แน่นอนว่าหลิวซือซือรีบปฏิเสธทันที พี่เย่บอกเป็นนัยอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีเรื่องเกินเลยกับเธอ แล้วเธอจะยังอาศัยอำนาจของพี่เย่รับของพวกนี้มาได้ยังไงหลังจากที่ซ่งหลิงรู้เรื่องนี้ เธอก็รีบเตรียมตัวและรีบตรงดิ่งมาถึงประตูห้องทำงานของเย่เทียนหยู่โดยมีหลิวซือซือนำทางหลิวซือซือเคาะประตู และแจ้งเย่เทียนหยู่ว่าซ่งหลิงมาถึงแล้วก่อนที่เธอจะเดินออกไปทันทีซ่งหลิงหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เธอเข้ามา เธอก็เห็นเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ด้วยท่าทางสบายๆถ้าเป็นเมื่อวาน เธอคงจะคิดว่าเขาเป็นชายไร้ความสามารถที่ไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย หรือเธออาจจะอดพูดเยาะเย้ยเขาไม่ได้ด้วยซ้ำแต่วันนี้กลับรู้สึกว่า เขาทำทางมั่นใจขนาดนั้นราวกับไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้หรือก็คือ มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง“ค...คุณชายเย่!”ซ่งหลิงก้าวไปข้างหน้า เธอก้มลงและพูดด้วยความเค่ารพยำเกรง“อือ มีอะไรหรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ถามอย่างใจเย็นขณะที่เลื่อนดูโทรศัพท์โดยไม่เงยหน้าขึ้น“มีค่ะ!”“เมื่อวาน ฉันโง่เขลาไม่รู้ความเองค่ะ ฉันไม่รู้ความสามารถอันทรงพลังของคุณ
“อย่างนั้นเหรอ ที่แท้ผมเก่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ถ้าอย่างนั้น คุณมานั่งบนตักผม” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบซ่งหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็ลังเลและถามว่า “คุณชายเย่ คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะปกป้องฉันได้”“คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ แล้วจะมาขอโทษผมทำไม” เย่เทียนหยู่ถาม“เพราะฉันไม่มีทางเลือกอื่น”“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาไว้ก่อน รอผมจัดการปัญหาเรื่องหลี่ว์เจิ้งได้ค่อยว่ากัน” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีไม่แยแสเมื่อซ่งหลิงได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเธอก็แสดงความดีใจและเธอก็รีบถามว่า: “คุณชายเย่ ความหมายของคุณคือจะยกโทษเรื่องความผิดพลาดครั้งก่อนให้ฉันใช้ไหมคะ”“ถือว่านะ”“มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีอะไร คุณออกไปได้แล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“ได้ค่ะ แต่คุณเย่ คุณช่วยบอกหมายเลขบัญชีให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ แล้วฉันจะให้ครอบครัวของฉันโอนเงินให้”“ไม่ต้องรีบหรอก รอจนกว่าเรื่องหลี่ว์เจิ้งจะเสร็จสิ้นค่อยว่ากัน”ซ่งหลิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งที่เธอพูด และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “คุณชายเย่ คุณไม่กลัวตระกูลซ่งจะผิดนัดจ่ายเงินเหรอคะ”“ผิดนัดจ่ายเงิน?”“ถ้ามีความสามารถ
สวยจริงๆ บางที่คงมีแต่คำว่างามล่มเมืองเท่านั้นที่อธิบายเธอได้เขาฝันนับครั้งไม่ถ้วนว่าจะได้ครอบครองผู้หญิงแบบนี้ แต่เสียดายที่อีกฝ่ายพูดถึงแค่ความร่วมมือกับเขาเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่นใดอีกแม้ว่าเขายินดีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรให้มากขึ้นแถมยังส่งสัญญาณให้เธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบกลับแต่ก็ไม่เร่งรีบหรอก ขอแค่ยังรวมมือกันต่อไป ต้องมีสักวันที่เขาโค่นล้มอีกฝ่ายได้แน่ ต่อให้เขาต้องใช้วิธีการน่ารังเกียจบ้างก็ตามเขาลุกขึ้นยืนทักทายเธอทันที “ประธานหลินมาแล้วเหรอครับ คุณนี่สง่างามและสูงส่งทุกครั้งที่เจอกันเลยนะ” เขายื่นมือขวาออกแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม“ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนไหนบนโลกนี้ที่จะโชคดีได้ครอบครองคุณ”หลินหว่านหรูไม่ชอบวิธีการพูดและสายตาของอีกฝ่ายมากจนทำให้เธอลังเลที่จะจับมือกับเขา แต่ความร่วมมือใกล้จะบรรลุผลแล้ว เธอจึงยังต้องยื่นมือขวาออกไปอย่างรักษามารยาทหลินหว่านหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังต้องการสัมผัสมือของอีกฝ่ายอย่างสุภาพแต่ในขณะนี้เอง เย่เทียนหยู่ก้าวไปข้างหน้าและคว้ามือขวาของเขาเอาไว้ และพูดเสียงเรียบ : “เอ๋ คุณคือคนที่ชื่ออะไรเผิงสักอย่างใช่ไหม เหมือนจะเป็นคุณหม่า
แม้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรง แต่หากไม่มีเทียนหยู่ ป่านนี้หลินซื่อกรุ๊ปคงล้มละลายไปนานแล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้ไม่มีปัจจัยพวกนั้น วันนี้หลินหว่านหรูก็คงไม่มีทางยอมให้เย่เทียนหยู่ต้องอับอาย เธอจึงตอบเขาอย่างเย็นชา: “แน่นอนค่ะว่าไม่ถูก!”“ไม่ถูกเหรอ?”หม่าเผิงเกิดอาหารสับสนเล็กน้อย และคิดว่าตัวเองได้ยินผิด“ฉันลืมแนะนำประธานหม่ารู้จักเลยค่ะ เขาคนนี้คือ เย่เทียนหยู่ สามีตามกฎหมายในทะเบียนสมรสของฉัน หรือก็คือ บริษัทของฉันก็คือบริษัทของเขาเช่นกันค่ะ”“เขาบอกว่าจะไม่ร่วมมือ แน่นอนกว่าเราก็จะไม่ร่วมมือค่ะ”“อะไรนะ พวกคุณเป็นสามีภรรยาเหรอ?”ใบหน้าของหม่าเผิงน่าเกลียดมาก เขาโกรธที่หลินหว่านหรูเลือกช่วยเย่เทียนหยู่ แต่เขายิ่งโกรธยิ่งกว่าที่รู้ว่าหลินหว่านหรูเป็นหญิงงามที่มีเจ้าของแล้ว แถมยังเป็นคนที่เขาเกลียดเข้าไส้เสียด้วย“ประธานหลิน แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ล้อเล่น? กับคนที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้คุณก็ยังแต่งงานด้วยเหรอ?” เขาพูดขึ้นทันทีแม้เขาจะไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่คือใคร แต่ซ่งหลิงบอกว่าเย่เทียนหยู่เป็นหนุ่มบ้านนอกจากผู้เขาที่ไร้อำนาจหนุนหลังพูดตรงๆ คือ เขาเป็นแค่เศษขยะแต่เดี๋ยวก่อน ดูเ
เย่เทียนหยู่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปรามาส และเยาะเย้ยคำพูดของเขาเรื่องนี้ทำให้หม่าเผิงโกรธและพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “เย่เทียนหยู่แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลของฉัน ฉันจะให้คนจัดการแกให้เละเดี๋ยวนี้เลยเชื่อไหมละ!”“กล้าเหรอ!”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธทันที: “หม่าเผิง ฉันขอเตือนคุณนะ ถ้าเราได้รับบาดเจ็บออกไปจากที่นี่แม้แต่นิดเดียว ตระกูลหลินจะสู้กับคุณจนตายกันไปข้างแน่”“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”“หงหม่ากรุ๊ปของคุณเก่งมากก็จริง แต่หลินซื่อกรุ๊ปของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันสักเท่าไร เพื่อเทียนหยู่ ต่อให้หลินซื่อกรุ๊ปต้องพังพินาศ ฉันก็จะลากหงหม่ากรุ๊ปของคุณลงไปด้วย”น้ำเสียงของเธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก ฟังดูราวกับเธอจะทำอย่างที่พูดเอาไว้แน่“เทียนหยู่ ไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขา!”“ถ้าเขากล้าแตะต้องเรา หลินซื่อกรุ๊ปจะต่อกรกับเขาให้ตายไปข้างแน่!”น้ำเสียงของหลินหว่านหรูยึดมั่นและเย็นชาอย่างยิ่งมือขวาของเธอคว้าเย่เทียนหยู่เอาไว้แล้วเดินออกไปด้านนอกกลุ่มคนถูกท่าทางหลินหว่านหรูทำเอาตกใจกลัวทำเอาก้าวถอยออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว และประเด็นหลักคือเจ้านา
แน่นอนว่าหลินหว่านหรูเข้าใจความหมาย และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสถานการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าบอบบางและงดงามของเธออดไม่ได้ที่จะเผยความเขินอาย และพูดด้วยความโกรธ: “พูดอะไรของนาย เมื่อกี้มันสถานการณ์เร่งรีบหรอก เพื่อรับมือกับอีกฝ่ายต่างหาก”“แค่รับมือเหรอครับ ไม่ใช่ว่าอยากให้ผมเป็นสามีคุณหรอกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ฝันไปเถอะย่ะ!”“เว้นแต่นายจะประสบความสำเร็จ เข้ารับตำแหน่งรองประธานของบริษัท” หลินหว่านหรูคิดว่าเธอสามารถใช้ความหวานเล็กน้อยนี้เพื่อกระตุ้นเย่เทียนหยู่ และทำให้เขายอมพยายามพัฒนาตัวเอง“แล้วความสำเร็จแบบไหนถึงจะพาผมไปตำแหน่งรองประธานได้?”“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาของบริษัท อย่างเช่นว่าตอนน้บริษัทเรากำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและหยก ถ้านายช่วยบริษัทได้มากนี่ก็ถือเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่”“ความช่วยเหลือครั้งใหญ่?” เย่เทียนหยู่ถาม: “สนับสนุนบริษัทให้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอัญมณีและหยกของเมืองเทียนไห่นับไหมครับ”“เหลวไหว ต้องนับอยู่แล้วสิ!”“แต่เราจะทำได้ยังไง เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง แทบยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย” หลินหว่านห
ถึงจะหารือเรื่องความรวมมือไม่สำเร็จ หลินหว่านหรูเองก็แอบผิดหวังเล็กน้อย แต่คำพูดของเย่เทียนหยู่เมื่อครู่ก็ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นมากเกือบเป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทั้งคู่ทานอาหารที่ร้านบริเวณใกล้กับโรงแรม แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกคนที่หม่าเผิงส่งมาเห็นทั้งหมดหม่าเผิงเป็นคนชอบล้างแค้น โดยเฉพาะเรื่องที่หลินว่านหรูข่มขู่เขาเมื่อครู่ เขาจะไม่มีวันปล่อยไปแน่ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในร้านอาหาร การปรากฏตัวของหลินหว่านหรูก็ดึงดูดความสนใจอย่างมากในทันที เพราะเธอสวยมาก อาจจะสวยกว่าดาราดังๆ หลายคนเลยด้วยในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะทำยังไงดีนี้ เย่เทียนหยู่จึงขอห้องวีไอพีใหญ่ ก่อนสั่งอาหารตามใจชอบมาเล็กน้อยบริกรไม่ใช่คนโง่ เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ประเด็นคือหลินหว่านหรูมีรัศมีของความสูงส่งอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนอาหารของพวกเขาทำเสร็จอย่างรวดเร็ว และใช้เวลากินเพียงสิบนาทีเท่านั้นประตูห้องวีไอพีถูกผลักเปิดออก จากนั้นกลุ่มคนหกคนก็บุกเข้ามา ผู้นำไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น หม่าเผิง ที่เพิ่งแยกทางกันไปไม่นานหม่าเผิงเผยสีหน้าเยาะเย้ย และผู้คนที่
ทันทีที่สิ้นคำพูด หลินหว่านหรูก็ตกตะลึงเล็กน้อยไม่คิดเลยว่าเย่เทียนหยู่จะกล้าคุยโวแบบนี้ต่อหน้าหม่าเผิง แต่เมื่อคิดดูอีกที เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นตลอดหม่าเผิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า: “เหอะๆ น่าขำเป็นบ้า!”“เจ้าหนู ฉันอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับความโง่ของแกจริงๆ เคยเห็นคนโง่มาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นคนโง่เขลาเท่าแกมาก่อน น่าตลกสิ้นดี”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้า เขาไม่อยากพูดมากเกินไป และพูดอย่างใจเย็น: “หัวเราะเหรอ ผมก็หวังว่าอีกพักคุณจะยังหัวเราะได้แบบนี้”“แน่นอน ว่าฉันต้องหัวเราะออกอยู่แล้ว และจะหัวเราะได้ตลอดชีวิตด้วย ต่างจากแกที่ฉันเกรงว่าพรุ่งนี้เช้าแกคงไม่ได้เห็นดวงตะวันแล้ว”“ลงมือ!”เดิมทีตอนแรกพวกเขาก็จะลงมืออยู่แล้ว แต่เนื่องจากคำพูดของเย่เทียนหยู่ รวมกับที่หม่าเผิงไม่ได้สั่งการ พวกเขาจึงหยุดมือแต่พวกเขาได้ล้อมเย่เทียนหยู่ไว้แล้ว และพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลาในเวลานี้ หลังจากได้ยินคำสั่งแล้ว พวกเขาก็รวมตัวกันพุ่งเข้าโจมตีแม้หลินหว่านหรูจะรู้ว่าเย่เทียนหยู่เก่งเรื่องวรยุทธ์มาก แต่เธอก็อดไม่ได
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก