“แน่นอนว่าไม่ใช่” “ฉันแค่กำลังอธิบาย” แม่ของหลินทันใดนั้นคิดขึ้นได้และคิดข้อแก้ตัวดีๆ ขึ้นมา จึงพูดว่า “จริงๆแล้ว เหตุผลที่ฉันทำแบบนั้นก่อนหน้านี้ก็เพื่อประโยชน์ของเธอเองล้วนๆ” “เพื่อประโยชน์ของผมเหรอ” เย่เทียนหยู่อดหัวเราะไม่ได้ “จริงๆ แล้ว ฉันหวังว่าจะใช้คำพูดและการกระทำที่ไม่ดีเพื่อกระตุ้นให้คุณทำงานหนัก เพื่อที่คุณจะได้แข็งแกร่งขึ้นและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นร่วมกับหว่านหรู” “แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งจอมปลอมเหล่านั้น ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อเธอแตกต่างจากเดิมโดยธรรมชาติ” “โอ้ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก คุณป้า” “ไม่ต้องเกรงใจ แต่ไม่ต้องเรียกฉันว่าป้าก็ได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เรียกฉันว่าแม่ก็ได้” “เอาไว้ก่อนแล้วกัน” เย่เทียนหยู่ละทิ้งคำพูดเหล่านี้โดยไม่สนใจท่าทางอึดอัดแม่ของหลินเลย แล้วลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างในทันที แม่ของหลินฟื้นสติสัมปชัญญะอย่างรวดเร็วและพูดอย่างรวดเร็วว่า “เธอหน้าบาง ไม่เปลี่ยนก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำไปในอนาคต” “ไม่ใช่ว่าหน้าบาง แต่กับบางคน พูดไม่ออกจริงๆ”“เป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร แค่ค่อยๆ ปรับตัวในอน
ประโยคนี้ของคุณปู่ตระกูลหลิน เริ่มด้วยการตำหนิคนของตัวเอง ลงท้ายด้วยท่าทางสำนึกผิดแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่เองต้องไว้หน้าเขา เพราะยังไงก่อนหน้านี้ปู่หลินก็ยังเป็นคนนิสัยดี “คุณปู่หลินสุภาพเกินไปแล้วครับ ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ผมไม่สนใจมันมานานแล้วครับ” เขาพูดตอบ“ยอดเลย ได้ยินแบบนั้นปู่ก็วางใจ”“คิดไม่ถึงเลยว่าหลานอายุยังน้อยจะกลับใจกว้างถึงขนาดนี้ ถึงว่าทำไมหลานถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้!”“มาเถอะ ตระกูลหลินเตรียมไวน์ชั้นเลิศกับอาหารมื้ออร่อยให้หลานเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นคำขอโทษหลานอย่างเป็นทางการ”คุณปู่ตระกูลหลินเชิญเย่เทียนหยู่ทันทีในเวลานี้ หลินหว่านหรูและหลินจื่อตงก็อยู่ด้วย ทั้งคู่กล่าวทักทายเย่เทียนหยู่ โดยเฉพาะหลินจื่อตงที่กำลังตื่นเต้นเป็นพิเศษในที่สุดตระกูลของเขาก็รู้สักทีว่าพี่เขยเก่งกาจแค่ไหน และยังยอมรับเขาได้แล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้น สถานะและอิทธิพลของพี่เขยน่าสะพรึงจริง ๆ นี่มันเหนือคาดมากสำหรับเขามีพี่เขยที่มีอำนาจแบบนี้ ต่อไปในเมืองเทียนไห่เขาก็ไปไหนมาไหนได้อย่างเชิดหน้าชูตา แต่เมื่อครู่เขาเพิ่งถูกพี่สาวบ่นไปยกใหญ่ บอกให้เขาเจียมตัวอย่าคิดทำอะไรตามอำเภอใจเพรา
หลังจากพูดจบ ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็แดงก่ำเมื่อภาพแห่งความปรองดองเช่นนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข โดยเฉพาะหลังจากที่ปู่ของเธอจับมือเธอไปวางให้เย่เทียนหยู่ ภายในใจมันเขินอายอย่างไม่อาจอธิบายตอนนี้เธอโดนแม่แกล้งอีกแล้วขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุข หลินจื่อตงพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ปู่ครับ พ่อ แม่ ตอนนี้พ่อรู้ว่าพี่เขยผมทั้งเก่งทั้งดีก็พากันเชิดชูใหญ่เลยนะครับ”“แต่ต่อไปถ้ามีคุณชายที่เก่งกว่านี้ก็อย่าไปไล่พี่เขยผมอีกละ”“ไอ้หลานนี่พูดจาเหลวไหลอะไร”คุณปู่ตระกูลหลินโกรธขึ้นมาทันที อยากจะทุบหลินจื่อตงแรง ๆ สักทีเสียตอนนี้ ยิ่งเมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของเย่เทียนหยู่ เขาก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อปู่ยอมรับเย่เทียนหยู่แล้ว ปู่ก็จะไม่มีวันเปลี่ยน”“อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้ว่านายน้อยตระกูลเย่จากหลงตูจะมา เราก็จะไม่ทำลายความสุขของหว่านหรูกับเทียนหยู่แน่นอน”“นั่นสิ ลูกนี่ไม่เข้าใจอะไรซะเลย”พ่อแม่ตระกูลหลินเห็นด้วยทันที พวกเขาเองก็สังเกตเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเย่เทียนหยู่ จึงพูดขึ้นทันที “เราขอสาบานว่าถ้าอนาคตเราไม่สนับสนุนให้เทียนหยู่กับหว่านหรูคบหากัน ขอให้เราโดนฟ้า
“นั่นสิ เทียนหยู่ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก แม่ได้ยินมาหมดแล้วนะว่าในเมืองเทียนไห่มีแต่คนยำเกรงลูก กระทั่งตระกูลที่รวยที่สุดอย่างตระกูลหยาง หรือสี่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซูก็ยำเกรงลูกกันหมด”แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความตื่นเต้นแค่คิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นสุดๆคราวนี้ เธอกลายเป็นคนเหนือคนอย่างแท้จริงและสามารถทำตัวใหญ่โตในเมืองเทียนไห่ได้ตามอำเภอใจรอรอบหน้าที่เธอออกไปข้างนอก เธอจะดูซิว่ายัยหน้าไหนกล้าดูถูกเธอ และเธอจะให้ทุกคนเสิร์ฟชาเยินยอเธอจนหน่ำใจแค่คิดถึงเรื่องนี้ แม่ตระกูลหลินก็อดยิ้มด้วยความดีใจไม่ได้“ใช่แล้วละ เทียนหยู่ คุณสุดยอดไปเลยนะ แต่พ่อสงสัยนิดหน่อยนะ ในฐานะราชามังกรแห่งพรรคมังกร สถานะและความแข็งแกร่งของคุณเทียบกับนายน้อยสี่ตระกูลมหาอำนาจของหลงตูได้รึเปล่า?”หลินหงถามด้วยความสงสัยตามการพิจารณาของพวกเขา แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะทรงพลัง แต่เขาก็ยังตามหลังสี่ตระกูลมหาอำนาจของหลงตูอยู่มากไม่ว่าจะยังไง คนพวกนั้นก็เป็นการมีอยู่ที่เป็นดั่งพระราชาแห่งอาณาจักรมังกร แต่หากเทียบกับบรรดาคนรุ่นหลังของตระกูล เขาอาจพอเทียบได้บ้างเพราะถึงยังไง เทียนหยู่ก็เป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรแล
“อ่า…”“ห้องไหนคะ?” หลินว่านหรูเองก็ไม่รู้ว่าเตรียมห้องไหนเอาไว้“ยังจะห้องไหนอีก ก็ต้องเป็นห้องของลูกน่ะสิ”“พวกลูกจดทะเบียนกันมานานขนาดนี้แล้วนะ ไม่นอนห้องเดียวกันหรือจะให้แยกกันนอนรึไง ทำแบบนั้นคนได้หัวเราะเยาะกันหมดพอดี” แม่หลินพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดที่พูดนี่มันก็ เมื่อก่อนก็ไม่ได้นอนด้วยกันก็ไม่เห็นจะบอกเลยว่าคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะทว่าไม่รู้เป็นเพราะคุณปู่ตระกูลหลินเมาหรือเปล่า แต่เขาก็สนับสนุนทั้งสองคนให้นอนด้วยกัน “หว่านหรู หลานอยากอยู่กับเทียนหยู่มาตลอดเลยไม่ใช่รึไง ตอนนี้เราทุกคนเห็นด้วยกับหลานนะ หรือหลานไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว?”“เปล่านะคะ!”“แต่ถ้าหนูพาเขาเข้ามาแล้ว พวกปู่ห้ามมาดุหนูทีหลังนะคะ” หลินหว่านหรูพูดอย่างช่วยไม่ได้“จะมาดุลูกทำไม เราน่ะอยากจะให้ลูกมีหลานตัวอ้วนให้เราเร็ว ๆ ด้วยซ้ำ”แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธอาจเพราะคุณปู่ตระกูลหลินเมา เขาจึงเห็นด้วยกับเรื่องอุ้มหลานที่ว่าหลินหว่านหรูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยพยุงเย่เทียนหยู่ โชคดียังดีที่ดูเหมือนตาบ้านี่จะไม่ได้ตัวหนักเท่าไหร่ แต่เขากลับแนบตัวชิดกับเธอแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อย ยิ่งไปกว่า
ร่างกายของหลินหว่านหรูอ่อนระทวย เสื้อผ้าของเธอเองก็เริ่มยุ่งเหยิง เพลิดเพลินไปกับอารมณ์และรับสัมผัสอันงดงามแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนแม้เย่เทียนหยู่จะไม่เมา แต่สุราพวกนั้นก็ยังเพิ่มความดิบเถื่อนของเขขาอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกระบวนท่าที่เริ่มกำเริบทำตามอำเภอใจแต่ในขณะนั้น จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก ก่อนที่แม่ตระกูลหลินก็ตะโกนเรียก “หว่านหรู!”หากแต่ทันทีที่พูดจบ แม่หลินก็ต้องตกตะลึง เทียนหยู่ดื่มมากเกินไปไม่ใช่เหรอ ทำไมยังลุกมาทำได้อีก “พวกลูกต่อเลย” เธอลดเสียงลงแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ก่นด่าตัวเองในใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปนี่มันความผิดประหารชัดๆถ้าเธอทำลายฤกษ์ดีของลูกสาว เธอต้องเสียใจจนตายแน่ที่แท้หลังจากที่เธอเห็นทั้งสองคนเข้ามา แม่ตระกูลหลินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องออกตัวเองมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเธอหน้าบางเกินไป ส่วนเทียนหยู่ก็ดื่มไปไม่น้อยบางทีคืนนี้พวกเขาอาจไม่ได้ทำอะไรกันเธอคิดจะเข้าไปขู่ลูกสาวของตัวเองเสียหน่อยว่าหากไม่คว้าโอกาสนี้ ต่อไปเธอจะไม่อนุญาตให้เธอคบกับเย่เทียนหยู่อีกแต่ไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูทักทาย เธ
แค่รู้สึกว่าบางครั้งเขาก็แสดงมากเกินเบอร์ จะแสดงเป็นใครก็ว่าไป ดันมาทำเป็นราชามังกร เขาคนนั้นเป็นบุคคลผู้มีอำนาจถึงขนาดไหน“แสดงอะไร?” เย่เทียนหยู่สับสน“ยังจะแสดงอีก นายคิดว่าตัวเองเป็นราชามังกรจริง ๆ รึไง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหลอกคุณปู่ พวกเขาจะคิดว่านายเป็นราชามังกรได้ยังไง”หลินหว่านหรูจ้องเย่เทียนหยู่และพูดด้วยความโกรธแต่ตาบ้านี่แสดงเก่งจริง ๆตอนแรกเธอกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะรับบทไม่ทัน เธอกำลังจะเตือนให้เขาแกล้งทำเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับบทจากเธอ หลังจากนั้นก็ทำเสียเป็นเรื่องราวจริงจัง ราวกับว่าเขาเป็นราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรจริง ๆ อย่างนั้นถ้าเธอไม่รู้ความจริง เธอคงโดนเขาหลอกไปแล้วแต่ไม่เป็นไร เพราะทีท่าของพ่อแม่และปู่ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปมาก กลัวก็แต่ว่าวันหนึ่งความจริงจะถูกเปิดเผย และสิ่งต่าง ๆ อาจจะเลวร้ายลงมากตอนนี้หวังได้เพียงว่าเทียนหยู่จะเก่งกาจขึ้นทุกวัน รอจนเขาเก่งมากพอแล้วทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาความจริงแล้ว วันนั้นหลังจากที่เธอกับเย่เทียนหยู่แยกกันแล้ว หลินหว่านหรูก็นึกถึงคนคนหนึ่งที่สามารถช่วยพวกเขาได้จริง ๆ และนั่นคือเย่เซวียน บ
ใช่แล้วละ ตอนนั้นเย่เทียนหยู่คุยโวว่าเขาคือราชามังกรหัวใจของ หลินหว่านหรูสั่นไหวเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้แม้ว่าเทียนหยู่จะไม่ใช่ราชามังกร แต่เธอก็สามารถโกหกคุณปู่และคนอื่น ๆ และตอบตกลงได้ มันเกิดขึ้นจนหลายสิ่งหลายอย่างในอดีตสามารถพูดได้ว่าเทียนหยู่ทำโดยใช้ตัวตนของเขาในฐานะราชามังกรรวมถึงคราวนี้เพื่อข่มขู่ตระกูลหลี่ว์นอกจากนี้เทียนหยู่ยังอวดอ้างในช่วงต้นครั้งนี้ว่าเขาสามารถดูแลตระกูลหลี่ว์ ได้อย่างง่ายดาย เขาเคยคุยโวมากมาก่อนซึ่งสอดคล้องกับตัวละครอย่างสมบูรณ์หลังจากคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว หลินหว่านหรูก็บอกกับคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ว่า เย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรทันทีที่มีข่าวออกมา คุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงค้างเติ่งอยู่กับที่ด้วยความเหลือเชื่อ แต่หลังจากที่หลินหว่านหรูอธิบาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกต้องครบถ้วนแต่ประเด็นคือเดิมทีเย่เทียนหยู่ก็เป็นคนจัดการเรื่องพวกนั้นหลังจากที่ทั้งสามรวมหัวกันคิดอีกเล็กน้อย พวกเขาก็พบว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่จริง ๆ และทุกคนก็เสียใจทันที แต่ว่าพวกเขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพวกเขาไม่มีที่ให้เสียใจภ
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็
พวกเขาต่างเข้าใจตรงกันว่าคนผู้นี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเย่เทียนหยู่ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้ ดูจากความน่าเกรงขามแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเจวี๋ยเทียนเลยด้วยซ้ำซึ่งนี่มันก็ทำให้ความหวังของทูตใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเยว่เหลียนหานเองก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหยางผั่วจวินแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาออกมา เพราะนั่นหมายความว่า พวกเธอยังไม่ได้หมดหวังไปเลยเสียทีเดียวสีหน้าของเจวี๋ยเทียนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พลังความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินคนนี้เกินกว่าที่ตนคาดการเอาไว้มาก เมื่อเทียบกับตนแล้ว เกรงว่าคงทำไม่ได้มากขนาดนี้แน่หยางผั่วจวินยังคงยืนอยู่กับที่ ราวกับว่าเขาคือเทพสงคราม ออร่าบนตัวเขาพุ่งพล่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาออกไปว่า “วันนี้ ใครกล้าแตะต้องเจ้านายของฉัน ฉันก็จะเอาชีวิตคนผู้นั้นซะ!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนและคนอื่น ๆ ดูแย่มาก จากนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ประมุกหยาง ทั้งที่คุณแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เหตุใดต้องยกสวะคนอย่างเขาเป็นนายด้วย คุณช่วยบอกผมหน่อยสิ ว่าเขาใช้กลอุบายข่มขู่คุณอย่างไร ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”“ไร้สมอง!”
ปฏิกิริยาของทุกคนตอบสนองขึ้นพร้อมกัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เทียนหยู่เจ้าตำหนักหยู่คนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านายของประมุกหยาง ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลกันเลยล่ะ ดูปลอมเกินไปรึเปล่าเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินมาแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้วยไปกว่าตนเลย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่างน้อยก็คงแข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักหยู่แน่นอนแต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาจะเป็นลูกน้องของเจ้าตำหนักหยู่ได้ ทั้งยังเคารพเจ้าตำหนักหยู่มากอีกด้วย นี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่านะ?ยิ่งไปกว่านั้น ประมุกมู่หรงเองก็เป็นคนพูดเอง ว่าพวกเธอและประมุกราชาปีศาจได้ทำการร่วมมือกับตำหนักซิวหลัวเรียบร้อยแล้ว หรือพวกเขาต้องการที่จะช่วยให้เจ้าตำหนักหยู่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำจริง ๆ?อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินเจวี๋ยเองก็สับสนเช่นกัน เขาเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งมาแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาหยางผั่วจวินคนนี้ได้เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนแน่นอนหลังจากที่เจวี๋ยเทียนถูกด่า สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใ
“ใช่!”ครั้งนี้ มู่หรงอินพยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เดี๋ยวนะ หรือว่ามู่หรงอินไม่คิดที่จะให้เย่เทียนหยู่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเลือกคนใหม่แล้วงั้นเหรอและคนที่เธอเลือกก็คือเจ้าตำหนักหยู่!แต่คำถามก็คือ เจ้าตำหนักหยู่เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสุดท้าย เขาจะทำอะไรได้ ใช้เขาเป็นโล่กำบังให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?“ประมุกเยว่ คุณล่ะ คุณเองก็สนับสนุนเจ้าตำหนักหยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เจวี๋ยเทียนค่อย ๆ ไล่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปเรื่อย ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าถ้าเธอยอมรับ อนาคตเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นสีหน้าของเยว่เหลียนหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเหลือบมองไปที่มู่หรงอินมู่หรงอินไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เยว่เหลียนหานควรเลือกสนับสนุนเจ้าตำหนักซิวหลัวเจวี๋ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จิตสังหารฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ประมุกเยว่ ทางที่ดีคุณก็ลองพิจารณาดูให้ดีก่อนเถอะ โดยเฉพาะ ตัวของคุณตอน
หลังจากที่พูดจจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมองไปทางเขาเจ้าตำหนักคนนี้พูดพล่ามอะไรอยู่ เขามาเพื่อเป็นผู้นำสำนักงั้นเหรอ?นี่มันไร้สาระสิ้นดี!หลินเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เจ้าตำหนักพูดกับเจวี๋ยเทียน เขาก็คิดแล้วว่า ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ จบเห่แล้วแน่ ๆ เจ้าตำหนักอย่าได้พูดเหลวไหลอีกเลยนะกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดต่อมาของเจ้าตำหนักจะบ้าบิ่นมากขึ้นกว่าเดิม เขากล้าพูดว่าตนจะขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสำนักจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยรวมถึงสำนักเจวี๋ยงฉิงเองก็ด้วยราชาสวรรค์ทั้งสองที่มากับหลินเจวี๋ยเองก็สับสนด้วยเช่นกัน นี่ใช่เจ้าตำหนักของพวกเขาจริง ๆ น่ะเหรอ นี่เขากำลังรนหาที่ตายชัด ๆเมื่อเห็นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของทุกคนที่มองมา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาพวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น!วันนี้ เกรงว่าคงได้ตายจริง ๆ แน่!เยว่เหลียนหานและคนอื่น ๆ จากสำนักดอกไม้เองก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน บุตรแห่งสวรรค์ผู้ที่มู่หรงอินภาคภูมิใจยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ก็กลับมีเจ้าตำหนักที่ไม่
“เพราะเหตุนี้ ผมจึงได้เชิญทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจัดการประชุมศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น!”คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้ นับว่าเป็นการอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ เจวี๋ยเทียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ ทุกท่านสบายใจได้ ที่ผมเชิญทุกท่านมา ไม่ใช่เพื่อให้ทุกท่านมาก้มหัวเคารพผมโดยตรง”“แต่เราจะเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในหมู่พวกเรา เพื่อขึ้นเป็นผู้ชี้นำทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าต่างหาก นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมและโอกาสที่เท่าเทียมกัน”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เยว่เหลียนหานกลับแอบส่ายหัวเบา ๆ การแข่งขันที่ยุติธรรมอะไรกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่ากันงั้นเหรอ พวกเขามีโอกาสที่ไหนกันถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจวี๋ยเทียนเชื่อมั่นในพลังของตัวเองอย่างมาก ว่าจะไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาจากการขึ้นเป็นผู้นำของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม ก็แค่การที่ปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อให้ถูกโจมตีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นทุก ๆ คนต่างก็มีความคิดที่คล้าย ๆ กัน แต่อีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำการประชุมในวันนี้ หากพวกเขาไม่มาก็ต้องตายสถานเดียว แ
“ฮ่า ๆ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะ พอดีเมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย เลยทำให้มาช้า”ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย ทั้งดูดีและมีเกียรติมากโดยเฉพาะเจวี๋ยเทียน เขาสวมชุดสีม่วง ท่าเดินก็ดูองอาจ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่และความสง่างามเครื่องแต่งกายของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดที่มู่หรงชิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น ซึ่งทำให้สีหน้าของมู่หรงอินดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังพวกเขาในทันที และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อร่องรอยที่เจวี๋ยเทียนเคยทิ้งเอาไว้ในตอนที่เขาไปเยือนสำนักราชาผี ซึ่งนั่นก็ทำให้หยางผั่วจวินตกตะลึงอย่างมากหยางผั่วจวินเองก็สัมผัสได้ ไม่ว่ายังไงตนในตอนนั้นก็ไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แต่ก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากที่เย่เทียนหยู่ใช้ของวิเศษของพรรคมารช่วยให้เขาพัฒนาตนเอง เขาก็สามารถทะลุจนเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้ว แถมยังทะลุไปถึงคอขวด จนเกือบจะถึงจุดที่สามารถเลื่อนขั้นได้แล้วด้วยซ้ำตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา นับว่าอยู่ในจุดที่ไม่ธรรมดาแล้วดังนั้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เห็นคู่ต่อสู้ที