นี่มันเทพเจ้าไม่มีผิดแน่ถังเฟยฝานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังมหาศาลและน่าอัศจรรย์เริ่มสร้างความหายนะให้กับร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง เลือดเต็มปากพุ่งออกมา และเขาก็ถอยหลังไปมากกว่าสิบก้าวด้วยการเคลื่อนไหวนี้ เขาได้ใช้กลอุบายที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้วและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาอย่างเต็มที่โดยไม่คาดคิด มันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ต่อคู่ต่อสู้ และไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที แม้ว่าเขาจะดำเนินการอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีความหมายใดนอกจากทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นหรือถึงขั้นเสียชีวิตในทางตรงกันข้าม อีกฝ่ายกลับเป็นคนสบายๆ และสงบ ไม่มีอิทธิพลใดๆ“จ…เจ้าทะลวงถึงระดับปรมาจารย์ขั้นปลายแล้วจริง ๆ หรือ?”ดวงตาของถังเฟยฝานเผยความประหลาดใจปนเหลือเชื่อ ไม่ใช่แค่เป็นปรมาจารย์ขั้นปลาย แต่ยังเป็นปรมาจารย์ขั้นปลายที่เก่งกาจ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เพราะเย่เทียนหยู่สามารถต้านทานการโจมตีของตัวเขาได้อย่างง่ายดายต่อให้เป็นถังวั่นหลี่ การจะรับมือกับกระบวนท่านี้ของเขาก็ยังต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย แน่
ในเวลานี้ ถังเฟยฝานระงับอาการบาดเจ็บของเขาและดูปกติในขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับตะลึงทันทีอะไรนะ?ให้ข้อทำลายเขารึ?ฉันแค่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันเกือบถูกฆ่าตายทันทีเย่เทียนหยู่ตกตะลึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมถังจือถึงยังเย่อหยิ่งมาก ปรากฎว่าเขาไม่เข้าใจสถานการณ์เลย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขาถังชั่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเขาได้ยิน และในที่สุดก็ตระหนักว่าพ่อของเขาไม่รู้สถานการณ์เฉพาะที่นี่เลย นอกจากนี้ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วเกินไปเขาอธิบายทันที “เมื่อครู่ผู้อาวุโสเฟยฟานลงมือแล้ว แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนหยู่”“อะไรนะ!”“เป็นไปไม่ได้!”ถังจือถามด้วยความประหลาดใจทันที “ใช้ไปกี่กระบวนท่า ร้อยกระบวนท่า หรือหลายร้อยกระบวนท่า?”“นี่คือ หนึ่งกระบวนท่า!”“หนึ่งกระบวนท่า?”ถังจื้อยืนตะลึงอยู่กับที่ แทบไม่เชื่อหูของเขาเลย“ท่านเจ้าสำนัก นี่คือหนึ่งกระบวนท่าจริง ๆ เขามีพลังมาก น่าจะเป็นปรมาจารย์ขั้นปลาย” ถังเฟยฟานกล่าวทันทีในขณะนี้ ถังจื้อตกใจสุดขีด เขามองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยความเหลือ
“เอาล่ะ เชิญมากับข้า” ถังจื้อพูดอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาได้แอบส่งสัญญาณให้คนอื่นไปรายงานสถานการณ์ให้บรรพจารย์ตระกูลถังล่วงหน้าแล้วแต่อันที่จริงเย่เทียนหยู่รู้อยู่แล้ว หากแต่นั่นไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแผนการแบบไหน มันจะถูกกำจัดไปเมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริงยังไงก็ตาม หยางเฉียนเฉียนรู้สึกกังวลเล็กน้อยและกระซิบ “พี่เย่บรรพจารย์พรรคถังมีพลังมาก ฉันได้ยินพวกเขาพูดว่าบรรพจารย์เข้าใกล้การเป็นหนึ่งในใต้หล้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร แค่เชื่อผมก็พอ”“อือ!”หลังจากประสบกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ หยางเฉียนเฉียนก็ตระหนักว่าเธอประเมินพี่เย่ต่ำเกินไปพี่เย่มีพลังมากกว่าที่เธอจินตนาการแม้แต่อำนาจและพละกำลังของพรรคถัง พี่เย่ก็ยังไม่กลัว แต่พ่อของเธอล่ะ หากต้องเผชิญกับตระกูลถังก็คงจะถูกบดขยี้ไปอย่างง่ายดายเธอเคยคิดมาก่อนว่าฐานะของพี่เย่ไม่ดีเท่าเธอ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคิดผิดมหันต์เย่เทียนหยู่และหยางเฉียนเฉียนเดินตามถังจื้อไปนอกจากพวกเขาแล้ว ถังชั่นและถังเฟยฝานต่างก็ติดตามมาด้วยกัน คนธรรมดาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องลับของบรรพจารย์ แต่ถังชั่นและถังเฟยฝานเคยเข้ามาแล้วก่อนหน้านี้ที่สำค
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน หากคุณขอโทษทันทีและยอมจำนนต่อพรรคถังฉันอาจจะไว้ชีวิตคุณได้” บรรพจารย์พรรคถังกล่าวอย่างเย็นชา“เหอะ เหอะ แค่พวกเขาเหรอ?”เย่เทียนหยู่ท่าทางสงบและเผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม“เจ้าดูถูกพวกเขาเกินไปแล้ว” บรรพจารย์พรรคถังเยาะเย้ยและพูด “ลงมือ”เมื่อได้ยินคำสั่ง ทั้งสี่คนก็ยกมือขึ้นโดยไม่ส่งเสียง ก่อนจะมีดาบสีดำปรากฏขึ้นในมือของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะร่วมตัวกันตั้งแนวรบหากพวกเขาแยกจจากกันก็มีพลังแค่พลังผลัดเปลี่ยนเท่านั้น ไม่มีใครเป็นปรมาจารย์และสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแต่ในเวลานี้ เมื่อพวกเขาผนึกกำลังกัน พวกเขาก็ได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆอย่างน้อย ถังเฟยฝานก็พบว่าเขาไม่สามารถจัดการกับมันได้ โดยไม่คาดคิด มีการก่อตัวที่มหัศจรรย์และแปลกประหลาดในโลกที่สามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของบุคคลได้อย่างรวดเร็วความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ และเขาก็ได้ศึกษารูปแบบนี้ด้วย แต่รูปแบบดังกล่าวไม่เคยเห็นมาก่อน และดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจะเพิ่มขึ้นในสภาพแวดล้อมเช่นนี้กล่าวคือเขาแข็งแกร่งและสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้นในช่วงแรกของการเ
ยังไงก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะเดิมทีร่างกายของเขาก็ร้อยพิษไม่กล้ำกลายอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สบายดีแบบนี้ และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะไปป้องกันของพรรคนี้“เป็นยังไง รู้ตัวแล้วงั้นรึ?”บรรพจารย์พรรคถังเยาะเย้ย“4 คนเมื่อกี้นี้”ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งและพูดอย่างเย็นชา “พวกเขาสี่คน เดิมทีคุณไม่ได้ส่งพวกขามาฆ่าผม แต่เพราะให้ผมลดการป้องกันลงระหว่างการต่อสู้ และค่อย ๆ ถูกพิศโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นสินะ?”“ถูกต้อง!”“ลำพังไอ้พวกนั้นจะไปเอาชีวิตเจ้าได้ยังไง”“เพราะยังไง เจ้าก็เป็นถึงราชามังกรองค์ใหม่แห่งพรรคมังกร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าช่างรู้ตัวไวเสียจริง เสียดายที่เจ้ามั่นใจในตัวเองเกินไป”บรรพจารย์ของตระกูลถังเยาะเย้ยและดูภูมิใจแต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถังจื้อและคนอื่น ๆ นี่หมายความว่ายังไง เย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคถังอย่างนั้นเหรอ?พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แล้วบรรพจารย์รู้ได้ยังไงอีกอย่าง หากรู้ว่าอีกฝ่ายคือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรเสียแต่แรก พวกเขาคงไม่มีเรื่องกันขนาดนี้ เพราะถึงยังไงพลังของ
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน บรรพจารย์พรรคถังวาดมือคว้าถังชั่นด้วยมือขวา จากนั้นเขาก็ใช้เริ่มใช้วิถีอเวจีดูดซับชี่แท้ออกจากตัวถังชั่นเย่เทียนหยู่ตกตะลึง นี่เขากำลังทำอะไร แทนที่จะจัดการกับเขาแต่กลับลงมือกับฝ่ายตัวเองก่อนงั้นเหรอ?สีหน้าของถังจื้อและถังเฟยฝานเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งตกใจและโกรธต่อสิ่งที่บรรพจารย์ทำ โดยเฉพาะ ถังจื้อ เพราถังชั่นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา“บรรพจารย์ น…นี่ท่านกำลังทำอะไร” ถังชั่นดูหน้าซีดและตะโกนด้วยความหวาดกลัว“เหอะ หยางเฉียนเฉียนอยู่ที่พรรคถังมานานแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่อาจดูดลมปราณซวนหมิงของเธอและทะลวงถึงระดับปรมาจารย์สักที!”“ข้าให้โอกาสแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักใช้ ข้าจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไรอีก?”บรรพจารย์พรรคถังพูดอย่างเย็นชาพร้อมรัศมีอันน่าสยดสยองทั่วร่างกายของเขา“ไม่ อย่าเลย ฉันจะทำงานหนัก หลังจากวันนี้ ฉันจะซึมซับมันและทะลุผ่านทันที” ถังชั่นมีสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวังเพราะเขารู้สึกถึงการสูญเสียพลังชี่แท้ในร่างกายอย่างชัดเจน แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบรรพจารย์ถึงกระทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าถังจื้อร้อนใจอย่างมาก เขาคุกเข่าลงทันที “ท่าน
เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยใช้ถังชั่นเพื่อทะลวงระดับพลังความจริงแล้วเมื่อเขาสอนถังชั่นให้ใช้ยุทธการยอดขุนศึกเป็นครั้งแรก เขาก็ตั้งจะดูดซับพลังของเขา แต่เพื่อฝึกฝนเขา และวันหนึ่งใช้วิถีอเวจีระดับสูงสุดเพื่อยึดร่างกายของเขาจากนี้ไปไม่จำเป็นต้องปกป้องร่างเก่าที่อาจตายเมื่อใดก็ได้เหตุผลที่เขาดำเนินการกับ ถังชั่นในตอนนี้ก็เพราะเขาพบร่างกายที่ดีกว่า เย่เทียนหยู่เป็นเพราะการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่อย่างชัดเจนทำให้เขาเปลี่ยนแผนดูดซับพลังชี่แท้ของยุทธการยอดขุนศึกของถังชั่นและหลังจากการหลอมรวม เขาสามารถทะลวงไปสู่สถานะสูงสุดของวิถีอเวจีที่ประสบความสำเร็จ จากนั้นจึงยึดร่างของเย่เทียนหยู่ในที่สุด ร่างกายของเย่เทียนหยู่ก็ถูกใช้เพื่อรวมเข้ากับหยางเฉียนเฉียนทั้งหมดนี้สมบูรณ์แบบมาก อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ที่น่ากลัวที่สุดในโลกในเวลานั้น แม้ว่าชิงหลงจะมา เขาก็จะไม่กลัวในขณะนี้ ถังชั่นนอนอยู่ข้างๆ เขาเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะไร้ชีวิตชีวาเท่านั้น เขายังผอมและน่าเกลียดอีกด้วยใบหน้าของ ถังจื้อเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตาย เขามองไปที่ เย่เท
“พี่เย่ เราควรทำยังไงดี หนีไปกันเถอะ” หยางเฉียนเฉียนพูดขึ้นทันที ตอนนี้กระทั่งเธอเข้าใจแล้วว่าพี่เย่ถูกหลอก และบรรพจารย์พรรคถังก็มีอำนาจไร้เทียมทานเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หนีไม่พ้นหรอก”คราวนี้ฉันคงได้แต่โทษตัวเองที่มั่นใจเกินไป ตามความเข้าใจของเขา ด้วยพลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของตนเองเพียงพอที่จะต่อกรกับพรรคถังทั้งพรรคได้อย่างสบาย ๆต่อให้มีบรรพจารย์พรรคถังอยู่ด้วยก็ตาม เพราะเขาเข้าใจว่าบรรพจารย์พรรคถังไม่ได้พึ่งพาการฝึกฝนของเขาเองเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ทะลวงระดับพลัง และพลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น“ยอดมาก!”“สมเป็นราชามังกรอย่างที่คาดไว้ ช่างตระหนักรู้ตนเองเป็นอย่างดี”ทันทีที่เขาพูดจบ บรรพจารย์พรรคถังก็ลุกขึ้น ในเวลานี้ไอพลังของเขายิ่งใหญ่มากกว่าเดิม และยังเย็นชาน่ากลัวเป็นพิเศษ อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะลดลงหลายองศาทั้งที่ดูดพลังชี่แท้ยอดขุนศึกซึ่งเป็นชี่แท้ที่มีพลังแข็งแกร่งของถังชั่นไปแล้วแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นั่นก็หมายความว่าภายในร่างกายของเขามีชี่แท้อยู่มหาศาล สีหน้าของเย่เทียนหยู่ไม่สู้ดีนัก อาจมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคื
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็
พวกเขาต่างเข้าใจตรงกันว่าคนผู้นี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเย่เทียนหยู่ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้ ดูจากความน่าเกรงขามแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเจวี๋ยเทียนเลยด้วยซ้ำซึ่งนี่มันก็ทำให้ความหวังของทูตใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเยว่เหลียนหานเองก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหยางผั่วจวินแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาออกมา เพราะนั่นหมายความว่า พวกเธอยังไม่ได้หมดหวังไปเลยเสียทีเดียวสีหน้าของเจวี๋ยเทียนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พลังความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินคนนี้เกินกว่าที่ตนคาดการเอาไว้มาก เมื่อเทียบกับตนแล้ว เกรงว่าคงทำไม่ได้มากขนาดนี้แน่หยางผั่วจวินยังคงยืนอยู่กับที่ ราวกับว่าเขาคือเทพสงคราม ออร่าบนตัวเขาพุ่งพล่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาออกไปว่า “วันนี้ ใครกล้าแตะต้องเจ้านายของฉัน ฉันก็จะเอาชีวิตคนผู้นั้นซะ!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนและคนอื่น ๆ ดูแย่มาก จากนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ประมุกหยาง ทั้งที่คุณแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เหตุใดต้องยกสวะคนอย่างเขาเป็นนายด้วย คุณช่วยบอกผมหน่อยสิ ว่าเขาใช้กลอุบายข่มขู่คุณอย่างไร ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”“ไร้สมอง!”
ปฏิกิริยาของทุกคนตอบสนองขึ้นพร้อมกัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เทียนหยู่เจ้าตำหนักหยู่คนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านายของประมุกหยาง ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลกันเลยล่ะ ดูปลอมเกินไปรึเปล่าเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินมาแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้วยไปกว่าตนเลย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่างน้อยก็คงแข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักหยู่แน่นอนแต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาจะเป็นลูกน้องของเจ้าตำหนักหยู่ได้ ทั้งยังเคารพเจ้าตำหนักหยู่มากอีกด้วย นี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่านะ?ยิ่งไปกว่านั้น ประมุกมู่หรงเองก็เป็นคนพูดเอง ว่าพวกเธอและประมุกราชาปีศาจได้ทำการร่วมมือกับตำหนักซิวหลัวเรียบร้อยแล้ว หรือพวกเขาต้องการที่จะช่วยให้เจ้าตำหนักหยู่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำจริง ๆ?อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินเจวี๋ยเองก็สับสนเช่นกัน เขาเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งมาแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาหยางผั่วจวินคนนี้ได้เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนแน่นอนหลังจากที่เจวี๋ยเทียนถูกด่า สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใ
“ใช่!”ครั้งนี้ มู่หรงอินพยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เดี๋ยวนะ หรือว่ามู่หรงอินไม่คิดที่จะให้เย่เทียนหยู่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเลือกคนใหม่แล้วงั้นเหรอและคนที่เธอเลือกก็คือเจ้าตำหนักหยู่!แต่คำถามก็คือ เจ้าตำหนักหยู่เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสุดท้าย เขาจะทำอะไรได้ ใช้เขาเป็นโล่กำบังให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?“ประมุกเยว่ คุณล่ะ คุณเองก็สนับสนุนเจ้าตำหนักหยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เจวี๋ยเทียนค่อย ๆ ไล่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปเรื่อย ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าถ้าเธอยอมรับ อนาคตเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นสีหน้าของเยว่เหลียนหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเหลือบมองไปที่มู่หรงอินมู่หรงอินไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เยว่เหลียนหานควรเลือกสนับสนุนเจ้าตำหนักซิวหลัวเจวี๋ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จิตสังหารฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ประมุกเยว่ ทางที่ดีคุณก็ลองพิจารณาดูให้ดีก่อนเถอะ โดยเฉพาะ ตัวของคุณตอน
หลังจากที่พูดจจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมองไปทางเขาเจ้าตำหนักคนนี้พูดพล่ามอะไรอยู่ เขามาเพื่อเป็นผู้นำสำนักงั้นเหรอ?นี่มันไร้สาระสิ้นดี!หลินเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เจ้าตำหนักพูดกับเจวี๋ยเทียน เขาก็คิดแล้วว่า ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ จบเห่แล้วแน่ ๆ เจ้าตำหนักอย่าได้พูดเหลวไหลอีกเลยนะกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดต่อมาของเจ้าตำหนักจะบ้าบิ่นมากขึ้นกว่าเดิม เขากล้าพูดว่าตนจะขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสำนักจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยรวมถึงสำนักเจวี๋ยงฉิงเองก็ด้วยราชาสวรรค์ทั้งสองที่มากับหลินเจวี๋ยเองก็สับสนด้วยเช่นกัน นี่ใช่เจ้าตำหนักของพวกเขาจริง ๆ น่ะเหรอ นี่เขากำลังรนหาที่ตายชัด ๆเมื่อเห็นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของทุกคนที่มองมา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาพวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น!วันนี้ เกรงว่าคงได้ตายจริง ๆ แน่!เยว่เหลียนหานและคนอื่น ๆ จากสำนักดอกไม้เองก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน บุตรแห่งสวรรค์ผู้ที่มู่หรงอินภาคภูมิใจยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ก็กลับมีเจ้าตำหนักที่ไม่
“เพราะเหตุนี้ ผมจึงได้เชิญทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจัดการประชุมศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น!”คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้ นับว่าเป็นการอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ เจวี๋ยเทียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ ทุกท่านสบายใจได้ ที่ผมเชิญทุกท่านมา ไม่ใช่เพื่อให้ทุกท่านมาก้มหัวเคารพผมโดยตรง”“แต่เราจะเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในหมู่พวกเรา เพื่อขึ้นเป็นผู้ชี้นำทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าต่างหาก นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมและโอกาสที่เท่าเทียมกัน”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เยว่เหลียนหานกลับแอบส่ายหัวเบา ๆ การแข่งขันที่ยุติธรรมอะไรกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่ากันงั้นเหรอ พวกเขามีโอกาสที่ไหนกันถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจวี๋ยเทียนเชื่อมั่นในพลังของตัวเองอย่างมาก ว่าจะไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาจากการขึ้นเป็นผู้นำของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม ก็แค่การที่ปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อให้ถูกโจมตีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นทุก ๆ คนต่างก็มีความคิดที่คล้าย ๆ กัน แต่อีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำการประชุมในวันนี้ หากพวกเขาไม่มาก็ต้องตายสถานเดียว แ
“ฮ่า ๆ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะ พอดีเมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย เลยทำให้มาช้า”ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย ทั้งดูดีและมีเกียรติมากโดยเฉพาะเจวี๋ยเทียน เขาสวมชุดสีม่วง ท่าเดินก็ดูองอาจ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่และความสง่างามเครื่องแต่งกายของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดที่มู่หรงชิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น ซึ่งทำให้สีหน้าของมู่หรงอินดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังพวกเขาในทันที และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อร่องรอยที่เจวี๋ยเทียนเคยทิ้งเอาไว้ในตอนที่เขาไปเยือนสำนักราชาผี ซึ่งนั่นก็ทำให้หยางผั่วจวินตกตะลึงอย่างมากหยางผั่วจวินเองก็สัมผัสได้ ไม่ว่ายังไงตนในตอนนั้นก็ไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แต่ก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากที่เย่เทียนหยู่ใช้ของวิเศษของพรรคมารช่วยให้เขาพัฒนาตนเอง เขาก็สามารถทะลุจนเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้ว แถมยังทะลุไปถึงคอขวด จนเกือบจะถึงจุดที่สามารถเลื่อนขั้นได้แล้วด้วยซ้ำตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา นับว่าอยู่ในจุดที่ไม่ธรรมดาแล้วดังนั้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เห็นคู่ต่อสู้ที