“พูดจาเหลวไหล!”ถังวั่นหลี่รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจมากหลังจากถูก เย่เทียนหยู่ดุ เพราะเขาสังเกตและฟังอย่างระมัดระวัง จึงไม่มีการซุ่มโจมตีรอบตัวเขาจริงๆ แต่ถ้าไม่มีการซุ่มโจมตี ทำไมอีกฝ่ายถึงสงบขนาดนี้ลืมไปเถอะ ทำไมคุณถึงสนใจมากขนาดนี้ คุณถูกไอ้สารเลวคนนี้ชักนำโดยสมบูรณ์ เขาพูดตรงๆ ทันที “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ หากเจ้ากล้าทำให้พรรคถังอับอาย วันนี้เจ้าก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ขยับเกือบจะในทันที ปรากฏตัวตรงหน้าเย่เทียนหยู่ จากนั้นก็ฟาดกระบวนท่าที่ดุร้ายออกไปกระบวนท่านี้ เขาใช้ความแข็งแกร่งเพียงสองสามส่วนในสิบเท่านั้นนอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ก่อน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นปรมาจารย์ได้เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ และรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยมือขวาทันที ไม่ใช่ว่าเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ถ้าหลีกเลี่ยงรถก็จะเดือดร้อนรถคันนี้จะพาเขาไปยังสำนักงานใหญ่ของพรรคถังด้วยการแก้ปัญหาปรมาจารย์พรรคถังไม่สามารถแก้ปัญหาของหยางเฉียนเฉียนได้โครม เสียงของการชนกระแทกอย่างรุนแรง!กระแสลมแรงพัดไปทั่ว รถถูกเคลื่อนไปด้านข้า
ทันใดนั้นถังวั่นหลี่ก็โกรธจัด เด็กคนนี้คิดว่าเขาสามารถป้องกันการโจมตีของเขาเองได้จริงๆ เขาเยาะเย้ยและพูดว่า “เจ้าหนู เจ้ามันรนหาที่ตายจริง ๆ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า”ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และมีดสีเข้มหกเล่มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา โดยแต่ละเล่มเปล่งพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวออกมาจากนั้นเขาก็กางมือออกและความแข็งแกร่งของเขาก็ระเบิดทันทีมีดทั้งหกเล่มกวาดออกไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคราวนี้ มันมีพลังอย่างน้อยสองเท่าของการโจมตีครั้งก่อนความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เทียนหยู่ถังวั่นหลี่มีพลังมากจริงๆ ถ้าเขาไม่ทะลุทะลวงและไปถึงจุดสูงสุดของปรมาจารย์ ฉันอาจจะไม่สามารถจัดการกับมันอย่างใจเย็นได้เขาโบกมือขวา พลังอันทรงพลังรวบรวมอยู่ในมือของเขา และพลังกระบวนท่าหลายลูกก็พัดออกไป หันหน้าเข้าหามีดตึง!ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการปะทะกันของพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าความว่างเปล่าโดยรอบจะแตกสลาย และกระแสอากาศก็พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่งทันใดนั้น มันก็ขุ่นมากจนคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น
คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนหยู่จะพูดว่าตัวเขาซึ่งปรมาจารย์ที่เข้าใกล้ขั้นสูงสุดอ่อนแอเกินไปนี่มันคำพูดมนุษย์เหรอ?ใคร ๆ ก็คงสับสนเหมือนถังหวันหลี่ถ้าพวกเขาได้ยินว่าปรมาจารย์ระดับปลายถูกประเมินว่าอ่อนแอเกินไป“ใช่ มันเป็นเพราะคุณอ่อนแอเกินไป”เย่เทียนหยู่ยังยืนยันและกล่าวเสริมว่า “การเคลื่อนไหวนี้ หากใช้โดยบรรพจารย์ของตระกูลถัง อาจเป็นภัยคุกคามต่อฉันเล็กน้อย”“ยโสโอหัง คุณคิดว่าคุณจะอยู่ยงคงกระพันจริงๆ ถ้าคุณโชคดีพอที่จะสกัดกั้นการเคลื่อนไหวนี้?”“คุณรู้มั้ยว่าบรรพจารย์ของเราในพรรคถังนั้นน่ากลัวแค่ไหน แม้ว่าฉันจะสามารถขยับจากบรรพจารย์ของเราได้เพียงสิบหรือยี่สิบกระบวนท่าเท่านั้น แต่คุณต่อสู้กับฉันมานานแค่ไหนแล้ว”ถังวั่นหลี่ตอบโต้ด้วยความโกรธ“เห้อ!”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ผู้เฒ่า คุณคิดว่าคุณจะสามารถต่อสู้กับฉันได้นานขนาดนี้เพราะความแข็งแกร่งของคุณหรือเปล่า”“เหตุผลที่ฉันติดตามคุณต่อไปก็เพราะฉันอยากรู้ว่าพรรคถังของคุณมีวิธีใดบ้างและดูว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่เช่นนั้น กับคนเช่นคุณ หากคุณสามารถปิดกั้นการเคลื่อนไหวของฉันได้ ฉันจะแพ้”คำพูดของเขาช่าง… ถังวั่นหลี่
สีหน้าของถังวั่นหลี่แข็งทื่อ เขาตกใจมาก“เจ้า เจ้าอายุเท่าไหร่?”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าเขาจะถูกถามว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ระดับไหนซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะดันถูกถามว่าอายุเท่าไหร่ เขายิ้มแล้วพูดว่า “26 มีอะไร”“เป็นไปไม่ได้! ”ถังวั่นหลี่ตอบกลับอย่างสะท้อนกลับ จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าด้วยความแข็งแกร่งเช่นนั้น อีกฝ่ายจะหลอกเขาในเรื่องนี้ได้ยังไง และพูดว่า “ทำไมเจ้าไม่ฆ่าข้าซะ”“ทำไมผมต้องฆ่าคุณด้วย” เย่เทียนหยู่ถาม“เพราะข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้ายังไงละ ต่อให้เจ้ากำจัดข้าไป ข้าก็พูดอะไรไม่ได้หรอก” ถังวั่นหลี่พร้อมที่จะตายแล้ว“ก็คุณไม่มีความสามารถมากพอจะฆ่าผมไม่ใช่เหรอ แต่แน่นอนว่าที่ผมไม่กำจัดคุณเสียก่อนผมมีเหตุผล แล้วก็มีสองข้อด้วย”“ก่อนอื่น พูดตรงๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมและตระกูลถังจะทะเลาะกัน แต่ก็ไม่มีความเกลียดชังแบบความเป็นความตาย ไม่จำเป็นต้องต่อสู้แบบเป็นและตาย”“ประการที่สอง คุณได้รับการฝึกฝนมาจนถึงระดับดังกล่าวแล้ว และมีไม่มากนักในอาณาจักรมังกรทั้งหมด ผมทนไม่ได้ที่ปล่อยให้ปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเช่นนี้ตายเช่นนี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ“ทรงพลังเหรอ?”“เมื่อก่อนข้าก
สีหน้าของถังวั่นหลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ข้าขอโทรหาตระกูลถังได้หรือไม่” เขาอดไม่ได้ที่จะถาม“ได้แน่นอนครับ”“แต่ว่า คุณจะต้องรับปากเรื่องที่ผมบอกเมื่อครู่ และต่อจากนี้คุณห้ามเข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลถังอีก จะต้องตั้งใจฝึกฝนให้ดี และเรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา ข้ารับปาก”ถังวั่นหลี่กล่าวทันที“ถ้างั้นก็ได้ อีกพักคุณโทรไปเบอร์ 18... เขาชื่อหยางผั่วจุน”“ฉันไปก่อนนะ ฉันหวังว่าเมื่อมาถึงพรรคถัง ฉันจะได้รับการต้อนรับด้วยอาหารและไวน์แทนอาวุธ”เย่เทียนหยู่ขยับตัวและปรากฏตัวข้างรถ จากนั้นสตาร์ทรถและขับไปที่หเมืองยงเฉิงเมื่อถังวั่นหลี่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่สนใจมากนัก และโทรหา ถังจื้อ ผู้เป็นเจ้าสำนักทันที ใช้เวลานานก่อนที่ ถังจื้อจะรับโทรศัพท์“ผู้อาวุโสถัง เป็นยังไงบ้าง จัดการเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย จริงสิ คงยังไม่ได้ฆ่าเขาหรอกใช่มั้ย” ถังจื้อถาม“ยัง!”“ดีแล้ว ให้เขามีชีวิตอยู่และพาเขากลับไปที่เสี่ยวชั่น นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ ตอนนี้ข้าต้องอยู่กับบรรพจารย์ วางก่อนละ”“ช้าก่อน!”ถังวั่นหลี่กล่าวอย่างเร่งรีบ “ข้าตามตัวเย่เทียนหยู่เจอ เขาแข็งแกร่งมาก ข้าเอาชนะเขาไม่ได้ ต้านเข
“ได้ยินบรรพจารย์ว่าแบบนั้น เสี่ยวชั่นคนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล”“จำไว้ ให้เสี่ยวชั่นดูดกลืนลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนโดยเร็วที่สุด จะได้รีบทะลวงระดับพลัง หลีกเลี่ยงไม่ให้เวลายืดเยื้อจนมากเรื่อง”“ครับ!”“ไปทำงานเถอะ ข้ายังต้องฝึกตนอย่างสันโดษอีกวัน”“ครับ!”ด้วยการรับประกันของบรรพจารย์ของเขา ใบหน้าของ ถังจื้อเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและโล่งใจ เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเขาคิดว่าลูกชายของเขาสามารถเหนือกว่าอาจารย์และยังเหนือกว่าบรรพจารย์ของเขาในด้านความแข็งแกร่งในอนาคตเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงคำพูดของถังวั่นหลี่เลยในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เย่เทียนหยู่ก็มาถึงใกล้กับตระกูลถัง เพียงมองที่ประตูจากระยะไกล มันก็ดูสง่างามมากประติมากรรมอันวิจิตรวิจิตรงดงามมาก และพื้นที่ภายในก็ใหญ่ขึ้นอีกมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและครบครันมากต้องบอกว่านี่คือพรรคถังที่แย่กว่าพรรคมังกรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่ในหมู่ปรมาจารย์ชั้นนำ พวกเขาก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าพรรคมังกรท้ายที่สุดแล้ว พวกเขามีบรรพจารย์ที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับปรมาจารย์ของเขาถัดไปคือถังวั่นหลี่ในระยะหลังของปรมาจารย
แต่ในขณะที่หยางเฉียนเฉียนกำลังรู้สึกโศกเศร้า เธอก็นึกถึงสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ที่นี่มันอันตรายเกินไป ด้วยความแข็งแกร่งของพี่เย่ หากปรมาจารย์พรรคถังลงมือ เขาจะตายอย่างแน่นอน“พี่เย่...”หยางเฉียนเฉียนรีบพูดทันที “พี่รีบออกไปเร็วเข้า นี่ไม่ใช่ที่ที่พี่ควรจะมานะ”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าพ่อแบบผมยอมมาที่นี่ก็เพราะเธอ แล้วจะให้กลับออกไปคนเดียวได้ยังไง”“ถ้าจำไป ก็ต้องออกไปด้วยกัน”หยางเฉียนเฉียนรู้สึกประทับใจและตื้นตันกับคำพูดเหล่านี้มากจนเธอไม่มีข้อตำหนิแม้ว่าเธอจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุก็ตาม แต่พี่เย่เพียงแค่แสวงหาความตายด้วยการพูดคำพูดดังกล่าวในเวลานี้เธอกำลังจะแกล้งทำเป็นยุติความสัมพันธ์แต่ในเวลานี้ สาวกพรรคถังสองคนที่ดูแล หยางเฉียนเฉียนโกรธแล้วและพูดเสียงดัง “เจ้าเด็กผู้กล้าหาญ เจ้ากล้าคิดชั่วร้ายเกี่ยวกับหญิงสาวของเราได้ยังไง เจ้าแค่แสวงหาความตาย”เมื่อหยางเฉียนเฉียนได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดอย่างรวดเร็ว “ไม่หรอก เขาเป็นแค่…”แต่โดยไม่คาดคิด เย่เทียนหยู่ยืนขึ้นและพูด “ใช่ ผมชอบคุณผู้หญิงของพวกคุณนั่นละ”“และวันนี้ผมจะพาตัวเธอไปด้วย!”“สมควรตาย!”ทั้งสองโกรธจัดแ
พูดถึงตรงนี้ เย่เทียนหยู่ก็ชะงักไปทันที ทำไมเขาถึงบอกหยางเฉียนเฉียนเรื่องนี้ หรือเพื่อจะเหนือกว่าถังชั่นเหรอ นี่มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆแน่นอนว่าหยางเฉียนเฉียนตกใจมากเมื่อเธอได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเธอเป็นประกาย แต่เธอก็กลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างรวดเร็วและพูดอย่างเร่งรีบ “แต่ถึงยังไงต่อให้พี่เย่เก่งกาจแค่ไหน ก่อนที่พวกเขาจะออกมา พี่เย่รีบหนีเร็วเข้าเถอะ”“หรือให้ฉันหนีไปพร้อมกับพี่”เธอคิดว่าถ้าเธอจากไป ถังชั่นอาจไม่กล้าดำเนินการกับตระกูลหยางเพราะถ้าตระกูลหยางจากไป ฉันจะไม่ถูกเขาควบคุมอีกต่อไป และฉันจะไม่ช่วยเขาแม้ว่าฉันจะตายก็ตามแต่เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเกรงว่าตอนนี้จะสายเกินไปแล้ว”ทันทีที่เขาพูดจบ ชายทั้งหมดยี่สิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ละคนมีแรงผลักดันที่ไม่ธรรมดา และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้เล่นที่ดีรากฐานของพรรคถังนี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริงเมื่อหยางเฉียนเฉียนเห็นคนที่มา ใบหน้าของเธอก็ขาวซีดเขาไม่รู้จักคนอื่นๆ แต่เขารู้จักผู้นำชื่อถังเหยา ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของพรรคถัง มีข่าวลือว่าทักษะของเขาสูงมาก และเขาเป็นปรมาจารย์ด้านการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป