เช้าอันสดใสท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเย็นสบาย ไร่ชาตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจี พนักงานเริ่มเดินกันให้ขวักเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญในวันนี้
"เดี๋ยวคุณแดนช่วยเอาเอกสารเข้าไปที่ห้องประชุมด้วยนะคะ แบมจะไปเรียกแดดดี้ค่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังดื่มกาแฟร้อนอยู่"
"ได้ครับเดี๋ยวผมเตรียมเอกสารให้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันในห้องประชุมนะครับ"
แดน หรือผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภูริช เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยไร่ และมีธุรกิจคาเฟ่ขนาดใหญ่ใจกลางไร่บรรยากาศดีมาก และมีโฮมสเตย์ใจกลางธรรมชาติ เปิดระเบียงออกมามีไร่ชา และอีกฝั่งเป็นน้ำตกใสสะอาด
"ขอบคุณมากเลยค่ะ"
แบมบี๋ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของพ่อเลี้ยงภูริช เขาคือผู้มีพระคุณที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำความได้คือคุณแม่ของเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ ส่วนพ่อเลี้ยงทำหน้างอไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากขัดคุณแม่ก็เลยต้องยอมให้เธออยู่ด้วย แต่ช่วงหลังน่ารักขึ้นมากเลยแหละ
ก๊อก ก๊อก
"แดดดี้คะ แบมบี๋ขออนุญาตเข้าไปข้างในค่ะ"
"เข้ามาสิ"
ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ได้ยินเสียงเคาะประตูก็ตะโกนออกไปเพื่อให้คนข้างนอกเข้ามาได้ แบมบี๋บิดลูกบิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน และเมื่อเจอชายหนุ่มยืนอยู่ตรงระเบียงมองออกไปเห็นไร่ชาไกลสุดลูกหูลูกตา ก็รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
"ไปประชุมได้แล้วค่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว"
ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังวิ่งเข้าไปซ้อนอยู่ข้างหลังของพ่อเลี้ยงภูริช จากนั้นก็โอบรอบเอวเขากอดรัดแน่นก่อนจะยิ้มออกมาด้วยใบหน้าสดใส
"ไม่ต้องมาอ้อน ยังไม่ถึงเวลาจะรีบไปไหน"
เขาเอ่ยออกมาเสียงเข้มก่อนจะวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะ เหลือบสายตาหันมามองใบหน้าของแบมบี๋ ก่อนจะยื่นมือไปแตะศีรษะของเธอ ดึงรั้งเข้ามาแนบอกก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
"ทำไมชอบมากอด"
"ก็แบมรักแดดดี้นี่คะ แดดดี้คือชีวิตและทุกอย่างของหนูเลยนะรู้ไหม ซาบซึ้งในบุญคุณของพ่อเลี้ยงภูริชคนนี้มาก ไม่ว่าแดดดี้จะต้องการอะไรแบมบี๋คนนี้ทำให้ได้ทุกอย่าง"
เธอยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอารมณ์ดี จ้องมองสบตากับชายหนุ่ม พยายามบอกเขาเสมอถ้าเขาต้องการอะไรจากเธอจะยินดีทำให้ทุกอย่าง
"บี๋ก็รู้ว่าแดดดี้ต้องการอะไร ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าเกิดว่าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด"
รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า แบมบี๋ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอพอรู้มาสักพักใหญ่ว่าแดดดี้เริ่มคิดไม่ซื่อกับตัวเอง แต่ก็ทำเนียนเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เพราะวัยอายุเราสองคนค่อนข้างห่างกันมาก กลัวว่ามันจะเป็นอุปสรรคในการคบหากัน
"รีบไปประชุมเถอะค่ะแดดดี้"
"หึ... ไม่แน่จริงนี่หว่า"
เขาหัวเราะออกมาในลำคอก่อนจะเดินตามเด็กในความดูแลออกมาจากห้องทำงาน ก้าวเท้ายาวกว่าปกติให้เดินทันก่อนจะใช้มือจับมือของหญิงสาวเอาไว้ จากนั้นก็กุมมือเดินเคียงข้างกันมาตามทางจนในที่สุดก็มาถึงห้องประชุมขนาดใหญ่
บรรยากาศในห้องประชุมที่ตั้งอยู่ในอาคารไม้แบบดั้งเดิมของไร่ชาดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาที่อบแห้ง ข้าง ๆ หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดอยู่มองเห็นทิวทัศน์ของไร่ชาไกลสุดลูกหูลูกตา สีเขียวสดของต้นชาเรียงรายไปทั่ว ทำให้ห้องประชุมมีบรรยากาศเป็นธรรมชาติ
บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง พนักงานไร่ชานั่งล้อมรอบกันอยู่ มีเจ้าของไร่ชื่อ "พ่อเลี้ยงภูริช" นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ข้าง ๆ เธอคือ "แบมบี๋" เด็กในความดูแลและหมายมั่นจะเอามาทำเมียในอนาคต มีผู้ช่วยคนสนิทชื่อ "แดน" คนนี้อยู่ด้วยกันมานานเกิน 10 ปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่เขายังไม่สร้างโฮมสเตย์และคาเฟ่ในไร่ด้วยซ้ำ ก็เพิ่งมาจริงจังได้ไม่นานเพราะเด็กที่นั่งอยู่ข้างเนี่ยแหละ
'ที่ไร่นี้สวยมาก ทำไมแดดดี้ถึงได้ทำโฮมสเตย์แล้วก็คาเฟ่ละคะ แบมว่ามันต้องปังมากแน่นอนเลยค่ะ'
และก็หญิงสาวเสนอความคิดแบบนั้น ชายหนุ่มก็ไม่รอช้ารีบจัดการให้ตามคำขอ ซึ่งเจ้าของโฮมสเตย์และคาเฟ่ก็คือแบมบี๋นั่นเอง เพราะชายหนุ่มตั้งใจจะทำให้เป็นของเธอโดยเฉพาะ และทันทีที่สาวน้อยเรียนจบก็ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตที่ไหนได้ เนื่องจากมีพันธะเพราะต้องคอยดูแลโฮมสเตย์และคาเฟ่ที่เป็นชื่อของตัวเอง
พ่อเลี้ยงภูริชเปิดการประชุมด้วยการพูดถึงความสำคัญของการเก็บเกี่ยวชาในช่วงฤดูกาลที่ดีที่สุด เขาเน้นย้ำถึงความรอบคอบการเลือกเก็บใบชาและกระบวนการผลิตที่ต้องการความพิถีพิถัน นิดาเลขาของพ่อเลี้ยงฟังอย่างตั้งใจและจดบันทึกรายละเอียดการประชุมทุกอย่างเพื่อสรุปอีกครั้งหลังจากจบการประชุมแล้ว
“การเก็บเกี่ยวในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ต้องเร่งรีบเก็บจะได้ทันเวลา เพื่อให้ได้ชาที่มีคุณภาพสูงสุด”
"ส่วนคาเฟ่แล้วก็โฮมสเตย์ ช่วงนี้ลูกค้าเต็มทุกวันเลยค่ะ แบมว่าอยากจะทำเพิ่มอีกสักสองห้อง พ่อเลี้ยงว่ายังไงดีคะ"
หญิงสาวหันไปมองสบตาชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยขอความเห็นจากเจ้าของไร่ ถึงแม้ว่าโฮมสเตย์และคาเฟ่จะเป็นของเธอ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนสร้างเป็นของพ่อเลี้ยงภูริชทั้งหมด จะทำอะไรเธอก็ปรึกษาทุกครั้ง ถึงแม้จะรู้ว่าคำตอบเหมือนเดิมทุกอย่าง
"แล้วแต่บี๋เลย อยากทำไรก็ทำสิ มีเงินไหมล่ะ ต้องการทุนหรือเปล่า แต่ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนนะ"
เขายื่นมือไปแตะศีรษะของหญิงสาว ยีผมเล่นอย่างเพลินมือ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยียวนกวนประสาท แบมบี๋รู้ดีว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร จึงทำเมินและหันไปคุยกับพนักงานคนอื่นต่อ
"เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่าค่ะ"
"หึ..."
การประชุมดำเนินไปด้วยความเบาสบาย ทุกคนได้เสนอความคิดเห็นและแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนาไร่ชาและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ไหนจะเสนอแนวคิดในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเพิ่มขึ้น ความร่วมมือและความตั้งใจของพนักงานทำให้เจ้าของไร่ยิ้มแก้มปริ ค่อยคุ้มค่ากับการจ่ายโบนัสสิ้นปีหน่อย
"ตั้งใจทำงานกันแบบนี้ สงสัยโบนัสปีนี้น่าจะได้เพิ่มกันทุกคนแล้วมั้ง"
"ดีใจรอเลยได้ไหมคะ"
"กรี๊ด! ขอกรี๊ดรอเลยค่ะ"
"ของแบมมีไหมคะโบนัสสิ้นปี"
เธอยื่นมือไปตรงหน้าชายหนุ่มอย่างแกล้งหยอก พ่อเลี้ยงภูริชแตะมือลงไปยังมือเล็ก ถูไถไปมาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน
"มีแต่ทะเบียนสมรสเอาไหม"
"อ๊ะ! แดดดี้พูดอะไรเนี้ย คนเยอะนะ!"
"หึ"
หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานเสร็จสิ้นลง พนักงานทั้งหมดเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ นั่นคือพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋ภูริชหนุ่มหล่อมาดเข้มเจ้าของไร่ชา มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวอ้อนขอออกไปข้างนอก“แดดดี้คะ หนูขออนุญาตออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ ในตัวอำเภอหน่อยได้ไหมคะ”แบมบี๋พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้พ่อเลี้ยงภูริชอย่างออดอ้อน ทำให้รู้สึกใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามักจะทำตัวน่ารักและขี้อ้อนเสมอเมื่ออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง“พี่ไม่ให้ไป”“ทำไมคะ”เธอเอ่ยถามเสียงใส ก็แค่ออกไปกินหมูกระทะในตัวอำเภอเอง ทำไมจะต้องมาห้ามกันด้วย“ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิคะ น้า ๆ หนูขอออกไปกินกับเพื่อนนะ”“ไม่ให้ไป”"แดดดี้!""เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่หรือไง หืม"เขาหันไปคุยกับหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส ถึงแม้ว่าจะไปกับเพื่อนก็เถอะ แต่เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แบมบี๋เป็นเด็กในความดูแล เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว และอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เธอออก
พ่อเลี้ยงภูริชเดินไปตักของสดให้เด็กในความดูแลอย่างเอาอกเอาใจสุด ๆ ใครจะคิดว่าคนอายุขึ้นเลขสี่จะมีโมเมนท์อ่อนโยนมากขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาแบมบี๋ ทั้งที่เธอเป็นแค่เด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่ทำไมชายหนุ่มถึงดูแลดีขนาดนี้ ทะนุถนอมอย่างดีสร้างโฮมสเตย์ให้ดูแล รวมถึงคาเฟ่ใจกลางไร่ชาในพื้นที่ร้อยไร่ พ่อเลี้ยงเมืองเหนือผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ใครไม่หมายปองบ้างให้มันรู้ไปสิ"ให้พี่ย่างให้มั้ย"และเมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะก็วางทุกอย่างลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพื่อนของแบมบี๋ที่นั่งอยู่ถึงกับสะกิดกันให้เหลือบสายตามอง เอาจริงไม่มีใครห้ามเพื่อนเลยนะ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ เพราะพ่อเลี้ยงภูริชแสนจะเพอร์เฟคไร้ที่ติ ดูแลเอาใส่ใจแถมรวยขนาดนั้นใครไม่อยากได้บ้าง"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะเดี๋ยวแบมทำให้เอง แดดดี้มานั่งเถอะค่ะไม่ต้องลุกขึ้นแล้ว""อยากกินสามชั้นอะ"เขาขยับตัวนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะชี้นิ้วเรียวใหญ่ไปตรงสามชั้นที่เขาเพิ่งตักใส่จานมาเมื่อสักครู่ แบมบี๋หันไปมองตามที่เขาชี้ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบใส่กระทะตรงหน้า"ว่าแต่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงปีนี้มีงานเลี้ยงประจำปีไหมคะ พวกเราคิดถึงบรรยากาศมากค่ะ
ใช้เวลาอยู่ในร้านหมูกระทะประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พ่อเลี้ยงภูริชก็รู้สึกเบื่อแล้วก็เริ่มเวียนหัวกลิ่นควัน เริ่มรบเร้าเด็กในความดูแลให้กลับ โดยปกติถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแต่เธอจะนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ต่ออีกเป็นชั่วโมง แต่ด้วยความที่มากับผู้ปกครองก็ต้องตามใจเขาหน่อย และที่สำคัญคือมื้อนี้เขาเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด บรรดาเพื่อนของเธอยิ้มแก้มปริดูอารมณ์ดีกันมาก แถมยังคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับบ้านไปกับเขาอีก"คราวนี้ไม่เห็นจะเรียกร้องให้ฉันอยู่เลย""เอาน่า มื้อนี้พวกฉันกินฟรีนะยะ แล้วเจอกันอีกทีวันงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชานะ""อืม เจอกันนะ"เธอโบกไม้โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจะเตรียมตัวกลับกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพากันลุกขึ้นเดินออกมายังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงภูริชกำลังชำระเงินอยู่"ขอบคุณมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง วันนี้พวกหนูอิ่มกันมากเลยค่ะ""ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาไว้ไปกินที่งานประจำปีโน่น รับรองว่าอาหารถูกปากกินกันพุงกางไปเลย"ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งหลาย ความจริงในวัยอายุแบบเขาน่าจะคุยกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่ด้วยความที่อยากปรับตัวให้เข้ากับแบมบี๋ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทัน
แบมบี๋เดินไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นี่ก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ที่ไร่มีประชุมงานประจำปีของไร่ชา จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดคงต้องประชุมกันอีกที"ง่วงจัง"เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบครีมบำรุงผิวมาละเลงลงบนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอกห้องนอน"ใครคะ"แบมบี๋วางของทุกอย่างลงก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูหน้าห้องนอน ที่ไร่แห่งนี้มีโฮมสเตย์ประมาณ 88 หลัง คาเฟ่อีก 1 ร้าน ซึ่งอยู่ในความดูแลของเธอทั้งหมด จากเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่กลายมาเป็นคุณหนูของไร่ภูริช มีเงินทองมากมายไม่เคยขาดมือแอ๊ดดดด"อ๊ะ แดดดี้!"เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลแบบนี้ แสงไฟอ่อน ๆ ส่องสว่างกระทบใบหน้าของทั้งคู่ พ่อเลี้ยงภูริชกระโจนเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้หลวม ๆ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดใกล้ หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนเต้นแรงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ปลายจมูกของชายหนุ่มสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแบบชัดเจน"ขอนอนด้วยสิ""งื้อ นอนได้ยังไงคะ คือแบม..."ใบหน้าหล่อ
เมื่อส่วนหัวแตกปลายถูกดันเข้าไปยังร่องสาว เสียงร้องครวญครางของแบมบี๋ก็ดังขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บแสบและทรมานอย่างถึงที่สุด ท่อนเอ็นเลื่อนผ่านเยื่อความบริสุทธิ์รับรู้ถึงเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดออกจากกัน"อ้าส์~ เจ็บ"แบมบี๋ร้องครางออกมาเสียงกระเส่า มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด เธอไม่เคยถูกท่อนเอ็นล่วงล้ำเข้ามายังจุดสงวน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินได้ในทันที"ซี๊ด... เจ็บเหรอคะ"เขาคร่อมตัวหญิงสาวเอาไว้ ยื่นมือไปลูบผมเธออย่างปลอบโยน เพื่อนคลายความเจ็บปวดทรมานในร่างกาย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับครั้งแรก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่พอผ่านไปได้จะมีแต่ความสุขจนแทบจะสำลักเลยแหละ"เจ็บค่ะ... อื้อ อ๊ะ""ทนหน่อยนะคะเดี๋ยวจะดีขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยปลอบคนรักก่อนจะกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ท่านเอ็นขนาดใหญ่ถูกร่องสาวตอดรัดแน่น ยังไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับรู้สึกว่าน้ำจะแตกซะอย่างนั้น"หนูอย่าดิ้น ซี๊ด! พี่จะแตก"เขาร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปยังเอวของหญิงสาว จากนั้นก็ดึงตัวเธอขึ้นมานั่งลง ก่อนจะเริ่มขยับแก่นกายความเป็นชายอย่างเช