“อ่า…”“ห้องไหนคะ?” หลินว่านหรูเองก็ไม่รู้ว่าเตรียมห้องไหนเอาไว้“ยังจะห้องไหนอีก ก็ต้องเป็นห้องของลูกน่ะสิ”“พวกลูกจดทะเบียนกันมานานขนาดนี้แล้วนะ ไม่นอนห้องเดียวกันหรือจะให้แยกกันนอนรึไง ทำแบบนั้นคนได้หัวเราะเยาะกันหมดพอดี” แม่หลินพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดที่พูดนี่มันก็ เมื่อก่อนก็ไม่ได้นอนด้วยกันก็ไม่เห็นจะบอกเลยว่าคนอื่นเขาจะหัวเราะเยาะทว่าไม่รู้เป็นเพราะคุณปู่ตระกูลหลินเมาหรือเปล่า แต่เขาก็สนับสนุนทั้งสองคนให้นอนด้วยกัน “หว่านหรู หลานอยากอยู่กับเทียนหยู่มาตลอดเลยไม่ใช่รึไง ตอนนี้เราทุกคนเห็นด้วยกับหลานนะ หรือหลานไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว?”“เปล่านะคะ!”“แต่ถ้าหนูพาเขาเข้ามาแล้ว พวกปู่ห้ามมาดุหนูทีหลังนะคะ” หลินหว่านหรูพูดอย่างช่วยไม่ได้“จะมาดุลูกทำไม เราน่ะอยากจะให้ลูกมีหลานตัวอ้วนให้เราเร็ว ๆ ด้วยซ้ำ”แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธอาจเพราะคุณปู่ตระกูลหลินเมา เขาจึงเห็นด้วยกับเรื่องอุ้มหลานที่ว่าหลินหว่านหรูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยพยุงเย่เทียนหยู่ โชคดียังดีที่ดูเหมือนตาบ้านี่จะไม่ได้ตัวหนักเท่าไหร่ แต่เขากลับแนบตัวชิดกับเธอแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกเล็กน้อย ยิ่งไปกว่า
ร่างกายของหลินหว่านหรูอ่อนระทวย เสื้อผ้าของเธอเองก็เริ่มยุ่งเหยิง เพลิดเพลินไปกับอารมณ์และรับสัมผัสอันงดงามแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนแม้เย่เทียนหยู่จะไม่เมา แต่สุราพวกนั้นก็ยังเพิ่มความดิบเถื่อนของเขขาอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกระบวนท่าที่เริ่มกำเริบทำตามอำเภอใจแต่ในขณะนั้น จู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก ก่อนที่แม่ตระกูลหลินก็ตะโกนเรียก “หว่านหรู!”หากแต่ทันทีที่พูดจบ แม่หลินก็ต้องตกตะลึง เทียนหยู่ดื่มมากเกินไปไม่ใช่เหรอ ทำไมยังลุกมาทำได้อีก “พวกลูกต่อเลย” เธอลดเสียงลงแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ก่นด่าตัวเองในใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปนี่มันความผิดประหารชัดๆถ้าเธอทำลายฤกษ์ดีของลูกสาว เธอต้องเสียใจจนตายแน่ที่แท้หลังจากที่เธอเห็นทั้งสองคนเข้ามา แม่ตระกูลหลินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องออกตัวเองมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเธอหน้าบางเกินไป ส่วนเทียนหยู่ก็ดื่มไปไม่น้อยบางทีคืนนี้พวกเขาอาจไม่ได้ทำอะไรกันเธอคิดจะเข้าไปขู่ลูกสาวของตัวเองเสียหน่อยว่าหากไม่คว้าโอกาสนี้ ต่อไปเธอจะไม่อนุญาตให้เธอคบกับเย่เทียนหยู่อีกแต่ไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูทักทาย เธ
แค่รู้สึกว่าบางครั้งเขาก็แสดงมากเกินเบอร์ จะแสดงเป็นใครก็ว่าไป ดันมาทำเป็นราชามังกร เขาคนนั้นเป็นบุคคลผู้มีอำนาจถึงขนาดไหน“แสดงอะไร?” เย่เทียนหยู่สับสน“ยังจะแสดงอีก นายคิดว่าตัวเองเป็นราชามังกรจริง ๆ รึไง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหลอกคุณปู่ พวกเขาจะคิดว่านายเป็นราชามังกรได้ยังไง”หลินหว่านหรูจ้องเย่เทียนหยู่และพูดด้วยความโกรธแต่ตาบ้านี่แสดงเก่งจริง ๆตอนแรกเธอกังวลว่าเย่เทียนหยู่จะรับบทไม่ทัน เธอกำลังจะเตือนให้เขาแกล้งทำเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับบทจากเธอ หลังจากนั้นก็ทำเสียเป็นเรื่องราวจริงจัง ราวกับว่าเขาเป็นราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรจริง ๆ อย่างนั้นถ้าเธอไม่รู้ความจริง เธอคงโดนเขาหลอกไปแล้วแต่ไม่เป็นไร เพราะทีท่าของพ่อแม่และปู่ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปมาก กลัวก็แต่ว่าวันหนึ่งความจริงจะถูกเปิดเผย และสิ่งต่าง ๆ อาจจะเลวร้ายลงมากตอนนี้หวังได้เพียงว่าเทียนหยู่จะเก่งกาจขึ้นทุกวัน รอจนเขาเก่งมากพอแล้วทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาความจริงแล้ว วันนั้นหลังจากที่เธอกับเย่เทียนหยู่แยกกันแล้ว หลินหว่านหรูก็นึกถึงคนคนหนึ่งที่สามารถช่วยพวกเขาได้จริง ๆ และนั่นคือเย่เซวียน บ
ใช่แล้วละ ตอนนั้นเย่เทียนหยู่คุยโวว่าเขาคือราชามังกรหัวใจของ หลินหว่านหรูสั่นไหวเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้แม้ว่าเทียนหยู่จะไม่ใช่ราชามังกร แต่เธอก็สามารถโกหกคุณปู่และคนอื่น ๆ และตอบตกลงได้ มันเกิดขึ้นจนหลายสิ่งหลายอย่างในอดีตสามารถพูดได้ว่าเทียนหยู่ทำโดยใช้ตัวตนของเขาในฐานะราชามังกรรวมถึงคราวนี้เพื่อข่มขู่ตระกูลหลี่ว์นอกจากนี้เทียนหยู่ยังอวดอ้างในช่วงต้นครั้งนี้ว่าเขาสามารถดูแลตระกูลหลี่ว์ ได้อย่างง่ายดาย เขาเคยคุยโวมากมาก่อนซึ่งสอดคล้องกับตัวละครอย่างสมบูรณ์หลังจากคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว หลินหว่านหรูก็บอกกับคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ว่า เย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่ของพรรคมังกรทันทีที่มีข่าวออกมา คุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงค้างเติ่งอยู่กับที่ด้วยความเหลือเชื่อ แต่หลังจากที่หลินหว่านหรูอธิบาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกต้องครบถ้วนแต่ประเด็นคือเดิมทีเย่เทียนหยู่ก็เป็นคนจัดการเรื่องพวกนั้นหลังจากที่ทั้งสามรวมหัวกันคิดอีกเล็กน้อย พวกเขาก็พบว่าเย่เทียนหยู่คือราชามังกรองค์ใหม่จริง ๆ และทุกคนก็เสียใจทันที แต่ว่าพวกเขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพวกเขาไม่มีที่ให้เสียใจภ
“แบบนั้นก็ดี พวกเขาบังคับให้พวกเราอยู่ด้วยกันเองนี่ พอถึงตอนนั้นก็หมดวิธีบังคับให้เราแยกทางกันแล้วละ”“นั่นสินะครับ ดูท่าคุณจะยืนหยัดอยู่กับผมจริง ๆ ด้วยนะ”“ใครอยากอยู่กับนายกันยะ ฉันก็แค่…ก็แค่…”ก่อนที่หลินหว่านหรูจะพูดจบ เย่เทียนหยู่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้งและพูดว่า “คุณน่ะคอยคิดอยู่ทุกวันว่าผมจะกลายเป็นคนที่เก่งกาจเร็ว ๆ และให้อุปสรรคทั้งหมดที่ขัดขวางเราถูกกวาดล้างให้สิ้นซาก”“แต่ความจริง คุณไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นหรอกครับ เพราะถึงสามีของคุณจะไม่ได้เป็นมังกรบินได้ แต่ก็ยังเป็นผู้นำที่แท้จริงบนโลกนี้แน่นอน”“เริ่มโม้อีกแล้วเหรอ”คราวนี้หลินหว่านหรูไม่ได้หลบหนีและโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่เทียนหยู่ แม้ว่าเขาจะทะเลาะกับเย่เทียนหยู่อยู่แค่ปาก แต่ในใจเขากลับรู้สึกหวานราวกับน้ำผึ้งย้อมและฉันก็เชื่อด้วยว่าเย่เทียนหยู่จะประสบความสำเร็จบางอย่างในอนาคตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะไม่มีพื้นฐานมากนัก แต่ผลงานของเขาในยุคนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ความเป็นเลิศและความแข็งแกร่งของเขาตราบใดที่คุณให้เวลาเขา เขาจะกลายเป็นแขนที่ทรงพลังที่สุดของคุณอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่ยิ้มและไม่ได้ป
“ไม่ต้องกังวล คุณป้า ฉันจะทำแน่นอน แต่ฉันเกรงว่าคุณจะเปลี่ยนใจ” เย่เทียนหยู่นึกถึงสิ่งที่หลินหว่านหรู พูด เมื่อพวกเขารู้ความจริงแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง“อะไรกัน คุณลืมไปแล้วเหรอ เมื่อวานฉันสาบานไปแล้วนะ”“ใช่ จะผิดคำสาบานไม่ได้ง่าย ๆ แต่เกิดมันเป็นเรื่องจริงๆขึ้นมาจะทำยังไงครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มหลังจากพูดจบ แม่ตระกูลหลินมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ยังไงก็ตาม อาจเป็นเพราะฉันเคยรุนแรงกับเขามาก่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีอะไรดีจะพูดเธอจึงทำได้แค่อดทนและรีบชวนเขาไปนั่งรับประทานอาหารเช้า และการเตรียมการก็เข้มข้นมากหลังจากนั้นไม่นาน หลินหว่านหรูก็ออกมาเช่นกันเมื่อเห็นท่าทางเอาอกเอาใจของคนในตระกูลที่มีต่อเย่เทียนหยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มแห้งหวังแต่ว่าคำสาบานเมื่อคืนของพวกเขาจะเป็นแค่คำหลอกลวงก็แล้วกันหลังอาหารเช้า ทั้งสองออกจากวิลล่าภายใต้สายตาที่มีความสุขของคุณแม่ตระกูลหลินแต่เย่เทียนหยู่ไม่ได้ไปกับหลินหว่านหรู เพราะจุดหมายปลายทางของเขาคือหงหม่ากรุ๊ป ไม่ใช่หลินซื่อกรุ๊ปหลินหว่านหรูกลับมาที่บริษัทและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของหงหม่ากรุ๊ปทันที
นั่นไม่ใช่สำนักงานใหญ่ของพรรคถังหรอกเหรอ เด็กนั่นไปทำอะไร หรือว่าเขาคิดจะไปที่สำนักงานใหญ่ของพรรคถัง?เป็นไปไม่ได้!เหลวไหลเกินไปแล้วแต่ไม่ว่าเจ้าเด็กเมื่อวานซืนนั่นจะคิดยังไง ด้วยที่อยู่กับป้ายทะเบียน และจุดหมายปลายทาง ทำให้คนของเขาสามารถค้นหาตำแหน่งของเขาได้อย่างง่ายดายกลัวก็แต่เด็กนั่นจะหลอกลวงเขาแต่ไม่นานนักคนที่มากับเขาแจ้งว่าเย่เทียนหยู่ไม่ได้โกหก ดังนั้น พวกเขาจึงรีบขับรถพาถังวั่นลี่ไล่ตามเย่เทียนหยู่ไปทันทีเย่เทียนหยู่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ถังวั่นหลี่ต้องอับอาย ท้ายที่สุด มันยากมากที่จะมาที่นี่จากระยะไกลขนาดนี้ และเขาก็ยังคงเป็นจอมยุทธ์ผู้มากฝีมือยังไงก็ตามเขาต้องการประหยัดเวลานอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะทำความสะอาดพรรคถังให้เสร็จสิ้นในวันนี้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกลับไปหาตระหูลหลินเพื่ออยู่กับภรรยาของเขารถกำลังขับไปตลอดทาง และปกติแล้ว เย่เทียนหยู่จะเร็วกว่ามาก แต่เพื่อที่จะตามทันเย่เทียนหยู่ถังวั่นหลี่ขอให้สหายของเขาเพิ่มความเร็วให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทบจะวิ่งไปพร้อมกันประกอบกับการที่เย่เทียนหยู่จงใจชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ในที่สุดรถก็หยุดลงในสถานที่ห่างไกล
“พูดจาเหลวไหล!”ถังวั่นหลี่รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจมากหลังจากถูก เย่เทียนหยู่ดุ เพราะเขาสังเกตและฟังอย่างระมัดระวัง จึงไม่มีการซุ่มโจมตีรอบตัวเขาจริงๆ แต่ถ้าไม่มีการซุ่มโจมตี ทำไมอีกฝ่ายถึงสงบขนาดนี้ลืมไปเถอะ ทำไมคุณถึงสนใจมากขนาดนี้ คุณถูกไอ้สารเลวคนนี้ชักนำโดยสมบูรณ์ เขาพูดตรงๆ ทันที “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ หากเจ้ากล้าทำให้พรรคถังอับอาย วันนี้เจ้าก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ขยับเกือบจะในทันที ปรากฏตัวตรงหน้าเย่เทียนหยู่ จากนั้นก็ฟาดกระบวนท่าที่ดุร้ายออกไปกระบวนท่านี้ เขาใช้ความแข็งแกร่งเพียงสองสามส่วนในสิบเท่านั้นนอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่ก่อน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นปรมาจารย์ได้เย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ และรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยมือขวาทันที ไม่ใช่ว่าเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ถ้าหลีกเลี่ยงรถก็จะเดือดร้อนรถคันนี้จะพาเขาไปยังสำนักงานใหญ่ของพรรคถังด้วยการแก้ปัญหาปรมาจารย์พรรคถังไม่สามารถแก้ปัญหาของหยางเฉียนเฉียนได้โครม เสียงของการชนกระแทกอย่างรุนแรง!กระแสลมแรงพัดไปทั่ว รถถูกเคลื่อนไปด้านข้า
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป