แม่หลิวเห็นว่าทั้งสองคนสนิทกันดี สีหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างมีความสุข “เทียนหยู่ คุณเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ ให้ฝากซือซือของฉันไว้ ป้าก็วางใจ”“ถ้าพวกเธอรู้สึกเหนื่อยแล้ว ใกล้ๆ นี้มีโรงแรมอยู่ บรรยากาศดีมากเลย เหมาะสำหรับคู่รักหนุ่มสาวอย่างพวกเธอได้พักผ่อน”“หรือไม่ก็ ให้ฉันจองให้พวกเธอตอนนี้เลยไหม จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีห้อง”หลังจากพูดจบ หลิวซือซือก็หน้าแดงเพราะเขินอายเย่เทียนหยู่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จำเป็นต้องรีบส่งตัวลูกสาวออกมาขนาดนั้นเลยเหรอหลิวซือซือกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะถูกจับได้ จึงรีบพูด “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราจัดการกันเองได้”“ดี ดีเลย งั้นคืนนี้พวกเธอสองคน เล่นกันให้สนุกนะ ฉันกับพ่อเธอ จะไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนั้นแล้วล่ะ” แม่หลิวพูดเสร็จ ก็พาพ่อหลิวเดินจากไปเย่เทียนหยู่รู้สึกทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย ทุกอย่างนี่มันอุตลุดอะไรแบบนี้นะ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หันกลับมาดู ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นเรียบร้อยแล้วเหรอ!เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่น คือหลินหว่านหรูใช่แล้ว ยังมีซูถิงอีกคนหลินหว่านหรูใบหน้าซีดเซียว เพื่อต่อต้านการบังขับจากครอบครัว จึงห
สีหน้าของหลิวซือซือดูไม่ดีนัก แต่นึกถึงสิ่งที่ตัวเธอทำลงไปนั้นได้ทำลายพี่เย่ ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา ทำได้เพียงเงียบปากอย่างสงบเสงียมเท่านั้นเย่เทียนหยู่เริ่มที่จะทนไม่ไหวนิดหน่อยแล้ว แต่ก็อดทนต่อไปแล้วพูด “หว่านหรู นี่มันเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นะ ทำไมเธอถึงมาอยู่นี่ คงไม่ใช่ว่ามีคนจงใจพาเธอมาหรอกนะ?”“จงใจพาฉันมา?”“เย่เทียนหยู่ จนถึงตอนนี้คุณก็ยังคิดจะโยนความรับผิดชอบให้คนอื่นอีกเหรอ?”“หรือคุณกำลังจะบอกว่า ทั้งหมดนี่เป็นเพราะซูถิงที่เจตนาพาฉันมาที่นี่ ตั้งใจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราร้าวฉานงั้นเหรอ?”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเต็มไปด้วยความโกรธ พูดอย่างเย็นชา“ไม่ใช่งั้นหรือไง?” เย่เทียนหยูเหลือบมองไปที่หน้าซูถิง แววตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกซูถิงถูกเย่เทียนหยู่มองหน้า ก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ในใจรู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลินหว่านหรูก็พูดด้วยความโกรธ “ไม่ใช่แน่นอน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับซูถิง มาที่นี่ ทั้งหมดเป็นความคิดของฉันเอง”ซูถิงได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ เดิมทีเธอคิดที่จะพาหลินหว่านหรูมาที่นี่อยู่แล้ว ด้วยความบังเอิญ หลินหว่านหรูพูดออกมาพอดีว่าอ
ได้ยินที่หลินหว่านหรูพูด ซูถิงก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความดีใจสำเร็จ นึกไม่ถึงว่าจะสำเร็จจริงๆทั้งหมดนี้ นึกไม่ถึงจริงๆ ทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างราบรื่นในตอนนี้ คุณชายกงซุนจะต้องให้รางวัลกับตัวเธอจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่ตะลึงนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น จากที่เขาดู หลินหว่านหรูคงพูดไปเพราะความโกรธแต่ว่า ตอนนี้หลินหว่านหรูโกรธมากจนไม่สนอะไรแล้ว ไม่แม้แต่จะสนใจเขาด้วยซ้ำผู้อาวุโสหลินถึงกับอึ้ง เกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวกัน ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนความคิด แต่นั่นมันไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือหลานสาวเห็นด้วยแล้วเขาตื่นเต้นจนแทบบ้าในทันที แล้วพูด “ดี ดี อย่างนี่สิหลานรักของฉัน”แม้ว่าจะแต่งงานกับคุณชายคุณชายตระกูลหลี่ว์แห่งเมืองหรงตูหลี่ว์เจิ้งได้ แต่ก็ยังสามารถแต่งงานกับคุณชายตระกูลกงซุนจากเมืองหลวงได้อยู่ นั่นก็ไม่เลวเหมือนกันวางสายแล้ว พ่อหลินแม่หลินทราบข่าวคราว ก็ดีใจมากคนในบ้านต่างก็พากันดีใจราวกับฉลองปีใหม่อย่างนั้นเลยมีแค่หลินหว่านหรูเท่านั้นที่มีสีหน้าดูไม่ได้ หลังจากระบายความโกรธกับเย่เทียนหยู่แล้ว ก็หันหลังจากไปซูถิงเองก็รีบตา
ผู้อาวุโสหลินยังกลัวว่าหลานสาวจะเปลี่ยนใจ อยากจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงเวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคยิ่งมีมาก“ได้ครับ ผมจะไปพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่”กงซุนจื้อพูดในทันที“ตกลง”ผู้อาวุโสหลินเห็นด้วย แล้วก็โทรศัพท์หาหลินหว่านหรู ให้เธอรีบกลับบ้านด่วน มีเรื่องต้องหารือหลินหว่านหรูเดาได้ในทันทีเลยว่าจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกงซุนจื้อ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “วันนี้หนูไม่อยากกลับบ้าน ถ้ามีเรื่องอะไรค่อยพูดกันพรุ่งนี้”“พูดอะไรพรุ่งนี้ รีบกลับมาด่วนเลย”“ฉันจะบอกเธอนะ เธอยอมรับข้อเสนอแต่งงานแล้ว กงซุนจื้อเป็นคนมีความสามารถ แล้วยังมีประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศอีก ฐานะเท่าเทียมกับเธอ ช่างเหมาะสมกันจริงๆ”ผู้อาวุโสหลินกล่าวสีหน้าของหลินหว่าหรูดูไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าเธอรู้สึกเสียใจภายหลังจริงๆ แม้ว่าเธอจะโกรธเย่เทียนหยู่มาก แต่ก็ไม่ควรรับปากเร็วแบบนี้เลยสุดท้าย เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับกงซุนจื้อ ไร้ความรู้สึกจริงๆ แม้จะคิดถึงสิ่งที่เขาทำเมื่อไม่นานนี้ ก็ยังรู้สึกรังเกียจอยู่นิดหน่อยถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาคือขอทานตัวน้อย ก็ไม่ได้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าคิดว่าเขาเป็นขอ
หลังจากที่หลินหว่านหรูเตรียมพร้อมทุกอย่างดีแล้ว หายใจเข้าลึกๆ กดหมายเลขโทรศัพท์หากงซุนจื้อกงซุนจื้อรับโทรศัพท์ รีบพูดอย่างมีความสุขในทันที “ประธานหลิน ไม่สิ ต้องเป็นหว่านหรู ขอบคุณที่เธอยอมรับฉัน ฉันมีความสุขจริงๆ”“คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันได้ให้พ่อทราบก่อนหน้านี้แล้ว แล้วก็บอกเหล่าผู้อาวุโสเรียบร้อย พวกเขาทั้งหมดก็เห็นพ้องต้องกัน”“พรุ่งนี้เช้าตรู่ ฉันจะไปสู่ขอด้วยตัวเอง!”อะไร?ถ้าเลื่อนเวลาออกไปอีกสักหน่อย ก็ควรจะแจ้งให้หลายๆ คนรู้ต้องเข้าใจก่อนว่า ตั้งแต่ที่ตอบรับข้อเสนอของคุณปูที่ชายหาด จนถึงตอนนี้นับรวมกันทั้งหมดใช้เวลาไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นเอง เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูหยุดเสียใจไม่ได้ ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนี้ แต่ก็ยังอดทนกัดฟันพูด “คุณชายกงซุน เรื่องนั้น คุณปู่ของฉันอาจจะพูดผิดไป จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด” “เข้าใจผิด?”“หว่านหรู ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง?” น้ำเสียงของกงซุนจื้อเปลี่ยนไปในทันที“ก็คือ ฉันยังไม่พร้อมที่รับข้อเสนอของคุณไงล่ะ”“อะไรนะ!”“หว่านหรู นี่คุณล้อเล่นอะไรอยู่”น้ำเสียงของกงซุนจื้อเปลี่ยนไปทันที พูดด้วยความโกรธ “ถ้
ซูถิงพูดด้วยท่าทางโกรธหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด “บางทีจะโทษเขาทุกอย่างก็ไม่ได้ สุดท้ายเพราะเขาคือตัวแทนของตระกูลกงซุน อีกอย่างเมื่อกี้เขาก็บอกอยู่ ตัวเขาเต็มใจที่จะให้โอกาสฉัน”“ถ้าเป็นอย่างที่พูดมา คุณชายกงซุนคนนี้เป็นคนดีไม่เลวเลย เธอแต่งงานกับเขา บางทีอาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรก็ได้”ซูถิงพูดแบบนี้ ก็เห็นว่าหลินหว่านหรูท่าทางเปลี่ยนไป จึงรีบพูดต่อว่า “แต่น่าเสียดาย เดิมทีเธอไม่ได้ชอบเขา เธอชอบแค่ไอ้สารเลวเย่เทียนหยู่นั่นเท่านั้น”“แบบนี้ ฉันจะไปติดต่อเพื่อนบางคน ดูว่าเขาพอจะมีวิธีบ้างไหม”“เกรงว่าคงจะทำอะไรไม่ได้เลย” เพราะนั่นคือตระกูลกงซุนแห่งเมืองหลวง ขนาดตัวเองยังไม่มีวิธีเลย ซูถิงจะไปมีวิธีได้ยังไงกัน“ไม่มีทางออกก็ต้องคิดหาทางออก เธอวางใจเถอะ ฉันจะขอให้คุณปู่บอกคุณย่าให้ช่วยกันคิดหาวิธี” ซูถิพูดอย่างแน่วแน่คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูซาบซึ้งใจมาก แล้วพูด “เอาล่ะ ถ้างั้นต้องรบกวนเธอแล้วซูถิง แต่เธอไม่ต้องทุ่มเทมากนักหรอก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล สุดท้ายเธอก็ทำเพื่อฉันมามากแล้ว”“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ อย่าลืมสิ ว่าพวกเราเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดน่ะ”คำพูดของซูถิงน่าฟังอย
หรือว่า ที่กงซุนจื้อขโมยจี้หยกของเฉินเข่อซิน เพื่อจะหลอกหลินหว่านหรู เขาจะห้อยจี้หยก แล้วจงใจมาปรากฏตัวต่อหน้าหลินหว่านหรูให้หลินหว่านหรูเกิดความเข้าใจผิดเพราะว่าตอนยังเด็กตัวเขาได้มอบจี้หยกรูปกริชให้หลินหว่านหรูเส้นหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งมอบให้กับเฉินเข่อซิน ทั้งสองเส้นสามารถเอามารวมเข้าด้วยกันได้ถ้าเป็นอย่างที่พูดล่ะก็ หลินหว่านหรูคงเข้าใจผิดว่ากงซุนจื้อคือตัวเขาในตอนนั้นแน่ ในท้ายด้วยความสอดคล้องเช่นนี้ การจะหาจี้หยกที่เข้าคู่กันได้พอดีนั้นเป็นเรื่องยากเลยทีเดียวจำได้ว่าตัวเขาในตอนนั้นพูดกับหลินหว่านหรูว่า อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่เขาแต่ว่า กงซุนจื้อทำไมถึงรู้ว่าหลินหวานหรูมีจี้หยกนี้ซูถิง?ต้องเป็นซูถิงแน่ หลินหว่านหรูต้องบอกเรื่องตอนที่ยังเด็กให้ซูถิงฟังแน่นอน จากนั้นซูถิงก็ไปบอกกงซุนจื้อ แล้วใช้โอกาสหลอกหลินหว่านหรูจากเรื่องนี้ทั้งหมดนี้มันชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องที่กงซุนจื้อพบจี้หยกที่อยู่กับเฉินเข่อซินได้ยัง เดิมทีนั้นไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือ เขาขโมยจี้หยกจากเฉินเข่อซินต่างหากคิดได้ทั้งหมดแล้ว เย่เทียนหยู่ก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เขาไม่นึกเลย ขนาดเรื่องของตัวเขาสมัยยัง
ช่างเถอะ ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็รับมือได้ทั้งนั้นแหละหลินหว่านหรูนึกถึงคำพูดของปู่ ตัดสินใจกลับไปเสียก่อนซูถิงแสดงอาการเป็นห่วงเธอ ต้องการที่จะกลับไปพร้อมกับเธอ อยู่เป็นเพื่อนเธอคืนนี้หลินหว่านหรูเห็นด้วยตามปกติ จนถึงตอนนี้ ก็มีแค่ซูถิงคนเดียวที่อยู่กับเธอตลอดจริงๆ อยู่เผชิญความลำบากเคียงข้างเธออย่างที่ว่าไว้ มีแค่เพื่อนแท้เท่านั้นที่จะเชื่อถือได้ส่วนคนอื่น โดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งหมดก็เป็นไอ้สารเลวทั้งนั้นก็เหมือนเย่เทียนหยู่นั้นแหละ เธอทุกเทอย่างเต็มที่เพื่อเขา เขาเอาแต่ไปมาหาสู่กับหญิงงามพวกนั้น ไม่สนใจอะไรเลยสักอย่างผู้อาวุโสหลินวางโทรศัพท์จากหลินหว่านหรู รีบรายงานข่าวให้กับกงซุนจื้อในทันที ต่อจากนั้นก็รอแค่คำตอบของหลินหว่านหรูเพียงอย่างเดียวส่งผลลัพธ์ไปได้ไม่นาน ก็ยังไม่มีการตอบกลับเหมือนเดิม เขาอดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปถามได้ยินว่าหลินหว่าหรูกำลังขับรถอยู่ เพื่อกลับมาที่บ้าน เขามีท่าทางดีใจ ในที่สุดก็สำเร็จแล้วพ่อหลินแม่หลินได้ก็แล้วก็มีความสุขมากมีเพียงหลินจื่อตงที่ได้ยินเรื่องนี้ตอนกลับมาเท่านั้น ก็สับสน เก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ พูดทันทีว่าพวกเขานั้นเลอะเลือน ทั้งยังบอก
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง