แบมบี๋เดินไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด นี่ก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว พรุ่งนี้ที่ไร่มีประชุมงานประจำปีของไร่ชา จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ ส่วนรายละเอียดคงต้องประชุมกันอีกที
"ง่วงจัง"
เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบครีมบำรุงผิวมาละเลงลงบนตัว ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากข้างนอกห้องนอน
"ใครคะ"
แบมบี๋วางของทุกอย่างลงก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูหน้าห้องนอน ที่ไร่แห่งนี้มีโฮมสเตย์ประมาณ 88 หลัง คาเฟ่อีก 1 ร้าน ซึ่งอยู่ในความดูแลของเธอทั้งหมด จากเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่กลายมาเป็นคุณหนูของไร่ภูริช มีเงินทองมากมายไม่เคยขาดมือ
แอ๊ดดดด
"อ๊ะ แดดดี้!"
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ชายหนุ่มเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลแบบนี้ แสงไฟอ่อน ๆ ส่องสว่างกระทบใบหน้าของทั้งคู่ พ่อเลี้ยงภูริชกระโจนเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะสวมกอดเอวเล็กเอาไว้หลวม ๆ ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดใกล้ หัวใจของพวกเขาทั้งสองคนเต้นแรงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ปลายจมูกของชายหนุ่มสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันแบบชัดเจน
"ขอนอนด้วยสิ"
"งื้อ นอนได้ยังไงคะ คือแบม..."
ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียกับแก้มนวล และก่อนที่เธอจะได้ปฏิเสธก็ถูกริมฝีปากหนาประกบกับริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน ความร้อนจากริมฝีปากทำให้หญิงสาวแทบลืมหายใจ
"อื้อ"
เธอร้องครางออกมาในลำคอ รู้สึกร้อนรุ่มในกายอย่างประหลาด มือหนาโอบรอบเอวคนรักเอาไว้แน่น ก่อนจะพยายามดันตัวของเขาออกเนื่องจากเธอเริ่มหายใจไม่ค่อยออก
"หายใจไม่ออกค่ะ"
"พี่รักหนูนะบี๋"
เขาใช้นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน จ้องมองสบตาหวานหยาดเยิ้มจนแบมบี๋รู้สึกเขินหลบสายตา
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ พี่จะอยู่เคียงข้างบี๋ไม่ห่างไปไหน"
เขาให้สัญญาว่าจะรักและดูแลเธอตลอดไป คำพูดของชายหนุ่มมันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
"เพราะฉะนั้นเป็นของพี่นะบี๋"
"คะ... เดี๋ยวนะคะหนูกำลังซึ้งเลย สรุปว่าที่พูดมาทั้งหมดคือ..."
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มร้ายอย่างไม่ปิดบัง อายุปูนนี้แล้วจะมาพูดจาอ้อมไปมาทำไมมันเสียเวลา ว่ากันตรง ๆ แบบนี้แหละจะได้จบ
"เป็นเมียพี่เถอะคืนนี้"
"แดดดี้!"
เธออ้าปากค้างอย่างตกใจ ใครจะคิดว่าพ่อเลี้ยงภูริชจะพูดความต้องการของตัวเองออกมาตรงขนาดนี้
"นะ ๆ หนูก็รู้ว่าพี่ของขาดมานาน อยากปลดปล่อย"
"แดดดี้พูดอะไรเนี่ย"
เขาไม่รอช้ารีบอุ้มหญิงสาวไปนั่งลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ แสงไฟอ่อน ๆ จากโคมไฟที่กระจายอยู่ภายในห้องเพิ่มบรรยากาศให้อารมณ์มันเคลิ้มไป
"จะทำอะไรคะ"
ตัวเองก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดมาก่อน ถึงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แต่อย่างไรเธอก็พร้อมจะเรียนรู้ไปกับเขา พ่อเลี้ยงภูริชเอื้อมมือแตะแก้มนวลอย่างหลงใหล ค่อย ๆ โน้มตัวลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอ ใช้ริมฝีปากสัมผัสเข้าไปอย่างนุ่มนวล เริ่มจากการจูบแผ่วเบาที่บริเวณฐานของคอ ก่อนจะลากไล่ริมฝีปากลงไปยังเนินไหล่
"สวยจัง บี๋ของพี่สวยที่สุด"
ชายหนุ่มเอ่ยกระซิบเบา ๆ ใกล้ใบหู ทำเอาหญิงสาวถึงจะขนกายลุกซู่แทบทนไม่ไหว
"อื้อ"
เธอหลับตาลงก่อนจะยิ้มออกมาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันอ่อนโยน น้ำเสียงกระเส่าครางออกมาในลำคอ
พ่อเลี้ยงภูริชค่อย ๆ เลื่อนมือไปที่เนินอกของหญิงสาว ปลดกระดุมเสื้อในขณะที่ริมฝีปากยังคงจูบสลับระหว่างซอกคอกับเนินปทุมถัน ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวไปตามความปรารถนา บีบเคล้นอกอึ๋มอย่างเพลินมือ
"ชอบไหมแบบนี้"
"ค่ะ"
เธอยิ้มเขินออกมาอย่างไม่ปิดบัง ความรู้สึกในตอนนี้มันมีความสุขมากอย่างไม่สามารถบรรยายออกมาได้ มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้รับมัน
"ได้แบมแล้วต้องรับผิดชอบนะคะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว ทุกวันนี้มีอะไรพี่ก็ให้แบมหมด คงเหลือแค่ที่ดิน 100 ไร่ละมั้งที่ยังไม่ได้ยกให้"
และเมื่อชายหนุ่มพูดแบบนั้นหญิงสาวก็หลุดขำออกมาทันที ทั้งโฮมสเตย์และคาเฟ่เขาให้เป็นชื่อของเธอทุกอย่าง ไม่อยากจะคิดว่าอนาคตถ้าเกิดว่าเธอมีลูกให้เขา คงประเคนให้แทบทุกอย่าง
"ชิ"
"ไม่เอาไม่ต้องมาชวนคุย อยากทำอย่างอื่นแล้ว"
พูดจบเขาก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะสวมกอดเอวหญิงสาวเอาไว้ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากดูดเม้มเม็ดทับทิมสีชมพู ใช้ลิ้นร้อนแตะลงไปก่อนจะระรัวลิ้นใส่จนหญิงสาวกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น
มือของชายหนุ่มค่อย ๆ เลื่อนไปสัมผัสผิวของหญิงคนรัก อยากจะจดจำทุกสัดส่วนก่อนจะใช้ริมฝีปากจูบลงไปตรงช่วงท้อง จนเธอรู้สึกเสียวท้องน้อยร่างกายเกร็งตัวไปหมด
เธอหลับตาลงปล่อยให้พ่อเลี้ยงภูริลากริมฝีปากไปทั่วตัว และเมื่อสองกายประสานกันแนบชิดแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน แก่นกายความเป็นชายที่มันหลับใหลบัดนี้ผองโตเต็มที่พร้อมสำหรับการเข้าไปอยู่ในตัวของคนรักแล้ว
"พร้อมไหมคะ"
"พร้อมค่ะ"
เธอโอบรอบคอชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะล้มตัวนอนราบกับเตียง ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังเรือนร่างอันสวยงามเชยชมให้สมปรารถนา ในขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด
"หนูสวยมากเลยรู้ไหม"
และเมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เคยปกปิดร่างกายบัดนี้ร่วงลงพื้น ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าคนรัก และเมื่อเธอเห็นความเป็นชายขนาดใหญ่ชี้โด่อยู่ตรงหน้าก็ถึงกับกลืนน้ำลายดังอื่น
"ไม่เจ็บหรอกเชื่อพี่"
เขาขยับตัวขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวของเธอ ใช้ริมฝีปากลากไล่ตามตัวก่อนจะขยับเอวสอบแทรกเข้าไปใจกลางระหว่างขา ใช้มือซ้ายจับท่อนเอ็นถูไถไปมา รูดขึ้นลงก่อนจะจ่อส่วนหัวแตกปลายเข้าไปแตะตรงร่องรัก
"ซี๊ด! เสียวโคตร"
เพียงแค่ส่วนหัวแตกปลายแตะลงไปยังร่องสาวก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเสียวซ่านจนแทบอดทนไม่ไหว แบมบี๋เองไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป รบเร้าอยากจะให้เขาทำให้เธอหายจากอาการทรมานนี้สักที
"หนูทรมานจังเลยค่ะ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้"
"เดี๋ยวพี่จะทำให้หนูหายทรมานเอง..."
สวบ!
"อ๊ะ! จะ...เจ็บค่ะ อ้าส์~"
เมื่อส่วนหัวแตกปลายถูกดันเข้าไปยังร่องสาว เสียงร้องครวญครางของแบมบี๋ก็ดังขึ้นด้วยความรู้สึกเจ็บแสบและทรมานอย่างถึงที่สุด ท่อนเอ็นเลื่อนผ่านเยื่อความบริสุทธิ์รับรู้ถึงเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดออกจากกัน"อ้าส์~ เจ็บ"แบมบี๋ร้องครางออกมาเสียงกระเส่า มือเล็กกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุด เธอไม่เคยถูกท่อนเอ็นล่วงล้ำเข้ามายังจุดสงวน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจึงทำให้ไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินได้ในทันที"ซี๊ด... เจ็บเหรอคะ"เขาคร่อมตัวหญิงสาวเอาไว้ ยื่นมือไปลูบผมเธออย่างปลอบโยน เพื่อนคลายความเจ็บปวดทรมานในร่างกาย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับครั้งแรก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย แต่พอผ่านไปได้จะมีแต่ความสุขจนแทบจะสำลักเลยแหละ"เจ็บค่ะ... อื้อ อ๊ะ""ทนหน่อยนะคะเดี๋ยวจะดีขึ้น"ชายหนุ่มเอ่ยปลอบคนรักก่อนจะกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ท่านเอ็นขนาดใหญ่ถูกร่องสาวตอดรัดแน่น ยังไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำแต่เขากลับรู้สึกว่าน้ำจะแตกซะอย่างนั้น"หนูอย่าดิ้น ซี๊ด! พี่จะแตก"เขาร้องครางออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปยังเอวของหญิงสาว จากนั้นก็ดึงตัวเธอขึ้นมานั่งลง ก่อนจะเริ่มขยับแก่นกายความเป็นชายอย่างเช
เช้าอันสดใสท้องฟ้าปลอดโปร่งบรรยากาศเย็นสบาย ไร่ชาตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาเขียวขจี พนักงานเริ่มเดินกันให้ขวักเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญในวันนี้"เดี๋ยวคุณแดนช่วยเอาเอกสารเข้าไปที่ห้องประชุมด้วยนะคะ แบมจะไปเรียกแดดดี้ค่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังดื่มกาแฟร้อนอยู่""ได้ครับเดี๋ยวผมเตรียมเอกสารให้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันในห้องประชุมนะครับ"แดน หรือผู้ช่วยคนสนิทของพ่อเลี้ยงภูริช เจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือ มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยไร่ และมีธุรกิจคาเฟ่ขนาดใหญ่ใจกลางไร่บรรยากาศดีมาก และมีโฮมสเตย์ใจกลางธรรมชาติ เปิดระเบียงออกมามีไร่ชา และอีกฝั่งเป็นน้ำตกใสสะอาด"ขอบคุณมากเลยค่ะ"แบมบี๋ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของพ่อเลี้ยงภูริช เขาคือผู้มีพระคุณที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำความได้คือคุณแม่ของเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ ส่วนพ่อเลี้ยงทำหน้างอไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากขัดคุณแม่ก็เลยต้องยอมให้เธออยู่ด้วย แต่ช่วงหลังน่ารักขึ้นมากเลยแหละก๊อก ก๊อก"แดดดี้คะ แบมบี๋ขออนุญาตเข้าไปข้างในค่ะ""เข้ามาสิ"ชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงระเบียงห้องทำงาน ได้ยินเสียงเคาะประตูก็
หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานเสร็จสิ้นลง พนักงานทั้งหมดเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ นั่นคือพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋ภูริชหนุ่มหล่อมาดเข้มเจ้าของไร่ชา มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวอ้อนขอออกไปข้างนอก“แดดดี้คะ หนูขออนุญาตออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ ในตัวอำเภอหน่อยได้ไหมคะ”แบมบี๋พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้พ่อเลี้ยงภูริชอย่างออดอ้อน ทำให้รู้สึกใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามักจะทำตัวน่ารักและขี้อ้อนเสมอเมื่ออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง“พี่ไม่ให้ไป”“ทำไมคะ”เธอเอ่ยถามเสียงใส ก็แค่ออกไปกินหมูกระทะในตัวอำเภอเอง ทำไมจะต้องมาห้ามกันด้วย“ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิคะ น้า ๆ หนูขอออกไปกินกับเพื่อนนะ”“ไม่ให้ไป”"แดดดี้!""เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่หรือไง หืม"เขาหันไปคุยกับหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส ถึงแม้ว่าจะไปกับเพื่อนก็เถอะ แต่เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แบมบี๋เป็นเด็กในความดูแล เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว และอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เธอออก
พ่อเลี้ยงภูริชเดินไปตักของสดให้เด็กในความดูแลอย่างเอาอกเอาใจสุด ๆ ใครจะคิดว่าคนอายุขึ้นเลขสี่จะมีโมเมนท์อ่อนโยนมากขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาแบมบี๋ ทั้งที่เธอเป็นแค่เด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่ทำไมชายหนุ่มถึงดูแลดีขนาดนี้ ทะนุถนอมอย่างดีสร้างโฮมสเตย์ให้ดูแล รวมถึงคาเฟ่ใจกลางไร่ชาในพื้นที่ร้อยไร่ พ่อเลี้ยงเมืองเหนือผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ใครไม่หมายปองบ้างให้มันรู้ไปสิ"ให้พี่ย่างให้มั้ย"และเมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะก็วางทุกอย่างลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพื่อนของแบมบี๋ที่นั่งอยู่ถึงกับสะกิดกันให้เหลือบสายตามอง เอาจริงไม่มีใครห้ามเพื่อนเลยนะ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ เพราะพ่อเลี้ยงภูริชแสนจะเพอร์เฟคไร้ที่ติ ดูแลเอาใส่ใจแถมรวยขนาดนั้นใครไม่อยากได้บ้าง"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะเดี๋ยวแบมทำให้เอง แดดดี้มานั่งเถอะค่ะไม่ต้องลุกขึ้นแล้ว""อยากกินสามชั้นอะ"เขาขยับตัวนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะชี้นิ้วเรียวใหญ่ไปตรงสามชั้นที่เขาเพิ่งตักใส่จานมาเมื่อสักครู่ แบมบี๋หันไปมองตามที่เขาชี้ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบใส่กระทะตรงหน้า"ว่าแต่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงปีนี้มีงานเลี้ยงประจำปีไหมคะ พวกเราคิดถึงบรรยากาศมากค่ะ
ใช้เวลาอยู่ในร้านหมูกระทะประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พ่อเลี้ยงภูริชก็รู้สึกเบื่อแล้วก็เริ่มเวียนหัวกลิ่นควัน เริ่มรบเร้าเด็กในความดูแลให้กลับ โดยปกติถึงแม้ว่าจะกินอิ่มแต่เธอจะนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ต่ออีกเป็นชั่วโมง แต่ด้วยความที่มากับผู้ปกครองก็ต้องตามใจเขาหน่อย และที่สำคัญคือมื้อนี้เขาเป็นคนจ่ายเองทั้งหมด บรรดาเพื่อนของเธอยิ้มแก้มปริดูอารมณ์ดีกันมาก แถมยังคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับบ้านไปกับเขาอีก"คราวนี้ไม่เห็นจะเรียกร้องให้ฉันอยู่เลย""เอาน่า มื้อนี้พวกฉันกินฟรีนะยะ แล้วเจอกันอีกทีวันงานเลี้ยงประจำปีของไร่ชานะ""อืม เจอกันนะ"เธอโบกไม้โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังจะเตรียมตัวกลับกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพากันลุกขึ้นเดินออกมายังเคาน์เตอร์ซึ่งตอนนี้พ่อเลี้ยงภูริชกำลังชำระเงินอยู่"ขอบคุณมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง วันนี้พวกหนูอิ่มกันมากเลยค่ะ""ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาไว้ไปกินที่งานประจำปีโน่น รับรองว่าอาหารถูกปากกินกันพุงกางไปเลย"ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็ก ๆ ทั้งหลาย ความจริงในวัยอายุแบบเขาน่าจะคุยกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่ด้วยความที่อยากปรับตัวให้เข้ากับแบมบี๋ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทัน