเขามีใบขับขี่! ใบรับรองแพทย์ที่บ่งบอกอาการของสายตาอันเฉียบคมว่าเป็นการทำงานผิดปกติของกลุ่มแยกแยะสีในตา อาการไม่ร้ายแรง สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปนายจันมีเอกสารครบ ส่วนเรื่องอะไรต่อมิอะไร คนเป็นนายออกนอกบ้านมากกว่าก็จะรู้มากกว่า“เซลล์? หมายถึง seller อะไรประมาณนั้นน่ะหรือครับ”“ใช่ ตอนนี้เรียกเซลล์ เซลล์ขายของ พนักงานขายทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็แล้วแต่ว่าขายอะไร ยุค ๆ นั้นก็เรียกพนักงานขายนี่แหละ แกคงยังไม่ชิน” “จากการแต่งตัวแล้วผมพอเดาได้ว่าเธอขายอะไร เฮ้อ... คนในยุคนี้ช่างโหดร้ายทารุณ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนายคล้าวหันไปบอก “อย่าลืมนะครับว่าเราสองค
สองคนมองหน้ากัน เพราะว่าถ้าพวกเขาจะไม่กิน...‘ฉันเป็นมังสะวิรัต! ไม่กินพวกเดียวกัน แกพาฉันมาทำอะไรวะไอ้คล้าว!’‘กิน ๆ เข้าไปเถอะครับ ผมอยากพิสูจน์อะไรหน่อย อดทนหน่อยนะพี่นะ’“เอ่อ... มีใคร... เป็นมังสะวิรัตหรือเปล่าคะ? คือกันได้ยิน... เสียง... เหมือนคนคุยกัน”กัญญาวีร์แน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงสองหนุ่มชัดเจนมาก แม้เป็นเสียงก้อง ๆ คล้ายเสียงสะท้อนของลำโพง ขณะที่พวกเขาเพียงนั่งเฉย ๆ โดยที่ปากไม่ขยับ“ไม่มีนี่ครับคุณกัน ผมกับพี่ชายขอเลือกเมนูสักครู่นะครับ”‘ต่อให้เจอแม่แก้ว... มันมีทางเลือกเดียวคือตายกับตายใช่ไหม!?’‘ไม่ถึงตายหรอกครับ ใจเย็น ๆ รอดูเธอก่อน เธออาจไม่ใช่คนที่เราคิดก็ได้’‘อย่ามาเล่นลิ้นปลิ้นปล้อน หัดเป็นบ่าวขี้ปดตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันลากแกไปเฆี่ยนแล้วไอ้น้องชายจอมปลอม! ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่สักคำ แกเอาหัวเป็นประกันไหมว่าฉันจะไม่ต้องกลายเป็นสเต๊กจระเข้ให้เธอกิน...’‘คงไม่มั้งครับ เธอไม่รู้สักหน่อย แล้วผมว่าเธอไม่น่าจะชอบเนื้อเหนียว ๆ เคี้ยวเข็ดฟันรุ่นคุณหลวงมั้งครับ’‘แกกำลังจะบอกว่าจระเข้หนุ่มอร่อยกว่า?’‘ก็แน่นอนน่ะสิครับ’ ‘อยากกลายเป็นสเต๊กจระเข้ตอนนี้เลยไหมวะ ไอ้ค
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งตะลึงงัน ก้าวขาไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังกว้างกำยำจนถึงลานจอดรถยนต์โล่งกว้างกลางแจ้ง พวกเขาขึ้นรถสปอร์ตคาร์สีแดงไปด้วยกันเขารู้ว่าเธอได้ยินเสียงประหลาด แล้วเธอได้ยินพวกเขาคุยกัน ไหนจะภาษาแสนโบราณนั่น!ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่คุณยายและพี่สาวบอกให้เธอระวังตัวเมื่อพบปะชายแปลกหน้า โดยเฉพาะปีนี้ อีกไม่กี่วันเธอจะอายุครบยี่สิบห้าปีกัญญาวีร์เคยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพราะว่าดันเกิดมามีซิกซ์เซ้นส์ พบเจอประหลาดอยู่เสมอ และอย่าว่าแต่เสียงเลย ที่ไหนว่ามีผี มีคนตาย เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เธอเปิดประเดิมเจอเป็นคนแรก! ประหนึ่งเครื่องส่งโทรจิตถึงวิญญาณ จนได้รับฉายาจากเพื่อนในคลาสว่ายัยแอนนาเบลเรียนเมืองนอกตั้งแต่ไฮสคูล โดนบูลลี่เป็นประจำ กว่าจะคว้าประกาศนียบัตรจาก UK University มาได้ กลับมาทำงานเมืองไทยไม่ถึงเดือน เธอก็ยังเจอเรื่องบ้า ๆยัยกันเอ๊ย มันจะเบญจเพสอาเพศอะไรนักหนา!ใบหน้าสดสวยส่ายไปมาเพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน เมื่อเธอยังมีงานกองเท่าภูเขารออยู่ จึงหมุนตัวก้าวฉับ ๆ ไป สะบัดปลายส้นสูงอย่างนางงามพร้อมความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้งใครต่างก็ว่าเธอเป็นคนสวย ชุดสูททำงานเค
บนโซฟาหนังกำมะหยี่ที่เพิ่งถอดจิตไปหาหญิงสาว นายจันสงบสติอารมณ์ลง ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่จำได้ว่าไม่ได้พบแม่ตะเภาแก้วมานานมากแล้วหลังภพชาติก่อนของเธอไม่เกิด...ตะเภาทองที่เคยเป็นเมียโดยไม่เต็มใจ ใช่... เขาถือว่าหล่อนไม่เต็มใจเพราะต้องมนตร์สะกดชาละวัน ก่อนจะไปเป็นเมียของไกรทอง พ่อคนดีเมืองพิจิตร ภพชาติต่อมาก็ยังเป็นลูกหลานบ้านเดิม ก่อนจะตัดสินใจลาบวชด้วยความเลื่อมใสในพระธรรมไม่รู้มาก่อนว่าคนน้องนี้จิตแข็ง ไม่หวั่นพรึงต่อสภาพการณ์อีกโลกหนึ่ง หากได้ยินเสียงวิญญาณหรือถูกผีหลอกเข้าสักคืน แม่คงฟาดฝีปากสาปแช่งด่าผีไม่ให้ไปผุดไปเกิดหรือไม่ก็... ไล่เตลิดเปิดเปิงจนหลุดจากนิมิตกลับมาที่เดิม“นั่งเหลือกตาอ้าปากยังกับจระเข้ ประหลาดคน” นายคล้าวบ่นพลางเคาะแป้นพิมพ์เสียงดัง ชะโงกหน้าที่สวมแว่นหนาเตอะผ่านจอสี่เหลี่ยม ให้ความสนใจกับคนที่นอนเหยียดขาอย่างสบายใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ไปหาแม่แก้วหรือนั่น”“อืม... แม่ดุมากสายแข็ง แต่ไม่เป็นไร ขอลองใหม่อีกที” เขาปิดตาลงอีกครั้ง พร้อมความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเผด็จศึกให้จงได้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็คาถา‘แม่แก้ว... มาหาพี่...’“ฉันชื่อกัญญาวีร์!”
สัมผัสรับรู้ในที่นี้ไม่ใช่ความจริง แต่จะปรากฏในภาพฝัน ความทรงจำ อาจรับรู้ได้เมื่อลืมตาตื่นแสงสีทองเล็ก ๆ ปรากฏเป็นสิ่งแรก สาดสะท้อนเข้านัยน์ตาสีแดง ถึงแม้ว่าผู้บุกรุกจะตระหนักรู้ว่ามันเกราะคุ้มกันภัยของหญิงสาว อาจเผาไหม้ร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าธุลี แต่ชายผู้บำเพ็ญเพียรมานานนับหลายร้อยปีไม่หวั่นพรึงต่อสิ่งใดเรือนร่างงามใต้ก้นบึ้งลึกสุดจมอยู่ก้นบ่อ เธอคงอยู่ในนิทราหวานที่ใดสักแห่ง เดรัจฉานตัวสีดำตรงเข้าไปใช้ปากกว้างคาบร่างงามอย่างระวัง กระทั่งเขี้ยวฟันก็ไม่ให้ถูกเนื้อกายของเธอมากนัก เพื่อพาขึ้นฝั่ง ค่อยกลับคืนสู่ร่างเดิม โอบอุ้มคนตัวเล็กในอ้อมแขนพร้อมรอยยิ้มย่ามใจบุรุษรูปงามนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเครื่องอาภรณ์เป็นสร้อยอัญมณีมรกต เส้นผมดำขลับตรงยาวราวผมของอิสตรีทิ้งลงเหนือสะโพกสอบ ปอยผมสีขาวข้างกรามแกร่งตามอายุขัยคือหกร้อยห้าสิบเจ็ดปี แม้ใบหน้าหล่อเหลายังคงไว้ในร่างชายวัยสามสิบ‘แม่แก้วตาดวงใจพี่ หนีอย่างไรก็ไม่พ้น พี่จะตามหาน้องจนพบนั่นแล’เสียงดังก้องที่ลอยวนในอากาศนั้นอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน ทว่าพอเปลือกตาขาวปรือขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนกว้าง หญิงสาวเหมือนคนเมามายไร้สภาวะสำนึกรู้ในเวลายามด
สัตว์เลื้อยคลานร่างหนาใหญ่สองตัวดำผุดดำว่ายท่ามกลางแม่น้ำสองสี สีเข้มเกือบจะเป็นสีดำและสีดินทรายไหลมาบรรจบกัน ทอดยาวไปอีกหลายพันไมล์ผ่านลำตัวที่มีผิวขรุขระยามขับเคลื่อนไปข้างหน้า แหวกน้ำออกเป็นระลอกคลื่น พละกำลังตามสรีระแข็งแกร่งกำยำทำให้พวกมันไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เป็นตรงกันข้าม พวกมันคงว่ายน้ำไปได้เรื่อย ๆ เช่นปลาพวกมันไม่ได้มาด้วยกัน ไม่รู้จักหน้าค่าตาด้วยซ้ำ...เจ้าตัวเล็กกว่ามองว่าตัวข้างมันมีขนาดมหึมา ใหญ่กว่ามันเกือบสองเท่า! จึงไม่กล้าเบ่งมากนัก โผล่พ้นเพียงดวงตาสีเหลืองทองเหนือผืนน้ำ ระหว่างทางที่มันแอบจับปลากินเป็นอาหาร ยังลังเลใจอยู่ว่าหากถูกแย่งแล้วมันจะยอมปล่อยเหยื่อให้อีกตัว เพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้หรือไม่ มันไม่แน่ใจว่าจะชนะ ดีไม่ดีมันอาจกลายเป็นอาหารของตัวใหญ่กว่าทว่าตัวข้างมันแค่ว่ายน้ำไปข้างหน้า มีเหลือบมองทางอื่นบ้างแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมัน ที่เพิ่งสังเกตเห็นว่าเจ้านี่มีดวงตาสีแดงก่ำ ลำตัวสีนิลสนิทไม่ใช่พวกมันแน่ ๆ ล่ะ! หรือว่ามันจะตาฝาดไป แต่ในเมื่อดวงตาแสนพิเศษของมันมีจุดรับภาพอันดีเลิศ ยิ่งน้ำจืดแล้วมันเห็นแสงสีแดงได้ไวกว่าน้ำเค็ม ซึ่
สัมผัสรับรู้ในที่นี้ไม่ใช่ความจริง แต่จะปรากฏในภาพฝัน ความทรงจำ อาจรับรู้ได้เมื่อลืมตาตื่นแสงสีทองเล็ก ๆ ปรากฏเป็นสิ่งแรก สาดสะท้อนเข้านัยน์ตาสีแดง ถึงแม้ว่าผู้บุกรุกจะตระหนักรู้ว่ามันเกราะคุ้มกันภัยของหญิงสาว อาจเผาไหม้ร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าธุลี แต่ชายผู้บำเพ็ญเพียรมานานนับหลายร้อยปีไม่หวั่นพรึงต่อสิ่งใดเรือนร่างงามใต้ก้นบึ้งลึกสุดจมอยู่ก้นบ่อ เธอคงอยู่ในนิทราหวานที่ใดสักแห่ง เดรัจฉานตัวสีดำตรงเข้าไปใช้ปากกว้างคาบร่างงามอย่างระวัง กระทั่งเขี้ยวฟันก็ไม่ให้ถูกเนื้อกายของเธอมากนัก เพื่อพาขึ้นฝั่ง ค่อยกลับคืนสู่ร่างเดิม โอบอุ้มคนตัวเล็กในอ้อมแขนพร้อมรอยยิ้มย่ามใจบุรุษรูปงามนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเครื่องอาภรณ์เป็นสร้อยอัญมณีมรกต เส้นผมดำขลับตรงยาวราวผมของอิสตรีทิ้งลงเหนือสะโพกสอบ ปอยผมสีขาวข้างกรามแกร่งตามอายุขัยคือหกร้อยห้าสิบเจ็ดปี แม้ใบหน้าหล่อเหลายังคงไว้ในร่างชายวัยสามสิบ‘แม่แก้วตาดวงใจพี่ หนีอย่างไรก็ไม่พ้น พี่จะตามหาน้องจนพบนั่นแล’เสียงดังก้องที่ลอยวนในอากาศนั้นอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน ทว่าพอเปลือกตาขาวปรือขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนกว้าง หญิงสาวเหมือนคนเมามายไร้สภาวะสำนึกรู้ในเวลายามด
บนโซฟาหนังกำมะหยี่ที่เพิ่งถอดจิตไปหาหญิงสาว นายจันสงบสติอารมณ์ลง ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่จำได้ว่าไม่ได้พบแม่ตะเภาแก้วมานานมากแล้วหลังภพชาติก่อนของเธอไม่เกิด...ตะเภาทองที่เคยเป็นเมียโดยไม่เต็มใจ ใช่... เขาถือว่าหล่อนไม่เต็มใจเพราะต้องมนตร์สะกดชาละวัน ก่อนจะไปเป็นเมียของไกรทอง พ่อคนดีเมืองพิจิตร ภพชาติต่อมาก็ยังเป็นลูกหลานบ้านเดิม ก่อนจะตัดสินใจลาบวชด้วยความเลื่อมใสในพระธรรมไม่รู้มาก่อนว่าคนน้องนี้จิตแข็ง ไม่หวั่นพรึงต่อสภาพการณ์อีกโลกหนึ่ง หากได้ยินเสียงวิญญาณหรือถูกผีหลอกเข้าสักคืน แม่คงฟาดฝีปากสาปแช่งด่าผีไม่ให้ไปผุดไปเกิดหรือไม่ก็... ไล่เตลิดเปิดเปิงจนหลุดจากนิมิตกลับมาที่เดิม“นั่งเหลือกตาอ้าปากยังกับจระเข้ ประหลาดคน” นายคล้าวบ่นพลางเคาะแป้นพิมพ์เสียงดัง ชะโงกหน้าที่สวมแว่นหนาเตอะผ่านจอสี่เหลี่ยม ให้ความสนใจกับคนที่นอนเหยียดขาอย่างสบายใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ไปหาแม่แก้วหรือนั่น”“อืม... แม่ดุมากสายแข็ง แต่ไม่เป็นไร ขอลองใหม่อีกที” เขาปิดตาลงอีกครั้ง พร้อมความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเผด็จศึกให้จงได้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็คาถา‘แม่แก้ว... มาหาพี่...’“ฉันชื่อกัญญาวีร์!”
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งตะลึงงัน ก้าวขาไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังกว้างกำยำจนถึงลานจอดรถยนต์โล่งกว้างกลางแจ้ง พวกเขาขึ้นรถสปอร์ตคาร์สีแดงไปด้วยกันเขารู้ว่าเธอได้ยินเสียงประหลาด แล้วเธอได้ยินพวกเขาคุยกัน ไหนจะภาษาแสนโบราณนั่น!ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่คุณยายและพี่สาวบอกให้เธอระวังตัวเมื่อพบปะชายแปลกหน้า โดยเฉพาะปีนี้ อีกไม่กี่วันเธอจะอายุครบยี่สิบห้าปีกัญญาวีร์เคยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพราะว่าดันเกิดมามีซิกซ์เซ้นส์ พบเจอประหลาดอยู่เสมอ และอย่าว่าแต่เสียงเลย ที่ไหนว่ามีผี มีคนตาย เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เธอเปิดประเดิมเจอเป็นคนแรก! ประหนึ่งเครื่องส่งโทรจิตถึงวิญญาณ จนได้รับฉายาจากเพื่อนในคลาสว่ายัยแอนนาเบลเรียนเมืองนอกตั้งแต่ไฮสคูล โดนบูลลี่เป็นประจำ กว่าจะคว้าประกาศนียบัตรจาก UK University มาได้ กลับมาทำงานเมืองไทยไม่ถึงเดือน เธอก็ยังเจอเรื่องบ้า ๆยัยกันเอ๊ย มันจะเบญจเพสอาเพศอะไรนักหนา!ใบหน้าสดสวยส่ายไปมาเพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน เมื่อเธอยังมีงานกองเท่าภูเขารออยู่ จึงหมุนตัวก้าวฉับ ๆ ไป สะบัดปลายส้นสูงอย่างนางงามพร้อมความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้งใครต่างก็ว่าเธอเป็นคนสวย ชุดสูททำงานเค
สองคนมองหน้ากัน เพราะว่าถ้าพวกเขาจะไม่กิน...‘ฉันเป็นมังสะวิรัต! ไม่กินพวกเดียวกัน แกพาฉันมาทำอะไรวะไอ้คล้าว!’‘กิน ๆ เข้าไปเถอะครับ ผมอยากพิสูจน์อะไรหน่อย อดทนหน่อยนะพี่นะ’“เอ่อ... มีใคร... เป็นมังสะวิรัตหรือเปล่าคะ? คือกันได้ยิน... เสียง... เหมือนคนคุยกัน”กัญญาวีร์แน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงสองหนุ่มชัดเจนมาก แม้เป็นเสียงก้อง ๆ คล้ายเสียงสะท้อนของลำโพง ขณะที่พวกเขาเพียงนั่งเฉย ๆ โดยที่ปากไม่ขยับ“ไม่มีนี่ครับคุณกัน ผมกับพี่ชายขอเลือกเมนูสักครู่นะครับ”‘ต่อให้เจอแม่แก้ว... มันมีทางเลือกเดียวคือตายกับตายใช่ไหม!?’‘ไม่ถึงตายหรอกครับ ใจเย็น ๆ รอดูเธอก่อน เธออาจไม่ใช่คนที่เราคิดก็ได้’‘อย่ามาเล่นลิ้นปลิ้นปล้อน หัดเป็นบ่าวขี้ปดตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันลากแกไปเฆี่ยนแล้วไอ้น้องชายจอมปลอม! ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่สักคำ แกเอาหัวเป็นประกันไหมว่าฉันจะไม่ต้องกลายเป็นสเต๊กจระเข้ให้เธอกิน...’‘คงไม่มั้งครับ เธอไม่รู้สักหน่อย แล้วผมว่าเธอไม่น่าจะชอบเนื้อเหนียว ๆ เคี้ยวเข็ดฟันรุ่นคุณหลวงมั้งครับ’‘แกกำลังจะบอกว่าจระเข้หนุ่มอร่อยกว่า?’‘ก็แน่นอนน่ะสิครับ’ ‘อยากกลายเป็นสเต๊กจระเข้ตอนนี้เลยไหมวะ ไอ้ค
“คนรับรองคนไหน? ผมยาวหรือผมสั้นคนนั้น”“ผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ครับ ที่หิ้วกระเป๋าจระเข้...”“สวยดีนี่ ตาถึง แต่ว่าฉันไม่ชอบรสนิยมนั่นเท่าไร ฉันเห็นจระเข้ตัวเมียโดนเชือดก่อนกลายเป็นกระเป๋าสีขาวแสนสวยของหล่อน แล้วแต่งตัวแบบนี้น่ะ คนเขาเรียกว่า ‘เซลล์’” นายจันมองหาคนไกลด้วยดวงตาที่สามารถมองได้ไกลลิบ มากสุดคงมองได้เป็นกิโลฯ แม้ว่ามันอาจไม่ชัดเจนนักแค่เห็นว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรจากนัยน์ตาเป็นประกายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลทรงเสน่ห์เช่นเดียวกับคนน้อง พวกเขามีใบขับขี่! ใบรับรองแพทย์ที่บ่งบอกอาการของสายตาอันเฉียบคมว่าเป็นการทำงานผิดปกติของกลุ่มแยกแยะสีในตา อาการไม่ร้ายแรง สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปนายจันมีเอกสารครบ ส่วนเรื่องอะไรต่อมิอะไร คนเป็นนายออกนอกบ้านมากกว่าก็จะรู้มากกว่า“เซลล์? หมายถึง seller อะไรประมาณนั้นน่ะหรือครับ”“ใช่ ตอนนี้เรียกเซลล์ เซลล์ขายของ พนักงานขายทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็แล้วแต่ว่าขายอะไร ยุค ๆ นั้นก็เรียกพนักงานขายนี่แหละ แกคงยังไม่ชิน” “จากการแต่งตัวแล้วผมพอเดาได้ว่าเธอขายอะไร เฮ้อ... คนในยุคนี้ช่างโหดร้ายทารุณ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนายคล้าวหันไปบอก “อย่าลืมนะครับว่าเราสองค
“ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที”“ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่”เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า”“เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ”“หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง”“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง”ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคมนายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย...“น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย[1] เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี”“เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ”“เชื่อ... แต่สิ่งที่พิส
แน่นอนว่าคฤหาสน์แสนสวยนี้นายจันออกแบบมันเอง ด้วยประสบการณ์ด้านสถาปนิก วิศวกร และงานช่างสิบหมู่ที่สืบสกุลมา งานวาดรูปที่เขาชื่นชอบมันไม่น้อย เขาก็วาดมัน แปะไว้บนฝาผนังเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำร่างสูงกระโจนลงเหยียดตัวนอนบนเตียงนุ่มที่สั่งทำพิเศษ กว้างถึงสี่เตียงต่อกัน ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือเสียบสายชาร์จก่อนเข้านอน อย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัยวันนี้คงเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง...หากเป็นเมื่อก่อนก็นับตั้งแต่ย่ำค่ำ พระอาทิตย์ตกดินในเวลา ๑๘ นาฬิกานายจันเคยคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยกับสิ่งที่ตนเป็น เขาเคยลองขับรถข้ามเมืองเพื่อหนีพระอาทิตย์ หนีพระจันทร์ ในเมื่อหลายสถานที่ก็อาทิตย์ตกดินไม่เท่ากันอยู่แล้วถ้าไปอยู่อเมริกาล่ะ... ตรงนี้คงเป็นเวลากลางวันแล้วไอ้เรื่องบ้า ๆ นี่ต้องนับเวลาไหน มันถึงจะเม้คเซ้นส์!คำตอบอยู่ในภาพนั้น...ตามองผ่านกระจกบานใสความสูงจรดเพดาน ไปยังรูปภาพใบใหญ่ที่สุด เป็นภาพหินหลักหน้าตาประหลาดซึ่งปักล้อมรอบบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ พระจันทร์ดวงกลมโตสีแดงสนิทกำลังจมหายลงไป ทว่าลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำกลางบ้านมันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกมืดมนหม่นหมอง“ใกล้ถึงเวลานอนแล้วสินะ เฮ้อ
“พุทโธ่! คุณหลวงขึ้นฝั่งไปที่ไหน ทำไมไม่บอกผมครับ!?” เสียงตวาดว่าเสียใหญ่โตของหนุ่มร่างเล็กอ้อนแอ้น มือเท้าเอวมองชายในสูทหล่อเหลา วางตุ๊กตาจระเข้น่ารักและถังกลมลายซูเปอร์ฮีโร่ยอดฮิตลงในฝั่งซ้ายและขวา“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่นักโทษซะหน่อย อยากไปไหนฉันก็ไป...”“ขืนโดนจับไปผมจะทำยังไง ไถ่ถอนตัวออกมาจากสวนสัตว์ไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ นี่... แล้วถ้าเจอคนไม่ดี...”“ได้โดนถลกหนังไปทำกระเป๋าใช่ไหม? ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่แกว่ามาสักอย่าง ยุคนี้มันศิวิไลซ์จะตายดูซี... มีทุกอย่าง มือถือ อินเทอร์เน็ต ฉันดูซีรีส์ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ” พูดพลางเคี้ยวป๊อปคอร์นกรุบกรอบรสชาติจืดสนิท นัยน์ตาสีแดงที่มีรูรับภาพแสงคมปลาบราวดวงตาของจระเข้ เหลือบมองหนุ่มร่างเล็กความสูงเพียงระดับบ่า เมื่อเจ้าตัวกระแทกก้นนั่งลงบนโซฟาตัวเดี่ยวข้างกัน ในสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด“คุณหลวงนี่พูดอย่างไร เดือนนู้นก็โดนลูกดอกยาสลบ ซมซานคลานมานอนอืดอยู่หน้าบ้าน ดีนะ กลายร่างเป็นคนเสียก่อนจะได้เป็นหนูทดลองที่ศูนย์วิจัย...”“พิกลล่ะ ไอ้เข้เกเตอร์จะกลายเป็นหนูได้ยังไงกัน...”หนุ่มใหญ่ส่งเสียงหัวเราะดัง หน้าโทรทัศน์ขนาดใหญ่กว่าห้าสิบนิ้วในห้องมืดส
“แมรี่!”เสียงตวาดของแม่ดังขึ้นอย่างรวดเร็วเท่ากับสองแขนที่วาดคว้าตัวลูกสาวขึ้นอุ้ม โอบร่างเล็กจิ๋วไว้แน่น ก่อนเงยหน้าว่าลูกสาว“หนูมาทำอะไรตรงนี้ลูก! มัมบอกแล้วนะว่าห้ามออกมาคนเดียว ไปไหนต้องไปด้วยกัน ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะลูก”“หนูกำลังคุยกับคุณลุงเกเตอร์ค่ะแม่”“ไม่เห็นมี...” สิ้นคำเท่านั้น คุณแม่แทบเป็นลม! เมื่อเห็นบางอย่างในพุ่มหญ้า เร็วกว่าความคิด สาวร่างบางในกางเกงยีนทะมัดทะแมงรีบอุ้มลูกน้อยออกไปให้ไกลกว่าเดิม ในระยะที่วิ่งหนีทันหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ก่อนตะโกนเรียกสามี“Alanaa!”เรียวแขนกว้างกอดรัดร่างเล็กแน่น ปากจูบหน้าผากลูกสาวซ้ำ ๆ พร้อมแววตาเอ่อคลอ นึกโทษโกรธตัวเองไม่หาย เพราะถ้าหากว่าเด็กน้อยแสนไร้เดียงสาเป็นอะไรไป นั่นคือความผิดของแม่คนเดียว!“ปริม! เจอแมรี่แล้วใช่ไหม...”คุณพ่อหน้าตาตื่นตระหนกหลังจากที่ลูกสาวเดินหายไปจึงช่วยกันตามหา เข้าไปกอดทั้งลูกเมียอย่างเป็นห่วง อีกฝ่ายก็ขอโทษเขาน้ำตาคลอว่าคลาดสายตาจากลูก ก่อนจะชะโงกคอมองเงาดำไกล ๆ“อะไรน่ะ?”“จระเข้ค่ะ มันตัวใหญ่มาก ปริมไม่เคยเห็นตัวใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยนะ เรียกพี่ ๆ ไกด์มาด้วยมาเซลฟี่กัน พี่อลัน ๆ เรียกเขามาเร็ว”“ม