ช่วงค่ำ...ภายใต้แสงจันทร์ศรีนวลสาดส่องมายังระเบียงไม้ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี แบมบี๋ในชุดนอนยืนอยู่ตรงขอบระเบียง มองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข มีเสียงลมพัดแผ่วเบาผ่านรอบตัว บรรยากาศดูโรแมนติกชายหนุ่มที่เพิ่งเดินตามมาทีหลังในชุดคลุมเพียงตัวเดียว ก้าวเท้าเข้าไปหาคนรักก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้จากทางด้านหลัง ความรู้สึกอ่อนโยนที่เขามอบให้มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ"มาทำอะไรตรงนี้คนเดียวคะ"เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าลงไปยังซอกคอของหญิงสาวอย่าอ่อนโยน กลิ่นหอมของผิวกายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีอารมณ์ความเป็นชายเริ่มตื่นตัวเพียงแค่ได้กลิ่นกายของคนรักเพียงเท่านั้น"หนูรู้ไหมว่าตัวเองเป็นคนตัวหอมมาก"เขาเอ่ยกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน เหมือนโลกทั้งหมดหยุดหมุนในช่วงเวลาที่เขาอยู่ใกล้เธอ แบมบี๋รู้สึกถึงความอบอุ่นของลมหายใจร้อน ทุกสัมผัสมันทำให้เธอรู้สึกขนกายลุกซู่อย่างประหลาด"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ""อืม... อยากทำอย่างอื่น"เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับใช้มือลูบไล้ไปตามเนินอกของเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเม็ดทับทิมสีชมพูเ
แบมบี๋เงยหน้าจ้องมองสบตากับชายหนุ่ม ใบหน้าดูยั่วยวนจนชายหนุ่มถึงกับอดทนไม่ไหว อยากจะอุ้มกลับห้องจับกระแทกแรง ๆ ให้หลาบจำ ว่าไม่ควรมองเขาด้วยสายตายั่วยวนแบบนั้น"อย่ามองแบบนั้นเดี๋ยวจะไม่ได้นอน""แล้วทำยังไงคะ หนูทำไม่เป็น"เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง คราวนี้เขาค่อย ๆ โน้มตัวลงมาให้หญิงสาวจับท่อนเอ็นเอาไว้ สอนให้เธอรูดไปมาแล้วก็ครางด้วยความเสียวซะเอง"ซี๊ดไม่ไหว มือหนูนุ่มมาก"เขาครางออกมาก่อนจะปล่อยมือแล้วจับศีรษะของเธอเอาไว้ แบมบี๋ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงเธอจึงนึกถึงตอนตัวเองกินไอติม แล้วนึกเสียว่าท่อนเอ็นขนาดใหญ่ตอนนี้คือ ไอติมแท่งนั้น"ช่วยพี่หน่อยค่ะ มะ...ไม่ไหว"เธอเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่มก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายลิ้นเลียไลท่อนเอ็นจากล่างขึ้นไปจนถึงส่วนหัว"โอ้ว! ตรงนั้นพะ...พี่""ชอบไหมคะ"เธอเอ่ยถามพร้มกับทำแบบเดิมอีกครั้ง เพราะดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะชอบมาก ปลายลิ้นเลียส่วนตัวแตกปลายตวัดเบา ๆ บริเวณหัวองคชาตในจุดเส้นสลึงของชายหนุ่ม ก่อนจะดูดเข้าไปในปากโดยใช้ลิ้นร้อนตวัดจากอีกด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งวนเป็นวงกลม"ซี๊ด มะ...ไม่ไหว เสียว"เขาครางออกมาไม่หยุด และยิ่งหญิง
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาใจกลางไร่ พ่อเลี้ยงภูริชในชุดไปรเวทสบายตัว สวมใส่รองเท้าผ้าใบราคาแพง ถือหมวกใบเล็กเดินตรงมาหาคนรัก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังประชุมอยู่กับทีมงาน จัดซุ้มต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ"เดี๋ยวตั้งเต็นท์ไว้ตรงนี้นะคะเพื่อให้เป็นพื้นที่ให้แขกนั่งพักผ่อน เอาเวทีไว้ตรงนี้ ส่วนโซนนั้นให้เป็นซุ้มชงชา อีกฝั่งเป็นโซนอาหาร อยู่คนละฝั่งนะคะเพราะว่าเดี๋ยวกลิ่นมันจะกลบกัน อ๊ะ!"หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างวางอยู่บนศีรษะ เหลือบสายตาหันไปมองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแก้มปริ"ใส่หมวกด้วยค่ะอากาศมันร้อน""ขอบคุณนะคะ""แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่""ก็ประชุมกันเรื่องรายละเอียดการจัดซุ้มเนี่ยล่ะค่ะ แบมมันคิดว่าจะให้ชากับอาหารอยู่คนละฝั่งกัน เพราะเดี๋ยวกลิ่นมันจะกลบกันค่ะ"เขาพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย ชาปกติจะมีกลิ่นที่แตกต่างกัน มีทั้งชาเขียว ชาอู่หลง ชาดำ ชาอัสสัม ชากุหลาบ และอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง แต่ละแบบก็จะมีกลิ่นของตัวเอง ถ้าเกิดว่าอยู่รวมกับซุ้มอาหารอาจจะกลบความหอมของชาเอาได้"เป็นความคิดที่ดีเลยนะคะ แยกกันนั่นแหละดีแล้ว""ว่าแต่หนูไปลองชุดของตัวเองหรือยัง เมื่อกี้ช
และแล้วงานประจำปีก็มาถึง บรรยากาศคึกคักเพราะผู้คนมากมายเข้ามารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ พ่อเลี้ยงแห่งไร่ชายืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตรงหน้างาน โดยมีแบมบี๋อยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหน"เชิญเลยครับท่านผู้ว่า สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี เป็นเกียรติมากเลยนะครับที่มาในวันนี้"เขาเอ่ยต้อนรับแขกหน้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แบมบี๋แจกของชำร่วยให้กับผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นของที่เธอตั้งใจทำกับพนักงานหลายคน เป็นสิ่งของแทนใจเมื่อทุกคนมองเห็นจะได้นึกถึงไร่ภูริชแห่งนี้"ของชำร่วยค่ะ ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะส่งถุงแบรนด์ของไร่ไปให้แขกที่มาร่วมงาน มันคือถ้วยชาและจานรองที่มีลวดลายสวยงาม พร้อมกับชาชงสูตรพิเศษจากไร่"ขอบคุณครับ"ทั้งสองคนยืนต้องรับแขกอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในงานเนื่องจากผู้ช่วยของเขามาตามแล้ว"พ่อเลี้ยง คุณแบม เชิญข้างในครับ งานจะเริ่มแล้ว""โอเค บี๋ไปข้างในค่ะ ให้คนอื่นทำ"เขากวักมือเรียกคนรักก่อนจะพากันเดินออกไปจากตรงนั้น และเมื่อเดินเข้ามาภายในงาน ผู้คนรวมตัวกันอยู่ลานหน้าเวทีเรียบร้อยแล้ว พิธีกรยืนอยู่บนเวทีใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยกไมค์โครโฟนขึ้นพูดด้วยน้ำเส
กวาเบิกตากว้างออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบหลบหน้าเพื่อไม่ให้คุณหญิงกิ่งแก้วมองเห็น ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพ่อเลี้ยงภูริช เขากำลังสงสัยว่าทำไมแม่บ้านคนสนิทของคุณแม่ถึงได้ดูกลัวผู้หญิงคนนี้"ของค่ะพ่อเลี้ยง""ขอบคุณครับ มีอะไรหรือเปล่า""ไว้ค่อยคุยกันนะคะ น้าขอไปก่อน"เธอรีบเดินหนีออกไปจากตรงนั้นทันที ดูเหมือนว่าคุณหญิงกิ่งแก้วจะไม่ทันเห็นใบหน้าของเธอ ก่อนจะรีบกระซิบถามพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร"พ่อเลี้ยงคะผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร"พ่อเลี้ยงภูริชนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มออกมา ทว่าภายใต้ใบหน้านั้นมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ทำไมดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันยังไงอย่างนั้น"ไม่มีอะไรหรอกครับเป็นแม่บ้านที่ไร่เนี่ยแหละ คุณหญิงเดินเล่นก่อนได้เลยนะครับ ยังไงผมขอตัวไปดูภายในงานสักแป๊บหนึ่ง แล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกันนะครับ""เชิญตามสบายเลยค่ะ"คุณหญิงกิ่งแก้วยิ้มออกมาก่อนจะเหลือบสายตามองตามผู้หญิงคนนั้นที่พ่อเลี้ยงภูริชบอกว่าเป็นแม่บ้านคนสนิทของที่นี่ เธอรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านั้นถึงแม้ว่าจะพาไปหลายปีก็เถอะ หรือว่าอาจจะเป็นแค่คนหน้าคล้าย"นั่นสิหรือว่าจะเป็นคนหน้าคล้ายนะ"พ่อเลี้ยงภูร
หลังจากงานประจำปีจบลง ไร่ภูริชก็กลับมาเป็นปกติ ทุกอย่างภายในงานถูกเก็บกวาดให้สะอาดเอี่ยม เพื่อรอต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการคาเฟ่ และโฮมสเตย์ที่มีคิวจองเต็มทุกหลัง"เดี๋ยวส่งรถไปรับลูกค้าที่สนามบินด้วยนะคะ ลูกค้าถึงตอนประมาณ 14:00 น ค่ะ""ได้เลยค่ะเดี๋ยวจัดการให้""ว่าแต่เห็นพ่อเลี้ยงภูริชไหมคะ ไม่รู้ว่าหายไปไหนตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว""ไม่เห็นนะคะ"แบบบี๋มองหาชายคนรัก หลังจากช่วงเช้าที่เขาพาเธอมาส่งก็หายออกไปจากออฟฟิศเลย จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้วยังไม่โผล่เข้ามาด้วยซ้ำ"นี่ใกล้จะเที่ยงแล้วไปกินข้าวที่โรงอาหารกันไหมคะ""ก็ดีค่ะ พ่อเลี้ยงไม่น่าจะมาแล้วแหละ สงสัยจะอยู่ในไร่ละมั้งคะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะเดินตามเลขาของตัวเองออกไป เห็นแบบนี้เธอก็มีเลขาส่วนตัวอยู่นะ เมื่อก่อนเธอเข้ามาช่วยงานที่ไร่ในฐานะเลขาส่วนตัวของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริช แต่พอเรียนจบแล้วมีโฮมสเตย์และคาเฟ่เป็นของตัวเอง พ่อเลี้ยงก็เลยทำห้องทำงานให้ใหม่ รับสมัครเลขาส่วนตัวให้พร้อม ตัวเธอเองจะได้มีเวลาเข้าไปดูแลที่ร้านบ้างทางด้านของพ่อเลี้ยงภูริช เขานั่งอยู่ภายในห้องรับแขกใจกลางบ้าน โดยมีคุณแม่แล้วก็น้ากวานั่งอยู่ตรงนั้นเ
หลังจากที่พ่อเลี้ยงภูริชคุยกับน้ากวาและคุณแม่ของตัวเองเสร็จ ก็กลับมาที่ออฟฟิศของตัวเอง แต่พนักงานบอกว่าคนรักของเขาลงไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้ว จึงออกจากที่ทำงานตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศมากนัก"หลังจากนี้ลูกค้าเต็มทุกห้องเลยค่ะ ไหนจะคาเฟ่อีก คุณหนูว่ารับสมัครพนักงานเพิ่มดีไหมคะ""ก็ดีนะคะ งั้นเดี๋ยวแบมขอคุยกับพ่อเลี้ยงภูริชก่อนแล้วกันค่ะ ยังไงก็ต้องปรึกษาเจ้าของไร่ก่อน ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวจะมาบอกค่ะ"เธอเอ่ยออกมาก่อนจะตักกับข้าวใส่ปากกินต่อ ทว่าแทบจะสำลักกับข้าวที่กินเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชเอ่ยออกมา"จะคุยกับพี่ทำไมล่ะ อยากจะรับสมัครก็รับไปสิ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาปรึกษาเจ้าของไร่เลย เมียเจ้าของไร่ก็สามารถตัดสินใจแทนได้นะ เขาเรียกว่ามีอำนาจเท่ากัน"ไม่พูดเปล่าแถมยังตะโกนเสียงดังให้คนที่อยู่ในโรงอาหารได้ยินโดยทั่วกัน ทุกคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาไม่หยุด เมื่อเจ้าของไร่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แถมยังเรียกคุณแบมบี๋ว่าเป็นเมียของตัวเองอีกด้วย"แค่ก ๆ""อะไรเนี่ยสำลักเลยเหรอ พี่ก็พูดว่าเมียเจ้าของไร่เองนะ"เอายิ้มออกมาขำ ๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ลูบแผ่น
หลังจากที่เก็บองุ่นกันเสร็จชายหนุ่มก็พาหนุ่มสาวขับรถเล่นทั่วไร่ ระหว่างทางเธอก็กินองุ่นที่อยู่ในตะกร้าไปด้วย เนื่องจากว่าผลไม้ที่เธอปลูกทุกชนิดเป็นแบบออแกนิค ปลอดภัยไร้สารเคมี เพราะฉะนั้นสามารถกินได้เลยรับรองว่าปลอดภัยแบบ 100 เปอร์เซ็นต์"องุ่นหวานจังเลยค่ะ ความจริงพื้นที่ไร่ของเราก็เหลืออยู่ ทำไมแดดดี้ถึงไม่ปลูกผลไม้ด้วยล่ะคะ""ไม่เอาหรอก ขี้เกียจไปแข่งกับไอ้ภวินมัน รายนั้นทำไวน์ส่งออกเมืองนอกเมืองนา ถ้าเราจะเริ่มตอนนี้สู้มันไม่ไหวหรอก"เขาหัวเราะออกมากว่าจะนึกไปถึงเพื่อนสนิทอีกคน เขาเป็นเจ้าของไร่องุ่นอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ระดับมหาเศรษฐีร่ำรวยอยู่เมืองเหนือเหมือนเขานั่นแหละ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ไหนแต่ไร ความจริงเขามีเพื่อนรักอยู่ทั้งหมด 4 คน คนแรกชื่อภวิน เจ้าของไร่องุ่นพื้นที่เกือบร้อยไร่ ส่วนอีกคนคือนายหัวบุรินทร์เจ้าของเกาะไข่มุกทางภาคใต้ ส่วนอีกคนเจ้าของไร่ผลไม้ทางภาคกลาง เสี่ยศรัณย์ พวกเราทั้ง 4 คนกอดคอกันสัญญาว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ทยอยมีเมียไปทีละคน ไอ้คำสัญญาที่ว่ามันไม่มีจริงหรอก รวมถึงตัวของเขาด้วย... หึ"จริงด้วยแบมลืมไปค่ะว่าแดดดี้มีเพื่อนเป็นเจ้าของไร่ เจ้าของเ
ทั้งสามคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้องอัลตราซาวนด์ ได้รับข่าวดีแรกก็คือหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ต้องมาช็อกอีกครั้งเมื่อได้รับรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด 3 มาทีเดียวพร้อมปิดอู่ได้เลย ใครจะไม่ดีใจบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ"หนูเราจะได้ลูกแฝด 3""ดีใจจังเลยค่ะมาทีเดียวพร้อมกัน 3 คนเลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ท้องแค่ครั้งเดียวพอ หนูจะได้ไม่เหนื่อยคลอดหลายรอบดีไหมคะ""แบบนี้แหละดีค่ะหนูจะได้ไม่ทรมานหลายครั้ง คุณหมอแล้วแบบนี้เราจะต้องดูแลยังไงบ้างครับ ผมต้องมาพบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือเปล่า"เขาหันไปคุยกับคุณหมอทันที เพราะอยากจะทราบวิธีการดูแลคุณแม่ที่ท้องลูกแฝดสาม เขาเคยอ่านมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณแม่จะอุ้มเด็กน้อยอยู่ในท้องด้วยกันถึง 3 คน การดูแลจะต้องมากกว่าคนท้องปกติ และก็มีความเสี่ยงเช่นกัน"ไม่ต้องห่วงนะครับทางเราจะดูแลคุณแม่แล้วก็เจ้าตัวเล็กอย่างดีที่สุด แต่ว่าอาจจะต้องนัดบ่อยอยู่นะครับ เพราะว่าเป็นครรภ์แฝดมีความเสี่ยงมากกว่าครรภ์ปกติ""ไม่เป็นอะไรเลยครับ ขอแค่ลูกของผมกับภรรยาปลอดภัย คุณหมอแนะนำมาได้เลยครับว่าต้องดูแลยังไง คงยินดีที่จะทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง""ได้เลยครับถ้าอย่างนั้นเชิญท
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จสองแม่ลูกก็พากันเดินทางมาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เล่นเอาตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยเพราะถ้าเกิดว่าลูกสาวเกิดท้องขึ้นมา คงจะเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว พ่อเลี้ยงภูริชเองก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าภรรยาจะท้องในที่สุด เธอภาวนาตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนมาถึงที่โรงพยาบาล ขอให้เด็กมาเกิดในท้องของเธอด้วยเถิด"ขอให้ท้องเถอะค่ะ หนูอยากให้พ่อเลี้ยงดีใจ""แม่ก็ขอให้หนูท้องนะ รีบไปกันเถอะแม่ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนี่ย"ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น และเมื่อมาถึงก็ยื่นเอกสารให้เรียบร้อย จากนั้นพยาบาลก็พามายังห้องตรวจสูตินรีเวช คุณหมอให้ตรวจปัสสาวะเข้ามาก่อน ซึ่งมีพยาบาลคอยจัดการให้ทุกอย่าง จะได้เข้าไปฟังผลทีเดียวไม่ต้องเสียเวลา"เดี๋ยวคุณแบมเก็บปัสสาวะให้พยาบาลหน่อยนะคะ จะได้ส่งห้องแล็บตรวจ ผลจะได้ออกเร็วค่ะ""ขอบคุณค่ะคุณพยาบาล"เธอรับแก้วมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการเก็บปัสสาวะของตัวเองส่งให้พยาบาล ใบหน้านั้นดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ตอนแรกว่าจะโทรศัพท์ให้พ่อเลี้ยงมาหาที่โรงพยาบาล แต่พอคิดดูอีกทีให้ผลมันออกไปที่แน่ชัดก่อน เพราะถ้าเกิดว่าไม่ท้องขึ้นมา เขาอาจจะร
หนึ่งเดือนต่อมา...แบมบี๋ในชุดทำงานมาดนักธุรกิจ ในมือถือแฟ้มเอกสารเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับคุณแม่ ส่วนสามีของเธอวันนี้เดินทางไปคุยกับลูกค้า พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวกันได้ คุณแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยมีคุณแม่ของพ่อเลี้ยงภูริชคอยอยู่เป็นเพื่อน จึงทำให้สองสามีภรรยาหมดห่วง มีแม่นมคอยดูแลคุณแม่ของเธออีกแรงหนึ่ง ทำให้เธอค่อนข้างจะรู้สึกสบายใจในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ต้องห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วเหมือนเมื่อก่อน"เที่ยงแล้วหนูจะกินข้าวหรือยังลูก หรือว่าจะรอสามี""กินข้าวกับแม่ก็ได้ค่ะ แดดดี้น่าจะคุยงานกับลูกค้านานค่ะ หนูคิดว่าตอนนี้น่าจะกินข้าวกับลูกค้าไปแล้วด้วย"เธอตอบกลับคุณแม่พร้อมกับกุมมือท่านพาเดินไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ชีวิตของเราสองแม่ลูกก็กลับมาสู่ความสงบ คุณหญิงกิ่งแก้วและลูกสาวก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้ โทษที่ได้รับก็สาสมกับสิ่งที่เธอคิดร้ายกับคนอื่น หวังว่าออกมาจากคุกจะเลิกวุ่นวายกับครอบครัวของเรา ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง"ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้างนอกกันไหม""ก็ดีนะคะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะคะ"สองแม่ลูกควงแขนพากันเดินออกไปขึ้นรถที่จ
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แบมบี๋และพ่อเลี้ยงภูริชก็เดินทางกลับมาที่ไร่ ส่วนคุณแม่ของเธอได้รับอำนาจจากลูกสาวในการขึ้นไปบริหารบริษัทอีกคน เห็นแบบนั้นแต่ว่าเธออยู่กับบริษัทมาตั้งแต่แรกเริ่มยังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ เรียนรู้งานพร้อมกับสามีจนมีได้อย่างทุกวันนี้ ก็ไม่แปลกใจทำไมเธอถึงบริหารงานแทนลูกสาวได้ โชคดีที่มีทนายรักษ์และผู้ช่วยคนสนิทคนเก่าของคุณพ่อ คอยอยู่เคียงข้างและแนะนำทุกอย่างจนทำให้แบมบี๋สามารถกลับมาอยู่ที่ไร่ภูริชได้ แต่ก็เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงราย เนื่องจากว่าเธอไม่กล้าทิ้งคุณแม่อยู่คนเดียว แต่ยังไงก็ต้องกลับมาที่ไร่เพราะเธอมีธุรกิจอยู่ที่นี่อีกนั่นก็คือโฮมสเตย์และคาเฟ่ ไม่สามารถจะทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ เธอกับพ่อเลี้ยงตกลงกันว่าเราจะเดินทางไปมาแบบนี้แหละ แล้วก็จะมีลูกหลายคนจะได้มาช่วยกันบริหารธุรกิจที่มีในอนาคต"บี๋เมื่อไหร่หนูจะมีลูกให้พี่สักที"เขาเอ่ยออกมาเสียงออดอ้อน ตั้งแต่ที่มีอะไรกันเขากับภรรยาไม่ได้ป้องกันเลยด้วยซ้ำ ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กน้อยถึงไม่ยอมมาสักที หรือเพราะว่าเขาไร้น้ำยาเธอจึงไม่ท้องสักที"หนูก็ไม่ได้กินยาคุมหรือว่าป้องกันเลยนี่คะ ใจเย็นก
เจ้าหน้าที่ตำรวจลากสองแม่ลูกให้ไปขึ้นรถ จากนั้นก็พาเดินทางไปยังสถานีตำรวจต่อ ดูท่าทางจะรอดยาก เพราะหลักฐานที่แดนเก็บไว้หลายอย่าง น่าจะทำให้ทั้งสองคนสำนึกผิดอยู่ในคุกนานพอสมควร"แม่จ๋า"แบมบี๋วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณแม่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้ตัวเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน วางแผนกันมาอยู่สักพักใหญ่ เล่นละครหลอกคุณหญิงกิ่งแก้วแล้วก็ลูกสาวเพื่อให้ตายใจ เพื่อที่จะได้จัดการรวบรัดทีเดียว"หนูเจ็บตรงไหนไหม แม่นึกว่าเราจะไม่รอดซะแล้ว"คุณหญิงกวาเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบแก้มลูกสาวทั้งสองข้าง รู้สึกเป็นห่วงลูกเสียเหลือเกิน ถ้าครั้งนี้เราสองคนไม่มีชีวิตรอดกลับไป เธอคงรู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำให้แบมบี๋ได้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนอื่น"หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่"เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดเราสองคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข คนที่เคยคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเองไป หลังจากนี้ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเถอะ อย่ามีเรื่องราวเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีกเลย"เดี๋ยวผมจะพาคุณหญิงกิ่งแก้วกับลูกสาวไปก่อนนะครับ ถ้าเกิดว่าทางนี้พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปให้ปากคำได้เลย""ขอบคุณมากเลยนะครับคุณตำรวจ"พ่อเลี้ยง
คุณหญิงและลูกสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาก่อนจะใส่กุญแจมือของทั้งคู่รวมถึงพวกชายฉกรรจ์อีก 5 คน โดยที่เอามือไขว้ไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง และคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คือพ่อเลี้ยงภูริช"แดดดี้!"เธอตะโกนเรียกชายคนรักด้วยน้ำเสียงดีใจ เขารีบวิ่งเข้ามาก่อนจะรีบแก้มัดให้กับหญิงสาวและคุณแม่ของเธอ เมื่อเป็นอิสระแบมบี๋ก็สวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น"หนูเป็นอะไรได้เปล่า เจ็บตรงไหนไหม""ไม่ค่ะ หนูไม่เป็นอะไร"เธอสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขามาได้ทันเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าถ้ามาช้ากว่านี้เธอกับแม่อาจจะถูกพาไปชายแดนแล้ว"คุณแม่เป็นหรือเปล่าครับ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ว่าแต่นี่มันอะไรกัน"ทุกคนดูมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะดูพ่อเลี้ยงภูริชจะเป็นห่วงแบมบี๋อย่างออกนอกหน้าทั้งที่เป็นอันรู้กันว่าทั้งสองคนหย่าร้างกันไปแล้ว ที่สำคัญมาช่วยได้ทันเวลาอีก ตอนแรกเห็นทะเลาะกันไม่เจอกันเลย คิดว่าเขาจะมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ"ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า กล้าดียังไงมาจับฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ถ้าพวกแกยังไม่ปล่อยเดี๋ยวฉันจะฟ้องเจ้านายพวกแกให้หมดเลย"คุณหญิงสะบัดตัวเองให้
ซาเนียสั่งให้พวกชายฉกรรจ์พาสองแม่ลูกเข้าไปข้างในโกดัง แต่ทว่าทั้งคู่ไม่ยอมดีดดิ้นไปมาอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกมัน และเพียงไม่นานเสียงรถตู้ก็เคลื่อนที่เข้ามาอีกคันหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นใบหน้าของผู้ที่มาใหม่ก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่จะเหลือแค่สองคนเท่านั้นที่ดูตกใจไม่น้อย"นี่คุณหญิงจะเอาให้ได้เลยสินะ สมบัติของคุณกนกมันหอมหวานมากเลยเหรอถึงได้มีแต่ความโลภไม่มีหยุดพักแบบนี้""ปากดีนักนะ แกจะตายอยู่แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาไม่มีมารยาทกับฉันแบบนี้ สมบัติมันเป็นของน้องชายฉัน แกมันเป็นคนจนที่มาแต่ตัว โชคดีที่ได้แต่งงานกับคนรวยก็เท่านั้นแหละ คิดที่จะเอาทุกอย่างไปเลยหรือไง"คุณหญิงกิ่งแก้วเดินเข้ามาพร้อมกับใช้มือจิกผมน้องสะใภ้ด้วยใบหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนอย่างมันไม่สมควรที่จะได้อะไรทั้งนั้น คนที่มาแต่ตัวก็ให้ออกไปแต่ตัวมันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว"คุณต่างหากที่ไม่ควรได้อะไรเลย ฉันอยู่กับคุณกนกตั้งแต่ที่เขายังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ บริษัทก็ช่วยกันดูแลจนมีอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่บ้านของคุณหญิงจะรวยมาก แต่อย่าลืมนะคะว่าบริษัทไม่ใช่ของตระกูล""มันเป็นของฉัน เงินที่ใช้สร้างบริษัทนี้ขึ้นม
สองวันต่อมา...แบมบี๋นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับคุณแม่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เธอคิดถึงชายหนุ่มสุดหัวใจ เราสองคนไม่ได้คุยกันมาสักพักตั้งแต่ที่แยกย้ายกัน เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานแต่ก็ต้องมาหย่าร้างกัน บอกตามตรงว่าเธอยังทำใจไม่ได้"ไหวไหมลูก""ไม่ไหวหรอกค่ะแม่ หนูยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้เลยว่าพ่อเลี้ยงขอหย่าหนูทำไม ฮือออออ"เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น คุณแม่เองเห็นลูกสาวไม่สบายใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย สวมกอดเธอเอาไว้ลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน"ไม่คิดมากนะลูก เอางี้ไหมเราสองคนไปเดินเล่นที่ห้างกันดีกว่า ช็อปปิ้งซื้อของกันจะได้สบายใจขึ้น""ไม่มีอารมณ์ไปเลยค่ะ""ไม่เอาสิ ไปหาอะไรกินข้างนอก ซื้อของที่อยากได้ เผื่อว่าหนูจะอารมณ์ดีขึ้นไง"แบมบี๋เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ดีจะได้ผ่อนคลายขึ้น ส่วนเรื่องพ่อเลี้ยงภูริชคงต้องปล่อยให้เขาใจเย็นกว่านี้ แล้วเธอจะกลับไปง้อชายหนุ่มที่ไร่เอง"ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันก่อน ส่วนเรื่องของพ่อเลี้ยงเดี๋ยวแบมจะลองเข้าไปคุยกับเขาอีกทีค่ะ""มันต้องแบบนั้นลูก รอให้เราสองคนใจเย็นกว่านี้ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที""งั้นเราสองคน
ซาเนียและคุณแม่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู เห็นว่าแบมบี๋ออกไปกับพ่อเลี้ยงนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากันหรือเปล่า ส่วนแดนเองเขากลับไปที่คอนโดเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้โดนเจ้านายไล่ออกแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปทำงาน ได้เงินจากสองแม่ลูกมาหลักสิบล้าน ใช้ชีวิตอยู่ได้สบายเลยล่ะ"ทำไมพวกมันสองคนยังไม่มาสักที หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากหย่า""นั่นสิคะแม่"เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ไม่ยอมหย่ากันขึ้นมา แผนที่ทำมาก็คงจะไม่มีความหมาย เพราะถึงจะทำอะไรหลังจากนี้ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะเลิกรากันได้แล้ว"เสียงรถนี่หรือว่ามาแล้ว"ทั้งสองคนยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่เดินออกไป เนื่องจากว่ากวากำลังรอลูกสาวอยู่เช่นกัน จึงทำให้สองแม่ลูกไม่สามารถที่จะออกไปทำตัวเหมือนอยากรู้อยากเห็นได้ในตอนนี้"แบมบี๋ลูก หนูจะหย่ากับพ่อเลี้ยงจริงเหรอ""แม่! ฮืออออ พ่อเลี้ยงทิ้งหนูไปแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกเลิกแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรเขาด้วยซ้ำ ให้อธิบายอะไรก็ไม่ยอมฟัง ฮึก!"เธอร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน และนั่นให้คุณหญิงกิ