ซ่งหยางอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าน้องสาวของเขาทำให้คุณชายเย่โกรธมากทำยังไงดีนี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ ว่ากันว่าหลี่ว์เจิ้งจะมาถึงเมืองเทียนไห่ในคืนพรุ่งนี้ เมื่อเขามาจริงๆ ตระกูลอาจไม่มีทางเลือกนอกจากต้องประนีประนอม“โทรไปอีก!”ซ่งเหวินป๋อกัดฟันพูด เกรงว่าคราวนี้คงต้องสละทรัพย์สินตระกูลซ่งครึ่งหนึ่งจริงๆซ่งหยางพยักหน้าแล้วโทรอีกครั้งเย่เทียนหยู่เห็นหมายเลขจึงขมวดคิ้วและวางสายอีกครั้งหากเป็นครั้งแรกอาจเป็นการวางสายผิด แต่ในสายที่สอง นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความสุขและไม่ต้องการรับสายหากการยังโทรไปอีก อาจส่งผลตรงกันข้าม“พ่อ ผมควรทำยังไงดีครับ” ซ่งหยางหมดหนทาง“จะทำอะไรได้อีก พรุ่งนี้พ่อจะไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง” ซ่งเหวินป๋อพูดอย่างหมดหนทาง เย่เทียนหยู่คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขาได้จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาดซ่งหลิงสีหน้าย่ำแย่ เธอกังวลว่าตัวเองจะรับมือกับหลี่ว์เจิ้งที่อยากได้ตัวเธอไม่ได้ และเธอก็เจ็บปวดด้วยเช่นกันที่คราวนี้เป็นความผิดของเธอเองที่นำเรื่องราวมาเป็นแบบนี้เธอกัดฟันแล้วพูดว่า "พ่อ พรุ่งนี้หนูจะไปหาเขาเพื่อขอโทษเองค่ะ ต่อให
คำใบ้นี้ชัดเจนเกินไปเย่เทียนหยู่ไม่ได้โง่ ต่อให้เธอไม่พูด แต่เพียงมองดูแก้มที่แดงระเรื่อกับร่างกายที่สั่นเทาของเธอ เขาพอจะเดาได้แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดตรงเกินไป เขาเพียงแค่พูดว่า: “เรื่องนั้น ตอนนี้คุณคงรู้ว่าประธานหลินหว่านหรูเป็นภรรยาของผม และมันหมายถึงบริษัทนี้เป็นของผมด้วย”“เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากตอบแทนผมจริงๆ ผมก็มีเรื่องหนึ่งอยากให้คุณทำอยู่ครับ”“เรื่องอะไรคะ พี่เย่บอกมาได้เลย” หัวใจของหลิวซือซือเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ พี่เย่จะไม่ร้องขอแต่ทำในออฟฟิศจะไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ เกิดมีคนมาได้ยินเข้า ต่อไปจะมีหน้าไปเจอใครอีก?แต่ในเมื่อเธอก็พูดไปแล้ว ว่าจะฟังพี่เย่ทุกอย่าง ไม่สนละ ถ้าพี่เย่ให้เธอทำเธอก็จะทำ เมื่อคิดว่ามันน่าตื่นเต้นแค่ไหนถ้าทำตอนอยู่ในออฟฟิศ มันก็ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแต่เย่เทียนหยู่กล่าวต่อ: “ถ้าคุณทำงานหนักและสร้างประโยชน์ให้กับบริษัทมากขึ้น นี่คือการตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับผม”“แค่นั้นเหรอคะ?”หลิวซือซือสับสนเล็กน้อย เธอบอกไปชัดเจนขนาดนั้น แถมยังบอกด้วยว่าจะไม่ก่อปัญหา หรือว่าพี่เย่ไม่เข้าใจ“อือมีแค่นี้ละ คุณมีอะไรอีกหรือเปล่า?”เย่เทียนห
แน่นอนว่าหลิวซือซือรีบปฏิเสธทันที พี่เย่บอกเป็นนัยอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีเรื่องเกินเลยกับเธอ แล้วเธอจะยังอาศัยอำนาจของพี่เย่รับของพวกนี้มาได้ยังไงหลังจากที่ซ่งหลิงรู้เรื่องนี้ เธอก็รีบเตรียมตัวและรีบตรงดิ่งมาถึงประตูห้องทำงานของเย่เทียนหยู่โดยมีหลิวซือซือนำทางหลิวซือซือเคาะประตู และแจ้งเย่เทียนหยู่ว่าซ่งหลิงมาถึงแล้วก่อนที่เธอจะเดินออกไปทันทีซ่งหลิงหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เธอเข้ามา เธอก็เห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ด้วยท่าทางสบายๆถ้าเป็นเมื่อวาน เธอคงจะคิดว่าเขาเป็นชายไร้ความสามารถที่ไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย หรือเธออาจจะอดพูดเยาะเย้ยเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแต่วันนี้กลับรู้สึกว่า เขาทำทางมั่นใจขนาดนั้นราวกับไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้หรือก็คือ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง“ค...คุณชายเย่!”ซ่งหลิงก้าวไปข้างหน้า เธอก้มลงและพูดด้วยความเค่ารพยำเกรง“อือ มีอะไรหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ถามอย่างใจเย็นขณะที่เลื่อนดูโทรศัพท์โดยไม่เงยหน้าขึ้น“มีค่ะ!”“เมื่อวาน ฉันโง่เขลาไม่รู้ความเองค่ะ ฉันไม่รู้ความสามารถอันทรงพลังของคุณ
“อย่างนั้นเหรอ ที่แท้ผมเก่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ถ้าอย่างนั้น คุณมานั่งบนตักผม” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบซ่งหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็ลังเลและถามว่า “คุณชายเย่ คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะปกป้องฉันได้”“คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ แล้วจะมาขอโทษผมทำไม” เย่เทียนหยู่ถาม“เพราะฉันไม่มีทางเลือกอื่น”“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาไว้ก่อน รอผมจัดการปัญหาเรื่องหลี่ว์เจิ้งได้ค่อยว่ากัน” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีไม่แยแสเมื่อซ่งหลิงได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเธอก็แสดงความดีใจและเธอก็รีบถามว่า: “คุณชายเย่ ความหมายของคุณคือจะยกโทษเรื่องความผิดพลาดครั้งก่อนให้ฉันใช้ไหมคะ”“ถือว่านะ”“มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีอะไร คุณออกไปได้แล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ค่ะ แต่คุณเย่ คุณช่วยบอกหมายเลขบัญชีให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ แล้วฉันจะให้ครอบครัวของฉันโอนเงินให้”“ไม่ต้องรีบหรอก รอจนกว่าเรื่องหลี่ว์เจิ้งจะเสร็จสิ้นค่อยว่ากัน”ซ่งหลิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งที่เธอพูด และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “คุณชายเย่ คุณไม่กลัวตระกูลซ่งจะผิดนัดจ่ายเงินเหรอคะ”“ผิดนัดจ่ายเงิน?”“ถ้ามีความสามารถ
สวยจริงๆ บางที่คงมีแต่คำว่างามล่มเมืองเท่านั้นที่อธิบายเธอได้เขาฝันนับครั้งไม่ถ้วนว่าจะได้ครอบครองผู้หญิงแบบนี้ แต่เสียดายที่อีกฝ่ายพูดถึงแค่ความร่วมมือกับเขาเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่นใดอีกแม้ว่าเขายินดีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรให้มากขึ้นแถมยังส่งสัญญาณให้เธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบกลับแต่ก็ไม่เร่งรีบหรอก ขอแค่ยังรวมมือกันต่อไป ต้องมีสักวันที่เขาโค่นล้มอีกฝ่ายได้แน่ ต่อให้เขาต้องใช้วิธีการน่ารังเกียจบ้างก็ตามเขาลุกขึ้นยืนทักทายเธอทันที “ประธานหลินมาแล้วเหรอครับ คุณนี่สง่างามและสูงส่งทุกครั้งที่เจอกันเลยนะ” เขายื่นมือขวาออกแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม“ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนไหนบนโลกนี้ที่จะโชคดีได้ครอบครองคุณ”หลินหว่านหรูไม่ชอบวิธีการพูดและสายตาของอีกฝ่ายมากจนทำให้เธอลังเลที่จะจับมือกับเขา แต่ความร่วมมือใกล้จะบรรลุผลแล้ว เธอจึงยังต้องยื่นมือขวาออกไปอย่างรักษามารยาทหลินหว่านหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องการสัมผัสมือของอีกฝ่ายอย่างสุภาพแต่ในขณะนี้เอง เย่เทียนหยู่ก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือขวาของเขาเอาไว้ และพูดเสียงเรียบ : “เอ๋ คุณคือคนที่ชื่ออะไรเผิงสักอย่างใช่ไหม เหมือนจะเป็นคุณหม่า
แม้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรง แต่หากไม่มีเทียนหยู่ ป่านนี้หลินซื่อกรุ๊ปคงล้มละลายไปนานแล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้ไม่มีปัจจัยพวกนั้น วันนี้หลินหว่านหรูก็คงไม่มีทางยอมให้เย่เทียนหยู่ต้องอับอาย เธอจึงตอบเขาอย่างเย็นชา: “แน่นอนค่ะว่าไม่ถูก!”“ไม่ถูกเหรอ?”หม่าเผิงเกิดอาหารสับสนเล็กน้อย และคิดว่าตัวเองได้ยินผิด“ฉันลืมแนะนำประธานหม่ารู้จักเลยค่ะ เขาคนนี้คือ เย่เทียนหยู่ สามีตามกฎหมายในทะเบียนสมรสของฉัน หรือก็คือ บริษัทของฉันก็คือบริษัทของเขาเช่นกันค่ะ”“เขาบอกว่าจะไม่ร่วมมือ แน่นอนกว่าเราก็จะไม่ร่วมมือค่ะ”“อะไรนะ พวกคุณเป็นสามีภรรยาเหรอ?”ใบหน้าของหม่าเผิงน่าเกลียดมาก เขาโกรธที่หลินหว่านหรูเลือกช่วยเย่เทียนหยู่ แต่เขายิ่งโกรธยิ่งกว่าที่รู้ว่าหลินหว่านหรูเป็นหญิงงามที่มีเจ้าของแล้ว แถมยังเป็นคนที่เขาเกลียดเข้าไส้เสียด้วย“ประธานหลิน แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ล้อเล่น? กับคนที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้คุณก็ยังแต่งงานด้วยเหรอ?” เขาพูดขึ้นทันทีแม้เขาจะไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใคร แต่ซ่งหลิงบอกว่าเย่เทียนหยู่เป็นหนุ่มบ้านนอกจากผู้เขาที่ไร้อำนาจหนุนหลังพูดตรงๆ คือ เขาเป็นแค่เศษขยะแต่เดี๋ยวก่อน ดูเ
เย่เทียนหยู่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปรามาส และเยาะเย้ยคำพูดของเขาเรื่องนี้ทำให้หม่าเผิงโกรธและพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “เย่เทียนหยู่แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลของฉัน ฉันจะให้คนจัดการแกให้เละเดี๋ยวนี้เลยเชื่อไหมละ!”“กล้าเหรอ!”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธทันที: “หม่าเผิง ฉันขอเตือนคุณนะ ถ้าเราได้รับบาดเจ็บออกไปจากที่นี่แม้แต่นิดเดียว ตระกูลหลินจะสู้กับคุณจนตายกันไปข้างแน่”“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”“หงหม่ากรุ๊ปของคุณเก่งมากก็จริง แต่หลินซื่อกรุ๊ปของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันสักเท่าไร เพื่อเทียนหยู่ ต่อให้หลินซื่อกรุ๊ปต้องพังพินาศ ฉันก็จะลากหงหม่ากรุ๊ปของคุณลงไปด้วย”น้ำเสียงของเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก ฟังดูราวกับเธอจะทำอย่างที่พูดเอาไว้แน่“เทียนหยู่ ไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!”“ถ้าเขากล้าแตะต้องเรา หลินซื่อกรุ๊ปจะต่อกรกับเขาให้ตายไปข้างแน่!”น้ำเสียงของหลินหว่านหรูยึดมั่นและเย็นชาอย่างยิ่งมือขวาของเธอคว้าเย่เทียนหยู่เอาไว้แล้วเดินออกไปด้านนอกกลุ่มคนถูกท่าทางหลินหว่านหรูทำเอาตกใจกลัวทำเอาก้าวถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว และประเด็นหลักคือเจ้านา
แน่นอนว่าหลินหว่านหรูเข้าใจความหมาย และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าบอบบางและงดงามของเธออดไม่ได้ที่จะเผยความเขินอาย และพูดด้วยความโกรธ: “พูดอะไรของนาย เมื่อกี้มันสถานการณ์เร่งรีบหรอก เพื่อรับมือกับอีกฝ่ายต่างหาก”“แค่รับมือเหรอครับ ไม่ใช่ว่าอยากให้ผมเป็นสามีคุณหรอกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ฝันไปเถอะย่ะ!”“เว้นแต่นายจะประสบความสำเร็จ เข้ารับตำแหน่งรองประธานของบริษัท” หลินหว่านหรูคิดว่าเธอสามารถใช้ความหวานเล็กน้อยนี้เพื่อกระตุ้นเย่เทียนหยู่ และทำให้เขายอมพยายามพัฒนาตัวเอง“แล้วความสำเร็จแบบไหนถึงจะพาผมไปตำแหน่งรองประธานได้?”“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาของบริษัท อย่างเช่นว่าตอนน้บริษัทเรากำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและหยก ถ้านายช่วยบริษัทได้มากนี่ก็ถือเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่”“ความช่วยเหลือครั้งใหญ่?” เย่เทียนหยู่ถาม: “สนับสนุนบริษัทให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอัญมณีและหยกของเมืองเทียนไห่นับไหมครับ”“เหลวไหว ต้องนับอยู่แล้วสิ!”“แต่เราจะทำได้ยังไง เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง แทบยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย” หลินหว่านห