เย่เทียนหยู่มองดูท่าทางโกรธแค้นของคนเหล่านี้แล้วรู้สึกหมดหนทาง จึงพูดอย่างใจเย็นว่า “ทำไมพวกคุณถึงมั่นใจนักว่าตระกูลหลี่ว์ไม่รู้เรื่องนี้เหล่านี้ ?” ทำไมถึงไม่คิดว่า นายท่านหลี่ว์รู้เรื่องทั้งหมดนี้แต่ตระกูลหลี่ว์ไม่มีทางมาแก้แค้นด้วยซ้ำ” “หยิ่งผยอง” คุณแม่หลินพูดอย่างโกรธจัด “เย่เทียนหยู่ ต่อให้นายท่านหลี่ว์จะเป็นเทพ เรื่องเพิ่งจะเกิดเมื่อซักครู่นี้ แต่เขาก็ไม่มีทางที่ทราบเรื่องได้ทันที ถึงตอนนี้ คุณยังมาโอ้อวดอยู่ที่นี่” “อย่างไรก็ตาม เธออย่าคิดว่าแบบนี้แล้วจะพาเราติดร่างแหไปด้วย พอถึงเวลานั้น จะอธิบายทุกอย่าง อย่างแน่นอน ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเรานั้นอยู่เคียงข้างนายน้อยหลี่ว์” “เธอก็รอความตายโดยไม่มีที่ฝังศพเถอะ” ยังไม่มีความสามารถนี้” “ยังคงพูดจาโอหัง” “โอเค ฉันจะรอและดูว่าคุณตายยังไง” นายท่านหลินพูดอย่างโกรธจัด เขาเชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ของเขากับนายท่านหลี่ว์ แค่เพียงอธิบายก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว “โอเค ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็จะได้เห็นกัน” “หว่านหรู ฉันจะไปแล้ว คุณจะไปกับผมไหม” “ไม่ไป” “ไป” คนที่บอกว่าไม่ไปคือคุณแม่ของหลิน ส่วนคนที่บอกว่าไป แน่นอนว่าคือหลินหว่าน
หลินหว่านหรูตามเย่เทียนหยู่ออกไปและรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเธอขึ้นรถ เธอรีบพูดว่า "เทียนหยู่ บอกความจริงกับฉันหน่อย คุณตีหลี่ว์เจิ้งหรือเปล่า บาดแผลที่ใบหน้าของเขา คุณเป็นคนทำใช่ไหม ? ” “ใช่!” “เจ้านั่นสมควรโดนตี ดังนั้น ฉันจึงจัดการกับเขา”เย่เทียนหยู่หัวเราะ “เป็นแบบนี้จริงด้วย คุณขู่เขาด้วยความตายจริงๆ” หลินหว่านหรูคิดถึงความน่ากลัวของตระกูลหลี่ว์จึงพูดอย่างวิตกกังวลว่า “ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร? หรือไม่งั้น พวกเรารีบจองตั๋วเครื่องบินออกนอกประเทศทันที ต่อให้ตระกูลหลี่ว์จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็คงไม่สามารถยื่นมือไปถึงต่างประเทศได้” “รอก่อน!” “ทำไมต้องหนีด้วย!” เย่เทียนหยู่ยิ้มขมขื่นและพูดว่า “หรือว่าคุณก็ไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของผมเหมือนกันเหรอ” “แน่นอนว่าฉันเชื่อว่าคุณมีความสามารถ ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่สามารถช่วยฉันได้ตั้งหลายครั้ง แต่ว่า ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ตระกูลหลี่ว์แตกต่างจากตระกูลทั่วไป พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเมืองหลงตู” “ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ ไม่มีใครที่สามารถแข่งขันกับพวกเขาได้” หลินหว่านหรูส่ายหัว ทันใดนั้นเธอก็คิดวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาได้และอดไม่ได้
“เมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะขอเตือนคุณ อย่ายั่วยุผม ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่” “รนหาที่ตาย!” “ฉันว่าแกคงคิดไม่ถึงว่าสำนักถังน่ากลัวขนาดไหน ตอนนี้ ฉันจะแสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของปรมาจารย์สำนักถังให้แกเห็น” ชายผู้นั้นโกรธจัดและเอื้อมมือขวาออกไปคว้าใบหน้าของเย่เทียนหยู่โดยตรง ลงมือดุดันและรวดเร็วมาก หากถูกจับได้ อย่าเบาก็ทำให้เสียโฉมเล็กน้อยอย่างหนักก็ทำให้บาดเจ็บสาหัสได้ สีหน้าของเย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ เขาเอียงศีรษะเบาๆ หลบเลี่ยงการโจมตี และยกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็ว จับข้อมือของคู่ต่อสู้ในทันที พับตัวลงทันใด ในเวลาเดียวกัน พลังอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ก็ปะทุขึ้น ทำลายกระดูกข้อศอกของคู่ต่อสู้ในทันที เสียงแตกทีละนิด “อ๊า!” ชายผู้นั้นครางออกมาอย่างเจ็บปวดสุดขีดโดยไม่สนใจมือขวาที่โดนทำลายของเขา ทันใดนั้นอาวุธลับรูปเพชรขนาดเล็กสามชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมืออีกข้างของเขาและบินออกไปในทันที ตรงไปที่หน้าอกของเย่เทียนหยู่ อาวุธลับสามชิ้นนี้มีพิษร้ายแรงมาก หากโดนโจมตี พวกมันสามารถฆ่าเย่เทียนหยู่ได้อย่างแน่นอน แต่เย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่งและไม่แม้แต่จะหลบอา
คำพูดดังกล่าว เผด็จการมาก เมื่อรวมกับพลังอันน่าทึ่งของเย่เทียนหยู่ คนของสำนักถังก็ตกใจอย่างสิ้นเชิงในตอนแรก แต่ในไม่ช้า เขาก็คิดกับตัวเองว่าพลังของคู่ต่อสู้นั้นน่ากลัวจริงๆ แม้จะเกินจินตนาการของเขาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด สำนักถังก็จะไม่กลัว โดยเฉพาะบรรพบุรุษของสำนักถัง ซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับสูงของสำนัก แม้ว่าจะต้องใช้พลังภายนอกจำนวนมากเพื่อบรรลุจนสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไปถึงระดับสูงสุดของปรมาจารย์ ในโลกนี้ คงมีคนไม่เกินสิบคนที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษ ก็ต้องตายแน่ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาเดาไม่ผิด ชายหนุ่มคนนี้อย่างมากอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการเป็นปรมาจารย์เท่านั้น มิฉะนั้น มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไป เมื่อเขาคิดถึงพลังของสำนักถัง ก็รู้สึกเจ็บปวดที่มือและเท้า ชายคนนั้นก็พูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “คำพูดเช่นนี้ ไม่หยิ่งผยองเกินไปเหรอ” “สำนักถังของฉันมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีและมีปรมาจารย์นับไม่ถ้วน ไม่ว่าคุณจะทรงพลังเพียงใด คุณจะเอาชนะสำนักถังพันปีได้อย่างไร” “สำนักถังพันปี” “บ้าเอ๊ย ถ้ามันทำใ
แต่นายท่านหลี่ว์หนึ่งในฐานะสิบแปดแม่ทัพแห่งพรรคมังกร ควรทราบว่าตัวตนของราชามังกรไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้ง่ายๆและต้องรักษาเป็นความลับด้วย ดังนั้นเขาคงไม่พูดออกไป บางทีเขาอาจคิดว่าตัวเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลินจึงพูดออกมา เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังคงเงียบ นายท่านหลินก็วิตกกังวลและรีบพูดว่า “เทียนหยู่ เธอฟังอยู่ไหม?” “ครับ” “ผมแค่กำลังคิดว่า ท่านกำลังสอนผมว่าต้องปฎิบัติตัวอย่างไรใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่โกรธเล็กน้อยและถามกลับอย่างใจเย็น “ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน” นายท่านหลินรีบปฏิเสธและรีบพูดว่า “ฉันตื่นเต้นเกินไปและพูดผิดไปในคราวเดียว เทียนหยู่ตอนนี้เธอสะดวกไหม กลับมาทานอาหารเย็นด้วยกันสิ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการวิงวอน เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำและพูดล่วงเกินกับเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้ตั้งมากมาย เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพ่อแม่ของหว่านหรูแล้ว ทั้งสองคนนี้ช่างโง่เขลาสิ้นดี ตื่นเต้น และตื่นตระหนกอย่างสุดขีด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร “เออ หว่านหรูก็อยู่ที่นี่ด้วย” นายท่านหลินพูดเสริมด้วยความระมัดระวัง เขารู้สึกเสียใจจริงๆถ้าไม่ใช
ในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือสำนักถังที่เคยโจมตีเย่เทียวหยู่ก่อนหน้านี้กลับมาที่สำนักถังและพบว่าแม้แต่นายน้อยก็ทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับสภาพของมือขวาของเขา ต้องรู้ว่านายน้อยไม่เพียงแต่มีทักษะด้านการวางยาพิษเท่านั้น แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่โชคดีที่เท้าของเขายังมีโอกาสที่ขาจะฟื้นตัวเพียงแต่ต้องใช้เวลานาน “เกิดอะไรขึ้น! ”ถังชั่นถามอย่างโกรธๆ ชายคนนั้นเล่ารายละเอียดกทั้งหมดทันที และเพราะได้รับบาดเจ็บ เขาเติมเชื้อเพลิงให้กับคำพูดของเย่เทียนหยู่ “นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” “เขาถึงกับกล้าดูถูกสำนักถังอายุพันปีของฉันและบอกว่าเขาสามารถทำลายสำนักถังของเราทั้งหมดได้ภายในไม่กี่นาที ” ถังชั่นถามด้วยความโกรธ “ใช่ นั่นคือสิ่งที่เขาพูด! และเขายังขอให้คุณปล่อยนายน้อยหญิงทันที ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องตายอย่างอนาถอย่างแน่นอน” “เขาถึงกับกล้าพูดแบบนั้น” “รนหาที่ตาย” “ฉันไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร ฉันจะทำให้เขาทรมานทรมานที่สุดในโลกและตายไป” ในขณะนี้ ถังชั่นเกือบจะเป็นบ้า เขากัดฟันและพูดด้วยความโกรธ ในขณะนี้หยางเฉียนเฉียนบังเอิญเดินผ่านมาเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะรู
นี่ยังแสดงให้เห็นว่าในใจเธอชอบเย่เทียนหยู่มากแค่ไหน ดีมาก ยิ่งเธอเป็นเช่นนี้ ฉันก็ยิ่งอยากทำลายเขามากขึ้น เมื่อเธอช่วยฉันฝึกฝนให้สำเร็จ ฉันจะให้เธอรู้ความจริงทั้งหมดนี้ และทำให้คุณตายอย่างทรมาน ดังนั้นถังชั่นจึงระงับความไม่พอใจภายในของเขา ถึงอย่างไร การฝึกฝนของเขาไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากหยางเฉียนเฉียน จึงกล่าวว่า “เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่เธอพูด เธอแน่ใจหรือว่าจะเชื่อฟังฉัน และให้ความร่วมมือกับการฝึกฝนของฉัน?” “แน่นอน ฉันสัญญาว่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” หยางเฉียนเฉียนตอบอย่างสิ้นหวัง แต่การที่สามารถช่วยพี่เย่ได้ก็คุ้มค่ากับทุกสิ่ง “โอเค ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้โอกาสเขามีชีวิตอยู่ต่อ” ถังชั่นแสร้งทำเป็นเห็นด้วยกับหยางเฉียนเฉียน แต่เมื่อพวกเขาแยกทางกัน เขาก็โทรหาพ่อของเขาทันทีและเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ อีกฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเป็นปรมาจารย์มือใหม่อาศัยเพียงตัวเขาที่เป็นระดับหมัดตัดกระดูกขั้นสูง คงไม่สามารถรับมือกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องหาใครสักคนจากครอบครัวของเขาออกหน้าแทน เมื่อได้ยินว่าลูกชายของเขาไปยั่วยุยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ผู้มีอำนา
หลังจากขับรถไปสักพัก ก็มาถึงทางเข้าบ้านพักของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปและจอดรถแล้ว เย่เทียนหยู่ยังไม่ลงจากรถด้วยซ้ำ แม่ของหลินก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น เห็นได้ชัดว่าเธอได้รออยู่ที่ประตูเป็นเวลานานแล้ว เมื่อคิดว่าการที่เย่เทียนหยู่เป็นราชามังกรคนใหม่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยแน่ใจว่าพรรคมังกรนั้นทำอะไร แต่เธอก็รู้ว่าพรรคมังกรเกือบจะเทียบเท่ากับสถานะของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองหลงตู่ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลสี่อันดับแรกได้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ว์มาก “เทียนหยู่.....” ก่อนที่แม่ของหลินจะได้พูด เย่เทียนหยู่ก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ไม่ต้องพูดและรับสาย “เฉียนเฉียน?” “อย่าเรียกฉันว่าเฉียนเฉียน!” เสียงของหยางเฉียนเฉียนดังมาจากอีกฝั่งพูดอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ แต่ก่อนฉันเห็นแก่ที่คุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้ ถึงได้สุภาพกับคุณ แต่ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับนายน้อยถัง เราก็ไม่มีความสัมพันธ์กันอีก” ดังนั้น ต่อไปคุณอย่ามารบกวนฉันและอย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก คุณกำลังทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับนายน้อยถัง เข้าใจไหม? ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว