หลังจากที่พ่อเลี้ยงภูริชคุยกับน้ากวาและคุณแม่ของตัวเองเสร็จ ก็กลับมาที่ออฟฟิศของตัวเอง แต่พนักงานบอกว่าคนรักของเขาลงไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้ว จึงออกจากที่ทำงานตรงไปยังโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศมากนัก"หลังจากนี้ลูกค้าเต็มทุกห้องเลยค่ะ ไหนจะคาเฟ่อีก คุณหนูว่ารับสมัครพนักงานเพิ่มดีไหมคะ""ก็ดีนะคะ งั้นเดี๋ยวแบมขอคุยกับพ่อเลี้ยงภูริชก่อนแล้วกันค่ะ ยังไงก็ต้องปรึกษาเจ้าของไร่ก่อน ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวจะมาบอกค่ะ"เธอเอ่ยออกมาก่อนจะตักกับข้าวใส่ปากกินต่อ ทว่าแทบจะสำลักกับข้าวที่กินเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูริชเอ่ยออกมา"จะคุยกับพี่ทำไมล่ะ อยากจะรับสมัครก็รับไปสิ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาปรึกษาเจ้าของไร่เลย เมียเจ้าของไร่ก็สามารถตัดสินใจแทนได้นะ เขาเรียกว่ามีอำนาจเท่ากัน"ไม่พูดเปล่าแถมยังตะโกนเสียงดังให้คนที่อยู่ในโรงอาหารได้ยินโดยทั่วกัน ทุกคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาไม่หยุด เมื่อเจ้าของไร่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ แถมยังเรียกคุณแบมบี๋ว่าเป็นเมียของตัวเองอีกด้วย"แค่ก ๆ""อะไรเนี่ยสำลักเลยเหรอ พี่ก็พูดว่าเมียเจ้าของไร่เองนะ"เอายิ้มออกมาขำ ๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ลูบแผ่น
หลังจากที่เก็บองุ่นกันเสร็จชายหนุ่มก็พาหนุ่มสาวขับรถเล่นทั่วไร่ ระหว่างทางเธอก็กินองุ่นที่อยู่ในตะกร้าไปด้วย เนื่องจากว่าผลไม้ที่เธอปลูกทุกชนิดเป็นแบบออแกนิค ปลอดภัยไร้สารเคมี เพราะฉะนั้นสามารถกินได้เลยรับรองว่าปลอดภัยแบบ 100 เปอร์เซ็นต์"องุ่นหวานจังเลยค่ะ ความจริงพื้นที่ไร่ของเราก็เหลืออยู่ ทำไมแดดดี้ถึงไม่ปลูกผลไม้ด้วยล่ะคะ""ไม่เอาหรอก ขี้เกียจไปแข่งกับไอ้ภวินมัน รายนั้นทำไวน์ส่งออกเมืองนอกเมืองนา ถ้าเราจะเริ่มตอนนี้สู้มันไม่ไหวหรอก"เขาหัวเราะออกมากว่าจะนึกไปถึงเพื่อนสนิทอีกคน เขาเป็นเจ้าของไร่องุ่นอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ระดับมหาเศรษฐีร่ำรวยอยู่เมืองเหนือเหมือนเขานั่นแหละ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ไหนแต่ไร ความจริงเขามีเพื่อนรักอยู่ทั้งหมด 4 คน คนแรกชื่อภวิน เจ้าของไร่องุ่นพื้นที่เกือบร้อยไร่ ส่วนอีกคนคือนายหัวบุรินทร์เจ้าของเกาะไข่มุกทางภาคใต้ ส่วนอีกคนเจ้าของไร่ผลไม้ทางภาคกลาง เสี่ยศรัณย์ พวกเราทั้ง 4 คนกอดคอกันสัญญาว่าจะอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ทยอยมีเมียไปทีละคน ไอ้คำสัญญาที่ว่ามันไม่มีจริงหรอก รวมถึงตัวของเขาด้วย... หึ"จริงด้วยแบมลืมไปค่ะว่าแดดดี้มีเพื่อนเป็นเจ้าของไร่ เจ้าของเ
พ่อเลี้ยงภูริชค่อย ๆ ยกเรียวขาของเธอมาเกี่ยวไว้ที่สะโพกของเขาทั้งสองข้าง หญิงสาวกำลังมึนงงกับท่าทีของชายคนรัก ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงคิดที่จะทำอะไรกันแน่"ทำอะไรคะเนี่ย"เธอรีบใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาเอาไว้แน่น เพราะกลัวว่าตัวเองจะร่วงตกลงไปที่พื้น มือหนาลูบไล้ท่อนเอ็นชักเข้าออก ก่อนจะจ่อส่วนหัวแตกปลายค่อย ๆ สอดเข้าไปในร่องสาวของเธอ"ซี๊ด! สะ...เสียวจัง"หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงกระเส่า ปลายแขนอันแข็งแรงของชายหนุ่มค่อย ๆ ล็อคไว้ที่สะโพกของเธอ ก่อนจะทำการยกตัวของหญิงสาวขึ้นอย่างนุ่มนวล"อ๊ะ! แดดดี้"หญิงสาวร้องครางออกมาเล็กน้อย กัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น เพราะกลัวตัวเองจะสะโพกกระแทกพื้นเหมือนกัน แต่ดูจากความแข็งแกร่งของชายคนรักที่โอบรอบตัวเธอจนแน่ใจว่าการทำท่านี้จะทำให้เธอปลอดภัย"จับพี่ให้แน่น ๆ นะ เดี๋ยวจะชวนไปดูลิงอุ้มแตงกัน"เขายิ้มมุมปากออกไปอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะให้คนรักใช้ขาเกี่ยวรอบเอวของเขาเพื่อช่วยถ่ายน้ำหนักให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น เรียวขาของเธอเกี่ยวรอบสะโพกของเขาพอดิบพอดี ในขณะที่ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับตามจังหวัดที่ต้องการ มือของเขายังคงจับที่สะโพกของเธอไว้อย่างมั่
และในที่สุดงานมงคลของไร่ภูริชก็มาถึง เป็นวันที่ทุกคนรอคอยจะได้เฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข บรรยากาศในช่วงเช้าของวันนี้คึกคักไปด้วยเสียงหัวเราะของแขกภายในงาน ทุกคนกำลังรออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้เจอกับเจ้าสาวของงานในวันนี้"แขกมากันเต็มเลย นี่ก็ใกล้จะถึงฤกษ์แล้วด้วย งั้นไปพาเจ้าสาวมาเลย""ได้ค่ะคุณหญิง"กวาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของแบมบี๋ซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนเดียว วันนี้แหละหญิงสาวจะได้รับรู้ว่าใครเป็นคุณแม่ที่แท้จริงของเธอและเมื่อมาถึงที่ห้องนอนของแบมบี๋ ก็เจอกับเจ้าสาวแสนสวยกำลังนั่งส่องกระจกด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างมีความสุขที่สุด"สวยจังเลยคุณหนูแบมบี๋""น้ากวา สวยจริงใช่ไหมคะ"เธอขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดน้ากวาด้วยความอบอุ่น ถึงแม้ว่าเราสองคนจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก"ใบหน้าดูเป็นกังวลนะ วันนี้เป็นวันแต่งงานคุณหนูควรจะมีความสุขมากที่สุด ยิ้มเข้าไว้นะคะ""ค่ะ แค่รู้สึกประหม่านิดหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เตือนสติ ว่าแต่ถึงเวลาแล้วเหรอคะ""จ้ะ ออกไปกันเถอะ"ทั้งสองคนกุมมือกันเขาจะพากันเดินออกไปจากห้องนอน ซึ่ง
หลังจากพิธีในช่วงเช้าเสร็จสิ้นลง ทั้งสองคนต้องกลับมาพักผ่อนที่เรือนหอซึ่งก็คือบ้านของพ่อเลี้ยงภูริชนั่นเอง และในช่วงเวลาประมาณ 16:00 น เป็นต้นไป ภายในไร่ตรงโซนน้ำตกจะมีงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำ เขาและแบมบี๋ต้องออกไปรับแขก โชคดีที่งานในช่วงเย็นแต่งตัวสบายไม่ต้องอึดอัดในการใส่ชุดไทยเหมือนช่วงเช้า อยากจะกินอยากจะเต้นหรืออยากจะปลดปล่อยสามารถทำได้ทุกอย่าง"คนสวยขาเหนื่อยไหมวันนี้"หญิงสาวยืนอยู่หน้ากระจกกำลังถอดตุ้มหู ทว่าชะงักไปเมื่อชายคนรักเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้หลวม ๆ"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ มีความสุขจะตาย""มาคุยกับพี่ก่อนได้ไหม เรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ที่พี่บอกว่าจะเล่าให้หนูฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้น"แบมบี๋ได้ยินแบบนั้นก็รีบวางตุ้มหูลง ก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนรักทันทีรีบถามทันทีด้วยความใคร่รู้"ว่ามาเลยค่ะหนูรอฟังอยู่"เป็นเรื่องที่เธอคาใจมาหลายวันแล้ว และวันนี้จะได้รู้สักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนทั้งบ้านทำตัวมีลับลมคมใน รวมถึงน้ากวาด้วย"ไปนั่งบนเตียงกันค่ะ เรื่องนี้ยาวแน่"เขากุมมือเธอก่อนจะพาเดินไปนั่งลงปลายเตียง ตลอดเวลาชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือคนรักเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เหมือนกันว
และในช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. คู่บ่าวสาวก็มาต้อนรับแขก บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข งานเลี้ยงช่วงค่ำจัดขึ้นในไร่ภูริช บริเวณโดยรอบมีน้ำตกไหลหลั่ง เสียงน้ำตกกระทบกันดูสดชื่นและเป็นธรรมชาติ หลังจากที่แบมบี๋ไปเคลียร์ใจกับคุณแม่มา เธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเพราะอย่างน้อยตัวเองก็มีคุณแม่ที่แท้จริงอยู่“ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาในวันนี้”“ต้องมาแสดงความยินดีอยู่แล้วครับ เจ้าสาวสวยมากเหมาะสมกันที่สุด ขอให้มีความสุขนะครับ”ท่านนายอำเภอมอบของขวัญแสดงความยินดีให้แก่คู่บ่าวสาว ซึ่งเมื่อวานได้มาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสของทั้งคู่ เพราะเป็นฤกษ์งามยามดี“ขอบคุณมากนะคะท่านนายอำเภอ”“ยินดีมากครับ ถ้างั้นผมเข้าไปในงานก่อน พ่อเลี้ยงกับภรรยาจะได้ต้องรับแขกท่านอื่น”หลังจากที่ถ่ายภาพร่วมเฟรมด้วยกันเสร็จ ท่านนายอำเภอก็ขอตัวเข้าไปในงานก่อน และจากนั้นเพียงไม่นาน คุณหญิงกิ่งแก้วและลูกสาวก็เดินทางมาถึง“แกมันชักช้าไม่ทันการณ์ เห็นไหมว่านังเด็กนั้นมันคาบไปกินแล้ว”“หนูจะรู้ไหมล่ะ คนรวยมีตั้งเยอะแยะ ไม่ได้มีแค่พ่อเลี้ยงภูริชสักหน่อย”“เฮ้อ แกนี่มันจริง ๆ เลย”คุณหญิงบ่นออกมาก่อนจะดึงมือลูกสาวให้เข้ามาภายในงา
ดูเหมือนว่าคุณหญิงกิ่งแก้วเริ่มรู้สึกใจเสีย ในตอนนี้ทุก ๆ อย่างที่เธอดูแลมาตลอด มันจะกลายไปเป็นของทายาทตัวจริง ถ้าไม่มีเธอคอยบริหารมาตลอดที่ผ่านมา บริษัทอาจจะเจ๊งไปแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางยอมยกสิ่งที่ตัวเองดูแลมาตลอดให้กับพวกมันหรอก"เอาเป็นว่าขอให้ทุกคนสนุกกับงานค่ำคืนนี้นะครับ"เขาส่งไมค์คืนให้กับพิธีกร ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ และเมื่อเขายกดื่มจนหมด ก็ส่งแก้วไปให้ผู้ช่วยคนสนิท กุมมือภรรยาเดินลงมาจากเวทีพร้อมกับคุณทนาย อาจจะต้องหาสถานที่เงียบสงบในการคุยเรื่องทายาทของ KCJ Group"เชิญคุณหญิงทางนี้ครับ"คุณหญิงกิ่งแก้วพยายามทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะเดินตามผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงไร่ภูริชไป และเมื่อมาถึงบ้านพักริมน้ำตก ผู้ที่เกี่ยวข้องก็รวมตัวกันอยู่ข้างในนั้น ซึ่งในมือของคุณทนายมีแฟ้มเอกสารบางอย่างอยู่"นี่มันอะไร คุณบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นทายาท KCJ Group อย่างนั้นเหรอ พูดมาคุณทนาย"เธอจ้องใบหน้าของทนายรักษ์อย่างเอาเรื่อง ก่อนหน้านี้พยายามจะรับมรดกของน้องชายทุกอย่าง เพราะสองแม่ลูกสูญหายไปจากชีวิตหลายสิบปี แต่ทางบอร์ดบริหารและทนายไม่ยอมเล่นตามน้ำ ขัดขวา
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ และกว่าจะจบลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน สองสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องกันตามกฎหมาย กุมมือกันพากันเดินเข้าไปในห้องหอ ซึ่งก็เป็นห้องนอนของพ่อเลี้ยงภูริชนั่นแหละ"เหนื่อยแย่เลยล่ะสิ อาบน้ำพักผ่อนกันดีกว่าค่ะ พี่อยากให้หนูดูแลตัวเองให้มาก พรุ่งนี้จะต้องไปสู้รบตบมือกับคุณหญิงกิ่งแก้วอีก หนูจะต้องไปแนะนำตัวกับผู้บริหารคนอื่น แล้วต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในบริษัท ว่าหนูจะสามารถบริหารที่นั่นได้ไม่แพ้คุณหญิงกิ่งแก้ว""เอาจริงก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ค่ะ แต่แบมมีแดดดี้ค่ะ เพราะฉะนั้นไม่กังวลอะไรเลย""ไม่ต่องห่วงค่ะ พี่จะดูแลหนูเอง"ชายหนุ่มเอ่ยออกมาก่อนจะดึงตัวคนรักเข้าไปสวมกอดแนบอก หลังจากนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ภรรยาปลอดภัย และมีชีวิตที่มีความสุขมากที่สุด"ขอบคุณมากนะคะแดดดี้ พรุ่งนี้เราสู้ไปด้วยกันนะคะ""ค่ะ สู้ไปด้วยกันนะ"เช้าวันต่อมา...พ่อเลี้ยงภูริช แบมบี๋ แดน คุณหญิงภารดาและกวาเดินทางมาที่ KCJ Group เพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่างที่มันค้างคา และวันนี้ทุกอย่างมันจะต้องจบลงสักที"สวัสดีครับพ่อเลี้ยงภูริช คุณหนูแบมบี๋ คุณหญิงภารดา คุณหญิงกวา คุณแดน เชิญท
ทั้งสามคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้องอัลตราซาวนด์ ได้รับข่าวดีแรกก็คือหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ต้องมาช็อกอีกครั้งเมื่อได้รับรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด 3 มาทีเดียวพร้อมปิดอู่ได้เลย ใครจะไม่ดีใจบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ"หนูเราจะได้ลูกแฝด 3""ดีใจจังเลยค่ะมาทีเดียวพร้อมกัน 3 คนเลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ท้องแค่ครั้งเดียวพอ หนูจะได้ไม่เหนื่อยคลอดหลายรอบดีไหมคะ""แบบนี้แหละดีค่ะหนูจะได้ไม่ทรมานหลายครั้ง คุณหมอแล้วแบบนี้เราจะต้องดูแลยังไงบ้างครับ ผมต้องมาพบคุณหมอทุกอาทิตย์หรือเปล่า"เขาหันไปคุยกับคุณหมอทันที เพราะอยากจะทราบวิธีการดูแลคุณแม่ที่ท้องลูกแฝดสาม เขาเคยอ่านมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณแม่จะอุ้มเด็กน้อยอยู่ในท้องด้วยกันถึง 3 คน การดูแลจะต้องมากกว่าคนท้องปกติ และก็มีความเสี่ยงเช่นกัน"ไม่ต้องห่วงนะครับทางเราจะดูแลคุณแม่แล้วก็เจ้าตัวเล็กอย่างดีที่สุด แต่ว่าอาจจะต้องนัดบ่อยอยู่นะครับ เพราะว่าเป็นครรภ์แฝดมีความเสี่ยงมากกว่าครรภ์ปกติ""ไม่เป็นอะไรเลยครับ ขอแค่ลูกของผมกับภรรยาปลอดภัย คุณหมอแนะนำมาได้เลยครับว่าต้องดูแลยังไง คงยินดีที่จะทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง""ได้เลยครับถ้าอย่างนั้นเชิญท
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จสองแม่ลูกก็พากันเดินทางมาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เล่นเอาตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยเพราะถ้าเกิดว่าลูกสาวเกิดท้องขึ้นมา คงจะเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว พ่อเลี้ยงภูริชเองก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าภรรยาจะท้องในที่สุด เธอภาวนาตั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนมาถึงที่โรงพยาบาล ขอให้เด็กมาเกิดในท้องของเธอด้วยเถิด"ขอให้ท้องเถอะค่ะ หนูอยากให้พ่อเลี้ยงดีใจ""แม่ก็ขอให้หนูท้องนะ รีบไปกันเถอะแม่ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนี่ย"ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น และเมื่อมาถึงก็ยื่นเอกสารให้เรียบร้อย จากนั้นพยาบาลก็พามายังห้องตรวจสูตินรีเวช คุณหมอให้ตรวจปัสสาวะเข้ามาก่อน ซึ่งมีพยาบาลคอยจัดการให้ทุกอย่าง จะได้เข้าไปฟังผลทีเดียวไม่ต้องเสียเวลา"เดี๋ยวคุณแบมเก็บปัสสาวะให้พยาบาลหน่อยนะคะ จะได้ส่งห้องแล็บตรวจ ผลจะได้ออกเร็วค่ะ""ขอบคุณค่ะคุณพยาบาล"เธอรับแก้วมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการเก็บปัสสาวะของตัวเองส่งให้พยาบาล ใบหน้านั้นดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ตอนแรกว่าจะโทรศัพท์ให้พ่อเลี้ยงมาหาที่โรงพยาบาล แต่พอคิดดูอีกทีให้ผลมันออกไปที่แน่ชัดก่อน เพราะถ้าเกิดว่าไม่ท้องขึ้นมา เขาอาจจะร
หนึ่งเดือนต่อมา...แบมบี๋ในชุดทำงานมาดนักธุรกิจ ในมือถือแฟ้มเอกสารเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับคุณแม่ ส่วนสามีของเธอวันนี้เดินทางไปคุยกับลูกค้า พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวกันได้ คุณแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นหลัก โดยมีคุณแม่ของพ่อเลี้ยงภูริชคอยอยู่เป็นเพื่อน จึงทำให้สองสามีภรรยาหมดห่วง มีแม่นมคอยดูแลคุณแม่ของเธออีกแรงหนึ่ง ทำให้เธอค่อนข้างจะรู้สึกสบายใจในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ต้องห่วงคนนั้นคนนี้ไปทั่วเหมือนเมื่อก่อน"เที่ยงแล้วหนูจะกินข้าวหรือยังลูก หรือว่าจะรอสามี""กินข้าวกับแม่ก็ได้ค่ะ แดดดี้น่าจะคุยงานกับลูกค้านานค่ะ หนูคิดว่าตอนนี้น่าจะกินข้าวกับลูกค้าไปแล้วด้วย"เธอตอบกลับคุณแม่พร้อมกับกุมมือท่านพาเดินไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ชีวิตของเราสองแม่ลูกก็กลับมาสู่ความสงบ คุณหญิงกิ่งแก้วและลูกสาวก็ได้รับกรรมที่ก่อไว้ โทษที่ได้รับก็สาสมกับสิ่งที่เธอคิดร้ายกับคนอื่น หวังว่าออกมาจากคุกจะเลิกวุ่นวายกับครอบครัวของเรา ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง"ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้างนอกกันไหม""ก็ดีนะคะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะคะ"สองแม่ลูกควงแขนพากันเดินออกไปขึ้นรถที่จ
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี แบมบี๋และพ่อเลี้ยงภูริชก็เดินทางกลับมาที่ไร่ ส่วนคุณแม่ของเธอได้รับอำนาจจากลูกสาวในการขึ้นไปบริหารบริษัทอีกคน เห็นแบบนั้นแต่ว่าเธออยู่กับบริษัทมาตั้งแต่แรกเริ่มยังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ เรียนรู้งานพร้อมกับสามีจนมีได้อย่างทุกวันนี้ ก็ไม่แปลกใจทำไมเธอถึงบริหารงานแทนลูกสาวได้ โชคดีที่มีทนายรักษ์และผู้ช่วยคนสนิทคนเก่าของคุณพ่อ คอยอยู่เคียงข้างและแนะนำทุกอย่างจนทำให้แบมบี๋สามารถกลับมาอยู่ที่ไร่ภูริชได้ แต่ก็เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับเชียงราย เนื่องจากว่าเธอไม่กล้าทิ้งคุณแม่อยู่คนเดียว แต่ยังไงก็ต้องกลับมาที่ไร่เพราะเธอมีธุรกิจอยู่ที่นี่อีกนั่นก็คือโฮมสเตย์และคาเฟ่ ไม่สามารถจะทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้ เธอกับพ่อเลี้ยงตกลงกันว่าเราจะเดินทางไปมาแบบนี้แหละ แล้วก็จะมีลูกหลายคนจะได้มาช่วยกันบริหารธุรกิจที่มีในอนาคต"บี๋เมื่อไหร่หนูจะมีลูกให้พี่สักที"เขาเอ่ยออกมาเสียงออดอ้อน ตั้งแต่ที่มีอะไรกันเขากับภรรยาไม่ได้ป้องกันเลยด้วยซ้ำ ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กน้อยถึงไม่ยอมมาสักที หรือเพราะว่าเขาไร้น้ำยาเธอจึงไม่ท้องสักที"หนูก็ไม่ได้กินยาคุมหรือว่าป้องกันเลยนี่คะ ใจเย็นก
เจ้าหน้าที่ตำรวจลากสองแม่ลูกให้ไปขึ้นรถ จากนั้นก็พาเดินทางไปยังสถานีตำรวจต่อ ดูท่าทางจะรอดยาก เพราะหลักฐานที่แดนเก็บไว้หลายอย่าง น่าจะทำให้ทั้งสองคนสำนึกผิดอยู่ในคุกนานพอสมควร"แม่จ๋า"แบมบี๋วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณแม่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เรื่องนี้ตัวเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน วางแผนกันมาอยู่สักพักใหญ่ เล่นละครหลอกคุณหญิงกิ่งแก้วแล้วก็ลูกสาวเพื่อให้ตายใจ เพื่อที่จะได้จัดการรวบรัดทีเดียว"หนูเจ็บตรงไหนไหม แม่นึกว่าเราจะไม่รอดซะแล้ว"คุณหญิงกวาเอ่ยออกมาพร้อมกับลูบแก้มลูกสาวทั้งสองข้าง รู้สึกเป็นห่วงลูกเสียเหลือเกิน ถ้าครั้งนี้เราสองคนไม่มีชีวิตรอดกลับไป เธอคงรู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำให้แบมบี๋ได้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนอื่น"หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่"เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดเราสองคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข คนที่เคยคิดร้ายก็แพ้ภัยตัวเองไป หลังจากนี้ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีเถอะ อย่ามีเรื่องราวเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีกเลย"เดี๋ยวผมจะพาคุณหญิงกิ่งแก้วกับลูกสาวไปก่อนนะครับ ถ้าเกิดว่าทางนี้พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปให้ปากคำได้เลย""ขอบคุณมากเลยนะครับคุณตำรวจ"พ่อเลี้ยง
คุณหญิงและลูกสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาก่อนจะใส่กุญแจมือของทั้งคู่รวมถึงพวกชายฉกรรจ์อีก 5 คน โดยที่เอามือไขว้ไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง และคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คือพ่อเลี้ยงภูริช"แดดดี้!"เธอตะโกนเรียกชายคนรักด้วยน้ำเสียงดีใจ เขารีบวิ่งเข้ามาก่อนจะรีบแก้มัดให้กับหญิงสาวและคุณแม่ของเธอ เมื่อเป็นอิสระแบมบี๋ก็สวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น"หนูเป็นอะไรได้เปล่า เจ็บตรงไหนไหม""ไม่ค่ะ หนูไม่เป็นอะไร"เธอสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขามาได้ทันเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าถ้ามาช้ากว่านี้เธอกับแม่อาจจะถูกพาไปชายแดนแล้ว"คุณแม่เป็นหรือเปล่าครับ""ไม่เป็นอะไรค่ะ ว่าแต่นี่มันอะไรกัน"ทุกคนดูมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะดูพ่อเลี้ยงภูริชจะเป็นห่วงแบมบี๋อย่างออกนอกหน้าทั้งที่เป็นอันรู้กันว่าทั้งสองคนหย่าร้างกันไปแล้ว ที่สำคัญมาช่วยได้ทันเวลาอีก ตอนแรกเห็นทะเลาะกันไม่เจอกันเลย คิดว่าเขาจะมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ"ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า กล้าดียังไงมาจับฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ถ้าพวกแกยังไม่ปล่อยเดี๋ยวฉันจะฟ้องเจ้านายพวกแกให้หมดเลย"คุณหญิงสะบัดตัวเองให้
ซาเนียสั่งให้พวกชายฉกรรจ์พาสองแม่ลูกเข้าไปข้างในโกดัง แต่ทว่าทั้งคู่ไม่ยอมดีดดิ้นไปมาอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะให้หลุดจากการเกาะกุมของพวกมัน และเพียงไม่นานเสียงรถตู้ก็เคลื่อนที่เข้ามาอีกคันหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นใบหน้าของผู้ที่มาใหม่ก็มีสีหน้าที่เรียบเฉย แต่จะเหลือแค่สองคนเท่านั้นที่ดูตกใจไม่น้อย"นี่คุณหญิงจะเอาให้ได้เลยสินะ สมบัติของคุณกนกมันหอมหวานมากเลยเหรอถึงได้มีแต่ความโลภไม่มีหยุดพักแบบนี้""ปากดีนักนะ แกจะตายอยู่แล้วกล้าดียังไงมาพูดจาไม่มีมารยาทกับฉันแบบนี้ สมบัติมันเป็นของน้องชายฉัน แกมันเป็นคนจนที่มาแต่ตัว โชคดีที่ได้แต่งงานกับคนรวยก็เท่านั้นแหละ คิดที่จะเอาทุกอย่างไปเลยหรือไง"คุณหญิงกิ่งแก้วเดินเข้ามาพร้อมกับใช้มือจิกผมน้องสะใภ้ด้วยใบหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนอย่างมันไม่สมควรที่จะได้อะไรทั้งนั้น คนที่มาแต่ตัวก็ให้ออกไปแต่ตัวมันก็ถูกต้องที่สุดแล้ว"คุณต่างหากที่ไม่ควรได้อะไรเลย ฉันอยู่กับคุณกนกตั้งแต่ที่เขายังไม่มีอะไรด้วยซ้ำ บริษัทก็ช่วยกันดูแลจนมีอย่างทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าที่บ้านของคุณหญิงจะรวยมาก แต่อย่าลืมนะคะว่าบริษัทไม่ใช่ของตระกูล""มันเป็นของฉัน เงินที่ใช้สร้างบริษัทนี้ขึ้นม
สองวันต่อมา...แบมบี๋นั่งอยู่ในห้องรับแขกกับคุณแม่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เธอคิดถึงชายหนุ่มสุดหัวใจ เราสองคนไม่ได้คุยกันมาสักพักตั้งแต่ที่แยกย้ายกัน เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานแต่ก็ต้องมาหย่าร้างกัน บอกตามตรงว่าเธอยังทำใจไม่ได้"ไหวไหมลูก""ไม่ไหวหรอกค่ะแม่ หนูยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้เลยว่าพ่อเลี้ยงขอหย่าหนูทำไม ฮือออออ"เธอร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น คุณแม่เองเห็นลูกสาวไม่สบายใจก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย สวมกอดเธอเอาไว้ลูบแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน"ไม่คิดมากนะลูก เอางี้ไหมเราสองคนไปเดินเล่นที่ห้างกันดีกว่า ช็อปปิ้งซื้อของกันจะได้สบายใจขึ้น""ไม่มีอารมณ์ไปเลยค่ะ""ไม่เอาสิ ไปหาอะไรกินข้างนอก ซื้อของที่อยากได้ เผื่อว่าหนูจะอารมณ์ดีขึ้นไง"แบมบี๋เงยหน้ามองคุณแม่ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ดีจะได้ผ่อนคลายขึ้น ส่วนเรื่องพ่อเลี้ยงภูริชคงต้องปล่อยให้เขาใจเย็นกว่านี้ แล้วเธอจะกลับไปง้อชายหนุ่มที่ไร่เอง"ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันก่อน ส่วนเรื่องของพ่อเลี้ยงเดี๋ยวแบมจะลองเข้าไปคุยกับเขาอีกทีค่ะ""มันต้องแบบนั้นลูก รอให้เราสองคนใจเย็นกว่านี้ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที""งั้นเราสองคน
ซาเนียและคุณแม่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์สุดหรู เห็นว่าแบมบี๋ออกไปกับพ่อเลี้ยงนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจไม่หย่ากันหรือเปล่า ส่วนแดนเองเขากลับไปที่คอนโดเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตอนนี้โดนเจ้านายไล่ออกแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปทำงาน ได้เงินจากสองแม่ลูกมาหลักสิบล้าน ใช้ชีวิตอยู่ได้สบายเลยล่ะ"ทำไมพวกมันสองคนยังไม่มาสักที หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากหย่า""นั่นสิคะแม่"เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าสองคนนี้ไม่ยอมหย่ากันขึ้นมา แผนที่ทำมาก็คงจะไม่มีความหมาย เพราะถึงจะทำอะไรหลังจากนี้ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะเลิกรากันได้แล้ว"เสียงรถนี่หรือว่ามาแล้ว"ทั้งสองคนยิ้มออกมาทันทีก่อนจะนั่งอยู่ในห้องรับแขกไม่เดินออกไป เนื่องจากว่ากวากำลังรอลูกสาวอยู่เช่นกัน จึงทำให้สองแม่ลูกไม่สามารถที่จะออกไปทำตัวเหมือนอยากรู้อยากเห็นได้ในตอนนี้"แบมบี๋ลูก หนูจะหย่ากับพ่อเลี้ยงจริงเหรอ""แม่! ฮืออออ พ่อเลี้ยงทิ้งหนูไปแล้วค่ะ หนูไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมพ่อเลี้ยงถึงบอกเลิกแบบนี้ หนูไม่ได้ทำอะไรเขาด้วยซ้ำ ให้อธิบายอะไรก็ไม่ยอมฟัง ฮึก!"เธอร้องไห้เสียงดังลั่นบ้าน และนั่นให้คุณหญิงกิ