“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ ว่าข้าจะเอาคืน” เขาเริ่มจูบนางทันที ไม่รอให้นางได้พูดต่อ นางตกใจอยู่ชั่วครู่ และด้วยความดื้อรั้นของเขา นางไม่อาจจะต้านทานได้ จึงยอมปล่อยให้เขา จูบนาง และนางเองก็เริ่มเอามือ โอบรอบคอของเขา จูบกลับเขาเช่นกัน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม ที่นี่ไร้ผู้คน และไม่มีใครเดินผ่าน เขาเลยไม่รีบร้อนที่จะลงโทษนาง“ข้าว่า เรากลับจวนตอนนี้เลยดีหรือไม่” เขาถามเสียงแหบพร่าเต็มที เขาไม่อยากได้แค่จูบ และไม่อยากร่วมงานเลี้ยงแล้ว เขาอยากอยู่กับนาง เขาไม่อยากให้ใครเห็นนางอีก เขาหวงนางมาก ยิ่งใบหน้าของนางตอนนี้ เขาทนไม่ได้ ที่จะให้คนอื่นมองนางอย่างหลงใหล“ไม่ได้เพคะ ท่านอ๋อง หยุดเลยเพคะ อย่าทำคอข้าเป็นรอยนะ พอเลย หยุด” นางขู่เขา ซึ่งตอนนี้กำลังลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอของนางอยู่“พาข้า เข้าไปในงานเลี้ยง หรือไม่ ข้าก็จะเข้าไปคนเดียว ท่านอยากกลับจวน ก็เชิญกลับไปเอง”นางบอกท่านอ๋องผู้เอาแต่ใจ พร้อมกับผลักเขาออกเบาๆ และเดินหันหลังจะออกไป“ฟางซิน ไม่เอาน่า” เขารีบคว้านางไว้ กอดจากด้านหลัง“ไม่เจอเจ้าตั้งหลายวัน ข้าคิดถึงเจ้ามากนะ ก็แค่อยากอยู่กับเจ้า ทำไมเจ้าใจร้ายนักล่ะ” เขาเริ่มทำตัวเป็นเด็ก 5 ขวบ
สถานการณ์ตอนนี้กระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก ตอนนี้ฟางซิน เริ่มรู้สึกว่า อาหารที่กินเข้าไปไม่มีรสชาติแล้ว และนางเริ่มอยากกลับจวนแล้ว นางขยับตัวไปหาท่านแม่รอง“ท่านแม่รองเจ้าคะ ข้าอยากกลับจวนแล้ว ข้ารู้สึกไม่สบายท้อง” นางกระซิบบอกฮูหยินรอง“เจ้ากินมากไปสินะ อะไรหยิบได้ก็เอาเข้าปากหมด ตอนนี้คงออกฤทธิ์แล้วสิ เดินไหวหรือไม่ ให้แม่กลับพร้อมเจ้าเลยไหม”ฮูหยินรองถามอย่างเป็นห่วง“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากลับเองได้เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าอยากกลับไปนอนพักสักหน่อย งั้นข้า ขอตัวนะเจ้าคะ” ฮูหยินรองพยักหน้าให้นางพร้อมส่งสายตาเป็นห่วงให้“องค์ชายเป่าหลง ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนะเพคะ ไว้โอกาสหน้า ค่อยพบกันใหม่เพคะ” นางรีบกล่าวลา“แม่นางฟางซิน แล้วข้าจะมีโอกาสพบแม่นางได้อีกเมื่อใด”เป่าหลงเอ่ยถามนาง“ไว้โอกาสดีๆ เราคงได้พบกันแน่เพคะ หม่อมฉันทูลลาเพคะ"นางลาองค์ชายแล้วรีบเดินออกมา นางไม่อยากเห็นสายตาพิฆาตนั้นอีกแค่ซักวินาทีเดียว สายตาชวนอึกอัก ทำตัวไม่ถูก ราวกับว่านางทำผิดอะไรมา นางรีบหนีตอนนี้ จะปลอดภัยมากกว่า นางรีบเดินออกมาจากงานเลี้ยง นางคิดว่าเฉิงอ๋อง คงยังวุ่นวายกับการรับแขกต่างแคว้นอยู่ จึงเดินออกมาโดยไม่ได้ร่
"อาา ท่าน ท่านอ๋อง อืมมมม"เขาเลื่อนลงไปที่หน้าท้องของนาง ซึ่งตอนนี้แอ่นรับการโจมตีของเขา ดีมาก เขาคิดในใจ สาวน้อยของเขาเริ่มโตแล้วสินะ เขาเริ่มแหวกขานางออก และเริ่มชิม ร่างนางสั่นสะท้านและกระตุกแรงขึ้น นางไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่มันบอกไม่ถูกว่าอาย หรือรู้สึกดีกันแน่ นางไม่อาจขัดขืนเขา นางปล่อยอารมณ์ไปตามเขา นี่คือบทลงโทษของนางที่เขากล่าวไว้ หากนางขัดขืน มีแต่คงจะโดนลงโทษเพิ่มเป็นแน่ นางทำได้แค่กลั้นเสียงของนางเท่านั้นเขาเริ่มกลับมาวนที่หน้าอกของนางอีกครั้ง เพื่อปลอบโยนนาง นางบิดตัวอย่างเร่าร้อน ใต้ร่างเขา เขารู้ว่านางพร้อมแล้ว จึงค่อยๆใช้ขาของเขาแหวกขานางออกน้อยๆ และค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในตัวนาง เขาใช้ลิ้นกับหน้าอกของนางเพราะกลัวว่านางจะเจ็บในจังหวะที่เขาเข้าไป เขาได้ยินนางร้องเบาๆ ไม่แน่ใจว่าเจ็บหรือรู้สึกดีกันแน่ สักพักพอนางปรับตัวได้ เขาก็เริ่มจังหวะที่รุนแรงขึ้น ครั้งนี้ นางส่งเสียงครางดังขึ้น ทำให้เขาพอใจยิ่งนัก"ฟางซิน วันนี้ ข้าจะลงโทษเจ้า สถานหนัก เจ้าเตรียมตัวนะ"เขาพูดเสียงแหบพร่า และเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น"อ๊าา ท่านอ๋อง โปรดอภัย อ๊ะ ไม่นะ อ๊าาา"นางห้ามไม่ท
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นหรือยังเจ้าคะ”เสียงชุนเอ๋อ ตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง ในตอนนี้เองที่ฟางซินรู้สึกตัว นางสะดุ้งตื่น แต่ไม่มีแรงที่จะลุก นางรู้สึกหนักตัวไปหมดทุกส่วน นางหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียโดยไม่รู้ตัวจนถึงตอนนี้ นางต้องปลุกท่านอ๋อง ก่อนที่ชุนเอ๋อจะเข้ามา ดีที่นางลงกลอนเอาไว้ นางรีบพลิกตัวกลับไปเพื่อที่จะปลุก ……เขาไปแล้ว ไปตั้งแต่เมื่อใดกัน นางยกแขนซ้ายขึ้นมา สร้อยข้อมือทองประดับทับทิม กับแหวนยังอยู่ที่นิ้วและแขนของนาง แต่ตัวคนให้ไม่อยู่แล้ว นางถอนหายใจ โล่งอก“คนบ้า ไปไม่บอกลาสักคำ” นางบ่นพึมพำ“คุณหนู ท่านไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ” ชุนเอ๋อเริ่มร้องตะโกน เพราะเรียกอยู่นานแล้ว คุณหนูนางก็ยังไม่ตอบกลับมา นางเริ่มกังวล คิดว่าคุณหนูจะป่วยอีก จนกระทั่ง“ข้ามาแล้วๆ ชุนเอ๋อ รอเดี๋ยว”ชุนเอ่อถึงกับโล่งใจ เมื่อคุณหนูตอบกลับมาฟางซินค่อยๆ ลุกลงจากเตียง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนเดินมาเปิดประตู“คุณหนู ท่านไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ หน้าท่านดูซีดๆ นะเจ้าคะ” ชุนเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง“ข้าไม่เป็นไร เมื่อคืนทานอาหารแปลกๆ มากไปหน่อย เลยกลับมานอนพักน่ะ สงสัยจะกินมากไป เลยนอนเพลินเลย”นางตอบกลับไป“
ฟางซินย้ายมานอนกับฮูหยินรอง นางนอนกอดฮูหยินรอง และพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก คุยกันสักพัก ฮูหยินรองจึงเอ่ยถามฟางซิน“ซินเอ๋อ เจ้าจะออกเรือนอยู่แล้ว วันนี้นึกอย่างไร ถึงอยากได้มานอนกับแม่” นางเอ่ยถามอย่างเอ็นดู“ท่านแม่รอง ข้าก็อยากมานอนกับท่านตลอดแหละเจ้าค่ะ แค่ไม่มีโอกาส ท่านพ่อไปๆ มาๆ ข้าก็หาโอกาสไม่ได้สักที วันนี้ดีที่ข้ามาหาท่านตอนบ่าย ข้าเลยได้ทีไงเจ้าคะ”นางตอบกลับแบบออดอ้อน“เฮ้อ เจ้านี่นะ โตจนจะออกเรือนอยู่แล้ว นิสัยยังเป็นเด็กอยู่ แล้วอย่างนี้ จะช่วยท่านอ๋อง ดูแลจวนได้อย่างไรกัน ไม่ได้ๆ แม่ว่า พรุ่งนี้ เจ้าต้องเรียนการบ้านการเรือนเพิ่มกับแม่นมอู๋แล้ว นางเคยอยู่ในวัง ดูแลพระสนมหยางเฟยมาก่อน นางน่าจะช่วยเจ้าได้”ฟางซินหน้ามุ่ย“ไม่เอา ท่านแม่ ข้าเรียนกับท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งงานเย็บปัก งานหนังสือ การจัดการบ่าวไพร่ ท่านแม่รอง ท่านอย่าทรมานข้าอีกเลยนะเจ้าคะ น้าาา”นางอ้อน สุดท้ายฮูหยินรองก็ใจอ่อน“ก็ได้ๆ งั้นต่อไปหากเจ้าพบปัญหาอะไร ก็มาบอกแม่ แม่จะช่วยเจ้าดูแล แต่เจ้าเองก็ต้องฝึกไปด้วย เข้าใจไหม ผู้คนจะได้ไม่เอาไปนินทาลับหลัง ว่าเจ้าเป็นพระชายาท่านอ๋องที่ขาดการอ
รถม้าจอดหน้าหอจันทรา ฟางซินลงจากรถม้า นางเดินเข้าหอจันทราไป ไม่ชำเลืองมองเขาแม้แต่น้อย รอบนี้นางคงโกรธมากจริงๆ แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิด ทำไมนางต้องลงโทษเขาขนาดนี้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เขาอธิบายด้วยซ้ำ ความอดทนเขาเองก็มีจำกัด แค่ขี่ม้าตามรถม้าของนางวันนี้ ก็เกินพอแล้ว เขารอไม่ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าคนแซ่เจีย ชอบมาดักรออยู่แถวนี้ สักพักนางก็ออกมาพร้อมกับชุนเอ๋อ เขารีบเดินเข้าไปหานาง“เจ้าเสร็จธุระแล้วใช่หรือไม่”“คือข้า ยัง ว๊าย ท่านอ๋อง”นางรีบตีมือเขา เขาหันกลับมาสั่ง“ชุนเอ๋อ เจ้ากลับจวนไปก่อน ข้ามีธุระกับคุณหนูของเจ้า ฝากบอกท่านลุงลู่ด้วยว่าข้าจะพานางกลับไปส่งเอง” นางบอกชุนเอ๋อ และพาฟางซินเดินมาที่ม้า“ท่านจะพาข้าไปไหน ท่านอ๋อง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ท่านอ๋อง”นางไม่คิดว่าท่านอ๋องจะทำอะไรอีก นางหนีรอดมา 1 คืนแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก จนเดินมาถึงม้าของเฉิงอ๋อง“ท่านอ๋องเพคะ ท่านอย่าบอกว่า ว๊าย”นางตกใจ เฉิงอ๋องไม่รอนางพูดอะไร ก็อุ้มขึ้นม้า และเขาก็ขึ้นตามมา และพาขี่ออกไปจากตลาด ผ่านย่านการค้า กำลังจะออกนอกประตูเมือง นางสงสัย“ท่านอ๋อง นี่ท่านจะไปไหนเพคะ นี่เราจะออกนอกเมืองแล้วนะเพคะ”นาง
เฉิงอ๋องรีบควบม้ากลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว และมุ่งตรงไปที่สกุลลู่ สลับกับก้มดูอาการฟางซินไปด้วย“ฟางซิน จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว อดทนไว้นะ” เขาบอกนาง นางพยักหน้าให้เขา ตอนนี้ใบหน้านางซีดมาก เหงื่อเริ่มไหล เฉิงอ๋องเริ่มใจคอไม่ดี สักครู่ มือนางที่บีบไว้ก็คลายออกจากเขา นางหมดสติไปแล้ว เขารีบเร่งม้าให้ไวขึ้น จนถึงจวนสกุลลู่เขาอุ้มนางลงจากม้า เขาเจอพ่อบ้านโจก่อน จึงรีบแจ้งว่าคุณหนู 3 เป็นลม ให้รีบเรียกหมอ พ่อบ้านรีบวิ่งไปตามหมอ และบอกให้เขารีบพานางไปที่ห้อง รอท่านหมอก่อน“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ” ชุนเอ๋อรีบวิ่งมา นางเห็นท่านอ๋องอุ้มคุณหนูมา“ชุนเอ๋อ เปิดประตูห้องให้ข้า เร็ว” เขาบอกนางอย่างเร่งรีบ และรีบพานางไปที่เตียง“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ตอนออกไปยังดีๆ อยู่เลย” เขามองมาเพื่อจะถามท่านอ๋อง“ตอนก่อนกลับก็ยังอาการดีๆอยู่ จู่ๆ นางก็บ่นปวดท้อง ข้าก็เลยรีบพากลับจวน นางเคยเป็นแบบนี้มาก่อนหรือไม่” เขาถามชุนเอ๋อ นางเลยนึกออก“ข้า ข้าพอจะทราบแล้วเพคะท่านอ๋อง รบกวนท่านอ๋องออกไปก่อนนะเพคะ หม่อมฉันต้องทำธุระให้คุณหนูเจ้าค่ะ”นางรีบบอกท่านอ๋อง แต่เขาไม่เข้าใจ นางจะมาไล่เขาได้อย่างไร“เจ้าทำอะไรก็
ห้องหนังสือ"ท่านลุงขอรับ เรื่องนี้ ท่านพอจะทราบที่มามั้ยขอรับ ตอนนี้ข้าส่งคนไปสืบแหล่งที่มาอยู่ แต่ข่าวกระจัดกระจาย จนจับต้นตอของข่าวไม่ได้เลยขอรับ"แม่ทัพลู่เดินวนไปมา เป็นครั้งแรกที่เฉิงอ๋องเห็นท่านลุงเป็นกังวลขนาดนี้“รอบนี้ ลุงก็จนปัญญา ข้าให้คนไปหาเช่นเดียวกัน แต่ก็พบปัญหาเดียวกับเจ้า รอบนี้ คนลงมือ ตั้งใจปล่อยข่าวให้กระจาย ที่นึก 1 ข่าว หลายข่าวมาปนกัน ยากจะจับตัวต้นเหตุได้”“แต่ข้าไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ตำแหน่งอ๋องของข้าไม่ได้มีผลกับการแต่งตั้งพระชายา ข้าไม่สนใจข่าวลือพวกนี้” เฉิงอ๋องกล่าวกับแม่ทัพลู่“ข้าเองก็ไม่ได้สนข่าวลือพวกนี้ ท่านอ๋อง เรื่องชาติกำเนิดน่ะ แค่ข้าบอกว่าฮูหยินรองรับนางเป็นลูก เรื่องมันก็จะง่ายขึ้น แต่เรื่องนี้ เหมือนมีคนจงใจปล่อยข่าว เกี่ยวกับมารดาของนางออกไป นั่นเท่ากับว่า ต้องการเล่นงาน…. นางโดยตรง”แม่ทัพลู่เป็นกังวลเรื่องนี้ มากกว่าข่าวลืออื่นๆ ที่ออกมา ซึ่งมีผลกับเขาน้อยมาก เขาสามารถสยบข่าวลือเรื่องอื่นๆ ได้โดยง่าย แต่เรื่องชาติกำเนิดของฟางซินนั้น“นายท่านขอรับ ในวังส่งคนมา ให้ท่านเข้าเฝ้าเป็นการด่วนขอรับ” ข่าวถึงในวังแล้วหรือ ไวเกินกว่าที่ข้าคิด แม่ทัพลู่
“กรุบกรับๆๆๆ”เสียงม้าที่โดนเฆี่ยนเพื่อให้วิ่งเร็วที่สุดของอ๋องเฉิงและจินเยว่ วิ่งออกนอกเมืองมาอย่างสายลม“เร็วเข้าสิ เร็วอีก”“ท่านอ๋อง ท่านอย่าพึ่งรีบร้อน น้องสามไม่เป็นอะไรหรอก นางอยู่กับแม่นมเถา นางจะปลอดภัย ย่าส์....”จินเยว่รีบควบม้าให้ทันว่าที่ท่านพ่อหมาดๆที่ขี่ม้านำเขาไปอีกแล้ว ม้าของท่านอ๋องกลับไปต้องดูแลกันอย่างหนักเลยทีเดียวเหตุการณ์เริ่มจากเมื่อตอนสาย หลังจากที่เฉิงอ๋องออกมาจากจวนเพื่อจะมารับคำสั่งเพื่อจัดส่งเสบียงที่จะไปชายแดนฝั่งตะวันออก เมื่อเขามาถึงไม่นาน และรับจดหมายคำสั่ง จินเยว่ก็ขี่ม้ามาหาเขา เพื่อแจ้งข่าวด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก“ท่านอ๋อง เร็วเข้า ซินเอ๋อนางปวดท้อง จะคลอดแล้ว แม่นมเถาให้ข้ามาส่งข่าว”“ตุบ”หนังสือราชการในมือของเฉิงลี่หมิงตกจากมือ“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋อง รีบไปสิขอรับ”“ต้าหรง เจ้า ได้ยินเหมือนข้าใช่หรือไม่ พระชายา จะคลอดแล้ว ข้าจะเป็นพ่อคนแล้ว เร็วเข้า ไปเอาม้ามาให้ข้า เร็วๆ เข้า”จินเยว่ส่งข่าวให้เฉิงอ๋องทราบแล้ว เขากำลังจะวิ่งไปส่งข่าวที่จวนสกุลลู่ต่อ แต่วันนี้ แม่ทัพลู่ก็เข้าวังด้วย เขาเลยส่งข่าวที่ท่านพ่อแทน“เจ้าว่าไงนะเยว่เอ๋อ ซินเอ๋อจะคลอดแล
เรือนตากอากาศสกุลเฉิง“พระชายาเพคะ กลับเข้าไปข้างในจวนเถอะเพคะ เวลานี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะเพคะ”“รออีกสักครู่เถอะแม่นมเถา ข้าอยากรอท่านอ๋องกลับมาก่อน นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว”“ก็ได้เพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันเอาผ้าคลุมมาให้เพคะ พระชายาต้องเสวยยาบำรุงครรภ์แล้วนะเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันให้เด็กยกมาให้พร้อมกันเลย”“ขอบคุณแม่นมเถา”แม่นมเถา เป็นหมอตำแย และแม่นมให้กับท่านอ๋องเฉิง นางอยู่จวนอ๋องเฉิงมาพร้อมๆกับหมอตู้ ตอนนี้ นางมาประจำการอยู่ที่จวนตากอากาศ เนื่องจากพระชายาใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที เฉิงอ๋องอยากให้พระชายาได้อยู่ในจวนนี้ เนื่องจากอากาศดี และนางก็ชื่นชอบที่นี่มาก ก่อนหน้านั้น เฉิงอ๋องได้ให้คนจัดเตรียมทุกอย่างที่นี่เอาไว้พร้อมสรรพ ทั้งเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการคลอด ของใช้สำหรับเด็ก ยารักษาโรคต่างๆ จวนตากอากาศตอนนี้เหมือนยกทั้งจวนอ๋องเฉิงในเมืองหลวง มาอยู่ที่นี่กันหมด เพราะแต่ละคนก็อยากมาดูแลพระชายาของพวกเขาทุกคนตื่นเต้นกับทายาทที่กำลังจะคลอดออกมา ท้องของฟางซินก็โตมาก หากไม่มีคนคอยพยุงเดิน นางแทบจะไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ชุนเอ๋อเองก็ไม่เคยห่างนางไปไหนเลย เพราะต้องคอยพยุงนางเวลาเดินไปไหน ช่วง
จวนสกุลลู่ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างเข้มงวดกับการเตรียมตัว ฝึกซ้อมเจ้าสาวในพิธีสมรสพระราชทานครั้งนี้มาก ทั้งขั้นตอนการยกน้ำชา ทั้งมารยาทในพิธีการ ฮองเฮาทรงจัดให้นางข้าหลวงใหญ่ มาช่วยฝึกซ้อมให้องค์หญิงทั้งสองถึงที่จวน พวกนางแทบจะไม่มีเวลาได้พัก จนฟางซินบ่นกับหนิงเซียน“พี่รอง หากรู้ว่าแต่งงานในวังจะพิธีมากขนาดนี้ ข้าเริ่มไม่อยากแต่งแล้วเจ้าค่ะ เหนื่อยจังเลย”“เจ้าอย่าได้บ่นให้ท่านแม่ได้ยินเชียว ข้าขี้เกียจฟังนางบ่นเพิ่มอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว ไปเถอะ เรามาหลบดื่มชาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวพวกนางตามมาเจอ เราจะโดนดุกันอีก”“โอยย พี่รอง ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนั่งพักอีกหน่อย ฮือออ”“เจ้านะ มาเลย ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฝึกอีกรอบเดียวก็จะได้พักแล้ว มาเถอะน่า ข้าก็อยากพักแล้ว เร็วๆ น้องสาม ลุกเลย”หนิงเซียนพยายามทั้งดัน ทั้งลากน้องสาวนางไปฝึกซ้อมพิธีการในวัง ฟางซินรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่จะลุกจากเก้าอี้ จินเยว่เดินมาหาพวกนางที่ทั้งลาก ทั้งดึงกันอยู่“นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงนึกว่าพวกเจ้าทะเลาะกันนะเนี่ย”“”พี่ใหญ่””ทั้งคู่หันมาหาจินเยว่“พวกเจ้าแอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ท่านแม่ทั้งสองให้สาวใช้หาพวกเจ้
จวนสกุลลู่“เร็วเข้าๆ ขบวนเจ้าบ่าวจะมาอยู่แล้ว คุณหนูแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง ของมงคล 9 อย่างล่ะ แม่นมอู๋ ท่านเตรียมอั่งเปาหรือยัง หน้าประตูล่ะ”“ถังซิน ถังซิน เจ้ามาดูผ้าคลุมให้ซินเอ๋อที ข้าจะไปเอาต่างหูให้เซียนเอ๋อ เร็วเข้า”“เจ้าค่ะๆ ท่านพี่ มาแล้วๆ เจ้าค่ะ นี่ๆ แอปเปิลของเซียนเอ๋อ ให้ลูกถือเอาไว้”“ได้ๆ ตายแล้ว พี่ลืมรองเท้า รองเท้าพวกนางอยู่ไหน”“”ท่านแม่””ฟางซินและหนิงเซียน ร้องเรียกฮูหยินใหญ่พร้อมกัน“พวกเจ้าเรียกข้าทำไม ลืมเลยเนี่ยว่าจะทำอะไร”“ท่านแม่ รองเท้าน่ะ พวกข้าใส่แล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิ”หนิงเซียนบอกฮูหยินใหญ่ นางดูจะตื่นเต้นลนลานมากที่สุด กลัวว่าจะขาดอะไร กังวลว่าจะจัดของไม่ครบหนิงเซียนกับฟางซินมองหน้ากันและหัวเราะความรีบของฮูหยินใหญ่“ท่านพี่ ท่านพักก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆพร้อมแล้ว ไม่มีอะไรขาดแล้วเจ้าค่ะ ข้ากับแม่นมอู๋ตรวจให้ท่านอีกที ดีหรือไม่”“ถังซิน ฝากเจ้าดูอีกทีนะ อย่าให้ขาดเชียวนะ เสียหน้าจวนแม่ทัพเราหมด”“เจ้าค่ะๆ ท่านนั่งพักก่อน เดี๋ยวเป็นลมก่อนส่งตัวเจ้าสาวนะ นี่ เจ้าน่ะ มาเติมหน้าให้ฮูหยินใหญ่ทีสิ ทำไมปากท่านพี่ข้าซีดแบบนี้ล่ะ เร็วเข้าๆ”“ฮูหยินรองร้องสั่งช่างแต
ฟางซินกะพริบตาถี่ๆรับแสงในตอนเช้า นางรู้สึกว่ามีมือหนักๆพาดอยู่ที่เอวนาง นางค่อยๆหันไป ใบหน้าที่คุ้นเคย คิ้วเข้มดั่งหมึก ขนตายาว จมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้า ฟางซินอดไม่ได้ที่จะใช้มือเขี่ยขนตาเขาเล่นเบาๆ“หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะพระชายา”ฟางซินตกใจเล็กน้อย“ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ข้าตื่นได้สักพักแล้ว ทำไม พระชายาอยากจะปลุกข้างั้นหรือ ไม่ต้องหรอก เพราะตอนนี้ ข้าตื่นเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าลองจับดูสิ”เขาจับมือนางลงไปใต้ผ้าห่ม ฟางซินสะดุ้งเมื่อจับโดนบางอย่างด้านล่างนั่น“พระองค์ ทะลึ่งเกินไปแล้ว นี่มันเช้าอยู่นะเพคะ”“นี่มันเป็นเรื่องปกติของบุรุษ เจ้าทำใจให้ชินเสียเถอะ”ฟางซินหันหลังหนีเขา แต่ไม่ทันแล้ว เขาพลิกตัวนางนิดเดียว นางก็หันมาหาเขา“การตื่นนอนมา แล้วเห็นหน้าเจ้าเป็นคนแรกแบบนี้ ช่างเหมือนฝันจริงๆ ข้ารู้สึกว่า ตัวเองโชคดีที่สุดในโลกเลย”ฟางซินยิ้มให้เขา นางจุมพิตเขาเบาๆ เฉิงอ๋อง ที่ตื่นตัวอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้า เขาจะทนไหวได้อย่างไร“พระชายา โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าเริ่มก่อนเอง”ฟางซินยิ้มให้เขา นางพลิกตัวขึ้นบนตัวเขา เฉิงอ๋องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของนางที่
“เจ้าค่อยๆ กิน เลอะปากแล้ว”เฉิงอ๋องเช็ดปากให้นาง และมองนางกินผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเอร็ดอร่อย“เพราะใครล่ะเพคะ หม่อมฉันหิวจนจะกินแพะได้ทั้งตัวแล้วเพคะ”ฟางซินมองเขาอย่างงอนๆ นางหิวมากจริงๆ นางกินข้าว ชามนี้เป็นชามที่ 2 แล้ว“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหิวมากจริงๆ เป็นความผิดข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าด้วย”เขามองนางแล้วเผลอยิ้มออกมา ทั้งสองทานข้าวเย็นด้วยกัน เฉิงอ๋องสั่งคนครัวทำอาหารที่ฟางซินชอบไม่ว่าจะเป็นขาหมูน้ำแดง ผัดหมูเปรี้ยวหวาน หรือแม้แต่ปลานึ่งแชบ๊วย เขาสั่งให้คน ยกอาหารมาไว้ให้ในศาลากลางสวน บรรยากาศยามค่ำคืนเย็นสบาย ทำให้ทานอาหารได้อร่อยมากยิ่งขึ้น กว่าฟางซินจะลุกจากเตียงได้ ใช้เวลานาน เขาเลยอุ้มนางมาที่นี่“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้องค์หญิงซีเหนียนไปเฝ้าศาลบรรพชน 2 ปี เป็นการทำโทษนาง ที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ขึ้นมา นางจะเดินทางพรุ่งนี้แล้วล่ะ ครั้งนี้ ฝ่าบาทโกรธนางมากจริงๆ” เขาบอกฟางซิน ระหว่างที่นางกำลังจิบชาหลังมื้ออาหารเย็นเสร็จ“ซีเหนียนเองก็ถูกหลอกใช้เหมือนกัน เสด็จพ่อไม่น่าจะลงโทษนางรุนแรงขนาดนั้น” ฟางซินพูด เพราะเรื่องคราวนี้ และเหตุการณ์ที่ซีเหนียนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ท่านอ๋องเพคะ ท่านจะรีบไปไหนเพคะ” ฟางซินถามขณะที่ท่านอ๋องพานางมาที่จวนอ๋องเขาไม่ตอบนาง เขาแค่พานางเดินมาที่ห้อง และปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะช้อนร่างของสาวน้อย และพาเดินไปที่เตียง นางตกใจ“เดี๋ยวก่อนเพคะ ท่านอ๋อง นี่มันกลางวันแสกๆ พระองค์ไม่ควร...”ฟางซินห้ามเขา ไม่ทันที่นางจะพูดต่อ ท่านอ๋องของนางก็ใช้ปาก ปิดปากนางทันควัน เขาค่อยๆ พาร่างนางวางลงบนเตียงนุ่มและตัวเขาเองก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาตาม รสจูบของนางช่างหวานเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาโหยหาความหวานนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัวขึ้น เขาก็แทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเลย ไม่นับรวมตอนที่ดูแลนางอยู่บนเรือตอนนั้นเขาข่มใจทั้งคืนเนื่องจากนางป่วยเพราะเมาเรือ แต่วันนี้ เขาคงไม่รออีกแล้ว ไหนจะนับที่นางพึ่งจะไปพบกับองค์ชายฟู่เฉิงนั่นมาอีก เขาไม่ยอม และหลังจากนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชายใด มาใกล้ชิดกับนางอีก เขาบดขยี้นางแรงขึ้น พร้อมกับกำจัดสิ่งที่กีดขวางเขา เขาดูรีบร้อนนัก เสื้อผ้าแทบจะกระจัดกระจายออกโดยเร็ว“ท่านอ๋อง อย่าสิเพคะ นี่มันรุนแรงเกินไป เดี๋ยวเสื้อขาด ท่านอ๋อง” นางขัดขืน นางไม่เคยเห็นเขาดูร้อนรนขนาดนี้มาก่อน“เจ้าอย่าห้ามข้าเลย เจ้า
ฟางซินส่ายหัวให้เขา ท่านอ๋องของนางเกินเยียวยาแล้ว นางรู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่เกินกว่านั้นคือเขาเป็นโรคขี้หึงแบบรุนแรง นางคงแก้นิสัยแบบนี้ของเขาไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยเขาไป“ก็ได้ ตามใจพระองค์เลยเพคะ”“องค์ชายฟู่เฉิง”ฟางซินเรียกฟู่เฉิง ที่รออยู่ในห้องรับรอง ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับไป“องค์หญิง ข้า มีเรื่องที่ต้องพูดกับเจ้า ข้าอยากจะขอโทษเจ้า และขออภัยที่ล่วงเกินเจ้า ด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ข้าคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ชั่วชีวิต”ฟู่เฉิงบอกนาง“ท่านทำไปเพราะโดนหลอก สิ่งที่ท่านทำไป ข้าอภัยท่านหมดแล้ว พี่ฟู่เฉิง ท่านอย่าได้คิดมากเลย พวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัยกันทุกคนนี้ แล้วนี่ ท่านคิดจะทำอย่างไรต่อ”“ข้าคงกลับไปที่แคว้นเว่ยก่อน คงต้องกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ฟางซิน แผนของท่านลุง เป็นเรื่องที่เขาหลอกให้ข้าทำ แต่ความรู้สึกของข้า ที่มีให้กับเจ้า เป็นเรื่องจริง ข้า จริงใจกับเจ้ามาตลอด ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ฟู่เฉิงพูดกับฟางซิน เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนแรกที่เขามา เขามาตามแผนการก็จริง แต่พอรู้จักนาง ยิ่งได้คุยกัน และคบหาเป็นสหาย เ
“โชคดีที่เจ้าปลอดภัย เจ้าอย่าพึ่งคิดอะไรมาก ช่วงนี้ดูแลตัวเองให้ดีๆ ตกลงไหม”เขาปลอบนาง เขารู้ว่านางอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นพร้อมๆ กันหลายอย่าง หากเป็นเขาเอง เขาก็คงจะเป็นเหมือนนางเช่นกัน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากกลับจวนเพคะ” นางบอกเฉิงอ๋อง“เจ้าควรจะอยู่พบฝ่าบาทก่อน พระองค์คงอยากจะคุยกับเจ้านะ ตอนนี้ท่านลุงอยู่กับฝ่าบาท อีกสักพักคงมาหาเจ้า” เขาบอกนาง เขารู้ว่าฟางซินเองคงไม่รู้จะทำตัวอย่างไร แต่ในเมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับอยู่ดี“แต่ข้า ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับพระองค์อย่างไร”“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้า เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน เจ้าได้รู้ประวัติของแม่เจ้า และยังพบพ่อที่แท้จริง เรื่องนี้ ไม่น่าดีใจหรอกหรือ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็หนีความจริงว่าพระองค์คือพระบิดาของเจ้าไม่ได้หรอก จริงไหม” เขาพูดปลอบนาง“นั่นก็จริงเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลัว หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่าง มันกะทันหันเกินไป จนเหมือนไม่ใช่ความจริง”ฟางซินพูด พร้อมมองหน้าเฉิงอ๋อง เขาเดินมานั่งใกล้ๆนาง นางโน้มตัวเข้ามาให้เขากอด“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รู้สึกแบบน