ใช้เวลาอยู่ในร้านหมูกระทะประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พ่อเลี้ยงภูริชก็รู้สึกเบื่อแล้วก็เริ่มเวียนหัวกลิ่นควัน เริ่มรบเร้าเด็กในความดูแลให้กลับ โดยปกติถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแต่เธอจะนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ต่ออีกเป็นชั่วโมง แต่ด้วยความที่มากับผู้ปกครองก็ต้องตามใจเขาหน่อย และที่สำคัญคือมื้อนี้เขาเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด บรรดาเพื่อนของเธอยิ้มแก้มปริดูอารมณ์ดีกันมาก แถมยังคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับบ้านไปกับเขาอีก
"คราวนี้ไม่เห็นจะเรียกร้องให้ฉันอยู่เลย"
"เอาน่า มื้อนี้พวกฉันกินฟรีนะยะ แล้วเจอกันอีกทีวันงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชานะ"
"อืม เจอกันนะ"
เธอโบกไม้โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจะเตรียมตัวกลับกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพากันลุกขึ้นเดินออกมายังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงภูริชกำลังชำระเงินอยู่
"ขอบคุณมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง วันนี้พวกหนูอิ่มกันมากเลยค่ะ"
"ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาไว้ไปกินที่งานประจำปีโน่น รับรองว่าอาหารถูกปากกินกันพุงกางไปเลย"
ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งหลาย ความจริงในวัยอายุแบบเขาน่าจะคุยกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่ด้วยความที่อยากปรับตัวให้เข้ากับแบมบี๋ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทันโลกอยู่ตลอด อะไรที่เป็นเทคโนโลยีมาใหม่ หรือแม้กระทั่งของแบรนด์เนม collection ใหม่ เขาก็จะต้องตามให้ทันเพื่อเอาอกเอาใจเด็กในความดูแล
"ขอบคุณมากเลยนะคะ วันนี้แดดดี้ใจดีมากเลยค่ะ"
แบมบี๋ยิ้มออกมาด้วยความอารมณ์ดี แดดดี้ของเธอโดยปกติก็เป็นคนใจดีแบบนี้แหละ แต่ด้วยความที่ช่วงหลังเธอไม่ได้ออกมาพบเจอเพื่อนฝูง และเขาเองก็ค่อนข้างมีงานยุ่ง ก็เลยไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่เขามากับเธอก็จะเป็นเจ้ามือแบบนี้ตลอด
"ก็ใจดีแบบนี้อยู่แล้ว แล้วเราล่ะเมื่อไหร่จะใจอ่อน"
"ชิ~ กลับกันเถอะค่ะ"
หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาอย่างเขินอาย ก่อนจะพากันเดินควงแขนตรงไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้าร้าน แล้ววันนี้เขาขับรถนำเข้าหลักสิบล้านออกมา โดยปกติจะขับแค่รถกระบะคันเก่าของไร่เท่านั้น ซึ่งรถคันนี้มีดีไซน์เรียบหรูและทันสมัย สีภายนอกเป็นสีดำเงางามสะท้อนแสงไฟจากถนน
"เข้าไปได้แล้วค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
พ่อเลี้ยงภูริชเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งอยู่ข้างใน กลิ่นของเครื่องหนังแทบตีขึ้นจมูก เพราะตั้งแต่ซื้อมาเขาขับเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง อากาศเย็นสบายจนแบมบี๋เผลอเคลิ้มหลับไป
ชายหนุ่มเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับจากนั้นก็ทำการสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทางทั้งคู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งประเด็นหลักที่จะคุยกันก็น่าจะเป็นเรื่องอนาคตของทั้งคู่
"พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม"
"คะ... ว่ามาสิคะ"
หญิงสาวเหลือบสายตาหันไปมองด้วยความสงสัย
"ทำไมหนูถึงไม่ยอมเป็นเมียพี่สักที พี่ไม่ดีตรงไหนหรือว่าพี่อายุมากเกินไป"
เขาเอ่ยถามหญิงสาวไปตามตรง เอาจริงมันก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่รับรู้ว่าเราสองคนอายุค่อนข้างห่างกันเยอะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าเลือกได้เขาก็คงอยากเกิดห่างจากเธอเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นอุปสรรคหลักที่เธอไม่ยอมรับรักเขาสักที
"มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าอายุมากเกินหรอกค่ะ แดดดี้ยังดูหนุ่มแน่นอยู่เลย แต่เป็นหนูเองมากกว่าที่เด็กจนเกินไป ไม่เหมาะสมกับพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชเลยแม้แต่น้อย"
เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถ้าถามว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้เป็นยังไง บอกเลยว่าทั้งหัวใจมีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะปากแข็งและใจร้ายกับเธอในอดีต แต่ทุกสิ่งที่เขาทำคือรักและหวังดีกับเธอในทุกเรื่อง
"ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แค่เราสองคนรักกันมันไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาเลยนะ"
เขายื่นมือมากุมมือหญิงสาวเอาไว้ หันไปมองสบตาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
"พี่แค่อยากรู้ว่าบี๋คิดกับพี่เหมือนกับที่พี่คิดหรือเปล่า"
"แล้วแดดดี้คิดอะไรล่ะคะ"
เธอเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่มันคลุมเครือของเราทั้งคู่ มันคาราคาซังมาโดยตลอดไม่จบสิ้นสักที บางทีวันนี้อาจจะเป็นการเคลียร์ครั้งสุดท้ายก็ได้ วัยอายุของพ่อเลี้ยงไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเกิดเขาจะต้องมารอแบบไม่มีจุดหมาย ก็คงจะต้องโสดจนขึ้นคานไปเลยอย่างที่เคยรับปากกับเพื่อนรัก แต่คงทำใจไม่ได้ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งต้องเห็นผู้หญิงที่เขารักแต่งงานเป็นของคนอื่น
"ก็แดดดี้รักหนูไง ไม่รู้หรอกว่ารักตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้รักก็พอแล้ว"
และเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ระบายยิ้มออกมาก่อนจะซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง
"แบมก็รักแดดดี้ค่ะ หัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใครเลยนอกจากแดดดี้คนเดียว ถ้าเกิดแดดดี้ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องอายุของหนู ก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วค่ะ"
"หมายความว่าหนูรับรักพี่แล้วถูกไหม"
เขาเองก็ลุ้นในคำตอบของเธอเป็นอย่างมาก จึงต้องถามกลับเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรัก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"ใช่ค่ะ"
"น่ารักที่สุดเลย รู้งี้พามากินหมูกระทะนานแล้ว ไม่ปล่อยให้นานขนาดนี้หรอก"
"มันไม่ได้เกี่ยวกับหมูกระทะสักหน่อย เฮ้อ! แดดดี้เนี่ยนะ"
ทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เธอไม่อยากจะบ่ายเบี่ยงกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว ถ้าหัวบอกว่าใช่ มันไม่มีอะไรที่เธอกับเขาจะต้องปฏิเสธมันอีกต่อไป แค่ยอมรับหัวใจของตัวเองเท่านั้น จากนี้ทั้งคู่ก็จะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเปิดเผยสถานะ ไม่ต้องคลุมเครือแบบนี้อีก ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองคนใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไป ตามหึงหวงไปรับไปส่งกันตลอด ใครก็มองว่าแบมบี๋เนี่ยแหละคือนายหญิงของไร่ในอนาคต และคงไม่ผิดคาดไปจากที่เดาสักเท่าไหร่ เพราะในที่สุดทั้งสองคนก็สมหวังกันสักที
"ถึงแล้วลงมาค่ะ"
"ค่ะ แดดดี้ไปอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าจะได้สดชื่น มีประชุมตอนเก้าโมงเช้านะคะเรื่องงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชาค่ะ"
"ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่กลับห้องก่อนนะ"
"ค่ะ แยกกันตรงนี้นะคะ"
เธอยื่นริมฝีปากไปจุ๊บแก้มชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความเขินอายก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็ว พ่อเลี้ยงภูริชยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ มองตามหญิงสาวไปจนลับสายตาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
"อาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนเหรอ... หึ ฝันไปเถอะ"
แบมบี๋เดินไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นี่ก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ที่ไร่มีประชุมงานประจำปีของไร่ชา จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดคงต้องประชุมกันอีกที"ง่วงจัง"เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบครีมบำรุงผิวมาละเลงลงบนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอกห้องนอน"ใครคะ"แบมบี๋วางของทุกอย่างลงก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูหน้าห้องนอน ที่ไร่แห่งนี้มีโฮมสเตย์ประมาณ 88 หลัง คาเฟ่อีก 1 ร้าน ซึ่งอยู่ในความดูแลของเธอทั้งหมด จากเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่กลายมาเป็นคุณหนูของไร่ภูริช มีเงินทองมากมายไม่เคยขาดมือแอ๊ดดดด"อ๊ะ แดดดี้!"เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลแบบนี้ แสงไฟอ่อน ๆ ส่องสว่างกระทบใบหน้าของทั้งคู่ พ่อเลี้ยงภูริชกระโจนเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้หลวม ๆ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดใกล้ หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนเต้นแรงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ปลายจมูกของชายหนุ่มสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแบบชัดเจน"ขอนอนด้วยสิ""งื้อ นอนได้ยังไงคะ คือแบม..."ใบหน้าหล่อ
เมื่อส่วนหัวแตกปลายถูกดันเข้าไปยังร่องสาว เสียงร้องครวญครางของแบมบี๋ก็ดังขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บแสบและทรมานอย่างถึงที่สุด ท่อนเอ็นเลื่อนผ่านเยื่อความบริสุทธิ์รับรู้ถึงเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดออกจากกัน"อ้าส์~ เจ็บ"แบมบี๋ร้องครางออกมาเสียงกระเส่า มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด เธอไม่เคยถูกท่อนเอ็นล่วงล้ำเข้ามายังจุดสงวน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินได้ในทันที"ซี๊ด... เจ็บเหรอคะ"เขาคร่อมตัวหญิงสาวเอาไว้ ยื่นมือไปลูบผมเธออย่างปลอบโยน เพื่อนคลายความเจ็บปวดทรมานในร่างกาย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับครั้งแรก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่พอผ่านไปได้จะมีแต่ความสุขจนแทบจะสำลักเลยแหละ"เจ็บค่ะ... อื้อ อ๊ะ""ทนหน่อยนะคะเดี๋ยวจะดีขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยปลอบคนรักก่อนจะกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ท่านเอ็นขนาดใหญ่ถูกร่องสาวตอดรัดแน่น ยังไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับรู้สึกว่าน้ำจะแตกซะอย่างนั้น"หนูอย่าดิ้น ซี๊ด! พี่จะแตก"เขาร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปยังเอวของหญิงสาว จากนั้นก็ดึงตัวเธอขึ้นมานั่งลง ก่อนจะเริ่มขยับแก่นกายความเป็นชายอย่างเช
เช้าอันสดใสท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเย็นสบาย ไร่ชาตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจี พนักงานเริ่มเดินกันให้ขวักเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญในวันนี้"เดี๋ยวคุณแดนช่วยเอาเอกสารเข้าไปที่ห้องประชุมด้วยนะคะ แบมจะไปเรียกแดดดี้ค่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังดื่มกาแฟร้อนอยู่""ได้ครับเดี๋ยวผมเตรียมเอกสารให้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันในห้องประชุมนะครับ"แดน หรือผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภูริช เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยไร่ และมีธุรกิจคาเฟ่ขนาดใหญ่ใจกลางไร่บรรยากาศดีมาก และมีโฮมสเตย์ใจกลางธรรมชาติ เปิดระเบียงออกมามีไร่ชา และอีกฝั่งเป็นน้ำตกใสสะอาด"ขอบคุณมากเลยค่ะ"แบมบี๋ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของพ่อเลี้ยงภูริช เขาคือผู้มีพระคุณที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำความได้คือคุณแม่ของเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ ส่วนพ่อเลี้ยงทำหน้างอไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากขัดคุณแม่ก็เลยต้องยอมให้เธออยู่ด้วย แต่ช่วงหลังน่ารักขึ้นมากเลยแหละก๊อก ก๊อก"แดดดี้คะ แบมบี๋ขออนุญาตเข้าไปข้างในค่ะ""เข้ามาสิ"ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ได้ยินเสียงเคาะประตูก็
หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานเสร็จสิ้นลง พนักงานทั้งหมดเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ นั่นคือพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋ภูริชหนุ่มหล่อมาดเข้มเจ้าของไร่ชา มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวอ้อนขอออกไปข้างนอก“แดดดี้คะ หนูขออนุญาตออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ ในตัวอำเภอหน่อยได้ไหมคะ”แบมบี๋พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้พ่อเลี้ยงภูริชอย่างออดอ้อน ทำให้รู้สึกใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามักจะทำตัวน่ารักและขี้อ้อนเสมอเมื่ออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง“พี่ไม่ให้ไป”“ทำไมคะ”เธอเอ่ยถามเสียงใส ก็แค่ออกไปกินหมูกระทะในตัวอำเภอเอง ทำไมจะต้องมาห้ามกันด้วย“ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิคะ น้า ๆ หนูขอออกไปกินกับเพื่อนนะ”“ไม่ให้ไป”"แดดดี้!""เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่หรือไง หืม"เขาหันไปคุยกับหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส ถึงแม้ว่าจะไปกับเพื่อนก็เถอะ แต่เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แบมบี๋เป็นเด็กในความดูแล เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว และอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เธอออก
พ่อเลี้ยงภูริชเดินไปตักของสดให้เด็กในความดูแลอย่างเอาอกเอาใจสุด ๆ ใครจะคิดว่าคนอายุขึ้นเลขสี่จะมีโมเมนท์อ่อนโยนมากขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาแบมบี๋ ทั้งที่เธอเป็นแค่เด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่ทำไมชายหนุ่มถึงดูแลดีขนาดนี้ ทะนุถนอมอย่างดีสร้างโฮมสเตย์ให้ดูแล รวมถึงคาเฟ่ใจกลางไร่ชาในพื้นที่ร้อยไร่ พ่อเลี้ยงเมืองเหนือผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ใครไม่หมายปองบ้างให้มันรู้ไปสิ"ให้พี่ย่างให้มั้ย"และเมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะก็วางทุกอย่างลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพื่อนของแบมบี๋ที่นั่งอยู่ถึงกับสะกิดกันให้เหลือบสายตามอง เอาจริงไม่มีใครห้ามเพื่อนเลยนะ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ เพราะพ่อเลี้ยงภูริชแสนจะเพอร์เฟคไร้ที่ติ ดูแลเอาใส่ใจแถมรวยขนาดนั้นใครไม่อยากได้บ้าง"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะเดี๋ยวแบมทำให้เอง แดดดี้มานั่งเถอะค่ะไม่ต้องลุกขึ้นแล้ว""อยากกินสามชั้นอะ"เขาขยับตัวนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะชี้นิ้วเรียวใหญ่ไปตรงสามชั้นที่เขาเพิ่งตักใส่จานมาเมื่อสักครู่ แบมบี๋หันไปมองตามที่เขาชี้ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบใส่กระทะตรงหน้า"ว่าแต่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงปีนี้มีงานเลี้ยงประจำปีไหมคะ พวกเราคิดถึงบรรยากาศมากค่ะ