แน่นอนว่าคฤหาสน์แสนสวยนี้นายจันออกแบบมันเอง ด้วยประสบการณ์ด้านสถาปนิก วิศวกร และงานช่างสิบหมู่ที่สืบสกุลมา งานวาดรูปที่เขาชื่นชอบมันไม่น้อย เขาก็วาดมัน แปะไว้บนฝาผนังเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำ
ร่างสูงกระโจนลงเหยียดตัวนอนบนเตียงนุ่มที่สั่งทำพิเศษ กว้างถึงสี่เตียงต่อกัน ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มือถือเสียบสายชาร์จก่อนเข้านอน อย่างที่ทำจนติดเป็นนิสัย
วันนี้คงเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง...
หากเป็นเมื่อก่อนก็นับตั้งแต่ย่ำค่ำ พระอาทิตย์ตกดินในเวลา ๑๘ นาฬิกา
นายจันเคยคิดว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยกับสิ่งที่ตนเป็น เขาเคยลองขับรถข้ามเมืองเพื่อหนีพระอาทิตย์ หนีพระจันทร์ ในเมื่อหลายสถานที่ก็อาทิตย์ตกดินไม่เท่ากันอยู่แล้ว
ถ้าไปอยู่อเมริกาล่ะ... ตรงนี้คงเป็นเวลากลางวัน
แล้วไอ้เรื่องบ้า ๆ นี่ต้องนับเวลาไหน มันถึงจะเม้คเซ้นส์!
คำตอบอยู่ในภาพนั้น...
ตามองผ่านกระจกบานใสความสูงจรดเพดาน ไปยังรูปภาพใบใหญ่ที่สุด เป็นภาพหินหลักหน้าตาประหลาดซึ่งปักล้อมรอบบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่ พระจันทร์ดวงกลมโตสีแดงสนิทกำลังจมหายลงไป ทว่าลอยอยู่เหนือสระว่ายน้ำกลางบ้าน
มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกมืดมนหม่นหมอง
“ใกล้ถึงเวลานอนแล้วสินะ เฮ้อ... ง่วงจัง” เรียวปากหนาหยักได้รูปผ่อนลมหายใจดัง สะบัดข้อมือขึ้นหลุบตามองนาฬิกาข้อมือราคาแพง ก่อนจะวาดแขนขึ้นซ้อนมือทับกันเพื่อหนุนหนอนแทนหมอน ปิดตาลงข้างหนึ่งเป็นนิสัยประจำตัว เมื่อเสียงสั่นดังจากนาฬิกาโบราณตีบอกเวลาย่ำค่ำหน้าบ่อน้ำบาดาลแห่งหนึ่ง
------------------------------------
นายคล้าวกลับมาทันเวลาพอดีพระอาทิตย์ตกดิน ชนิดฉิวเฉียด! หวิดพลาดท่าตอนวิ่งกระวีกระวาดเข้าบ้านแล้วกลายเป็นจระเข้ปากแหลมเขี้ยวคมในทันที โชคดีที่มันเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติทำจากสแตนเลสสีน้ำตาลเข้มแบบปิดทึบ เลยไม่ต้องเป็นกังวลว่าเพื่อนบ้านคนไหนจะมาเห็นเข้าจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
แต่ในเมื่อบ่าวเป็นฝ่ายบ่นเรื่องการระมัดระวังตัวในทีแรก คนอาวุโสกว่าจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ในร่างสัตว์เดรัจฉานแล้วพวกเขาดุร้ายตามสัญชาตญาณ ขัดใจกันแม้เพียงเล็กน้อยเป็นอันฟาดหัวฟาดหาง ไล่กัดกันจนหมดแรง แต่พอรุ่งเช้ากลายร่างเป็นมนุษย์อย่างเดิม ต่างคนคงไม่ถือสากัน
“ไงล่ะ พ่อนักธุรกิจพันล้านงานยุ่งดีนัก กว่าจะกลับบ้านเกือบสองทุ่ม”
“ผมไปนั่งเล่นร้านกาแฟเพลินนี่ครับ นั่งทำงานนั่งฟังคนคุยกันจนลืมเวลาไปหน่อย”
และเป็นเพราะว่าอุตส่าห์โทรไปย้ำ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง! คนเป็นเจ้านายก็นั่งรออยู่จนมีเรื่องนั่นแหละ
“มิน่าถึงได้กลับช้า กลายพวกหลงใหลทุนนิยมตั้งเมื่อไร ไหน... เมื่อวานเก็บเงินลูกค้าได้เยอะไหม?” ชะเง้อคอมองเงินเป็นฟ่อน กับกระดาษอีกหนึ่งแผ่น พิมพ์ด้วยข้อความทว่าเซ็นด้วยลายมือ
“สองแสนกว่าสั่งจ่ายเป็นเช็ก เงินสดอีกแปดหมื่นเป็นค่าเช่าที่ครับคุณหลวง”
“เรียกพี่สิน้อง พี่น่ะพี่...”
“ขอโทษทีครับพี่จัน ลืมครับ” ในความนอบน้อมนั้น เป็นนิสัยบ่าวผู้ไม่ชอบออกจากบ้าน เวลานั่งทำงานก็เน้นช่องทางออนไลน์ ซึ่งมันไม่ยากเลยกับการรับบทบาทเลขาฯ หลังเกษียรอายุราชการจากนายเสมียนเมื่อเจ็ดสิบปีที่แล้ว
หนุ่มหน้าใสก้มหน้าลงถอนหายใจใส่โต๊ะทำงานรูปตัวแอล เงยหน้า ขึ้นถาม
“เอาเป็นว่าจะพยายามนะครับ คุณ... เอ่อ... พี่จะรับงานออกแบบงานหน้าของบริษัทนี้ด้วยไหมครับ? ผมได้ยินว่าเจ้าของทำฟาร์มจระเข้”
“รับสิ เก็บเงินพานายไปเที่ยวไงไอ้น้องรัก งานหนักแค่ไหนก็รับมาเถอะ” พูดพลันรับเงินมานับก่อนเก็บลงลิ้นชักอย่างดิบดี นายจันไม่ได้ฉุกใจเรื่องบ่าวที่คงจะนั่งร้านกาแฟนาน จนกลับมาทำเรื่องเซอร์ไพรส์ เปลี่ยนคำพูดจาไปเป็นคนละคน
“ผมว่าพี่จันมีเงินเก็บตั้งเยอะแยะ ทำไมขยันรับงาน”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้น “อืมม... นั่นซี” หยิบยื่นแบงก์สีเทาส่งให้ประมาณหนึ่ง
“เอานี่... สามหมื่นค่าขนม”
บ่าวยกมือโบกไปมา “คือผมเกรงใจครับ ผมเองก็พอมีอาชีพ มีรายได้จากหุ้นอยู่ เหลือกินเหลือใช้”
“ตกลงไม่เอาใช่ไหม? เงินน่ะ ตั้งสามหมื่น...”
พอถูกคะยั้นคะยอ นายคล้าวก้มหน้าลงมองเงินเป็นฟ่อน ๆ กลืนน้ำลายลงคอพอนึกถึงเนื้อชั้นดีราคาสูงพอสมควร
“เอ้า... เร็ว ๆ ไม่เอาก็ไม่ให้แล้วนะ”
“ขอบคุณครับพี่... เอาก็ได้ครับ” ผู้น้อยยกมือไหว้ปลก ๆ เลื่อนมือไปรับสินน้ำใจหลังเปลี่ยนใจกะทันหัน ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปห้องทำงานของตัวเอง
“แหม... ไอ้เข้ตัวนี้กินเก่ง ชั้นเชิงเยอะ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนวงหน้าหล่อเหลา ตาคมมองตามแผ่นหลังของร่างสูงในเชิ้ตสีเทา กางเกงสแล็ค เข็มขัดราคาแพงสมฐานะ
ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าใครดูแลใคร ตั้งแต่เลิกล้มระบบศักดินานายบ่าว พวกเขาพึ่งพาอาศัยกันฉันพี่น้อง ขนาดรหัสตู้เซฟ บัญชีธนาคาร แอปพลิเคชันในมือถือ ไม่มีเรื่องไหนเป็นความลับต่อกัน เสื้อผ้าหน้าผม คนเข้าสังคมมากกว่าอย่างนายจันคอยเลือกซื้อให้ ให้คำแนะนำตามการแต่งตัวตามยุคสมัย แบ่งปันกันใช้ประสาหนุ่มโสด
ห้องนอนที่เข้าโทนสีกันกับจระเข้หนุ่มคือสีเขียวเข้ม สลับกับสีขาวและดำ ห้องกว้างขวางกั้นเป็นสัดส่วนแยกเป็นห้องทำงานในตัวห้องนอน จัดสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ซึ่งเป็นที่นิยมตามยุคสมัย วางของเก่าแก่โบราณไว้บ้างบางชิ้นบนตู้หนังสือและชั้นวางของขนาดใหญ่ ทาสีให้ต่างจากห้องนอนของตัวเองที่เป็นสีขาว-ดำ
นายจันตกแต่งให้เองกับมือ ดังนั้นห้องทั้งสองห้องในฝั่งตรงกันข้ามจึงเหมือนกัน ต่างกันแค่โทนสี
ไอ้น้องชายตัวดีแอบหนีไปรื้อตู้เย็นหาของกินล่ะสิ...
คิดพลันฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าควรเอาใจใส่จระเข้หนุ่มให้มากกว่านี้ ออกเที่ยวให้น้อยลงแล้วกลับบ้านเสียบ้าง ยิ่งเมื่อคืนฟัดกันเลือดอาบจนจระเข้ตัวเล็กกว่าหนีเข้าห้องนอนไป ธรรมดาเขาต้องรู้สึกผิด
ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทเดินตามบ่าวที่ลงไปชั้นล่าง ส่ายคอมองหาคนในห้องครัวที่แทบจะทำตัวหายไปกับตู้เย็นสีดำสนิท
ปกติพวกเขาทานอาหารกันเหมือนมนุษย์ แต่ถ้ามื้อไหนหิวหน่อยก็แปลงกายเป็นไอ้เข้สายเขมือบ
ไม่ทันที่นายคล้าวจะได้ทานเนื้อก้อนโต หลังเปิดตู้เย็นแยกเขี้ยวเตรียมหาของกิน เจ้านายหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารที่ทำจากไม้สักในห้องครัวสไตล์ร่วมสมัย
“นี่ไอ้น้อง... โทษทีนะเมื่อคืนมือหนักตีนหนักไปหน่อย หงุดหงิดน่ะ”
บ่าวได้รับคำขอโทษกลับทำตาขวาง ทว่าพอเจ้านายตบบ่าอย่างลูกผู้ชาย ขอให้ลืมเรื่องบาดหมางใจ นายคล้าวคงพอจะลืมมันได้
ขณะมือหนายังถือเนื้อวัวก้อนใหญ่ซึ่งนำออกมาจากช่องแช่แข็ง โดยไม่ได้เอาเข้าปากสักที เพราะเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ คงต้องทำให้มันอุ่นขึ้นเสียก่อน เรื่องของดิบถ้าสดสะอาด พวกเขาทานมันได้ แต่ถ้าไม่... ก็เคยต้องปวดท้องไปหาหมอเหมือนคนทั่วไป
“ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แกก็รู้นี่... ตกดึกทีไรใครขัดใจไม่ได้ อารมณ์เสียทุกที”“ผมคงไม่โกรธอะไรแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจ ตามสบายนะพี่”เจ้านายฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก “งั้นไปนะ... ไปดูซีรีส์ต่อดีกว่า”“เอ๊ะ... พี่ติดดูทีวีหรือ? ดูอะไรอยู่ล่ะ”“หลายเรื่อง ซีรีส์ฝรั่งเกาหลีบู๊ล้างผลาญ นางเอกสวยดี อีกเรื่องอะไรนะ... จิ้งจอกเก้าหางหรืออะไรสักอย่าง”“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีนะครับ... เดี๋ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ถ้ายังอยากดูหนัง ยังอยากเที่ยว เราต้องตามหาแม่ตะเภาทอง”ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง เป็นลูกสาวเศรษฐีเมืองพิจิตร พญาจระเข้เคยคาบแม่ตะเภาทองไปอยู่ด้วยในเมืองบาดาล เสกให้หลงด้วยมนตร์เสน่ห์ แต่ในเมื่อนางเอกต้องลงเอยกับพระเอกอย่างหมอจระเข้อยู่แล้ว ไอ้ชาละวันก็ถูกเสียบด้วยหอกอาคมนายจันและนายคล้าวได้ยินมาว่าเวทย์อาคมเพียงเท่านั้นจะแก้ไขสิ่งที่พวกเขาเป็น ไม่เช่นนั้นก็ต้องตาย...“น่าสงสารพ่อชาละวันเสียจริง เชื่อเถอะว่าหล่อนไม่มีตัวตน ถ้าเจอ ฉันคงเจอไปนานแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน วนเวียนอยู่กับอสงไขย[1] เช่นนี้ ฉันอยู่มากี่ร้อยปี”“เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยสักอย่างเหมือนเดิมนะครับ”“เชื่อ... แต่สิ่งที่พิส
“คนรับรองคนไหน? ผมยาวหรือผมสั้นคนนั้น”“ผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ครับ ที่หิ้วกระเป๋าจระเข้...”“สวยดีนี่ ตาถึง แต่ว่าฉันไม่ชอบรสนิยมนั่นเท่าไร ฉันเห็นจระเข้ตัวเมียโดนเชือดก่อนกลายเป็นกระเป๋าสีขาวแสนสวยของหล่อน แล้วแต่งตัวแบบนี้น่ะ คนเขาเรียกว่า ‘เซลล์’” นายจันมองหาคนไกลด้วยดวงตาที่สามารถมองได้ไกลลิบ มากสุดคงมองได้เป็นกิโลฯ แม้ว่ามันอาจไม่ชัดเจนนักแค่เห็นว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรจากนัยน์ตาเป็นประกายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลทรงเสน่ห์เช่นเดียวกับคนน้อง พวกเขามีใบขับขี่! ใบรับรองแพทย์ที่บ่งบอกอาการของสายตาอันเฉียบคมว่าเป็นการทำงานผิดปกติของกลุ่มแยกแยะสีในตา อาการไม่ร้ายแรง สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปนายจันมีเอกสารครบ ส่วนเรื่องอะไรต่อมิอะไร คนเป็นนายออกนอกบ้านมากกว่าก็จะรู้มากกว่า“เซลล์? หมายถึง seller อะไรประมาณนั้นน่ะหรือครับ”“ใช่ ตอนนี้เรียกเซลล์ เซลล์ขายของ พนักงานขายทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็แล้วแต่ว่าขายอะไร ยุค ๆ นั้นก็เรียกพนักงานขายนี่แหละ แกคงยังไม่ชิน” “จากการแต่งตัวแล้วผมพอเดาได้ว่าเธอขายอะไร เฮ้อ... คนในยุคนี้ช่างโหดร้ายทารุณ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนายคล้าวหันไปบอก “อย่าลืมนะครับว่าเราสองค
สองคนมองหน้ากัน เพราะว่าถ้าพวกเขาจะไม่กิน...‘ฉันเป็นมังสะวิรัต! ไม่กินพวกเดียวกัน แกพาฉันมาทำอะไรวะไอ้คล้าว!’‘กิน ๆ เข้าไปเถอะครับ ผมอยากพิสูจน์อะไรหน่อย อดทนหน่อยนะพี่นะ’“เอ่อ... มีใคร... เป็นมังสะวิรัตหรือเปล่าคะ? คือกันได้ยิน... เสียง... เหมือนคนคุยกัน”กัญญาวีร์แน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงสองหนุ่มชัดเจนมาก แม้เป็นเสียงก้อง ๆ คล้ายเสียงสะท้อนของลำโพง ขณะที่พวกเขาเพียงนั่งเฉย ๆ โดยที่ปากไม่ขยับ“ไม่มีนี่ครับคุณกัน ผมกับพี่ชายขอเลือกเมนูสักครู่นะครับ”‘ต่อให้เจอแม่แก้ว... มันมีทางเลือกเดียวคือตายกับตายใช่ไหม!?’‘ไม่ถึงตายหรอกครับ ใจเย็น ๆ รอดูเธอก่อน เธออาจไม่ใช่คนที่เราคิดก็ได้’‘อย่ามาเล่นลิ้นปลิ้นปล้อน หัดเป็นบ่าวขี้ปดตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันลากแกไปเฆี่ยนแล้วไอ้น้องชายจอมปลอม! ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่สักคำ แกเอาหัวเป็นประกันไหมว่าฉันจะไม่ต้องกลายเป็นสเต๊กจระเข้ให้เธอกิน...’‘คงไม่มั้งครับ เธอไม่รู้สักหน่อย แล้วผมว่าเธอไม่น่าจะชอบเนื้อเหนียว ๆ เคี้ยวเข็ดฟันรุ่นคุณหลวงมั้งครับ’‘แกกำลังจะบอกว่าจระเข้หนุ่มอร่อยกว่า?’‘ก็แน่นอนน่ะสิครับ’ ‘อยากกลายเป็นสเต๊กจระเข้ตอนนี้เลยไหมวะ ไอ้ค
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งตะลึงงัน ก้าวขาไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังกว้างกำยำจนถึงลานจอดรถยนต์โล่งกว้างกลางแจ้ง พวกเขาขึ้นรถสปอร์ตคาร์สีแดงไปด้วยกันเขารู้ว่าเธอได้ยินเสียงประหลาด แล้วเธอได้ยินพวกเขาคุยกัน ไหนจะภาษาแสนโบราณนั่น!ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่คุณยายและพี่สาวบอกให้เธอระวังตัวเมื่อพบปะชายแปลกหน้า โดยเฉพาะปีนี้ อีกไม่กี่วันเธอจะอายุครบยี่สิบห้าปีกัญญาวีร์เคยไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่เพราะว่าดันเกิดมามีซิกซ์เซ้นส์ พบเจอประหลาดอยู่เสมอ และอย่าว่าแต่เสียงเลย ที่ไหนว่ามีผี มีคนตาย เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ เธอเปิดประเดิมเจอเป็นคนแรก! ประหนึ่งเครื่องส่งโทรจิตถึงวิญญาณ จนได้รับฉายาจากเพื่อนในคลาสว่ายัยแอนนาเบลเรียนเมืองนอกตั้งแต่ไฮสคูล โดนบูลลี่เป็นประจำ กว่าจะคว้าประกาศนียบัตรจาก UK University มาได้ กลับมาทำงานเมืองไทยไม่ถึงเดือน เธอก็ยังเจอเรื่องบ้า ๆยัยกันเอ๊ย มันจะเบญจเพสอาเพศอะไรนักหนา!ใบหน้าสดสวยส่ายไปมาเพื่อสลัดความฟุ้งซ่าน เมื่อเธอยังมีงานกองเท่าภูเขารออยู่ จึงหมุนตัวก้าวฉับ ๆ ไป สะบัดปลายส้นสูงอย่างนางงามพร้อมความมั่นใจที่กลับมาอีกครั้งใครต่างก็ว่าเธอเป็นคนสวย ชุดสูททำงานเค
บนโซฟาหนังกำมะหยี่ที่เพิ่งถอดจิตไปหาหญิงสาว นายจันสงบสติอารมณ์ลง ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่จำได้ว่าไม่ได้พบแม่ตะเภาแก้วมานานมากแล้วหลังภพชาติก่อนของเธอไม่เกิด...ตะเภาทองที่เคยเป็นเมียโดยไม่เต็มใจ ใช่... เขาถือว่าหล่อนไม่เต็มใจเพราะต้องมนตร์สะกดชาละวัน ก่อนจะไปเป็นเมียของไกรทอง พ่อคนดีเมืองพิจิตร ภพชาติต่อมาก็ยังเป็นลูกหลานบ้านเดิม ก่อนจะตัดสินใจลาบวชด้วยความเลื่อมใสในพระธรรมไม่รู้มาก่อนว่าคนน้องนี้จิตแข็ง ไม่หวั่นพรึงต่อสภาพการณ์อีกโลกหนึ่ง หากได้ยินเสียงวิญญาณหรือถูกผีหลอกเข้าสักคืน แม่คงฟาดฝีปากสาปแช่งด่าผีไม่ให้ไปผุดไปเกิดหรือไม่ก็... ไล่เตลิดเปิดเปิงจนหลุดจากนิมิตกลับมาที่เดิม“นั่งเหลือกตาอ้าปากยังกับจระเข้ ประหลาดคน” นายคล้าวบ่นพลางเคาะแป้นพิมพ์เสียงดัง ชะโงกหน้าที่สวมแว่นหนาเตอะผ่านจอสี่เหลี่ยม ให้ความสนใจกับคนที่นอนเหยียดขาอย่างสบายใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ไปหาแม่แก้วหรือนั่น”“อืม... แม่ดุมากสายแข็ง แต่ไม่เป็นไร ขอลองใหม่อีกที” เขาปิดตาลงอีกครั้ง พร้อมความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเผด็จศึกให้จงได้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็คาถา‘แม่แก้ว... มาหาพี่...’“ฉันชื่อกัญญาวีร์!”
สัมผัสรับรู้ในที่นี้ไม่ใช่ความจริง แต่จะปรากฏในภาพฝัน ความทรงจำ อาจรับรู้ได้เมื่อลืมตาตื่นแสงสีทองเล็ก ๆ ปรากฏเป็นสิ่งแรก สาดสะท้อนเข้านัยน์ตาสีแดง ถึงแม้ว่าผู้บุกรุกจะตระหนักรู้ว่ามันเกราะคุ้มกันภัยของหญิงสาว อาจเผาไหม้ร่างของเขาให้กลายเป็นเถ้าธุลี แต่ชายผู้บำเพ็ญเพียรมานานนับหลายร้อยปีไม่หวั่นพรึงต่อสิ่งใดเรือนร่างงามใต้ก้นบึ้งลึกสุดจมอยู่ก้นบ่อ เธอคงอยู่ในนิทราหวานที่ใดสักแห่ง เดรัจฉานตัวสีดำตรงเข้าไปใช้ปากกว้างคาบร่างงามอย่างระวัง กระทั่งเขี้ยวฟันก็ไม่ให้ถูกเนื้อกายของเธอมากนัก เพื่อพาขึ้นฝั่ง ค่อยกลับคืนสู่ร่างเดิม โอบอุ้มคนตัวเล็กในอ้อมแขนพร้อมรอยยิ้มย่ามใจบุรุษรูปงามนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเครื่องอาภรณ์เป็นสร้อยอัญมณีมรกต เส้นผมดำขลับตรงยาวราวผมของอิสตรีทิ้งลงเหนือสะโพกสอบ ปอยผมสีขาวข้างกรามแกร่งตามอายุขัยคือหกร้อยห้าสิบเจ็ดปี แม้ใบหน้าหล่อเหลายังคงไว้ในร่างชายวัยสามสิบ‘แม่แก้วตาดวงใจพี่ หนีอย่างไรก็ไม่พ้น พี่จะตามหาน้องจนพบนั่นแล’เสียงดังก้องที่ลอยวนในอากาศนั้นอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน ทว่าพอเปลือกตาขาวปรือขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนกว้าง หญิงสาวเหมือนคนเมามายไร้สภาวะสำนึกรู้ในเวลายามด
“อย่าลืมตะกรุดที่ทวดให้ไว้นะ ต้องใส่ตลอดเวลาเข้าใจไหม? ถ้าขาดให้มาบอกยาย จะซ่อมให้” เสียงยานคางหญิงชราวัยเจ็ดสิบกำชับหนักแน่น มือเรียวที่มีรอยเหี่ยวย่นตามวัยผูกสร้อยข้อมือสีดำสนิทซ้อนเป็นเงื่อนตาย ให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุด“กันไม่ลืมจ้ะยาย ยายเถอะอยู่บ้านดี ๆ นะไม่ต้องห่วงหลาน หลานเอาตัวรอดได้”คุณยายราตรีผ่อนลมหายใจหนัก จัดการงานตรงหน้าเสร็จแล้วยังว่า “เด็กนอกนี่สอนยาก พูดอะไรไม่เคยเชื่อกันสักเรื่อง ไม่เหมือนแม่ชีนะ คนนั้นไม่มีเถียงยายสักวัน”“ยิ้มหวานอย่างเดียว...” พูดพลางฉีกยิ้มกว้างหวาน เห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ ก่อนจะว่า “พี่สาวชีน่ะยิ้มหวานจ้ะ จ้ะ จ้ะ ถ้าไม่ตัดสินใจบวชชีคงเป็นมิสยูนิเวิร์สได้แล้วมั้ง”“มันน่าตีนะ นินทาใครไม่นินทา ลามถึงแม่ชี” คุณยายทำตาขวางมองชุดสวยลายสก็อต เดรสกระโปรงสั้นเหนือต้นขา อีกข้างเป็นทรงตัดคลุมยาวไปถึงเข่า หลานสาวคนดีแต่งตัวตามแฟชั่นทันสมัยไม่ตกยุค ไม่รู้จะสวยไปไหน ส่วนตัวคุณยายเองอยู่ในเสื้อคอกระเช้าผ้าถุง ร่างผอมบางเหมือนกับทุกคนในบ้าน“วันนี้ไปไหนล่ะ? แต่งตัวสวยโบกหน้าซะหนา จะไปดูหนังดินเนอร์กับตาสนหรือยังไง”“เอาเอกสารไปให้ลูกค้าเซ็นหน่อยจ้ะ วันก่อนกันป้
“อย่าให้พลาดละกัน” เสียงเข้มเตือนบ่าว นายคล้าวกำฝ่ามือไว้บริเวณด้านหน้าต้นขาด้วยท่าทางคร่ำเครียด มือข้างหนึ่งของมีรอยไหม้เป็นทางยาว“ผมจะระวังไม่ให้เธอรู้ตัว ส่วนตะกรุดนั่นผมไปจัดการมาให้แล้วครับ”“วันหลังลำบากก็ไม่ต้อง เจ็บตัวเปล่า ๆ ฉันจัดการเองได้ อืม... แล้วฉันต้องทำยังไงต่อนะ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ตาจับจ้องประตูไม้สักหน้าบ้านเฝ้ารอคนข้างหลังที่ยังคงไม่ปรากฏตัว หลังโอนเงินมัดจำไปแล้วนายจันคงไม่อยากได้สินค้าอะไรนั่นแต่อยากได้คนขายมากกว่า ส่วนเรื่องการลงทุนให้น้องชายจระเข้ไปเปิดร้านขายหนังจระเข้ ก็นับเป็นผลพลอยได้เสียงกริ่งดังบอกว่าแขกคงมาถึง นายคล้าวรีบไปเปิดประตูรอต้อนรับ ทว่าเขากลับต้องแปลกใจเล็กน้อยพอเห็นพนักงานขายทั้งสองคนถือเอกสารมา คนหนึ่งสวมสูทกระโปรงยูนิฟอร์มบริษัท อีกคนเป็นเดรสลายสก็อตตัวสวย“นึกว่ามาคนเดียวซะอีก เชิญคุณกันตามพี่ชายผมไปก่อนนะครับ ส่วนพี่... ให้ผมพาชมบ้านหน่อยดีไหม?”“ค่ะ...” ตอบทันที รุ่นพี่พนักงานจู่ ๆ ก็ทำหน้านิ่งตัวแข็งทื่อเดินตามเจ้าของร่างสูงไป ทิ้งสองคนไว้ลำพัง คนหนึ่งคงจะเกิดอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา“เอ้อ... คือว่ามีเอกสารต้องให้พี่เขาช่วยดู”“จะเอาแค่ลา
เมื่อผู้ชายตัวโตเป็นฝ่ายยอมปล่อยจากเรียวปากอิ่มงาม กัญญาวีร์ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากกว้าง เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปตลอด สุดอสงไขย ณ สถานที่ไร้ห้วงเวลาแห่งนี้“หากว่าถึงเวลาของเรา สักวันหนึ่งเราจะไปด้วยกันนะคะ เราสามคน”“ไม่แค่สามครับ... อนาคตเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่แน่นอนว่าบ้านหลังนี้จะมีจระเข้แอลลิเกเตอร์มากกว่าสามตัว”นานเท่าไรก็จะไม่พรากจาก รอยยิ้มปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลา กุมภิลหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจินตนาการถึงลูกครึ่งจระเข้และแอลลิเกเตอร์ ลูกของเขากับแม่แก้วกัญญาส่วนหญิงสาวยังคงมองตามหยดน้ำใสที่ไหลออกมาจากดวงตาเมื่อมันกลายเป็นก้อนกลม ลอยขึ้นที่สูงแล้วสลายหายไปในอากาศ เธอผุดรอยยิ้มกว้างออกมา ยกปลายนิ้วขึ้นแตะมันที่แตกกระจายออกเป็นฟอง ไม่เลิกร้องไห้ในอ้อมกอดของกุมภิลในวังบาดาลของพญาจระเข้ใหญ่นี้ก็คงจะมีลูกหลานทายาทจระเข้มากกว่าหนึ่งตัว และจากนี้ไปคงมีเรื่องให้คนช่างอยากรู้อยากเห็นอย่างกัญญาวีร์สนุกตามคุณพ่อจระเข้อีกแน่ ๆ ------------------------------------การออกไปว่ายน้ำหาสถานที่อาบแดดเป็นอะไรที่... มีความสุขที่สุด! หากไม่เป็นเพราะว่าคุณแม่อยากลองสถานที่แปลกใหม่ คน
พญาชาละวันคงไม่มีเมตตาต่อมนุษย์เท่าเดิม เมื่อจิตวิญญาณและความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตาคมจรดมองร่างสั่นเทา เปียกปอนเหน็บหนาวไม่ต่างจากพรายสาว น้ำตาลูกผู้ชายก็พาลไหลชาละวันบัดนี้ไม่กลัวเกรงพญายมราชหรือใครหน้าไหน แม้ว่าเขาจะเหยียบหน้าเจ้าถิ่น ก็คิดเพียงว่าต้องพาเมียรักกลับคืน ตรงกันข้ามกับอีกคน หญิงสาวคิดว่ามันคงถึงเวลาต้องจากกัน...“ให้แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาร่วมกันเถิดค่ะ ตอนนี้กันต้องไปแล้ว ลาก่อนคุณหลวงจัน... พญาชาละวัน...”เพียงเรือลำน้อยแล่นฉลิวไปด้วยความเร็วต่างจากเมื่อครู่ หยาดน้ำใสก็เจิ่งนองเต็มสองตาเจ้าจระเข้ยักษ์ มันไม่ยอมว่ายห่างจากเรือ ยังแปลงกายครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แผงอกกว้างกำยำและสองมือเกาะติดเรือไม้อย่างแน่นหนึบ“ผมไปด้วยได้ไหม?”‘ไสหัวไป... ไอ้ตาละวัน’“ไม่ไปครับ...” ในสีหน้ายียวนกวนประสาท กุมภิลหนุ่มรู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร ไม่มีใครกล้าลองดีกับท่านท้าวพญายมราช ที่ถึงจะส่งพระยมไปเก็บดวงวิญญาณ ก็สามารถสื่อสารจิตถึงกัน หากว่าเจอเรื่องราวอันเป็นอุปสรรคในเมื่อบนโลกนี้ยังมีอมนุษย์และปีศาจบางตน ปะปนแอบแฝงอยู่กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆทว่าจากเรือนผมที่เคยเป็นสีขาวยาวประเอว บัดนี้
เคียดแค้นชิงชัง โกรธในสิ่งที่เธอทำแต่ว่ายังรัก... เขายังรักเธอหมดหัวใจ‘แม่แก้ว!’ เสียงเรียกดังผ่านกระแสน้ำถึงห้วงจิต อีกเพียงนิดก็คว้าร่างของแม่สาวเอวบางได้แล้ว ทว่าเจ้าของเรือนผมสวยสีดำขลับในมินิเดรสตัวเดิม กลับว่ายขึ้นฝั่งผ่านหน้าเขาไปเสียเฉย ๆ ไม่แม้จะสนใจเขาด้วยซ้ำ‘กัญญาวีร์! รอผมก่อน จะรีบไปไหน...’เดรสลายดอกไม้ตัวนั้นเขาก็ซื้อให้ แค่เธอบอกว่าสวยคำเดียวไม่ว่ามันจะราคาเท่าไร เธอมันก็แค่ผู้หญิงเอาแต่ใจ เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง หัวสูง ทำอะไรไม่ปรึกษา ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโห!นัยน์ตาสีแดงสนิทพยายามเพ่งมองให้ชัด โทสะปะทุขึ้นในจิตใจ ร่างสีดำสนิทของจระเข้ใหญ่แหวกว่ายตามไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงร่างโปร่งใสยังมีอีกคนลอยอยู่ท่ามกลางความมืด สองแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ เส้นผมสยายกระจายตามกระแสน้ำ ดวงตาคู่สวยใสใต้เปลือกตาขาวเพียงเบิกมองข้างหน้าอย่างเคว้งคว้าง ในสถานที่แสนเงียบเชียบและหนาวเหน็บลำพัง------------------------------------ร่างไร้ลมหายใจที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำ ราวกระชากหัวใจกุมภิลไปจากอก ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งเธอไว้ เมื่อภาพที่ตาเห็น สิ่งที่สองมือสัมผัสเป็นเพียงกายหยาบ เขากอดร่างแสนหวงแหนไม่ห่าง
ปริศนาในใจเธอได้ไขกระจ่างเมื่อไม่นานมานี้ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาลิขิตตามพระครูว่าเธอเป็นกุญแจสำคัญ“ฉันเป็นคนขังเขา แต่ในเมื่อเขาเลิกกินเนื้อมนุษย์ไปแล้ว หมอจระเข้ก็หมดกรรมกับเขาไปแล้ว เขาควรได้รับการปลดปล่อยเสียที ฉันจะทำมันค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ได้ไปคนเดียว”“เช่นนั้นผมคงห้ามอะไรคุณกันไม่ได้ เอาเป็นว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรให้ตะโกนเรียกผมนะครับ ผมลงไปในบ่อน้ำนี้ไม่ได้”สองนายบ่าวแทบจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำ หากว่าไม่เห็นกับตา ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาจะลืมเรื่องบ่อน้ำเสมอ ขณะส่ายคอมองหาไปรอบ ๆ บริเวณด้านหลังบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้ารก ท้องฟ้ามืดลงเต็มที ต่างคนมองเห็นร่างโปรงใสของชายหน้าคุ้นตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าบ้าน กำลังชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่าง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง“ฝากด้วยนะคุณคลาวด์ อย่าให้เขามา”“ครับ คุณรีบไปจัดการธุระเสียเถอะ ถึงเจ้านายผมจะหลับ จิตเขาไม่ได้หลับไปด้วย”ได้ยินเท่านั้น เรือนร่างงามของหญิงมนุษย์ก็กลายเป็นเดรัจฉานสีขาว นัยน์ตาสีทอง สัตว์เลื้อยคลานที่มีเขี้ยวคมคลานไปด้วยสี่เท้าของมันลงบ่อไป ------------------------------------ลึก ๆ แล้วกัญญาวีร์
เขายังมีเรื่องราวแปลก ๆ เล่าให้เธอฟังอีกมากแต่เป็นเพราะว่านั่งฟังเสียงตึกตักดังมาได้สักพักจากคุณแม่และคุณลูก จึงซุกปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเข้าหาเดรสลายดอกไม้สวย สูดกลิ่นหอมเบา ๆ ให้ชื่นใจ มือเอื้อมผ่านแผ่นหลัง โอบเอวบางของคุณแม่ที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างระวัง“ท้องโตขึ้นนะ คุณพ่ออยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเร็ว ๆ จัง”“คุณชาร์ลว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”“ผู้ชาย... ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย”สัญชาตญาณลึก ๆ บอกเขาที่เชื่อในความสามารถการรับรู้ของตน คุณพ่อยังนึกซน พอกลิ่นหอมอ่อนอันมีเอกลักษณ์โชยมาแตะจมูกตามทิศทางลม ขณะที่เดรสกระโปรงยาวคงทำอะไรต่อมิอะไรได้ยากเสียหน่อย คุณแม่ยังหวงเนื้อหวงตัวเป็นพิเศษในระยะหลัง ๆ มา เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้กิน! “ตัวเล็กครับ... ก๊อก ๆ อยู่ไหมนะ... พ่อกวนแม่ได้ไหมครับ” “ไม่ได้ครับ ห้ามกวน” คุณแม่ดัดเสียงแหลมเล็กหยอกล้อ ส่งเสียงหัวเราะดังระคนกันไปนายจันเผลอคิดว่าเมียคงกลายเป็นคนขี้แกล้งอย่างเขาเสียแล้ว ขณะมือหนาค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำ เลิกกระโปรงบานพลิ้วขี้นกองเหนือหน้าขา ก่อนจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ดวงตาคู่สวยใสแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดุแ
กัญญาวีร์ดูเร่งเร้าเหลือเกิน ชายกระโปรงสีครีมหวานเขย่าไปเขย่ามา ทำเอาเจ้าของบ้านลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม มือไขประตูอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่พอได้ยินเสียงหวานตะโกน“แม่อ่วม ๆ!”‘เจ้าขา... คุณผู้หญิง... อ่วมอยู่นี่เจ้าค่ะ’ คงไม่มีใครคิดว่าบ่าวผู้จงรักภักดีอย่างแม่อ่วมจะยังอยู่บ้านหลังนี้ นายจันมาที่นี่กี่ทีไม่เคยลองเรียกหล่อนดู จึงไม่รู้ว่าหล่อนยังอยู่ นั่นทำให้เขายิ่งแปลกใจ“เรียกหาบ่าวทำไม?”“คือ... กันดีใจไปหน่อย ลืมตัวค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า กันหิวแล้ว” พูดพลันควงท่อนแขนเป็นล่ำสันกลบเกลื่อน นายจันยังมีสีหน้าสงสัย ขณะพาหญิงสาวเข้าบ้าน เพิ่งจะเห็นเธอนิ่งเงียบไปหลังส่ายคอมองไปทั่ว ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น“กันทำตัวไม่น่าไว้ใจนะครับ”“ก็ปรกตินี่คะ คุณชาร์ลคิดเองเออเองรึเปล่า?”รอยยิ้มบนวงหน้าหวานบอกว่าไม่มีอะไร เมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงจับมือเรียวเดินผ่านทางเข้าบ้านโบราณที่ตกแต่งด้วยสีขาวครีม ขอบหน้าต่างหลังคาเป็นเกล็ดขนมปังขิง ตามแบบสมัยนิยมยุคคุณหลวง มีภาพขนาดใหญ่ใส่กรอบเป็นหนุ่มหน้าตาเหมือนกับนายชรัณไม่ผิดเพี้ยนแต่ถือไม้เท้าสวมชุดราชปะแตนอยู่กลางบ้าน“คิดถึงจังเลยค่ะ กันอยากกลับบ้านหลังนี้มาน
‘ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...’เสียงหวานใสยังก้องกังวานในหัว หลังลืมตาตื่นพร้อมคนในอ้อมแขน เรือนร่างกำยำในกางเกงนอนตัวเดียว แผงอกกว้างกำยำเปลือยเปล่าลุกสะลึมสะลือเดินออกจากเตียง เห็นบางคนนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊คสักพักใหญ่ เขาคิดว่าเธอคงจะงานล้นมือ เพราะหลังจากเลิกงานแต่งมาก็นั่งอยู่แต่หน้าจอวันก่อนคืนงานแต่งงานบอกลาแขกเหรื่อในเวลาสองทุ่มตรง นายจันรู้สึกไม่ดีนักกับการเป็นครึ่งกุมภิล เขาทำอะไรไม่สะดวกเพราะต้องเผื่อเวลาไปไหนมาไหน ยิ่งภรรยาเป็นพวกชอบออกงาน เจ้าสาวยังลำบากกับการจัดการผมยาว ๆ ให้กลับมาเรียบร้อยหล่อเหลา จนทุกวันนี้เธอแทบจะกลายเป็นช่างตัดผมส่วนตัวไปแล้ว“ทำงานหรือครับ? กินข้าวเช้ารึยัง...” บอกพลางหย่อนก้นนั่งลง เกยคางไว้บนไหล่มนอย่างออดอ้อน บนเก้าอี้แคบ ๆ ไม่มีแม้พนักสำหรับวางแขน เขาก็พยายามจะเบียดตัวเข้าไป“กินแล้วค่ะ คุณชาร์ลไปกินข้าวสิคะ กันทำข้าวต้มไว้ให้”“ผมไม่อยากกินข้าวต้ม ใครบอกว่าผมอยากกิน...”‘อยากชื่นใจเมีย’“แต่ว่ากันเหนื่อยมากค่ะ งานแต่งเป็นอะไรที่ยุ่งมาก วุ่นวายมาก ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย”“ปากบอกว่ายุ่งแต่มีเวลามานั่งทำ...” เงียบไป ตาคมหลุบมองคนที่สลับจอเ
สิ้นเสียงตวาดกร้าวผ่านห้วงจิต หล่อนก็กลับกลายเป็นหญิงงาม เจ้าของร่างพอรับรู้ได้ว่าตนไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เหลือเพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าบนที่นอนนุ่ม จึงรีบคว้าผ้านวมหนาขึ้นคลุมหน้าอก มองไปทางเสื้อผ้าขาดวิ่นบนพื้นพลางถอนหายใจ“เฮ้อ... เสียดายชุดสวย บอกให้ถอดก่อนก็ไม่ได้ แม่วิมาลานี่นิสัยแย่ไม่เปลี่ยน”“ช่างมันเถอะครับ มันเป็นเหตุสุดวิสัย”ร่างสูงหย่อนก้นนั่งลงข้างกัน เป็นเธอที่พอสบเข้ากับแววตาคมวาบก็หลุบหนี ใบหน้างามบึ้งตึง เริ่มจากแก้มร้อนผ่าวเพราะอารมณ์โกรธ แดงขึ้นตามลำดับ“พ่อคนหลายเมีย เมียเยอะมากความ มากเรื่องวุ่นวาย มีคนเดียวเสียตั้งแต่ทีแรกคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวขนาดนี้”“กันไม่เกิดให้เร็วกว่านี้ล่ะ”“เกิดมาแล้วไงคะ แต่ว่าเราคงทำบุญมาร่วมกันแค่นั้น มันน่าเสียใจนะ...”กัญญาวีร์รับรู้ทุกอย่างได้จากจิตใต้สำนึกของเธอเอง เพียงเปิดใจรับฟังอีกสองดวงจิตอย่างไร้ความหวาดกลัว ไร้ข้อโต้แย้ง ปล่อยให้ทุกอย่างหลั่งไหลเข้ามาดังกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก...สายน้ำอันอบอุ่นเปรียบดังความรักของชายผู้หนึ่ง ผู้เป็นรักแรกพบตั้งแต่วันแต่งงาน ‘คุณจัน’ ทำให้เธอเป็นคนที่ดีขึ้น มอบความสบายให้เธอผู้เป็นเมียมาทุกภพช
ดวงตาคู่สวยส่ายมองโซฟาสีดำหน้าเตาผิงน่ารักในห้องใต้หลังคา รอบเตียงประดับด้วยไฟเชิงเทียนดวงเล็ก มีกลีบดอกกุหลายโรยบนที่นอนสีน้ำตาลเทา พื้นพรมนุ่มนิ่มเหมือนว่ากำลังเหยียบขนสัตว์ ทุกอณูอบอวลกลิ่นอายของเมืองนอก ซึ่งเธออาจไม่ได้กลับไปอีกแล้ว กัญญาวีร์เคยบอกกับเขาครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าเขาจะจดจำมันได้ยังหาบ้านที่ถูกใจเธอ แม้ว่าเฟอร์นิเจอร์สำหรับเมืองร้อนหลายชิ้นอาจเอาไว้แค่ตั้งโชว์“สวยจัง... เหมือนอยู่เมืองนอกเลยค่ะ ถ้ามองออกไปเห็นหิมะได้คงดี”“ห้องนี้ผมแต่งเติมเพิ่มแค่ห้องเดียวครับ ทำเองทั้งหลังไม่มีทางทัน รีโนเวตทีเป็นเดือน ๆ”ใบหน้าสดสวยระเรื่อยิ้ม เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบกรามแกร่งเป็นรางวัล ก่อนจะหันไปเห็นกรอบภาพบนโต๊ะหัวเตียง หญิงสาวในภาพตรงหน้า ใส่ชุดเดียวกับที่เธอใส่ เธอมีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าหวานหมดจด งามอย่างหญิงไทยโบราณ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเธอและเขาเพิ่งเดินเข้าห้องมา ไม่มีทางที่เขาจะอัดรูปมาแปะฝาผนังไว้ทัน ดวงงตาคู่สวยเบิกกว้าง ปลายนิ้วชี้หน้าสาวในรูป“คุณชาร์ล! กล้านอกใจกันเหรอ?”“เปล่าครับ... ไม่เคยทำเลยนะ แล้วผมเพิ่งบอกกันไปเมื่อกี้ ไม่ได้ฟังเหรอ?”‘สมองหมาปัญญานิ่ม แม่