“เมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะขอเตือนคุณ อย่ายั่วยุผม ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่” “รนหาที่ตาย!” “ฉันว่าแกคงคิดไม่ถึงว่าสำนักถังน่ากลัวขนาดไหน ตอนนี้ ฉันจะแสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของปรมาจารย์สำนักถังให้แกเห็น” ชายผู้นั้นโกรธจัดและเอื้อมมือขวาออกไปคว้าใบหน้าของเย่เทียนหยู่โดยตรง ลงมือดุดันและรวดเร็วมาก หากถูกจับได้ อย่าเบาก็ทำให้เสียโฉมเล็กน้อยอย่างหนักก็ทำให้บาดเจ็บสาหัสได้ สีหน้าของเย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ เขาเอียงศีรษะเบาๆ หลบเลี่ยงการโจมตี และยกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็ว จับข้อมือของคู่ต่อสู้ในทันที พับตัวลงทันใด ในเวลาเดียวกัน พลังอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ก็ปะทุขึ้น ทำลายกระดูกข้อศอกของคู่ต่อสู้ในทันที เสียงแตกทีละนิด “อ๊า!” ชายผู้นั้นครางออกมาอย่างเจ็บปวดสุดขีดโดยไม่สนใจมือขวาที่โดนทำลายของเขา ทันใดนั้นอาวุธลับรูปเพชรขนาดเล็กสามชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมืออีกข้างของเขาและบินออกไปในทันที ตรงไปที่หน้าอกของเย่เทียนหยู่ อาวุธลับสามชิ้นนี้มีพิษร้ายแรงมาก หากโดนโจมตี พวกมันสามารถฆ่าเย่เทียนหยู่ได้อย่างแน่นอน แต่เย่เทียนหยู่ยังคงสงบนิ่งและไม่แม้แต่จะหลบอา
คำพูดดังกล่าว เผด็จการมาก เมื่อรวมกับพลังอันน่าทึ่งของเย่เทียนหยู่ คนของสำนักถังก็ตกใจอย่างสิ้นเชิงในตอนแรก แต่ในไม่ช้า เขาก็คิดกับตัวเองว่าพลังของคู่ต่อสู้นั้นน่ากลัวจริงๆ แม้จะเกินจินตนาการของเขาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด สำนักถังก็จะไม่กลัว โดยเฉพาะบรรพบุรุษของสำนักถัง ซึ่งเป็นปรมาจารย์ระดับสูงของสำนัก แม้ว่าจะต้องใช้พลังภายนอกจำนวนมากเพื่อบรรลุจนสำเร็จ แต่สุดท้ายก็ไปถึงระดับสูงสุดของปรมาจารย์ ในโลกนี้ คงมีคนไม่เกินสิบคนที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษ ก็ต้องตายแน่ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาเดาไม่ผิด ชายหนุ่มคนนี้อย่างมากอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการเป็นปรมาจารย์เท่านั้น มิฉะนั้น มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไป เมื่อเขาคิดถึงพลังของสำนักถัง ก็รู้สึกเจ็บปวดที่มือและเท้า ชายคนนั้นก็พูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “คำพูดเช่นนี้ ไม่หยิ่งผยองเกินไปเหรอ” “สำนักถังของฉันมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีและมีปรมาจารย์นับไม่ถ้วน ไม่ว่าคุณจะทรงพลังเพียงใด คุณจะเอาชนะสำนักถังพันปีได้อย่างไร” “สำนักถังพันปี” “บ้าเอ๊ย ถ้ามันทำใ
แต่นายท่านหลี่ว์หนึ่งในฐานะสิบแปดแม่ทัพแห่งพรรคมังกร ควรทราบว่าตัวตนของราชามังกรไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้ง่ายๆและต้องรักษาเป็นความลับด้วย ดังนั้นเขาคงไม่พูดออกไป บางทีเขาอาจคิดว่าตัวเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลินจึงพูดออกมา เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังคงเงียบ นายท่านหลินก็วิตกกังวลและรีบพูดว่า “เทียนหยู่ เธอฟังอยู่ไหม?” “ครับ” “ผมแค่กำลังคิดว่า ท่านกำลังสอนผมว่าต้องปฎิบัติตัวอย่างไรใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่โกรธเล็กน้อยและถามกลับอย่างใจเย็น “ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน” นายท่านหลินรีบปฏิเสธและรีบพูดว่า “ฉันตื่นเต้นเกินไปและพูดผิดไปในคราวเดียว เทียนหยู่ตอนนี้เธอสะดวกไหม กลับมาทานอาหารเย็นด้วยกันสิ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการวิงวอน เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำและพูดล่วงเกินกับเย่เทียนหยู่ก่อนหน้านี้ตั้งมากมาย เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับพ่อแม่ของหว่านหรูแล้ว ทั้งสองคนนี้ช่างโง่เขลาสิ้นดี ตื่นเต้น และตื่นตระหนกอย่างสุดขีด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร “เออ หว่านหรูก็อยู่ที่นี่ด้วย” นายท่านหลินพูดเสริมด้วยความระมัดระวัง เขารู้สึกเสียใจจริงๆถ้าไม่ใช
ในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือสำนักถังที่เคยโจมตีเย่เทียวหยู่ก่อนหน้านี้กลับมาที่สำนักถังและพบว่าแม้แต่นายน้อยก็ทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับสภาพของมือขวาของเขา ต้องรู้ว่านายน้อยไม่เพียงแต่มีทักษะด้านการวางยาพิษเท่านั้น แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย แต่โชคดีที่เท้าของเขายังมีโอกาสที่ขาจะฟื้นตัวเพียงแต่ต้องใช้เวลานาน “เกิดอะไรขึ้น! ”ถังชั่นถามอย่างโกรธๆ ชายคนนั้นเล่ารายละเอียดกทั้งหมดทันที และเพราะได้รับบาดเจ็บ เขาเติมเชื้อเพลิงให้กับคำพูดของเย่เทียนหยู่ “นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” “เขาถึงกับกล้าดูถูกสำนักถังอายุพันปีของฉันและบอกว่าเขาสามารถทำลายสำนักถังของเราทั้งหมดได้ภายในไม่กี่นาที ” ถังชั่นถามด้วยความโกรธ “ใช่ นั่นคือสิ่งที่เขาพูด! และเขายังขอให้คุณปล่อยนายน้อยหญิงทันที ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องตายอย่างอนาถอย่างแน่นอน” “เขาถึงกับกล้าพูดแบบนั้น” “รนหาที่ตาย” “ฉันไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร ฉันจะทำให้เขาทรมานทรมานที่สุดในโลกและตายไป” ในขณะนี้ ถังชั่นเกือบจะเป็นบ้า เขากัดฟันและพูดด้วยความโกรธ ในขณะนี้หยางเฉียนเฉียนบังเอิญเดินผ่านมาเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะรู
นี่ยังแสดงให้เห็นว่าในใจเธอชอบเย่เทียนหยู่มากแค่ไหน ดีมาก ยิ่งเธอเป็นเช่นนี้ ฉันก็ยิ่งอยากทำลายเขามากขึ้น เมื่อเธอช่วยฉันฝึกฝนให้สำเร็จ ฉันจะให้เธอรู้ความจริงทั้งหมดนี้ และทำให้คุณตายอย่างทรมาน ดังนั้นถังชั่นจึงระงับความไม่พอใจภายในของเขา ถึงอย่างไร การฝึกฝนของเขาไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากหยางเฉียนเฉียน จึงกล่าวว่า “เอาล่ะ นี่คือสิ่งที่เธอพูด เธอแน่ใจหรือว่าจะเชื่อฟังฉัน และให้ความร่วมมือกับการฝึกฝนของฉัน?” “แน่นอน ฉันสัญญาว่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” หยางเฉียนเฉียนตอบอย่างสิ้นหวัง แต่การที่สามารถช่วยพี่เย่ได้ก็คุ้มค่ากับทุกสิ่ง “โอเค ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้โอกาสเขามีชีวิตอยู่ต่อ” ถังชั่นแสร้งทำเป็นเห็นด้วยกับหยางเฉียนเฉียน แต่เมื่อพวกเขาแยกทางกัน เขาก็โทรหาพ่อของเขาทันทีและเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ อีกฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเป็นปรมาจารย์มือใหม่อาศัยเพียงตัวเขาที่เป็นระดับหมัดตัดกระดูกขั้นสูง คงไม่สามารถรับมือกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องหาใครสักคนจากครอบครัวของเขาออกหน้าแทน เมื่อได้ยินว่าลูกชายของเขาไปยั่วยุยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ผู้มีอำนา
หลังจากขับรถไปสักพัก ก็มาถึงทางเข้าบ้านพักของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปและจอดรถแล้ว เย่เทียนหยู่ยังไม่ลงจากรถด้วยซ้ำ แม่ของหลินก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น เห็นได้ชัดว่าเธอได้รออยู่ที่ประตูเป็นเวลานานแล้ว เมื่อคิดว่าการที่เย่เทียนหยู่เป็นราชามังกรคนใหม่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยแน่ใจว่าพรรคมังกรนั้นทำอะไร แต่เธอก็รู้ว่าพรรคมังกรเกือบจะเทียบเท่ากับสถานะของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองหลงตู่ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลสี่อันดับแรกได้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ว์มาก “เทียนหยู่.....” ก่อนที่แม่ของหลินจะได้พูด เย่เทียนหยู่ก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ไม่ต้องพูดและรับสาย “เฉียนเฉียน?” “อย่าเรียกฉันว่าเฉียนเฉียน!” เสียงของหยางเฉียนเฉียนดังมาจากอีกฝั่งพูดอย่างเย็นชา “เย่เทียนหยู่ แต่ก่อนฉันเห็นแก่ที่คุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้ ถึงได้สุภาพกับคุณ แต่ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับนายน้อยถัง เราก็ไม่มีความสัมพันธ์กันอีก” ดังนั้น ต่อไปคุณอย่ามารบกวนฉันและอย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก คุณกำลังทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับนายน้อยถัง เข้าใจไหม? ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่
“แน่นอนว่าไม่ใช่” “ฉันแค่กำลังอธิบาย” แม่ของหลินทันใดนั้นคิดขึ้นได้และคิดข้อแก้ตัวดีๆ ขึ้นมา จึงพูดว่า “จริงๆแล้ว เหตุผลที่ฉันทำแบบนั้นก่อนหน้านี้ก็เพื่อประโยชน์ของเธอเองล้วนๆ” “เพื่อประโยชน์ของผมเหรอ” เย่เทียนหยู่อดหัวเราะไม่ได้ “จริงๆ แล้ว ฉันหวังว่าจะใช้คำพูดและการกระทำที่ไม่ดีเพื่อกระตุ้นให้คุณทำงานหนัก เพื่อที่คุณจะได้แข็งแกร่งขึ้นและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นร่วมกับหว่านหรู” “แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งจอมปลอมเหล่านั้น ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อเธอแตกต่างจากเดิมโดยธรรมชาติ” “โอ้ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก คุณป้า” “ไม่ต้องเกรงใจ แต่ไม่ต้องเรียกฉันว่าป้าก็ได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เรียกฉันว่าแม่ก็ได้” “เอาไว้ก่อนแล้วกัน” เย่เทียนหยู่ละทิ้งคำพูดเหล่านี้โดยไม่สนใจท่าทางอึดอัดแม่ของหลินเลย แล้วลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างในทันที แม่ของหลินฟื้นสติสัมปชัญญะอย่างรวดเร็วและพูดอย่างรวดเร็วว่า “เธอหน้าบาง ไม่เปลี่ยนก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ ทำไปในอนาคต” “ไม่ใช่ว่าหน้าบาง แต่กับบางคน พูดไม่ออกจริงๆ”“เป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร แค่ค่อยๆ ปรับตัวในอน
ประโยคนี้ของคุณปู่ตระกูลหลิน เริ่มด้วยการตำหนิคนของตัวเอง ลงท้ายด้วยท่าทางสำนึกผิดแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่เองต้องไว้หน้าเขา เพราะยังไงก่อนหน้านี้ปู่หลินก็ยังเป็นคนนิสัยดี “คุณปู่หลินสุภาพเกินไปแล้วครับ ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ผมไม่สนใจมันมานานแล้วครับ” เขาพูดตอบ“ยอดเลย ได้ยินแบบนั้นปู่ก็วางใจ”“คิดไม่ถึงเลยว่าหลานอายุยังน้อยจะกลับใจกว้างถึงขนาดนี้ ถึงว่าทำไมหลานถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้!”“มาเถอะ ตระกูลหลินเตรียมไวน์ชั้นเลิศกับอาหารมื้ออร่อยให้หลานเป็นพิเศษ ถือว่าเป็นคำขอโทษหลานอย่างเป็นทางการ”คุณปู่ตระกูลหลินเชิญเย่เทียนหยู่ทันทีในเวลานี้ หลินหว่านหรูและหลินจื่อตงก็อยู่ด้วย ทั้งคู่กล่าวทักทายเย่เทียนหยู่ โดยเฉพาะหลินจื่อตงที่กำลังตื่นเต้นเป็นพิเศษในที่สุดตระกูลของเขาก็รู้สักทีว่าพี่เขยเก่งกาจแค่ไหน และยังยอมรับเขาได้แล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้น สถานะและอิทธิพลของพี่เขยน่าสะพรึงจริง ๆ นี่มันเหนือคาดมากสำหรับเขามีพี่เขยที่มีอำนาจแบบนี้ ต่อไปในเมืองเทียนไห่เขาก็ไปไหนมาไหนได้อย่างเชิดหน้าชูตา แต่เมื่อครู่เขาเพิ่งถูกพี่สาวบ่นไปยกใหญ่ บอกให้เขาเจียมตัวอย่าคิดทำอะไรตามอำเภอใจเพรา
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ
พูดกันตามตรง สนามนี้เป็นสนามต่อสู้ที่ดูไม่เลวเหมือนกัน“ไม่เลว!”เย่เทียนหยู่เหลือบมองหยางผั่วจวิน ก่อนจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ทำไม อยากลองสนามรึไง?”“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นเจ้านายก็มอบโอกาสนี้ให้ผมเถอะนะครับ” ท่าทีของหยางผั่วจวินดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก“ไม่ได้!”เจวี๋ยเทียนที่ได้ยินก็รีบปฏิเสธออกไปโดยไม่ลังเลการเอาชนะหยางผั่วจวินแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของเขา หากเป็นตอนปกติเขาแทบไม่มีความมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเอาชนะหยางผั่วจวินได้ เว้นเสียแต่จะได้รับการสนับสนุนจากเวทอาคมที่ตนเตรียมเอาไว้ และแม้ว่าเวทอาคมที่เตรียมไว้จะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ เกรงว่าคงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ขุมพลังนี้มีเอาไว้รับมือกับหยู่เทียน มีเอาไว้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์“ได้ยินไหม คนเขาไม่เห็นด้วยน่ะ” เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด นี่หยางผั่วจวินชอบการต่อสู้มากขนาดนั้นเชียวเหรอถังวั่นหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เดิมทีเขาคิดว่าพลังของตนนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ตั้งแต่มาที่นี่ ก็พบว่าความแข็งแกร่งของประมุกแต่ละสำนักช่างน่ากลัวอะไรขนาด
หลังจากที่คำพูดนั้นถูกพูดออกมา คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็พากันตกตะลึงเจ้าตำหนักหยู่คนนี้ กล้ายอมรับคำท้าจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?หรือพวกเขามองผิดกันไปเองจริง ๆ?เยว่เหลียนหานและคนในสำนักดอกไม้ต่างก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลานี้ พวกเธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไพ่ตายของมู่หรงอินไม่ใช่เย่เทียนหยู่แห่งพรรคมังการตั้งแต่แรกแล้ว แต่คือเจ้าตำหนักหยู่ผู้ลึกลับคนนี้ต่างหากอย่าว่าแต่พลังที่แท้จริงเป็นอย่างไรเลย แค่มีคนที่น่ากลัวอย่างหยางผั่วจวินเป็นลูกน้องก็เพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล้าตอบรับคำท้าจากประมุกสำนักเจวี๋ยฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวอีกต่างหากในเวลานี้ เธอรู้สึกคาดหวังมากจริง ๆ คาดหวังว่าความสามารถของเจ้าตำหนักหยู่จะอยู่ในระดับไหนกันแน่แววตามู่หรงอินและจูเก่อหลิวหลีต่างก็ส่องประกายออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเธอคาดหวังให้เย่เทียนหยู่แสดงฝีมือมาโดยตลอดมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้นที่สีหน้าดูหม่นหมอง เดิมทีนี่คือโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว เขาได้สูญเสียโอกาสประลองฝีมือไปแล้วอีกครั้งหนึ่งยังมีหลินเจวี๋ยอีกคนที่สีหน้าดูซีดเซียว แต่พอเห็
พวกเขาต่างเข้าใจตรงกันว่าคนผู้นี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเย่เทียนหยู่ แต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้ ดูจากความน่าเกรงขามแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้อยไปกว่าเจวี๋ยเทียนเลยด้วยซ้ำซึ่งนี่มันก็ทำให้ความหวังของทูตใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเยว่เหลียนหานเองก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหยางผั่วจวินแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาออกมา เพราะนั่นหมายความว่า พวกเธอยังไม่ได้หมดหวังไปเลยเสียทีเดียวสีหน้าของเจวี๋ยเทียนดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พลังความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินคนนี้เกินกว่าที่ตนคาดการเอาไว้มาก เมื่อเทียบกับตนแล้ว เกรงว่าคงทำไม่ได้มากขนาดนี้แน่หยางผั่วจวินยังคงยืนอยู่กับที่ ราวกับว่าเขาคือเทพสงคราม ออร่าบนตัวเขาพุ่งพล่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาออกไปว่า “วันนี้ ใครกล้าแตะต้องเจ้านายของฉัน ฉันก็จะเอาชีวิตคนผู้นั้นซะ!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนและคนอื่น ๆ ดูแย่มาก จากนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ประมุกหยาง ทั้งที่คุณแข็งแกร่งมากขนาดนี้ เหตุใดต้องยกสวะคนอย่างเขาเป็นนายด้วย คุณช่วยบอกผมหน่อยสิ ว่าเขาใช้กลอุบายข่มขู่คุณอย่างไร ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”“ไร้สมอง!”
ปฏิกิริยาของทุกคนตอบสนองขึ้นพร้อมกัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เทียนหยู่เจ้าตำหนักหยู่คนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านายของประมุกหยาง ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลกันเลยล่ะ ดูปลอมเกินไปรึเปล่าเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินมาแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้วยไปกว่าตนเลย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่างน้อยก็คงแข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักหยู่แน่นอนแต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาจะเป็นลูกน้องของเจ้าตำหนักหยู่ได้ ทั้งยังเคารพเจ้าตำหนักหยู่มากอีกด้วย นี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่านะ?ยิ่งไปกว่านั้น ประมุกมู่หรงเองก็เป็นคนพูดเอง ว่าพวกเธอและประมุกราชาปีศาจได้ทำการร่วมมือกับตำหนักซิวหลัวเรียบร้อยแล้ว หรือพวกเขาต้องการที่จะช่วยให้เจ้าตำหนักหยู่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำจริง ๆ?อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินเจวี๋ยเองก็สับสนเช่นกัน เขาเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งมาแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาหยางผั่วจวินคนนี้ได้เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนแน่นอนหลังจากที่เจวี๋ยเทียนถูกด่า สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใ
“ใช่!”ครั้งนี้ มู่หรงอินพยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เดี๋ยวนะ หรือว่ามู่หรงอินไม่คิดที่จะให้เย่เทียนหยู่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเลือกคนใหม่แล้วงั้นเหรอและคนที่เธอเลือกก็คือเจ้าตำหนักหยู่!แต่คำถามก็คือ เจ้าตำหนักหยู่เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสุดท้าย เขาจะทำอะไรได้ ใช้เขาเป็นโล่กำบังให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?“ประมุกเยว่ คุณล่ะ คุณเองก็สนับสนุนเจ้าตำหนักหยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เจวี๋ยเทียนค่อย ๆ ไล่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปเรื่อย ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าถ้าเธอยอมรับ อนาคตเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นสีหน้าของเยว่เหลียนหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเหลือบมองไปที่มู่หรงอินมู่หรงอินไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เยว่เหลียนหานควรเลือกสนับสนุนเจ้าตำหนักซิวหลัวเจวี๋ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จิตสังหารฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ประมุกเยว่ ทางที่ดีคุณก็ลองพิจารณาดูให้ดีก่อนเถอะ โดยเฉพาะ ตัวของคุณตอน
หลังจากที่พูดจจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมองไปทางเขาเจ้าตำหนักคนนี้พูดพล่ามอะไรอยู่ เขามาเพื่อเป็นผู้นำสำนักงั้นเหรอ?นี่มันไร้สาระสิ้นดี!หลินเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เจ้าตำหนักพูดกับเจวี๋ยเทียน เขาก็คิดแล้วว่า ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ จบเห่แล้วแน่ ๆ เจ้าตำหนักอย่าได้พูดเหลวไหลอีกเลยนะกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดต่อมาของเจ้าตำหนักจะบ้าบิ่นมากขึ้นกว่าเดิม เขากล้าพูดว่าตนจะขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสำนักจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยรวมถึงสำนักเจวี๋ยงฉิงเองก็ด้วยราชาสวรรค์ทั้งสองที่มากับหลินเจวี๋ยเองก็สับสนด้วยเช่นกัน นี่ใช่เจ้าตำหนักของพวกเขาจริง ๆ น่ะเหรอ นี่เขากำลังรนหาที่ตายชัด ๆเมื่อเห็นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของทุกคนที่มองมา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาพวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น!วันนี้ เกรงว่าคงได้ตายจริง ๆ แน่!เยว่เหลียนหานและคนอื่น ๆ จากสำนักดอกไม้เองก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน บุตรแห่งสวรรค์ผู้ที่มู่หรงอินภาคภูมิใจยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ก็กลับมีเจ้าตำหนักที่ไม่
“เพราะเหตุนี้ ผมจึงได้เชิญทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจัดการประชุมศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น!”คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้ นับว่าเป็นการอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ เจวี๋ยเทียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ ทุกท่านสบายใจได้ ที่ผมเชิญทุกท่านมา ไม่ใช่เพื่อให้ทุกท่านมาก้มหัวเคารพผมโดยตรง”“แต่เราจะเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในหมู่พวกเรา เพื่อขึ้นเป็นผู้ชี้นำทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าต่างหาก นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมและโอกาสที่เท่าเทียมกัน”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เยว่เหลียนหานกลับแอบส่ายหัวเบา ๆ การแข่งขันที่ยุติธรรมอะไรกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่ากันงั้นเหรอ พวกเขามีโอกาสที่ไหนกันถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจวี๋ยเทียนเชื่อมั่นในพลังของตัวเองอย่างมาก ว่าจะไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาจากการขึ้นเป็นผู้นำของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม ก็แค่การที่ปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อให้ถูกโจมตีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นทุก ๆ คนต่างก็มีความคิดที่คล้าย ๆ กัน แต่อีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำการประชุมในวันนี้ หากพวกเขาไม่มาก็ต้องตายสถานเดียว แ
“ฮ่า ๆ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะ พอดีเมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย เลยทำให้มาช้า”ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย ทั้งดูดีและมีเกียรติมากโดยเฉพาะเจวี๋ยเทียน เขาสวมชุดสีม่วง ท่าเดินก็ดูองอาจ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่และความสง่างามเครื่องแต่งกายของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดที่มู่หรงชิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น ซึ่งทำให้สีหน้าของมู่หรงอินดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังพวกเขาในทันที และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อร่องรอยที่เจวี๋ยเทียนเคยทิ้งเอาไว้ในตอนที่เขาไปเยือนสำนักราชาผี ซึ่งนั่นก็ทำให้หยางผั่วจวินตกตะลึงอย่างมากหยางผั่วจวินเองก็สัมผัสได้ ไม่ว่ายังไงตนในตอนนั้นก็ไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แต่ก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากที่เย่เทียนหยู่ใช้ของวิเศษของพรรคมารช่วยให้เขาพัฒนาตนเอง เขาก็สามารถทะลุจนเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้ว แถมยังทะลุไปถึงคอขวด จนเกือบจะถึงจุดที่สามารถเลื่อนขั้นได้แล้วด้วยซ้ำตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา นับว่าอยู่ในจุดที่ไม่ธรรมดาแล้วดังนั้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เห็นคู่ต่อสู้ที