เช้าอันสดใสท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเย็นสบาย ไร่ชาตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจี พนักงานเริ่มเดินกันให้ขวักเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญในวันนี้
"เดี๋ยวคุณแดนช่วยเอาเอกสารเข้าไปที่ห้องประชุมด้วยนะคะ แบมจะไปเรียกแดดดี้ค่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังดื่มกาแฟร้อนอยู่"
"ได้ครับเดี๋ยวผมเตรียมเอกสารให้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันในห้องประชุมนะครับ"
แดน หรือผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภูริช เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยไร่ และมีธุรกิจคาเฟ่ขนาดใหญ่ใจกลางไร่บรรยากาศดีมาก และมีโฮมสเตย์ใจกลางธรรมชาติ เปิดระเบียงออกมามีไร่ชา และอีกฝั่งเป็นน้ำตกใสสะอาด
"ขอบคุณมากเลยค่ะ"
แบมบี๋ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของพ่อเลี้ยงภูริช เขาคือผู้มีพระคุณที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำความได้คือคุณแม่ของเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ ส่วนพ่อเลี้ยงทำหน้างอไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากขัดคุณแม่ก็เลยต้องยอมให้เธออยู่ด้วย แต่ช่วงหลังน่ารักขึ้นมากเลยแหละ
ก๊อก ก๊อก
"แดดดี้คะ แบมบี๋ขออนุญาตเข้าไปข้างในค่ะ"
"เข้ามาสิ"
ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ได้ยินเสียงเคาะประตูก็ตะโกนออกไปเพื่อให้คนข้างนอกเข้ามาได้ แบมบี๋บิดลูกบิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน และเมื่อเจอชายหนุ่มยืนอยู่ตรงระเบียงมองออกไปเห็นไร่ชาไกลสุดลูกหูลูกตา ก็รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
"ไปประชุมได้แล้วค่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว"
ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังวิ่งเข้าไปซ้อนอยู่ข้างหลังของพ่อเลี้ยงภูริช จากนั้นก็โอบรอบเอวเขากอดรัดแน่นก่อนจะยิ้มออกมาด้วยใบหน้าสดใส
"ไม่ต้องมาอ้อน ยังไม่ถึงเวลาจะรีบไปไหน"
เขาเอ่ยออกมาเสียงเข้มก่อนจะวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะ เหลือบสายตาหันมามองใบหน้าของแบมบี๋ ก่อนจะยื่นมือไปแตะศีรษะของเธอ ดึงรั้งเข้ามาแนบอกก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
"ทำไมชอบมากอด"
"ก็แบมรักแดดดี้นี่คะ แดดดี้คือชีวิตและทุกอย่างของหนูเลยนะรู้ไหม ซาบซึ้งในบุญคุณของพ่อเลี้ยงภูริชคนนี้มาก ไม่ว่าแดดดี้จะต้องการอะไรแบมบี๋คนนี้ทำให้ได้ทุกอย่าง"
เธอยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอารมณ์ดี จ้องมองสบตากับชายหนุ่ม พยายามบอกเขาเสมอถ้าเขาต้องการอะไรจากเธอจะยินดีทำให้ทุกอย่าง
"บี๋ก็รู้ว่าแดดดี้ต้องการอะไร ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าเกิดว่าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด"
รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า แบมบี๋ถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธอพอรู้มาสักพักใหญ่ว่าแดดดี้เริ่มคิดไม่ซื่อกับตัวเอง แต่ก็ทำเนียนเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เพราะวัยอายุเราสองคนค่อนข้างห่างกันมาก กลัวว่ามันจะเป็นอุปสรรคในการคบหากัน
"รีบไปประชุมเถอะค่ะแดดดี้"
"หึ... ไม่แน่จริงนี่หว่า"
เขาหัวเราะออกมาในลำคอก่อนจะเดินตามเด็กในความดูแลออกมาจากห้องทำงาน ก้าวเท้ายาวกว่าปกติให้เดินทันก่อนจะใช้มือจับมือของหญิงสาวเอาไว้ จากนั้นก็กุมมือเดินเคียงข้างกันมาตามทางจนในที่สุดก็มาถึงห้องประชุมขนาดใหญ่
บรรยากาศในห้องประชุมที่ตั้งอยู่ในอาคารไม้แบบดั้งเดิมของไร่ชาดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาที่อบแห้ง ข้าง ๆ หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดอยู่มองเห็นทิวทัศน์ของไร่ชาไกลสุดลูกหูลูกตา สีเขียวสดของต้นชาเรียงรายไปทั่ว ทำให้ห้องประชุมมีบรรยากาศเป็นธรรมชาติ
บนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง พนักงานไร่ชานั่งล้อมรอบกันอยู่ มีเจ้าของไร่ชื่อ "พ่อเลี้ยงภูริช" นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ข้าง ๆ เธอคือ "แบมบี๋" เด็กในความดูแลและหมายมั่นจะเอามาทำเมียในอนาคต มีผู้ช่วยคนสนิทชื่อ "แดน" คนนี้อยู่ด้วยกันมานานเกิน 10 ปี อยู่ด้วยกันตั้งแต่เขายังไม่สร้างโฮมสเตย์และคาเฟ่ในไร่ด้วยซ้ำ ก็เพิ่งมาจริงจังได้ไม่นานเพราะเด็กที่นั่งอยู่ข้างเนี่ยแหละ
'ที่ไร่นี้สวยมาก ทำไมแดดดี้ถึงได้ทำโฮมสเตย์แล้วก็คาเฟ่ละคะ แบมว่ามันต้องปังมากแน่นอนเลยค่ะ'
และก็หญิงสาวเสนอความคิดแบบนั้น ชายหนุ่มก็ไม่รอช้ารีบจัดการให้ตามคำขอ ซึ่งเจ้าของโฮมสเตย์และคาเฟ่ก็คือแบมบี๋นั่นเอง เพราะชายหนุ่มตั้งใจจะทำให้เป็นของเธอโดยเฉพาะ และทันทีที่สาวน้อยเรียนจบก็ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตที่ไหนได้ เนื่องจากมีพันธะเพราะต้องคอยดูแลโฮมสเตย์และคาเฟ่ที่เป็นชื่อของตัวเอง
พ่อเลี้ยงภูริชเปิดการประชุมด้วยการพูดถึงความสำคัญของการเก็บเกี่ยวชาในช่วงฤดูกาลที่ดีที่สุด เขาเน้นย้ำถึงความรอบคอบการเลือกเก็บใบชาและกระบวนการผลิตที่ต้องการความพิถีพิถัน นิดาเลขาของพ่อเลี้ยงฟังอย่างตั้งใจและจดบันทึกรายละเอียดการประชุมทุกอย่างเพื่อสรุปอีกครั้งหลังจากจบการประชุมแล้ว
“การเก็บเกี่ยวในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ต้องเร่งรีบเก็บจะได้ทันเวลา เพื่อให้ได้ชาที่มีคุณภาพสูงสุด”
"ส่วนคาเฟ่แล้วก็โฮมสเตย์ ช่วงนี้ลูกค้าเต็มทุกวันเลยค่ะ แบมว่าอยากจะทำเพิ่มอีกสักสองห้อง พ่อเลี้ยงว่ายังไงดีคะ"
หญิงสาวหันไปมองสบตาชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยขอความเห็นจากเจ้าของไร่ ถึงแม้ว่าโฮมสเตย์และคาเฟ่จะเป็นของเธอ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนสร้างเป็นของพ่อเลี้ยงภูริชทั้งหมด จะทำอะไรเธอก็ปรึกษาทุกครั้ง ถึงแม้จะรู้ว่าคำตอบเหมือนเดิมทุกอย่าง
"แล้วแต่บี๋เลย อยากทำไรก็ทำสิ มีเงินไหมล่ะ ต้องการทุนหรือเปล่า แต่ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนนะ"
เขายื่นมือไปแตะศีรษะของหญิงสาว ยีผมเล่นอย่างเพลินมือ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างยียวนกวนประสาท แบมบี๋รู้ดีว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร จึงทำเมินและหันไปคุยกับพนักงานคนอื่นต่อ
"เรามาคุยเรื่องอื่นกันดีกว่าค่ะ"
"หึ..."
การประชุมดำเนินไปด้วยความเบาสบาย ทุกคนได้เสนอความคิดเห็นและแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนาไร่ชาและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ไหนจะเสนอแนวคิดในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเพิ่มขึ้น ความร่วมมือและความตั้งใจของพนักงานทำให้เจ้าของไร่ยิ้มแก้มปริ ค่อยคุ้มค่ากับการจ่ายโบนัสสิ้นปีหน่อย
"ตั้งใจทำงานกันแบบนี้ สงสัยโบนัสปีนี้น่าจะได้เพิ่มกันทุกคนแล้วมั้ง"
"ดีใจรอเลยได้ไหมคะ"
"กรี๊ด! ขอกรี๊ดรอเลยค่ะ"
"ของแบมมีไหมคะโบนัสสิ้นปี"
เธอยื่นมือไปตรงหน้าชายหนุ่มอย่างแกล้งหยอก พ่อเลี้ยงภูริชแตะมือลงไปยังมือเล็ก ถูไถไปมาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน
"มีแต่ทะเบียนสมรสเอาไหม"
"อ๊ะ! แดดดี้พูดอะไรเนี้ย คนเยอะนะ!"
"หึ"
หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานเสร็จสิ้นลง พนักงานทั้งหมดเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ นั่นคือพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋ภูริชหนุ่มหล่อมาดเข้มเจ้าของไร่ชา มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวอ้อนขอออกไปข้างนอก“แดดดี้คะ หนูขออนุญาตออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ ในตัวอำเภอหน่อยได้ไหมคะ”แบมบี๋พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้พ่อเลี้ยงภูริชอย่างออดอ้อน ทำให้รู้สึกใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามักจะทำตัวน่ารักและขี้อ้อนเสมอเมื่ออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง“พี่ไม่ให้ไป”“ทำไมคะ”เธอเอ่ยถามเสียงใส ก็แค่ออกไปกินหมูกระทะในตัวอำเภอเอง ทำไมจะต้องมาห้ามกันด้วย“ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิคะ น้า ๆ หนูขอออกไปกินกับเพื่อนนะ”“ไม่ให้ไป”"แดดดี้!""เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่หรือไง หืม"เขาหันไปคุยกับหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส ถึงแม้ว่าจะไปกับเพื่อนก็เถอะ แต่เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แบมบี๋เป็นเด็กในความดูแล เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว และอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เธอออก
พ่อเลี้ยงภูริชเดินไปตักของสดให้เด็กในความดูแลอย่างเอาอกเอาใจสุด ๆ ใครจะคิดว่าคนอายุขึ้นเลขสี่จะมีโมเมนท์อ่อนโยนมากขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาแบมบี๋ ทั้งที่เธอเป็นแค่เด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่ทำไมชายหนุ่มถึงดูแลดีขนาดนี้ ทะนุถนอมอย่างดีสร้างโฮมสเตย์ให้ดูแล รวมถึงคาเฟ่ใจกลางไร่ชาในพื้นที่ร้อยไร่ พ่อเลี้ยงเมืองเหนือผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ใครไม่หมายปองบ้างให้มันรู้ไปสิ"ให้พี่ย่างให้มั้ย"และเมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะก็วางทุกอย่างลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพื่อนของแบมบี๋ที่นั่งอยู่ถึงกับสะกิดกันให้เหลือบสายตามอง เอาจริงไม่มีใครห้ามเพื่อนเลยนะ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ เพราะพ่อเลี้ยงภูริชแสนจะเพอร์เฟคไร้ที่ติ ดูแลเอาใส่ใจแถมรวยขนาดนั้นใครไม่อยากได้บ้าง"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะเดี๋ยวแบมทำให้เอง แดดดี้มานั่งเถอะค่ะไม่ต้องลุกขึ้นแล้ว""อยากกินสามชั้นอะ"เขาขยับตัวนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะชี้นิ้วเรียวใหญ่ไปตรงสามชั้นที่เขาเพิ่งตักใส่จานมาเมื่อสักครู่ แบมบี๋หันไปมองตามที่เขาชี้ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบใส่กระทะตรงหน้า"ว่าแต่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงปีนี้มีงานเลี้ยงประจำปีไหมคะ พวกเราคิดถึงบรรยากาศมากค่ะ
ใช้เวลาอยู่ในร้านหมูกระทะประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พ่อเลี้ยงภูริชก็รู้สึกเบื่อแล้วก็เริ่มเวียนหัวกลิ่นควัน เริ่มรบเร้าเด็กในความดูแลให้กลับ โดยปกติถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแต่เธอจะนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ต่ออีกเป็นชั่วโมง แต่ด้วยความที่มากับผู้ปกครองก็ต้องตามใจเขาหน่อย และที่สำคัญคือมื้อนี้เขาเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด บรรดาเพื่อนของเธอยิ้มแก้มปริดูอารมณ์ดีกันมาก แถมยังคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับบ้านไปกับเขาอีก"คราวนี้ไม่เห็นจะเรียกร้องให้ฉันอยู่เลย""เอาน่า มื้อนี้พวกฉันกินฟรีนะยะ แล้วเจอกันอีกทีวันงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชานะ""อืม เจอกันนะ"เธอโบกไม้โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจะเตรียมตัวกลับกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพากันลุกขึ้นเดินออกมายังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงภูริชกำลังชำระเงินอยู่"ขอบคุณมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง วันนี้พวกหนูอิ่มกันมากเลยค่ะ""ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาไว้ไปกินที่งานประจำปีโน่น รับรองว่าอาหารถูกปากกินกันพุงกางไปเลย"ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งหลาย ความจริงในวัยอายุแบบเขาน่าจะคุยกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่ด้วยความที่อยากปรับตัวให้เข้ากับแบมบี๋ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทัน
แบมบี๋เดินไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นี่ก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ที่ไร่มีประชุมงานประจำปีของไร่ชา จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดคงต้องประชุมกันอีกที"ง่วงจัง"เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบครีมบำรุงผิวมาละเลงลงบนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอกห้องนอน"ใครคะ"แบมบี๋วางของทุกอย่างลงก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูหน้าห้องนอน ที่ไร่แห่งนี้มีโฮมสเตย์ประมาณ 88 หลัง คาเฟ่อีก 1 ร้าน ซึ่งอยู่ในความดูแลของเธอทั้งหมด จากเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่กลายมาเป็นคุณหนูของไร่ภูริช มีเงินทองมากมายไม่เคยขาดมือแอ๊ดดดด"อ๊ะ แดดดี้!"เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลแบบนี้ แสงไฟอ่อน ๆ ส่องสว่างกระทบใบหน้าของทั้งคู่ พ่อเลี้ยงภูริชกระโจนเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้หลวม ๆ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดใกล้ หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนเต้นแรงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ปลายจมูกของชายหนุ่มสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแบบชัดเจน"ขอนอนด้วยสิ""งื้อ นอนได้ยังไงคะ คือแบม..."ใบหน้าหล่อ
เมื่อส่วนหัวแตกปลายถูกดันเข้าไปยังร่องสาว เสียงร้องครวญครางของแบมบี๋ก็ดังขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บแสบและทรมานอย่างถึงที่สุด ท่อนเอ็นเลื่อนผ่านเยื่อความบริสุทธิ์รับรู้ถึงเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดออกจากกัน"อ้าส์~ เจ็บ"แบมบี๋ร้องครางออกมาเสียงกระเส่า มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด เธอไม่เคยถูกท่อนเอ็นล่วงล้ำเข้ามายังจุดสงวน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินได้ในทันที"ซี๊ด... เจ็บเหรอคะ"เขาคร่อมตัวหญิงสาวเอาไว้ ยื่นมือไปลูบผมเธออย่างปลอบโยน เพื่อนคลายความเจ็บปวดทรมานในร่างกาย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับครั้งแรก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่พอผ่านไปได้จะมีแต่ความสุขจนแทบจะสำลักเลยแหละ"เจ็บค่ะ... อื้อ อ๊ะ""ทนหน่อยนะคะเดี๋ยวจะดีขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยปลอบคนรักก่อนจะกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ท่านเอ็นขนาดใหญ่ถูกร่องสาวตอดรัดแน่น ยังไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับรู้สึกว่าน้ำจะแตกซะอย่างนั้น"หนูอย่าดิ้น ซี๊ด! พี่จะแตก"เขาร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปยังเอวของหญิงสาว จากนั้นก็ดึงตัวเธอขึ้นมานั่งลง ก่อนจะเริ่มขยับแก่นกายความเป็นชายอย่างเช
เช้าวันต่อมา...ในเวลาเช้าตรู่แสงแดดอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน เป็นเช้าแสนอบอุ่นเพราะพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชมีสาวน้อยนอนอยู่เคียงข้าง"อื้อ"เสียงเล็กร้องครวญครางออกมาพรางบิดขี้เกียจรู้สึกปวดตัวไปหมด โดนแดดดี้สุดหล่อสะกิดแทบทั้งคืน ข้างเตียงมีพ่อเลี้ยงภูริชนั่งอยู่จ้องมองมาทางเธอด้วยยิ้มสดใส จ้องมองคนรักที่บิดตัวไปมาอย่างน่าเอ็นดู"หนูจ๋าตื่นได้แล้วค่ะ"เขาเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน มือหนาดึงผ้าห่มออกจากตัวของคนรักก่อนจะลูบไล้ไปตามผิวเรียบเนียนของเธอ"ยังไม่อยากตื่นเลยค่ะ"น้ำเสียงแผ่วเบาและยังคงดูง่วงอยู่"อยากกอดแดดดี้จังเลยค่ะ""อ้อนเก่ง"เขายิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวหญิงสาวขึ้นมา จากนั้นก็สวมกอดเอวเล็กเอาไว้แน่น"เอางี้ไหม ไปนั่งเล่นตรงระเบียงกัน เช้าวันนี้อากาศดีมาก เดี๋ยวพี่อุ้มไปค่ะ"เขาเอ่ยออกมาเสียงหวานพลางส่งยิ้มให้คนรัก อุ้มเธอขึ้นจากเตียงอย่างทะนุถนอม ใบหน้ายังคงคลอเคลียกับใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน"รับรองหนูจะสดชื่นแน่"เขาก้าวขาออกจากห้องนอนโดยในอ้อมแขนมีคนรักอยู่ เดินออกไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัยในการอยู่กับเขา"ขอบคุณนะคะดูแลกันดีจัง"เธอยิ้มออ
แบมบี๋พาพ่อเลี้ยงภูริชเดินมานั่งตรงโซฟาระหว่างรอเข้าประชุม อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดงานที่จะประชุมในวันนี้ ซึ่งโดยปกติหญิงสาวจะปริ้นส่งให้คุณแดนผู้ช่วยของเขาเพื่อเอาไปให้เจ้าไร่อีกที แต่ทำไมคราวนี้เขาบอกว่าลูกน้องลืมทั้งที่ปกติรายนั้นรอบคอบจะตาย"หนูจ๋า"เขาเอ่ยออกมาเสียงออดอ้อน ใช้มือหมุนเส้นผมของหญิงสาวเล่นอย่างสนุก ใบหน้าคลอเคลียกับคนตัวเล็กไม่ยอมห่าง"รายละเอียดทั่วไปวันนี้ก็มีงานประจำปีค่ะ พวกกิจกรรม การเชิญแขกในงาน แจกของที่ระลึกแแล้วก็... อื้อ อยู่นิ่ง ๆ สิคะ"หญิงสาวสะกิดชายหนุ่มให้หยุดวุ่นวายกับเธอสักที คนก็อยู่ตั้งเยอะและตอนนี้โดนพนักงานคนอื่นมองใหญ่ สงสัยจะเริ่มจับสังเกตความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาบ้างแล้วล่ะ"จับนิดหน่อยเองนะ""แต่ตอนนี้เรากำลังทำงานอยู่นะคะ แดดดี้จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ""ไม่รู้แหละจะทำ"เขายิ้มออกมาก่อนจะยื่นริมฝีปากไปหอมแก้มเธออยากอ่อนโยน แบมบี๋เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้ช่วยคนสนิทของเขาที่เดินเข้ามาพอดี"แฟ้มเอกสารอะไรคะ""ก็รายละเอียดการประชุมวันนี้ไงครับ""นั่นไงคะแดดดี้ รายละเอียดการประชุมอ่านตรงนั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวแบมไปคุยกับคนอื่นก่อนนะคะ"
หลังจากจบการประชุมพ่อเลี้ยงภูริชก็กุมมือคนรักพาเดินออกมาจากห้องประชุม เดี๋ยวเขาจะพาเธอออกไปกินข้าวในตัวเมือง จากนั้นก็จะพาแวะไปร้านเครื่องเพชร ซึ่งทำการจองแหวน 10 กะรัตให้เธอเรียบร้อยแล้ว"บี๋ไปเก็บของเลย พี่จะพาไปกินข้าวในเมืองค่ะ""ในเมืองเหรอคะ ได้ค่ะ"เธอยิ้มกว้างออกมาก่อนจะรีบเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง เก็บกระเป๋าและของทุกอย่างที่จำเป็นใส่กระเป๋าเอาไว้ จากนั้นก็เดินออกมาหาคนรัก ซึ่งตอนนี้เขากำลังคุยกับผู้ช่วยคนสนิทอยู่"ฝากทางนี้ด้วยนะ ฉันจะพาบี๋ไปในเมือง""ได้ครับนาย มีอะไรด่วนเดี๋ยวผมทักไปเอง""ขอบใจมาก"เขาหันไปมองโดยรอบก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นแบมบี๋เดินลงมาพอดี รอยยิ้มอันสดใสยังคงทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอยู่เสมอ"มาแล้วค่ะ ไปกัน"ทั้งสองคนกุมมือกันก่อนจะพาไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าสำนักงาน พ่อเลี้ยงภูริชมีรถที่สะสมอยู่หลายรุ่น ซื้อเก็บไว้ไม่ยอมขับและไม่ยอมขายออก บางทีแบมบี๋ก็ชอบบ่นเพราะเปลืองเงินมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะท้ายที่สุดมันก็เงินของเขาเอง"วันนี้เราจะกินอะไรกันดีคะ"ระหว่างทางที่เดินไปห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง ชายหนุ่มก็เอ่ยถามพร้อมกับกุมมือเล็กเอาไว้แน่น แบมบี๋ซบใบหน้าลง
ทั้งสามคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้องอัลตราซาวนด์ ได้รับข่าวดีแรกก็คือหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ต้องมาช็อกอีกครั้งเมื่อได้รับรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด 3 มาทีเดียวพร้อมปิดอู่ได้เลย ใครจะไม่ดีใจบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ"หนูเราจะได้ลูกแฝด 3""ดีใจจังเลยค่ะมาทีเดียวพร้อมกัน 3 คนเลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ท้องแค่ครั้งเดียวพอ หนูจะได้ไม่เหนื่อยคลอดหลายรอบดีไหมคะ""แบบนี้แหละดีค่ะหนูจะได้ไม่ทรมานหลายครั้ง คุณหมอแล้วแบบนี้เราจะต้องดูแลยังไงบ้างครับ ผมต้องมาพบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือเปล่า"เขาหันไปคุยกับคุณหมอทันที เพราะอยากจะทราบวิธีการดูแลคุณแม่ที่ท้องลูกแฝดสาม เขาเคยอ่านมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณแม่จะอุ้มเด็กน้อยอยู่ในท้องด้วยกันถึง 3 คน การดูแลจะต้องมากกว่าคนท้องปกติ และก็มีความเสี่ยงเช่นกัน"ไม่ต้องห่วงนะครับทางเราจะดูแลคุณแม่แล้วก็เจ้าตัวเล็กอย่างดีที่สุด แต่ว่าอาจจะต้องนัดบ่อยอยู่นะครับ เพราะว่าเป็นครรภ์แฝดมีความเสี่ยงมากกว่าครรภ์ปกติ""ไม่เป็นอะไรเลยครับ ขอแค่ลูกของผมกับภรรยาปลอดภัย คุณหมอแนะนำมาได้เลยครับว่าต้องดูแลยังไง คงยินดีที่จะทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง""ได้เลยครับถ้าอย่างนั้นเชิญท
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จสองแม่ลูกก็พากันเดินทางมาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เล่นเอาตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยเพราะถ้าเกิดว่าลูกสาวเกิดท้องขึ้นมา คงจะเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว พ่อเลี้ยงภูริชเองก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าภรรยาจะท้องในที่สุด เธอภาวนาตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนมาถึงที่โรงพยาบาล ขอให้เด็กมาเกิดในท้องของเธอด้วยเถิด"ขอให้ท้องเถอะค่ะ หนูอยากให้พ่อเลี้ยงดีใจ""แม่ก็ขอให้หนูท้องนะ รีบไปกันเถอะแม่ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนี่ย"ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น และเมื่อมาถึงก็ยื่นเอกสารให้เรียบร้อย จากนั้นพยาบาลก็พามายังห้องตรวจสูตินรีเวช คุณหมอให้ตรวจปัสสาวะเข้ามาก่อน ซึ่งมีพยาบาลคอยจัดการให้ทุกอย่าง จะได้เข้าไปฟังผลทีเดียวไม่ต้องเสียเวลา"เดี๋ยวคุณแบมเก็บปัสสาวะให้พยาบาลหน่อยนะคะ จะได้ส่งห้องแล็บตรวจ ผลจะได้ออกเร็วค่ะ""ขอบคุณค่ะคุณพยาบาล"เธอรับแก้วมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการเก็บปัสสาวะของตัวเองส่งให้พยาบาล ใบหน้านั้นดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ตอนแรกว่าจะโทรศัพท์ให้พ่อเลี้ยงมาหาที่โรงพยาบาล แต่พอคิดดูอีกทีให้ผลมันออกไปที่แน่ชัดก่อน เพราะถ้าเกิดว่าไม่ท้องขึ้นมา เขาอาจจะร
หนึ่งเดือนต่อมา...แบมบี๋ในชุดทำงานมาดนักธุรกิจ ในมือถือแฟ้มเอกสารเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับคุณแม่ ส่วนสามีของเธอวันนี้เดินทางไปคุยกับลูกค้า พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวกันได้ คุณแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยมีคุณแม่ของพ่อเลี้ยงภูริชคอยอยู่เป็นเพื่อน จึงทำให้สองสามีภรรยาหมดห่วง มีแม่นมคอยดูแลคุณแม่ของเธออีกแรงหนึ่ง ทำให้เธอค่อนข้างจะรู้สึกสบายใจในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ต้องห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วเหมือนเมื่อก่อน"เที่ยงแล้วหนูจะกินข้าวหรือยังลูก หรือว่าจะรอสามี""กินข้าวกับแม่ก็ได้ค่ะ แดดดี้น่าจะคุยงานกับลูกค้านานค่ะ หนูคิดว่าตอนนี้น่าจะกินข้าวกับลูกค้าไปแล้วด้วย"เธอตอบกลับคุณแม่พร้อมกับกุมมือท่านพาเดินไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ชีวิตของเราสองแม่ลูกก็กลับมาสู่ความสงบ คุณหญิงกิ่งแก้วและลูกสาวก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้ โทษที่ได้รับก็สาสมกับสิ่งที่เธอคิดร้ายกับคนอื่น หวังว่าออกมาจากคุกจะเลิกวุ่นวายกับครอบครัวของเรา ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง"ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้างนอกกันไหม""ก็ดีนะคะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะคะ"สองแม่ลูกควงแขนพากันเดินออกไปขึ้นรถที่จ
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แบมบี๋และพ่อเลี้ยงภูริชก็เดินทางกลับมาที่ไร่ ส่วนคุณแม่ของเธอได้รับอำนาจจากลูกสาวในการขึ้นไปบริหารบริษัทอีกคน เห็นแบบนั้นแต่ว่าเธออยู่กับบริษัทมาตั้งแต่แรกเริ่มยังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ เรียนรู้งานพร้อมกับสามีจนมีได้อย่างทุกวันนี้ ก็ไม่แปลกใจทำไมเธอถึงบริหารงานแทนลูกสาวได้ โชคดีที่มีทนายรักษ์และผู้ช่วยคนสนิทคนเก่าของคุณพ่อ คอยอยู่เคียงข้างและแนะนำทุกอย่างจนทำให้แบมบี๋สามารถกลับมาอยู่ที่ไร่ภูริชได้ แต่ก็เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงราย เนื่องจากว่าเธอไม่กล้าทิ้งคุณแม่อยู่คนเดียว แต่ยังไงก็ต้องกลับมาที่ไร่เพราะเธอมีธุรกิจอยู่ที่นี่อีกนั่นก็คือโฮมสเตย์และคาเฟ่ ไม่สามารถจะทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ เธอกับพ่อเลี้ยงตกลงกันว่าเราจะเดินทางไปมาแบบนี้แหละ แล้วก็จะมีลูกหลายคนจะได้มาช่วยกันบริหารธุรกิจที่มีในอนาคต"บี๋เมื่อไหร่หนูจะมีลูกให้พี่สักที"เขาเอ่ยออกมาเสียงออดอ้อน ตั้งแต่ที่มีอะไรกันเขากับภรรยาไม่ได้ป้องกันเลยด้วยซ้ำ ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กน้อยถึงไม่ยอมมาสักที หรือเพราะว่าเขาไร้น้ำยาเธอจึงไม่ท้องสักที"หนูก็ไม่ได้กินยาคุมหรือว่าป้องกันเลยนี่คะ ใจเย็นก
เจ้าหน้าที่ตำรวจลากสองแม่ลูกให้ไปขึ้นรถ จากนั้นก็พาเดินทางไปยังสถานีตำรวจต่อ ดูท่าทางจะรอดยาก เพราะหลักฐานที่แดนเก็บไว้หลายอย่าง น่าจะทำให้ทั้งสองคนสำนึกผิดอยู่ในคุกนานพอสมควร"แม่จ๋า"แบมบี๋วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณแม่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้ตัวเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน วางแผนกันมาอยู่สักพักใหญ่ เล่นละครหลอกคุณหญิงกิ่งแก้วแล้วก็ลูกสาวเพื่อให้ตายใจ เพื่อที่จะได้จัดการรวบรัดทีเดียว"หนูเจ็บตรงไหนไหม แม่นึกว่าเราจะไม่รอดซะแล้ว"คุณหญิงกวาเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบแก้มลูกสาวทั้งสองข้าง รู้สึกเป็นห่วงลูกเสียเหลือเกิน ถ้าครั้งนี้เราสองคนไม่มีชีวิตรอดกลับไป เธอคงรู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำให้แบมบี๋ได้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนอื่น"หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่"เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดเราสองคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข คนที่เคยคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเองไป หลังจากนี้ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเถอะ อย่ามีเรื่องราวเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีกเลย"เดี๋ยวผมจะพาคุณหญิงกิ่งแก้วกับลูกสาวไปก่อนนะครับ ถ้าเกิดว่าทางนี้พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปให้ปากคำได้เลย""ขอบคุณมากเลยนะครับคุณตำรวจ"พ่อเลี้ยง
คุณหญิงและลูกสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาก่อนจะใส่กุญแจมือของทั้งคู่รวมถึงพวกชายฉกรรจ์อีก 5 คน โดยที่เอามือไขว้ไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง และคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คือพ่อเลี้ยงภูริช"แดดดี้!"เธอตะโกนเรียกชายคนรักด้วยน้ำเสียงดีใจ เขารีบวิ่งเข้ามาก่อนจะรีบแก้มัดให้กับหญิงสาวและคุณแม่ของเธอ เมื่อเป็นอิสระแบมบี๋ก็สวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น"หนูเป็นอะไรได้เปล่า เจ็บตรงไหนไหม""ไม่ค่ะ หนูไม่เป็นอะไร"เธอสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขามาได้ทันเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าถ้ามาช้ากว่านี้เธอกับแม่อาจจะถูกพาไปชายแดนแล้ว"คุณแม่เป็นหรือเปล่าครับ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ว่าแต่นี่มันอะไรกัน"ทุกคนดูมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะดูพ่อเลี้ยงภูริชจะเป็นห่วงแบมบี๋อย่างออกนอกหน้าทั้งที่เป็นอันรู้กันว่าทั้งสองคนหย่าร้างกันไปแล้ว ที่สำคัญมาช่วยได้ทันเวลาอีก ตอนแรกเห็นทะเลาะกันไม่เจอกันเลย คิดว่าเขาจะมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ"ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า กล้าดียังไงมาจับฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ถ้าพวกแกยังไม่ปล่อยเดี๋ยวฉันจะฟ้องเจ้านายพวกแกให้หมดเลย"คุณหญิงสะบัดตัวเองให้
ซาเนียสั่งให้พวกชายฉกรรจ์พาสองแม่ลูกเข้าไปข้างในโกดัง แต่ทว่าทั้งคู่ไม่ยอมดีดดิ้นไปมาอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกมัน และเพียงไม่นานเสียงรถตู้ก็เคลื่อนที่เข้ามาอีกคันหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นใบหน้าของผู้ที่มาใหม่ก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่จะเหลือแค่สองคนเท่านั้นที่ดูตกใจไม่น้อย"นี่คุณหญิงจะเอาให้ได้เลยสินะ สมบัติของคุณกนกมันหอมหวานมากเลยเหรอถึงได้มีแต่ความโลภไม่มีหยุดพักแบบนี้""ปากดีนักนะ แกจะตายอยู่แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาไม่มีมารยาทกับฉันแบบนี้ สมบัติมันเป็นของน้องชายฉัน แกมันเป็นคนจนที่มาแต่ตัว โชคดีที่ได้แต่งงานกับคนรวยก็เท่านั้นแหละ คิดที่จะเอาทุกอย่างไปเลยหรือไง"คุณหญิงกิ่งแก้วเดินเข้ามาพร้อมกับใช้มือจิกผมน้องสะใภ้ด้วยใบหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนอย่างมันไม่สมควรที่จะได้อะไรทั้งนั้น คนที่มาแต่ตัวก็ให้ออกไปแต่ตัวมันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว"คุณต่างหากที่ไม่ควรได้อะไรเลย ฉันอยู่กับคุณกนกตั้งแต่ที่เขายังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ บริษัทก็ช่วยกันดูแลจนมีอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่บ้านของคุณหญิงจะรวยมาก แต่อย่าลืมนะคะว่าบริษัทไม่ใช่ของตระกูล""มันเป็นของฉัน เงินที่ใช้สร้างบริษัทนี้ขึ้นม
สองวันต่อมา...แบมบี๋นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับคุณแม่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เธอคิดถึงชายหนุ่มสุดหัวใจ เราสองคนไม่ได้คุยกันมาสักพักตั้งแต่ที่แยกย้ายกัน เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานแต่ก็ต้องมาหย่าร้างกัน บอกตามตรงว่าเธอยังทำใจไม่ได้"ไหวไหมลูก""ไม่ไหวหรอกค่ะแม่ หนูยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้เลยว่าพ่อเลี้ยงขอหย่าหนูทำไม ฮือออออ"เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น คุณแม่เองเห็นลูกสาวไม่สบายใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย สวมกอดเธอเอาไว้ลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน"ไม่คิดมากนะลูก เอางี้ไหมเราสองคนไปเดินเล่นที่ห้างกันดีกว่า ช็อปปิ้งซื้อของกันจะได้สบายใจขึ้น""ไม่มีอารมณ์ไปเลยค่ะ""ไม่เอาสิ ไปหาอะไรกินข้างนอก ซื้อของที่อยากได้ เผื่อว่าหนูจะอารมณ์ดีขึ้นไง"แบมบี๋เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ดีจะได้ผ่อนคลายขึ้น ส่วนเรื่องพ่อเลี้ยงภูริชคงต้องปล่อยให้เขาใจเย็นกว่านี้ แล้วเธอจะกลับไปง้อชายหนุ่มที่ไร่เอง"ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันก่อน ส่วนเรื่องของพ่อเลี้ยงเดี๋ยวแบมจะลองเข้าไปคุยกับเขาอีกทีค่ะ""มันต้องแบบนั้นลูก รอให้เราสองคนใจเย็นกว่านี้ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที""งั้นเราสองคน
ซาเนียและคุณแม่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู เห็นว่าแบมบี๋ออกไปกับพ่อเลี้ยงนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากันหรือเปล่า ส่วนแดนเองเขากลับไปที่คอนโดเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้โดนเจ้านายไล่ออกแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปทำงาน ได้เงินจากสองแม่ลูกมาหลักสิบล้าน ใช้ชีวิตอยู่ได้สบายเลยล่ะ"ทำไมพวกมันสองคนยังไม่มาสักที หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากหย่า""นั่นสิคะแม่"เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ไม่ยอมหย่ากันขึ้นมา แผนที่ทำมาก็คงจะไม่มีความหมาย เพราะถึงจะทำอะไรหลังจากนี้ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะเลิกรากันได้แล้ว"เสียงรถนี่หรือว่ามาแล้ว"ทั้งสองคนยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่เดินออกไป เนื่องจากว่ากวากำลังรอลูกสาวอยู่เช่นกัน จึงทำให้สองแม่ลูกไม่สามารถที่จะออกไปทำตัวเหมือนอยากรู้อยากเห็นได้ในตอนนี้"แบมบี๋ลูก หนูจะหย่ากับพ่อเลี้ยงจริงเหรอ""แม่! ฮืออออ พ่อเลี้ยงทิ้งหนูไปแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกเลิกแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรเขาด้วยซ้ำ ให้อธิบายอะไรก็ไม่ยอมฟัง ฮึก!"เธอร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน และนั่นให้คุณหญิงกิ