แม่ตระกุลซุนรีบร้อนหลบหลีกอย่างเห็นได้ชัด แต่เห็น ๆ อยู่ว่าไม่สามารถหลบเมล็ดถั่วมากมายเหล่านั้นได้ จนถึงขั้นทำให้ผมบนหัวหลุดลุ่ยราวกับคนบ้าเลยทีเดียวความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าด้วยเช่นกัน!ทันใดนั้นคุณแม่ตระกูลซุนก็ระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายดีแน่ ไม่ว่าใครก็ห้ามฉันไม่ได้”“ประโยคนี้อีกแล้วเหรอ หมดลูกแล้วก็ยังมีแม่อีก ต่างก็เป็นเศษสวะกันหมด”เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่กลัวการข่มขู่ แต่ยังแสดงสีหน้าที่ดูไม่แยแสออกมาอีกด้วยท่าทีของคนตระกูลสวี่ดูตกใจกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสวี่กวงเองก็เริ่มคาดหวังด้วยแล้วว่า อีกเดี๋ยวไอ้เด็กนี่คงได้ตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่ นอกจากนี้ยังทำให้เขาลืมเรื่องที่จะขอให้พ่อของเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ไปแล้วด้วยและในตอนนั้นเอง ก็มีคนเดินเข้ามารายงานว่า ผู้นำตระกูลซุนได้พาคนบุกเข้ามาแล้ว เมื่อพ่อตระกูลสวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนที่จะรีบเดินไปที่ประตูในช่วงเวลานั้นเอง ก็มีคนสองคนล้มลงตรงหน้าประตูอย่างแรง ซึ่งก็คือคนรับใช้ของตระกูลสวี่ในขณะเดียวกัน ก็มีชายอายุประมาณห้าสิบปีคน
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
เมื่อคำพูดอันทรงพลังของเฉินอู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยุดชะงักกันไปตาม ๆ กัน ก่อนที่จะหันมองไปที่ประตูอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันทีที่หันไปมอง ก็เห็นเพียงชายที่ทรงพลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาจากท่าทางรูปร่างของเขา รวมถึงออร่าที่ทรงพลังและน่าเกรงขามที่อยู่รอบตัว เหมือนว่าคนที่มาจะไม่ใช่คนธรรมดาซุนต้าอวี่ที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเจ้าสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ตัวจริง ต้องเข้าใจก่อนว่า เฉินอู่คนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าสำนักธรรมดาเท่านั้นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนของเขา ต่างก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า ยังมีผู้มีอำนาจอีกมากมายแค่ไหน ที่ต้องการจะส่งลูกหลานของตัวเองให้มาคำนับเป็นศิษย์ของเขายกตัวอย่าง เช่นสวี่กวง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เก่งกว่าแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ถึงอย่างนั้น เฉินอู่คนนี้วางท่าหยิ่งยโสเกินไปรึเปล่า แค่เพราะสถานะที่เหนือกว่าของเขา ตระกูลซุนก็จะต้องกลัวเขาด้วยรึไงก่อนหน้ายังมีความเกรงใจอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเคารพเลื่อมใสก็เท่านั้นหากเรื่องนี้เกี่
แม้แต่ซุนต้าอวี่เองก็ยังรู้สึกงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่เกินไปหน่อย เขารู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าสักเท่าไหร่ เขาไปดูถูกท่านราชามังกรตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วอีกอย่าง ใครคือท่านราชามังกร ราชามังกรแห่งพรรคมังกรน่ะเหรอ นั่นเป็นถึงชายผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนจุดสูงสุดเชียวนะ ตัวเขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าท่านได้ยังไงช้าก่อน!จู่ ๆ ก็เหมือนว่าซุนต้าอวี่จะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หรือว่า เจ้าเด็กนั่นคือราชามังกรงั้นเหรอ?เป็นไปไม่ได้!ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ เองก็หันมามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดเดาไปในทิศทางเดียวกันสวี่อี้เองก็คิดแบบนั้นด้วยเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความไม่เชื่อ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงความสับสนยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าสวี่กวง หมายความว่ายังไง ขณะที่เขากำลังจะถามทันทีที่เฉินอู่ตำหนิซุนต้าอวี่เสร็จ เขาก็รีบหันไปหาเย่เทียนหยู่ ก่อนที่จะทรุดเข่าลงหนึ่งข้าง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ และกล่าวขึ้นว่า “หนึ่งในสี่ผู้ส่งสารของพรรคมังกร ผู้ส่งสารอัสนี เฉิ
เธอกลัวทำผลงานไม่ดีแต่เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่อยู่ข้างๆ หลินหว่านหรูก็สงบใจลงอีกครั้ง เธอตั้งสติและข่มใจตัวเอง คิดซะว่าที่นี่เป็นบริษัทของเธอเองนับประสาอะไรกับการมีเทียนหยู่อยู่ด้วย เขาคอยอยู่ที่นี่ก็เพื่อซัพพอร์ตเธอไม่ใช่เหรอทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะเย่เทียนหยู่มาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์อื่นนั่นก็คือการเก็บกวาดพนักงานของที่นี่!ไม่กี่นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเวลาผ่านไปสิบโมงกว่าแล้ว หลินหว่านหรูมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีคนจำนวนมากยังไม่มาถึงถ้าคนอื่นยังไม่มาก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ประเด็นคือจางเฉียงเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของที่นี่จางเฉียงเป็นบุคคลแรกที่ดูแลบริษัทก่อนที่เธอจะมา ดังนั้นเธอจึงจงใจติดต่อ จางเฉียงด้วยตนเองโดยเร็วที่สุดเมื่อคืนนี้ และแจ้งให้เขาทราบถึงการประชุมเห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ปรากฏตัวขึ้นเลยหลินหว่านหรูรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ความมาดร้าย และพอจะเดาได้ว่าจางเฉียงตั้งใจทำ แต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ไม่สำคัญหรอก บางทีอาจเป็นเพราะจางเฉียงยังไม่เห็นถึงความสามารถของเธอรอให้ตัวเธอแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ทุกคนก็จะยอมร
เมื่อเรื่องของปาร์คดาฮยอนยุติลง หลินหว่านหรูก็สามารถผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับตำแหน่ง เดิมทีเธอตั้งใจจะไปคนเดียวแต่เขาไม่สามารถต้านทานคำขอของเย่เทียนหยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องขอไปด้วยกันเมื่อเวลาเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เย่เทียนหยู่ และหลินหว่านหรูก็ปรากฏตัวที่ประตูบริษัทตรงเวลาในเวลานี้หยางไฉ่อวิ๋นมาถึงบริษัทแล้ว และก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อนำหลินหว่านหรูและคนสองคนเข้าไปในบริษัท แล้วเดินเข้าไปข้างในขณะนี้มีพนักงานเข้ามาที่บริษัทจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนได้รับข่าวสารวันนี้เวลา 10 โมงตรง ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งอย่างผู้จัดการหลินเปิดการประชุมเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ของบริษัท และผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงก็จะเข้าร่วมในการประชุมด้วยแน่นอนว่ายกเว้นพนักงานที่อยู่นอกพื้นที่แม้จะเป็นเพียงการประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่พนักงานทุกคนก็ไม่กล้าล่าช้าและมาถึงบริษัทเร็วกว่าปกติเมื่อมองดูหลินหว่านหรูที่เดินผ่านไป รูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอสวยกว่าที่เห็นบนโซเชีบล ทำให้ผู้คนให้การตอนรับเธอเป็นอย่างดี เพราะถึงยังไงบนโซเชียลก็มีข้อมูลที่มาที่ไปของเธออย
ในขณะนี้ ใบหน้าของปาร์คดาฮยอนซีดเผือดไร้สีเลือด จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาก่อนจะเป็นลมสลบไปทันทีใบหน้าของผู้จัดการในตอนนี้ก็น่าเกลียดไม่แพ้กัน ส่วนตำรวจก็ปรากฏตัวเข้ามาจับตัวพวกเขาไปอย่างรวดเร็วสื่อมากมายนับไม่ถ้วนมามาออตัวกันที่หน้าประตู เดิมทีพวกเขาหวังว่าจะได้ทำการสัมภาษณ์ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วความเป็นไปได้คงเป็นศูนย์แต่พวกเขากำลังแก้ไขรายงานต่าง ๆ อย่างเมามันแล้วตราบใดที่สามารถเชื่อมต่อกับมุมใดก็ได้ มันก็จะเริ่มแพร่กระจายด้วยความเร็วที่น่าตกใจไม่พบการจราจรจำนวนมากเช่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงสถานีตำรวจ เขาก็รีบอธิบายข้อเท็จจริงทางอาญาหลายประการของปาร์คดาฮยอน อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถามคำถามใดๆ เพราะด้วยวิธีนี้ความผิดของเขาเองก็บรรเทาลงได้แต่ว่าในที่สุดปาร์คดาฮยอนก็ไม่เชื่อใจเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงซ่อนมันไว้ให้เขาล่ะ?เนื่องจากเขาสารภาพผิดโดยสมบูรณ์ อาชญากรรมของปาร์คดาฮยอนจึงถูกเปิดเผยในทุกรายละเอียดกระทั่งเรื่องที่เคยปัสสาวะในที่สาธารณะก็ยังสารภาพออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งแฟนคลับตัวยงก็ยังต้องแบ่งเส้นดีดตัวห่างจากเขาอย่างชัดเตรกระทั่งแฟ
ขณะมองดูท่าทางมั่นใจของปาร์คดาฮยอน เขามองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับยังแอบหัวเราะอย่างภาคภูมิใจผู้จัดการพูดไม่ออก และปิดปากที่กำลังจะเปล่งเสียงของตนเอง แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ต่อให้เขาบอกอีกฝ่ายแล้วจะมีประโยชน์อะไรอีกถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ที่อีกฝ่ายตั้งใจพูดว่าให้ดูว่าจะชดเชยเขาเท่าไหร่ เพราะไม่คิดจะทิ้งจุดอ่อนอะไรให้เล่นงานเลยชัดๆและหากเป็นอย่างนั้นจริง หมายความว่าวิดีโอนั่นต้องยังถูกเก็บเอาไว้แน่ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งวิดีโอเหตุการณ์ภายในลิฟต์พวกเขาก็ยังถ่ายเอาไว้ได้ การจะเก็บวิดีโอเอาไว้ก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอแถมอีกฝ่ายยังขอรับเงินตอนนี้เลยด้วย ต่อให้ปาร์คดาฮยอนบอกแล้วว่าขอเวลาอีกหน่อยจะได้เงินมากกว่า แต่เขาก็ไม่ยอมรับนี่มันกับดักชัดๆ ไม่ใช่หรือไงไม่อย่างนั้น รับเงินพันล้านไปก่อนแล้วรออีกสองสามวันค่อยรับเงินส่วนที่เหลือเพิ่มไม่ได้หรือไงนะแต่คราวนี้ผู้จัดการไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในวินาทีนี้ คือการคิดวิธีหลบหนีความผิดของตัวเองให้รอบคอบมากที่สุด เพราะถึงยังไงซะ ตัวเขาก็มีเอี่ยวกับพฤติกรรมชั่วช้าของปาร์คดาฮยอน อยู่หลายคร
ดังนั้น ก่อนเวลาเช้า 08:00 น. เขาก็เข้ามาพร้อมด้วยเงินหนึ่งพันล้าน เมื่อเรื่องนี้จบลงเขาจะจำหน่ายทรัพย์สินบางส่วนและเอาเงินคืนมาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังมีแฟนคลับจำนวนมากที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของตนเองและรู้สึกว่าตนถูกใส่ร้ายรอเขากลับไปที่แดนกิมจิก่อน แล้วเขาจะบอกกับทุกคนว่าเขาถูกใส่ร้ายขณะอยู่อาณาจักรมังกร และจะบอกด้วยว่าเขาบริสุทธิ์ส่วนเรื่องผู้หญิงสองคนนั้น ก็บอกไปประมาณว่าพวกเธอถูกคนอื่นจ่ายเงินให้มาล่อลวงเขา เพราะถึงยังไงยัยพวกนั้นก็เขาข้างเขาและจะทำตามที่เขาจัดการทุกอย่างอยู่แล้วเขามีวิธีผลิกสถานการณ์ถมเถไปเมื่อนึกได้ดังนั้น ปาร์คดาฮยอนก็แทบจะหัวเราะออกมา ถึงเหตุการณ์นี้จะมีหลายอย่างทำให้เขาโกรธมากก็ตามที แต่สุดท้ายเขาก็หาทางช่วยเหลือตัวเองจนได้หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย เย่เทียนหยู่ก็พอใจมากและพยักหน้า: "เอาล่ะ ในเมื่อคุณยืนกรานที่จะยืนกราน เราก็ยอมรับคำขอโทษของคุณ ตอนนี้คุณออกไปได้แล้ว"“ครับๆ ถ้าอย่างนั้นผมขอไม่รบกวนพวกท่านต่อ”เมื่อปาร์คดาฮยอนได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดทันทีว่าเขาเอาสถานการณ์อยู่แล้ว จึงรีบพาคนของเขาจากมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะกลับคำเม
อะไร?หยางไฉ่อวิ๋นมองดูภาพเบื้องหน้า เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินอักฝ่ายด่าตัวเองปกติหยางไฉ่อวิ๋นเองก็คอยติดตามวงการบรรเทิงอยู่เหมือนกัน เธอรู้ดีว่าปาร์คดาฮยอนมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหน แฟนคลับบ้าคลั่งมากแค่ไหน และแน่นอนว่าตำแหน่งของเขาก็ย่อมสูงมากไม่ว่าจะไปเข้าร่วมรายการไหน ก็จะมีแฟนคลับไปคอยเชียร์ เพราะกลัวคนอื่นๆ จะทำให้เขารู้สึกไม่พอใจแต่ไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะมีด้านที่นอบน้อมถ่อมตนแบบนี้ด้วย ขาดก็แต่คุกเข่าให้คุณเย่กับผู้จัดการหลินเพียงอย่างเดียวแต่ลองคิดดูว่าช่วงนี้มีสิ่งต่างๆ มากมายเกิดขึ้น โดยพื้นฐานแล้วเขาเสร็จแล้ว ประเด็นสำคัญคือคุณเย่มีพลังอย่างมากคุณหลินยังมีความสามารถมากและเป็นดาวเด่นขององค์กรอีกด้วยเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินคำพูดของผู่ดาฮยอน เขาก็ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดอย่างใจเย็น: "นั่นก็คือคุณ คุณแต่งตัวหยาบคายมากจนฉันจำมันไม่ได้ในตอนแรก"“แต่ว่ารูปร่างหน้าตาของคุณสอดคล้องกับนิสัยน่าขยะแขยงและไร้ยางอายของคุณดีนะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้จัดการก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสีหน้าของปาร์คดาฮยอน สมัยก่อน ขอแค่ตำหนิสิ่งที่เขาควรจะแก้ไขแม้เพียงเล็กน้อย เขา
ต้องขอบคุณคุณชายเย่จริง ๆ จะบอกว่าเขาเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกเลยก็ได้โชคยังดีที่ตอนนั้นเขาไม่ได้จับตัวอีกฝ่ายไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้น การขอโทษเขาคงเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็คงจะกระทบกับจังหวะการจัดการเรื่องนี้ของเขาหากดูจากสถานการณ์ เรื่องนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของเบื้องบน เกรงว่าต่อไป คงใช้โอกาสนี้ออกข้อกำหนดเข้มงวดใหม่ดูท่าคราวนี้จะเกี่ยวข้องกับอีกหลายส่วนและคงจะมีคนโชคร้ายอยู่หลายคนเลยด้วยไม่รู้ว่าพวกเขาจะอดใจไม่ด่าปาร์คดาฮยอนได้หรือเปล่าขณะที่มองดูทุกอย่างเบื้องหน้า ในที่สุด หลินหว่านหรูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับเธอ ตัวเธอเองยังแอบงงเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะถาม: “เทียนหยู่ นี่นายไปเจอของพวกนี้ที่ไหน”“ฮ่าฮ่า ผมแค่ให้คนไปค้นๆ หน่อยก็เจอแล้วนี่” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มหลินหว่านหรูแอบยิ้มแห้งและถอนหายใจ เทียนหยู่มีความสามารถที่น่าทึ่งจริงๆเธอไม่มีภาพบันทึกวิดีโอของเหตุการณ์ที่แสดงอยู่ตอนนี้ และบริษัทก็ไม่มีเช่นกัน ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาไปขุดมันมาจากไหนแต่โลกนี้ช่างเลวร้ายจริง ๆ ทุกคำพูดและการกระทำของเขาล้วนถูกบันทึกเอาไว้แต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้บอกเธอ
ในที่สุด บรรดาแฟนคลับก็ได้รับรู้ว่า ไอดอลของพวกเขากลายเป็นคนไร้ยางอาย และพวกเขาทุกคนล้วนเข้าใจเย่เทียนหยู่ผิดไปในขณะนี้ หลายคนนึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดในตอนแรก เขาบอกว่าหากพวกเขาสนับสนุนคนเช่นนี้ สุดท้ายพวกเขาจะต้องคุกเข่าคร่ำครวญเพราะความผิดหวังเสียใจและวินาที พวกเขาก็เสียใจจริงๆ ที่สนับสนุนคนแบบเขาแต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แฟนคลับหลายคนยังออกหน้าพูดแทนปาร์คดาฮยอนว่าเขาถูกใส่ร้ายและทั้งหมดนี้ เป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดทุกเหตุการณ์รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดในลิฟต์ตอนแรก ก็เป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดความคิดเห็นดังกล่าวแพร่ไปยังที่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว และก็มีความเห็นประมาณเดียวกันจำนวนมากก็ปรากฏนอกจากพวกหน้าม้าแล้ว ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังเลือกจะเชื่อในตัวปาร์คดาฮยอนไอดอลของพวกเขา และไม่เต็มใจที่จะเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นด้วยตาตนเองในขณะนี้ปาร์คดาฮยอนก็ได้รับข่าวเช่นกัน เขาตกใจและโกรธมากเขาค้นหากล้องไปทั่วทุกมุม พร้อมกับก่นด่าผู้จัดการอย่างรุนแรงเพราะรู้สึกว่า เรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ ต้องมีพวกผีพรายกระซิบและช่วยอีกฝ่ายแอบถ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะมีวีดีโอแบบนั่นได้ยังไงกัน
“งั้นก็ได้”ผู้จัดการไปจัดการทันที แต่ในตอนแรก เสี่ยวหลิงไม่เต็มใจเท่าไหร่นักแต่หลังจากรู้ว่าเป็นคำขอของปาร์คดาฮยอน แถมเขายังบอกว่าจะพาเธอไปแดนกิมจิหลังจากจบเรื่อง เธอเลยคิดว่าอนาคตตัวเองจะยังได้ติดตามดาฮยอน เธอก็มีกำลังใจไปแจ้งตำรวจทันทีเนื่องจากตำรวจถูกเรียกมาที่นี่ เย่เทียนหยู่ก็ย่อมถูกตำรวจเรียกตัวมาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธทันทีที่มีผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้เย่เทียนหยู่โกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการทำร้ายหว่านหรู ทั้งตบเธอ แล้วยังต้องมาถูกผู้คนรุมด่าอีกเดิมทีเขาไม่ได้คิดที่จะดำเนินคดีต่อแล้วด้วยซ้ำ แต่คราวนี้การที่เสี่ยวหลิงแจ้งตำรวจทำให้เขาโกรธมากเย่เทียนหยู่โพสต์วิดีโออีกครั้ง จุดเริ่มต้นของวิดีโอคือข้อความ:“เดิมทีผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดกับพฤติกรรมไร้ยางอายของเธอ แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปโรงพักเพื่อกล่าวหาว่าผมทำร้ายคนอื่น ในเมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไป”"ที่นี่ฉันใส่วิดีโอโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งเดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะเผยแพร่ กรุณาเพลิดเพลิน ด้วยเหตุผลพิเศษบางส่วนจึงต้องมีการเข้ารหัส โปรดอย่าตำหนิฉัน”สิ่งนี้ทำให้ทุกคนดียิ่ง