“คุณชายเย่ ต้องขอโทษจริงๆ ไม่ว่ายังไง เขาก็คือคนของตระกูลซ่ง กล้าดียังไงถึงได้กล้าทำให้คุณขุ่นเคือง ผมจะต้องให้คำอธิบายกับคุณแน่นอน”“ส่วนคนนั้นที่มันกล้าดูถูกคุณอย่างซ่งอวี่ ปล่อยให้คุณจัดการก็แล้วกันครับ!”“ไม่ว่าคุณจะฆ่าเขาก็ได้ ผมซ่งหยางจะรับผิดชอบเอง!”ซ่งหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำทันทีที่พูดจบ ซ่งอวี่ก็แทบจะฉี่ราดอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาที่ยืนอยู่ก็แขนขาอ่อนแรงจนล้มลงไปแม่หลิวอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในใจ ต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรือ แค่ทำให้ต้องขุ่นเคืองแบบนี้ ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยหรือไง มาคิดดูถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อครู่ คงทำให้เย่เทียนหยู่ไม่พอใจจนตายแน่เลยไม่ใช่ว่าต้องถูกดาบนับพันนับหมื่นสับเป็นชิ้นๆ หรอกนะ ไม่ได้ ต้องรีบให้ลูกสาวช่วยตัวเธอร้องขอความเมตตาหลิวซือซือเองก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง“ก็ดี งั้นวางสายก่อนแล้วกัน” เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ลงซ่งหยางที่อยู่อีกฝั่งก็ทำอะไรไม่ถูก เดิมทีเขาจะขอความช่วยเหลือ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มองไปทางพ่อและคนในตระกูลที่อยู่ข้างเขาแล้วสรุปสถานการณ์อย่างเรียบง่ายพวกเขาฟังจบ ก็โกรธกันมาก มีหลายคนที่ต้องการให้จัดการกับ
เพียงแต่แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้จัดการเขา เขาก็จบสิ้นอยู่แล้ว ขี้เกียจที่จะลงมือก็เท่านั้นปัง!แก้วเหล้ากระแทกเข้าที่หัวของซ่งอวี่โดยตรง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หน้าผากเลือดไหลไม่หยุดแม่หลิวตกใจอย่างมาก ดูเย่เทียนหยู่พูดง่ายขนาดนี้ เธอต้องเตรียมสืบหาอย่างละเอียดเสียหน่อย ดูว่าจริงๆ แล้วมีอะไรอยู่แต่ตอนนี้กังวลนิดหน่อย อารมณ์แปรปรวนมากๆ น่ะอีกอย่าง ตัวเองก็เคยสร้างความขุ่นเคืองมาก่อน จะทำยังไงถ้ามีการคิดบัญชีย้อนหลังด้วย นี่ทำให้เธอหวาดกลัวและกังวลนิดหน่อยซ่งอวี่ถึงกับหน้าถอดสี แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าผากเลย เอาแต่พูดขอโทษซ้ำๆ “ครับ ครับ ขออภัยครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ จะออกไปตอนนี้เลยครับ”พูดจบ ก็หันกลับแล้วรีบเดินไปทันทีไม่รู้ว่าเพราะประหม่า หรือเพราะความกลัว ไม่ระวังจนไปชนเข้ากับบางอย่าง ล้มลงอย่างจัง แต่ก็ลุกขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินออกไปทุกคนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ขณะที่ซ่งอวี่เดินจากไป แม่หลิวก็ประหม่า ลังเลที่จะพูดพ่อหลิวใช้แขนจับเธอไว้สักพักแม่หลิวรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปในที่สุด “คือว่า เย่
เมื่อเวลานั้นหลิวซือซือได้เห็นในข่าว จำได้ว่าตระกูลซูมีผู้นำตระกูลคนใหม่แล้ว ยังแปลกใจไม่นึกว่าจะยังอายุน้อยขนาดนี้ เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆสุดท้ายทำงานฝ่ายขาย ก็ทำให้รู้ไม่น้อยเหมือนกันเท่าที่เธอรู้ ตระกูลซูเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจมากในเมืองเทียนไห่ ให้พูดก็คือเป็นตระกูลระดับมหาเศรษฐีในตำนาน ด้วยสถานะของพวกเขาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดต่อกัน“ใช่สิ เธอคือ?”ซูเหวินหวามองหน้าเย่เทียนหยู่ พูดอย่างระมัดระวัง “พี่สะใภ้?”คำว่าพี่สะใภ้ ทำให้หลิวซือซือหน้าแดงขึ้นมาทันที ทั้งรู้สึกเขินทั้งมีความสุขไปด้วยเย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก จะให้เขาพูดว่ายังไงดี“ใช่ ใช่แล้ว เธอคือแฟนของคุณชายเย่” แม่หลิวไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อของเย่เทียนหยู่เลยด้วยซ้ำ จึงพูดแนะนำอย่างรวดเร็วจากท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกให้เห็นเลย นายน้อยซูคนนี้ดูทรงพลังมาก รอบตัวเย่เทียนหยู่รายล้อมไปด้วยคนที่ทรงพลังแบบนายน้อยคนนี้หรือเปล่านะ?ซูเหวินหวาได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาอย่างประหลาดใจ อีกอย่างพี่เย่ยังคงยอดเยี่ยม บ่อยครั้งที่มักจะเปลี่ยนผู้หญิง ที่สำคัญเลยคือทุกคนต่างก็งามระดับประเทศทั้งนั้น เป
“ถ้าจะให้พูด ครั้งแรกที่เห็นเย่เทียนหยู่เป็นคนซื่อตรง บุคลิกก็ดี แต่ก็ยังกังวลใจว่าลูกสาวเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน ในความคิดฉัน ถ้าต้องสูญเสีย เย่เทียนหยู่ก็สูญเสียเช่นกัน”แม่หลิวบ่นไปพูดไป “ซือซือ ได้ยินหรือยัง จากนี้ต้องคอยฟังที่เย่เทียนหยู่พูดดีๆ เขาพูดอะไร เธอจะทำอะไร ก็ไม่ต้องใช้อารมณ์”“......”หลิวซือซือถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าใครกันที่พูดว่าพี่เย่เป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนี้เห็นว่าเขาแข็งแกร่ง ก็เปลี่ยนไปยังกับคนละคนแบบนี้พ่อหลิวไม่มีทางเลือก ปล่อยวาง ลูกสาวก็มีวาสนาของลูกสาวเอง ที่สำคัญ แม้ว่าจะเพิ่งคบกันไปไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนดีไม่เลวเลยเย่เทียนหยู่ไม่มีความเขินอาย พูดรับประกันว่า “ผมเข้าใจว่าคุณลุงกังวลเรื่องอะไร คุณโปรดวางใจเถอะ ก่อนที่จะแต่งงาน ผมจะไม่นอนด้วยกันกับซือซือแน่นอน”“ดี ดีเลย นายพูดแบบนี้ ฉันก็ค่อยวางใจหน่อย” พ่อหลิวกล่าว“วางใจอะไรกันล่ะ พูดเรื่อยเปื่อย ตอนนี้มันยุคไหนกันแล้ว คนหนุ่มสาวไม่น้อยก็มีลูกก่อนแต่งทั้งนั้น มีแต่คุณนั้นแหละที่ยังหัวโบราณอยู่”แม่หลิวพูดโต้กลับอย่างรวดเร็ว “เทียนหยู่ นายอย่าไปสนใจเขาเลย นายกับซือซือ
“อะไรนะ บุหรี่นี่มูลค่าหนึ่งแสนต่อมวน พวกเขาสูบทองคำหรือไงกันนะ?”ใบหน้าของแม่หลิวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ“บุหรี่อาจจะไม่สมราคาก็จริง แต่ของหายากมีมูลค่าเสมอ ผู้ที่จะได้บุหรี่นี้ ต้องรวยมีเกียรติ ที่แสดงถึงฐานะ การออกไปเจรจาธุรกิจก็จะทำให้ได้เปรียบไม่น้อยเลยล่ะ”พ่อหลิวอธิบาย“ถ้าเป็นอย่างนั้นแหละก็ งั้นบุหรี่นี่ เทียนหยู่ นายเอามันกลับไปเถอะ” แม่หลิวพูดก็จริง แต่บุหรี่ยังอยู่ในมือ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่อยากคืนให้“ไม่เป็นไรหรอกครับ ของที่ให้ไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องเอาคืน”เย่เทียนหยู่ปฏิเสธพ่อหลิวยังมีอะไรจะพูด โทรศัพท์เย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้นมาพอดี ดูจากหมายเลขแล้ว คือหมายเลขของซ่งหยางที่เพิ่งจะโทรมาเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่า พวกเขาคงจะมีปัญหาอะไรจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบร้อนขนาดนี้“ผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”เย่เทียนหยู่ยืนขึ้นแล้วเดินไปเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไปแล้ว แม่หลิวก็ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ หลิวซือซือในทันที พูดกระซิบเบาๆ “ซือซือ เธอบอกมา ตัวตนของเย่เทียนหยู่คนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้ดูแข็งแกร่งขนาดนี้”“หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ!”หลิวซือซือพูดด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก “หนูก็ไม่ร
“นี่เป็นเรื่องในตระกูลซ่งของพวกนาย” เย่เทียนหยู่พูดเบาๆ“นั่นก็ใช่ครับ ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงคำขอโทษ พวกเรายินดีที่จะมอบวิลล่าหลังหนึ่งในเขตหงติ่งเพื่อเป็นการชดเชยให้กับท่าน”“ฉันไม่ต้องการการชดเชยอะไรนั่นหรอก ถ้าคุณจริงจังล่ะก็ ชดเชยให้กับผู้หญิงที่เกือบจะถูกเขาหลอกเถอะ ถ้าวันนี้ฉันไม่อยู่ที่นี่เธอคงจบเห่แล้วล่ะ”“ได้ครับได้ครับ”ซ่งเหวินป๋อพยักหน้า“ตามนั้นแหละ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันวางแล้วนะ”“ช้าก่อนครับ!”“ซ่งเหวินป๋อได้ยินก็กังวล”“ยังมีอีกเหรอ?”“ถ้างั้น คุณชายเย่ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้คุณสะดวกไหม ผมอยากจะเชิญคุณมากินเลี้ยงด้วยกันสักมื้อ?” ซ่งเหวินป๋อพูดอย่างระมัดระวัง ในใจก็ประหม่าเขากังวลจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่เห็นด้วย“ไม่ว่าง!”เย่เทียนหยู่ตอบตรงไปตรงมาพูดจบ ซ่งเหวินป๋อก็ถึงกับอึ้ง ท่าทางเปลี่ยนไปคนที่ได้ยินแบบเดียวกับเขาแต่ละคนก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไป ทั้งหมดต่างก็สิ้นหวังจบสิ้นแล้ว คุณชายเย่คงจะยังโกรธมากเพื่อไม่ให้เกิดการสนทนาที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นในระหว่างการสนทนา ทุกคนจึงรวมปรึกษาหารือกัน ที่ซ่งเหวินป๋อโทรในครั้งนี้ ก็ได้ทำการเปิดสปีกเกอร์โฟนด้วยเดิมทีซ่ง
จัดการเขาเหรอ?ซ่งเหวินป๋อได้ยินไม่กี่คำ ต่างก็พากันสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่านั่นคือตระกูลใหญ่ของเมืองหรงตู คิดจะหาเรื่องเขาตรงๆ งั้นหรือ?พี่ใหญ่ คุณไม่ได้ยินหรือเปล่าว่าคู่ต่อสู้ของพวกเราที่ต้องเจอเป็นใครน่ะ สมาชิกตระกูลซ่งของเขา ต่างก็เหมือนกันทีละคน ทั้งหมดต่างก็มีท่าทางตกตะลึง บางส่วนก็ไม่อยากจะเชื่อกับหูตัวเอง“ถ้างั้น คุณชายเย่ ตระกูลหลี่ว์คือตระกูลใหญ่ประจำเมืองหรงตู ความแข็งแกร่งก็ทรงพลังอย่างมาก ตระกูลเล็กๆ อย่างพวกเรานี้ เทียบกันไม่ติดเลย”ซ่งเหวินป๋อตัดพ้อตัวเอง อันที่จริงเขากำลังบอกเย่เทียนหยู่อย่างอ้อมๆ ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่ว์“ฉันรู้หรอก”เย่เทียนหยู่กล่าว “แน่นอนว่าพวกนายอาจไม่ใช่คู่มือ แต่ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเขามาแล้ว ก็มาบอกฉัน ฉันจะจัดการเขาเอง ไม่ต้องให้ถึงมือพวกนายหรอก”พูดจบ ซ่งเหวินหว่าก็เข้าใจแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงพูดจาใหญ่โตอยู่อีก หรือว่าเขาจะสามารถรับมือกับตระกูลหลี่ว์ได้จริงๆ?เพียงแต่ ตระกูลซ่งของตัวเขาก็ไม่ได้ให้ผลประโยชน์อะไรมากนัก เป็นเพียงวิลล่าหนึ่งหลังเท่านั้น มันจะคุ้มค่า
แม้ว่าเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูจากท่าทางของหยางต้าฝูถึงได้เข้าใจ เย่เทียนหยู่ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน คนที่ไม่เหมือนกันคนธรรมดา จะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ“แต่ว่า นี่ก็น่ากลัวจริงๆ เลยนะ”“เขาสกุลเย่ หรือว่าจะเป็นคนตระกูลเย่แห่งเมืองหรงตู?” ทันใดนั้น ซ่งหยางก็เอ่ยปากพูด เพราะเหตุการณ์ของหลี่ว์เจิ้ง พวกเขาจึงได้รู้จักกับตระกูลแห่งเมืองหรงตูพยายามหาคนมาช่วยแทบตาย แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ“ตระกูลเย่แห่งหรงตู?”“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”“คุณชายตระกูลเย่แห่งหรงตู จะมาอยู่ในที่เล็กๆ แบบนี้ได้ยังไงเป็นไปไม่ได้เลย”ซ่งเหวินป๋อโต้กลับในทันที ตระกูลเย่แห่งหลงตู นั้นคือหนึ่งในตระกูลชั้นนำในเมืองหรงตูไม่กี่ตระกูล คุณชายของพวกเขา เป็นถึงอัจฉริยะท่ามกลางคนหนุ่มสาวในประเทศ“ก็จริงอยู่ แต่ตัวตนของเขาเป็นใครกันแน่”ซ่งเหวินป๋อยิ้มเจื่อนแล้วพูด “ไม่ว่าจะยังไง คุณชายเย่ก็รับปากจะช่วยแล้ว บางทีวิกฤติของพวกเราอาจจะถูกคลี่คลายจริงๆ ก็เป็นได้”“จะกลัวก็แต่ เขาด่วนสรุปเร็วจนเกินไปก็เท่านั้น” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถอนหายใจในขณะเดียวกัน ซ่งหลิงก็เดินเข้ามา ท่าทางเศร้าหมอง รีบพูด “พ่อคะ พี่คะ คุ
เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำ จึงได้แต่ยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เคยสู้ด้วยสักหน่อย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”“แต่ฉันรู้ค่ะ!”“ราชามังกรแห่งพรรคมังกร ผู้นำแห่งสำนักเงา หรือจะให้ฉันเรียกว่าคุณชายเย่ดีคะ?” เยว่เหลียนเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง อีกฝ่ายน่าจะมาจากสำนักดอกไม้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สถานะพวกนี้ของเขาแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นอย่างเร่งรีบออกไปว่า “คุณน่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักดอกไม้สินะ?”“ผู้อาวุโสอะไรกันคะ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ฉันชื่อว่าเยว่เหลียนเวยค่ะ คุณเรียกฉันว่าพี่เยว่ก็ได้!” เยว่เหลียนเวยยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่เธอเผยรอยยิ้มออกมา เสน่ห์ในตัวเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเยว่หลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ อาจารย์รองเป็นอะไรไป เรียกว่าพี่เยว่งั้นเหรอ ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครกันแน่“เอ่อ สวัสดีครับ พี่เยว่!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากถูกเรียกแบบนั้น เย่เทียนหยู่จึงทำได้แค่เริ่มทักทายใหม่อีกครั้ง“ค่ะ คุณชายเย่ไม่เลวเลยนะคะ ฉันชอบค่ะ”เยว่เหลียนเวยเ
เยว่หลิงแทบไม่สามารถต่อต้านได้เลย และพบว่าตัวเองกำลังถูกชายคนหนึ่งกดทับด้วยมือเอาไว้อยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันแรงกล้าของผู้ชายจากอีกฝ่าย สีหน้าเธอก็แดงก่ำทันทีแม้ว่าเธอมักจะใช้วิชาเสน่ห์อาคมอยู่บ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยให้ผู้ชายเข้าใกล้มากขนาดนี้มาก่อน นั่นจึงทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาแบบนี้เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากตรงหน้า เขาก็พูดพลางหัวเราะออกมาว่า “ฟังจากน้ำเสียงของคุณแล้ว ผมยังคิดอยู่เลยว่าคุณคงจะเป็นคนที่เปิดกว้างมาก คิดไม่ถึงว่าจะเขินได้ง่ายขนาดนี้”“นาย นายรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เยว่หลิงวิตกกังวลอย่างมาก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีวิชากังฟู่ที่น่ากลัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่ชั่วร้ายมากอีกต่างหากถ้ารู้แต่แรก ก็คงไม่มาคนเดียวแบบนี้หรอก พวกเธอได้ทำการนัดพบกับคนในสำนักที่นี่ และตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้วด้วยเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารและวิตกกังวลของเธอ เย่เทียนหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งหยอกล้อเธอ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมจะปล่อยคุณไปก็ได้ แต่คุณต้องขอร้องผมก่อน”“เพราะไม่อย่างนั้น ผมคงไม่อาจทำใจแยกจากความงามอันน่าหลงใหลเช่นนี้ได้แน่”ในขณะที่พูด เย่
ช่วงเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง เย่เทียนหยู่และหลินหว่านหรูก็กลับมาถึงเมืองตะวันออกกันแล้ว เวลาที่เหลือก็ค่อนข้างเยอะ ทั้งสองจึงทานข้าวด้วยกันก่อน แล้วค่อยส่งหลินหว่านหรูกลับบริษัทจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงค่อยออกเดินทาง แต่ขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็ได้ยินเสียงอันอ่อนหวานดังเข้ามาในหู “คุณเย่คะ ท่าทางรีบร้อนแบบนั้น คุณจะรีบไปไหนเหรอคะ?”เย่เทียนหยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมอง ตรงหน้าเขาปรากฏร่างที่มีเสน่ห์และสง่างามของหญิงสาวคนหนึ่ง มองผิวเผินรู้สึกว่าเธอยังเด็กอยู่มาก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะสี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเองรูปร่างหน้าตาของเธอดูอ่อนเยาว์กว่าจูเก่อหลิวหลีนิดหน่อย แต่ความเซ็กซี่และเสน่ห์ที่เธอแสดงออกมานั้น โดยเฉพาะความขาวที่ถูกเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย เพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้คนต่างพากันใจเต้นแล้วขาเรียวยาวสองข้างที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย นี่ถือเป็นค่านิยมของผู้หญิงที่นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน เย่เที่ยนหยู่เองก็เคยเห็นผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วนจนเคยชินหมดแล้ว โดยเฉพาะเทพธิดาสองสามคนที่สวยกว่าหลินหว่านหรู่ก็เคยเจอมาหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไ
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าแม่ตระกูลหลินจะทำให้เธอต้องอับอายมากขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่อาจทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ เธอจึงแสดงเจตจำนงที่ต้องการจะลาออกทันทีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นแบบนั้น เธอก็รีบอนุมัติให้ทันทีโดยที่ไม่คิดลังเลเลยแม้แต่น้อย กระทั่งคนอีกสองสามคนที่ต้องการจะลาออกตามเฉินเว่ยเองก็ถูกอนุมัติด้วยเช่นกันถึงยังไง เธอก็ยังมีคนที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างเหอรุ่ยอยู่ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วเห็นได้ชัดว่าเฉินเว่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ตระกูลหลินจะมุ่งมั่นมากขนาดนี้ ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วขณะได้จริง ๆ แต่เมื่อลองย้อนนึกดู แม้แต่คนอย่างเหอรุ่ยก็สามารถปีนข้ามหัวเธอได้ การที่เธอจากไปตอนนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ไม่แน่อาจจะมีปัญหามากมายตามมาเพิ่มก็ได้ตามที่หลิวเหวินเคยพูดถึงความคิดของแม่ตระกูลหลิน บวกกับเรื่องที่จู่ ๆ เหอรุ่ยก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการ เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ เพราะงั้นจากไปเร็วหน่อยก็ดีเหมือนกันเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฉินเ
“หากเป็นเช่นนั้น งั้นเรื่องก็ง่ายมากเลยล่ะครับ มีวิธีอีกมากมายนับไม่ถ้วน” เหอรุ่ยรีบพูดขึ้นมา หากเขายังบอกว่าทำไม่ได้อีก แล้วตนจะยังมีประโยชน์อะไร นั่นเท่ากับตนจะพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่รึไงเมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ตอนนี้บริษัทมีทางรอดแล้วคนอย่างหลิวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย แถมยังบอกว่าหมดหนทางอีกแต่เมื่อตนเป็นคนออกโรงเอง ก็สามารถหาคนเก่งมาได้ในทันที ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย!และเท่าที่ฟังมา เหมือนว่าคนที่ตนเลือกจะมีวิธีแก้ปัญหามากมายนับไม่ถ้วนอีกต่างหากเมื่อเห็นแบบนี้แล้ว แม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ดีมาก หากเฉินเว่ยกล้ามาจริง ๆ ฉันก็จะไล่มันออกทันที แล้วให้เธอมารับตำแหน่งแทนหล่อนซะ”“ครับ ขอบคุณประธานหลิวมากครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้คุณ!” เหอรุ่ยรีบพูดประจบประแจงขึ้นมาทันที“ดีมาก ไม่เลวเลย เธอยังหนุ่มยังแน่น ต่อไปจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”เมื่อแม่ตระกูลหลินได้ยินว่าอีกฝ่ายยินดีรับใช้ตน สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก็รู้สึกพอใจอย่างมาก“ประธานหลิวชมเกินไปแล้วคร
“แต่ว่า ประธานเย่เองก็ไม่ใช่คนนอกนี่คะ”“ประธานเย่อะไร ใครคือประธานเย่กัน บริษัทนี้มีตำแหน่งเขาด้วยรึไง? หลิวเหวิน เธอเป็นอะไรไป หรือว่าเธอไม่อยากที่จะอยู่ในบริษัทนี้ต่ออย่างงั้นเหรอ?”แม่ตระกูลหลินด่าทอด้วยความโกรธวันนี้เย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากทักทายตนเลยด้วยซ้ำ คิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกันต่อให้เขาจะเก่งกาจมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเดินตามหลังลูกสาวตนอยู่ดี ยังเป็นลูกเขยที่เชื่อฟังของเธออยู่กล้าดียังไงที่เมินเฉยกันแบบนี้!ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย น่าโมโหเสียจริง!เมื่อถูกด่าทอแรง ๆ แบบนี้ สีหน้าของหลิวเหวินดูเศร้าหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็รู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ไหว เธอไม่สามารถอดทนต่อไปได้แล้วจริง ๆ แต่เวลานี้แม่ตระกูลหลินก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “เอาล่ะ หลิวเหวิน ฉันจะไม่พูดไร้สาระกับเธออีก วัตถุดิบที่เธอต้องการมันไม่มีอีกแล้วล่ะ”“ตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ รีบหาวัตถุดิบตัวใหม่เพื่อมาทดแทนโดยเร็วที่สุด”“ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ!” หลิวเหวินตอบ“ทำไม่ได้ก็คิดหาวิธีสิ หากยังไม่ได้อีก เธอก็หาอย่างอื่นที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงมาไม่ได้รึไง ขอแค่ผลลัพธ์ออกมาคล้ายกัน แค
ประจวบเหมาะกับที่หลินหว่านหรูเองก็เกือบจะจัดการธุระเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่มองดูนาฬิกาครู่หนึ่ง เวลาเพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ดังนั้นจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือให้เขารีบกลับไป“แม่ของคุณกับคนอื่น ๆ ล่ะ หรือพวกเขากลับไปกันแล้ว?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้เจอพวกเขา แถมยังเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นอีก ไม่คิดจะอยู่พูดคุยกันหน่อยรึไง“กลับไปกันแล้ว!”สีหน้าของหลินหว่านหรูเริ่มมืดมนลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าคุณต้องรีบกลับไปจัดการธุระเหรอคะ พวกเราเองก็กลับกันเถอะ”“ได้!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า เขาสตาร์ทรถและขับออกไปทันที ระหว่างทาง เขาหันไปมองหลินหว่านหรูที่ดูเหมือนว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล่าเอ่ยปาก เขาจึงถามออกไปว่า “หว่านหรู คุณเป็นอะไรรึเปล่า หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”“หรือจะเป็นเรื่องสูตรนั่น?”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่เป็นฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน หลินหว่านหรูก็พยักหน้าทันที ก่อนจะพูดซ้ำสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งจะพูดไปออกมาเย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่สูตรส่วนผสมสูตรเดียวเอง ผมเขียนให้ตอนนี้เลยก็ได้ และจะ
“ได้สิ”ทันทีที่แม่ตระกูลหลินพูดจบ เธอก็รีบเดินจากไป พร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจใครขอให้แกมากัน ไม่รู้จะมาทำไม มาแย่งบริษัทไปจากฉันรึไงฝันไปเถอะ!หลินซื่อกรุ๊ป ไม่ใช่สิ่งที่แกคิดจะเอาก็เอาไปได้ง่าย ๆ หรอกนะ!ถ้าเธอรู้แต่แรก ว่าอีกไม่นานหลินหว่านหรูจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเทียนเฟิงกรุ๊ป และได้กลายเป็นผู้จัดการระดับสูงของกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านแบบนี้ เธอไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่พ่อตระกูลหลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก อันที่จริง เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของแม่ตระกูลหลินสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงเมื่อก่อนทุกการตัดสินใจก็มักจะขึ้นอยู่กับแม่ตระกูลหลิน แถมตอนนี้ท่าทีของเธอก็ยิ่งเหมือนบูเช็คเทียนเข้าไปทุกวัน ไม่ว่าเธอพูดจะอะไร ตนก็ได้แต่ต้องทำตามเท่านั้น ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็เดินตามหาหลงเจี๋ยจนเจอ จากนั้นหลงเจี๋ยก็ถามออกไปด้วยความโกรธทันที “เย่เทียนหยู่ นี่คุณหมายความว่ายังไง ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงต้องหลอกฉันด้วย?”“ผมหลอกคุณงั้นเหรอ?” เย่เทียนหยูรู้สึกสับสน“ยังไม่ยอมรับอีกงั้นเหรอ เห็น ๆ อยู่ว่าคุณคือราชามังกรแห่งพรรคมังกร ไม่บอกฉันก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังจะแสร้งบ
เย่เทียนหยู่ที่เห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “หว่านหรู ในเมื่อทางนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พอดีเมื่อกี้คุณตำรวจหลงมีเรื่องที่ต้องคุยกับผมน่ะ ผมขอไปหาเธอหน่อยนะ”“อือ คุณไปเถอะ”เมื่อกี้ตอนที่หลงเจี๋ยเชิญเขา หลินหว่านหรูที่อยู่ข้าง ๆ เองก็รู้เรื่องนี้ดีหลังจากนั้นเย่เทียนหยู่จึงเดินจากไปเมื่อเย่เทียนหยู่เดินจากไปแล้ว คนที่เหลือก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หลังจากที่สื่อสารกันไปมาสักพัก หลินหว่านหรูก็ได้เซ็นลงไปส่วนเรื่องเงินชดเชย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเลยสักบาทเมื่อเห็นว่าในที่สุดปัญหาก็ได้คลี่คลายลงแล้ว แม่ตระกูลหลินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เธอจึงกอดหลินหว่านหรูเอาไว้แน่น พร้อมกับพูดด้วยความซาบซึ้งออกไปว่า “หว่านหรู ขอบคุณมากนะ!”“ก่อนหน้านี้แม่ทำผิดพลาดไปมากมาย แต่ลูกก็ยังปกป้องแม่ตลอด ลูกเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลกเลย แม่รักลูกนะ!”คำพูดที่หวานซึ้งเช่นนี้ หลินหว่านหรูถึงกับทนรับเอาไว้ไม่ไหว แต่การที่แม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากแล้ว“หว่านหรู ลูกวางใจได้ ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าตัวเองผิด ต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แม่จะดูแลบริษัทใ