อีกอย่าง พี่เย่เองก็เป็นคนดีไม่เลวเลยดังนั้น เธอจึงอยากที่จะแก้ต่างให้เย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เปิดปากพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ใครบอกพวกคุณว่าฉันเสแสร้งกัน”“ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ เมื่อกี้แกบอกว่าจะโทรศัพท์นี่ ทำไมยังแสร้งแกล้งทำเป็นรับโทรศัพท์อยู่ล่ะ ไม่ใช่ว่าไม่มีเบอร์ตั้งแต่แรกหรอกนะ”ซ่งอวี่หัวเราะเยาะ“เสแสร้งแกล้งทำ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว พูดผ่านโทรศัพท์อย่างใจเย็น “ซ่งหยาง คุณคงต้องบอกเขาเองแล้วล่ะ ว่าฉันแกล้งคุยโทรศัพท์หรือเปล่า?”เมื่อพูดจบ หลายคนก็ต่างตะลึงไปพักหนึ่งแต่ไม่นานซ่งอวี่ก็ระเบิดหัวเราะพูดจาเสียงดัง “จนถึงตอนนี้แกก็ยังเสแสร้งอยู่อีกนะ แกกำลังหมายถึง เมื่อกี้ซ่งหยางโทรหาแกงั้นเหรอ?”“ฮ่าฮ่า ฉันหัวเราะจะตายอยู่แล้ว นี่มันตลกดีจริงๆ ”“ตลกมาหรือไง?” เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก“ก็ต้องตลกอยู่แล้วน่ะสิ แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน แถมซ่งหยางยังโทรหาแกอีก แล้วอีกอย่าง จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นบนโลกนี้ด้วยเหรอ เมื่อกี้เราให้แกโทรหาซ่งหยาง ซ่งหยางก็โทรหาแกพอดี ”ซ่งหยางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็โกรธมาก พูดด้วยความโกรธ “ฉันคือซ่งหยาง แกคือตระกูลซ่งไหนกัน ถึงได้กล้าพูดแบบนี้กับคุณชายเ
ซ่งอวี่รู้สึกหวาดกลัวสุดขีดด้านตระกูลซ่งนอกจากสายเลือดหลักแล้ว ก็มีญาติห่างๆ อีกมากในหมู่เคลือญาติก็มีที่โดดเด่นไม่น้อย ต่ำแหน่งก็ใช้ได้ เหมือนกับพวกเขา เกือบจะจัดเป็นตระกูลรองแล้ว ที่สำคัญหากไม่มีความสามารถไม่มีผลงาน เดิมทีก็จะไม่ได้รับความสนใจเลยแต่เมื่อกี้เขาทำอะไรไป พูดว่าซ่งหยาง นั่นไม่ใช่นายน้อยของตระกูลซ่งที่ปกติเขาจะเรียกด้วยความเครพนับถือตลอดไม่ใช่หรือต่อหน้าเย่เทียนหยู่วันนี้ เพราะไม่สามารถควบคุมได้ พูดมั่วซั่วมากจนเกินไป แม้แต่กล่าวหาด่าว่าอีกฝ่ายโกหกสารพัดนั่นคือสิ่งที่ตัวเองทำลงไปในวันนี้ แม้ว่านายน้อยซ่งจะไล่ตัวเขาออกจากแผนผังตระกูลซ่งก็ตาม เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแก้ตัวทั้งนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ จะไม่ให้เขากลัว ไม่กังวลได้ยังไงเขากลัวกระทั่งตัวเองก็สติหลุดลอยหัวว่างเปล่าไปหมด ไม่รู้ว่าเดิมทีตัวเองอยู่ที่ไหนแต่แม่หลิวกลับไม่รู้ แม้กระทั่งคิดว่าเย่เทียนหยู่คนนี้ก็ช่างหน้าไม่อายเสียจริง ทั้งหมดถูดเปิดโปงแล้วว่าเป็นของปลอมแล้ว ยังจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่นี่อีกนึกไม่ถึงว่าจะตั้งใจหาคนมาสวมรอยเป็นซ่งหยาง“พอที เย่เทียนหยู่ แกเสร็จหรือยัง ตัวเองเป็นนักต้มตุ๋นไม่พอ
“ใช่ใช่ ผมเอง นั่นผมเอง” ซ่งอวี่รีบพูดทันทีเพราะว่าเปิดสปีกเกอร์โฟนอยู่ แม่หลิวและคนอื่นก็ได้ยินเช่นกัน สักพักก็มีท่าทางตกตะลึงไปหมดนึกไม่ถึงเลยว่าคุณซ่งคนนี้จะเป็นผีพนัน แถมยังโดนนักทวงหนี้ตามล่าอีกและฟังจากน้ำเสียงของนายน้อยซ่งตัวจริงแล้ว เดิมทีก็ไม่ได้รู้จักเขาเลย ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นคุณซ่งอะไรกันล่ะเย่เทียนหยู่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ซ่งหยาง เขาบอกเขาเป็นนายน้อยตระกูลซ่ง นายไม่รู้สึกคุ้นเคยกับเข้าบ้างเหรอ?” คำถามนี้ เป็นคำถามเดียวกับที่แม่หลิวและคนอื่นๆ อยากรู้เช่นกัน“นายน้อยตระกูลซ่ง?”“ไร้สาระ!ไม่ใช่สิ คุณชายเย่ ไม่ได้หมายถึงคุณนะ แค่หมายถึงว่าเขาเป็นนายน้อยซ่งที่ไหนกันน่ะ!”“เจ้าคนนี้อันที่จริงนิสัยไม่ดีนัก ชอบเล่นพนัน ก่อนหน้านี้มีหนี้สินก้อนโต อันที่จริงก็เพราะพ่อของผมเห็นแก่หน้าเหล่าสมาชิก ถึงได้ยอมช่วยแก้ปัญหาให้เขา”“ด้วยนิสัยของเขา ทั้งยังชอบเล่นพนันมาก นึกไม่ถึงว่าจะยอมขายผู้หญิงของตัวเองให้กับไนต์คลับเพื่อแลกกับเงิน คนแบบนี้ยังเป็นนายน้อยซ่งอยู่อีก แถมเขายังไม่ถูกไล่ออกจากวงศ์ตระกูล เขาควรที่จะจุดธูปขอขมาได้แล้ว”ซ่งหยางโกรธมาก จนหยุดต่อว่าไม่ได้ซ่ง
“คุณชายเย่ ต้องขอโทษจริงๆ ไม่ว่ายังไง เขาก็คือคนของตระกูลซ่ง กล้าดียังไงถึงได้กล้าทำให้คุณขุ่นเคือง ผมจะต้องให้คำอธิบายกับคุณแน่นอน”“ส่วนคนนั้นที่มันกล้าดูถูกคุณอย่างซ่งอวี่ ปล่อยให้คุณจัดการก็แล้วกันครับ!”“ไม่ว่าคุณจะฆ่าเขาก็ได้ ผมซ่งหยางจะรับผิดชอบเอง!”ซ่งหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำทันทีที่พูดจบ ซ่งอวี่ก็แทบจะฉี่ราดอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาที่ยืนอยู่ก็แขนขาอ่อนแรงจนล้มลงไปแม่หลิวอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านในใจ ต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้เลยหรือ แค่ทำให้ต้องขุ่นเคืองแบบนี้ ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยหรือไง มาคิดดูถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อครู่ คงทำให้เย่เทียนหยู่ไม่พอใจจนตายแน่เลยไม่ใช่ว่าต้องถูกดาบนับพันนับหมื่นสับเป็นชิ้นๆ หรอกนะ ไม่ได้ ต้องรีบให้ลูกสาวช่วยตัวเธอร้องขอความเมตตาหลิวซือซือเองก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง“ก็ดี งั้นวางสายก่อนแล้วกัน” เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ลงซ่งหยางที่อยู่อีกฝั่งก็ทำอะไรไม่ถูก เดิมทีเขาจะขอความช่วยเหลือ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มองไปทางพ่อและคนในตระกูลที่อยู่ข้างเขาแล้วสรุปสถานการณ์อย่างเรียบง่ายพวกเขาฟังจบ ก็โกรธกันมาก มีหลายคนที่ต้องการให้จัดการกับ
เพียงแต่แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้จัดการเขา เขาก็จบสิ้นอยู่แล้ว ขี้เกียจที่จะลงมือก็เท่านั้นปัง!แก้วเหล้ากระแทกเข้าที่หัวของซ่งอวี่โดยตรง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หน้าผากเลือดไหลไม่หยุดแม่หลิวตกใจอย่างมาก ดูเย่เทียนหยู่พูดง่ายขนาดนี้ เธอต้องเตรียมสืบหาอย่างละเอียดเสียหน่อย ดูว่าจริงๆ แล้วมีอะไรอยู่แต่ตอนนี้กังวลนิดหน่อย อารมณ์แปรปรวนมากๆ น่ะอีกอย่าง ตัวเองก็เคยสร้างความขุ่นเคืองมาก่อน จะทำยังไงถ้ามีการคิดบัญชีย้อนหลังด้วย นี่ทำให้เธอหวาดกลัวและกังวลนิดหน่อยซ่งอวี่ถึงกับหน้าถอดสี แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าผากเลย เอาแต่พูดขอโทษซ้ำๆ “ครับ ครับ ขออภัยครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ จะออกไปตอนนี้เลยครับ”พูดจบ ก็หันกลับแล้วรีบเดินไปทันทีไม่รู้ว่าเพราะประหม่า หรือเพราะความกลัว ไม่ระวังจนไปชนเข้ากับบางอย่าง ล้มลงอย่างจัง แต่ก็ลุกขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเดินออกไปทุกคนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ขณะที่ซ่งอวี่เดินจากไป แม่หลิวก็ประหม่า ลังเลที่จะพูดพ่อหลิวใช้แขนจับเธอไว้สักพักแม่หลิวรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปในที่สุด “คือว่า เย่
เมื่อเวลานั้นหลิวซือซือได้เห็นในข่าว จำได้ว่าตระกูลซูมีผู้นำตระกูลคนใหม่แล้ว ยังแปลกใจไม่นึกว่าจะยังอายุน้อยขนาดนี้ เพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆสุดท้ายทำงานฝ่ายขาย ก็ทำให้รู้ไม่น้อยเหมือนกันเท่าที่เธอรู้ ตระกูลซูเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจมากในเมืองเทียนไห่ ให้พูดก็คือเป็นตระกูลระดับมหาเศรษฐีในตำนาน ด้วยสถานะของพวกเขาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดต่อกัน“ใช่สิ เธอคือ?”ซูเหวินหวามองหน้าเย่เทียนหยู่ พูดอย่างระมัดระวัง “พี่สะใภ้?”คำว่าพี่สะใภ้ ทำให้หลิวซือซือหน้าแดงขึ้นมาทันที ทั้งรู้สึกเขินทั้งมีความสุขไปด้วยเย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก จะให้เขาพูดว่ายังไงดี“ใช่ ใช่แล้ว เธอคือแฟนของคุณชายเย่” แม่หลิวไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อของเย่เทียนหยู่เลยด้วยซ้ำ จึงพูดแนะนำอย่างรวดเร็วจากท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกให้เห็นเลย นายน้อยซูคนนี้ดูทรงพลังมาก รอบตัวเย่เทียนหยู่รายล้อมไปด้วยคนที่ทรงพลังแบบนายน้อยคนนี้หรือเปล่านะ?ซูเหวินหวาได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาอย่างประหลาดใจ อีกอย่างพี่เย่ยังคงยอดเยี่ยม บ่อยครั้งที่มักจะเปลี่ยนผู้หญิง ที่สำคัญเลยคือทุกคนต่างก็งามระดับประเทศทั้งนั้น เป
“ถ้าจะให้พูด ครั้งแรกที่เห็นเย่เทียนหยู่เป็นคนซื่อตรง บุคลิกก็ดี แต่ก็ยังกังวลใจว่าลูกสาวเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาน ในความคิดฉัน ถ้าต้องสูญเสีย เย่เทียนหยู่ก็สูญเสียเช่นกัน”แม่หลิวบ่นไปพูดไป “ซือซือ ได้ยินหรือยัง จากนี้ต้องคอยฟังที่เย่เทียนหยู่พูดดีๆ เขาพูดอะไร เธอจะทำอะไร ก็ไม่ต้องใช้อารมณ์”“......”หลิวซือซือถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าใครกันที่พูดว่าพี่เย่เป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนี้เห็นว่าเขาแข็งแกร่ง ก็เปลี่ยนไปยังกับคนละคนแบบนี้พ่อหลิวไม่มีทางเลือก ปล่อยวาง ลูกสาวก็มีวาสนาของลูกสาวเอง ที่สำคัญ แม้ว่าจะเพิ่งคบกันไปไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนดีไม่เลวเลยเย่เทียนหยู่ไม่มีความเขินอาย พูดรับประกันว่า “ผมเข้าใจว่าคุณลุงกังวลเรื่องอะไร คุณโปรดวางใจเถอะ ก่อนที่จะแต่งงาน ผมจะไม่นอนด้วยกันกับซือซือแน่นอน”“ดี ดีเลย นายพูดแบบนี้ ฉันก็ค่อยวางใจหน่อย” พ่อหลิวกล่าว“วางใจอะไรกันล่ะ พูดเรื่อยเปื่อย ตอนนี้มันยุคไหนกันแล้ว คนหนุ่มสาวไม่น้อยก็มีลูกก่อนแต่งทั้งนั้น มีแต่คุณนั้นแหละที่ยังหัวโบราณอยู่”แม่หลิวพูดโต้กลับอย่างรวดเร็ว “เทียนหยู่ นายอย่าไปสนใจเขาเลย นายกับซือซือ
“อะไรนะ บุหรี่นี่มูลค่าหนึ่งแสนต่อมวน พวกเขาสูบทองคำหรือไงกันนะ?”ใบหน้าของแม่หลิวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ“บุหรี่อาจจะไม่สมราคาก็จริง แต่ของหายากมีมูลค่าเสมอ ผู้ที่จะได้บุหรี่นี้ ต้องรวยมีเกียรติ ที่แสดงถึงฐานะ การออกไปเจรจาธุรกิจก็จะทำให้ได้เปรียบไม่น้อยเลยล่ะ”พ่อหลิวอธิบาย“ถ้าเป็นอย่างนั้นแหละก็ งั้นบุหรี่นี่ เทียนหยู่ นายเอามันกลับไปเถอะ” แม่หลิวพูดก็จริง แต่บุหรี่ยังอยู่ในมือ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่อยากคืนให้“ไม่เป็นไรหรอกครับ ของที่ให้ไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ต้องเอาคืน”เย่เทียนหยู่ปฏิเสธพ่อหลิวยังมีอะไรจะพูด โทรศัพท์เย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้นมาพอดี ดูจากหมายเลขแล้ว คือหมายเลขของซ่งหยางที่เพิ่งจะโทรมาเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่า พวกเขาคงจะมีปัญหาอะไรจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบร้อนขนาดนี้“ผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”เย่เทียนหยู่ยืนขึ้นแล้วเดินไปเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไปแล้ว แม่หลิวก็ลุกขึ้นเดินไปข้างๆ หลิวซือซือในทันที พูดกระซิบเบาๆ “ซือซือ เธอบอกมา ตัวตนของเย่เทียนหยู่คนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้ดูแข็งแกร่งขนาดนี้”“หนูจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ!”หลิวซือซือพูดด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก “หนูก็ไม่ร
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว
“ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอ งั้นก็ช่างเถอะ อย่างเธอน่ะนะ เธอจะทำให้คุณชายของฉันตกใจเสียเปล่า” จูเก่อหลิวหลีพูดประชดประชัน“เธอ!”เสี่ยวลู่รู้สึกโกรธอย่างมาก“หลิวหลี ช่างมันเถอะ” เย่เทียนหยู่เองก็หมดคำจะพูด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตนจะถูกเชิญขึ้นไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ยัยเด็กคนนี้ ถึงขั้นเล่นไม้นี้เลยงั้นเหรอ“เป็นพวกเธอต่างหากที่มั่นหน้าเกินไป แถมยังคิดเองเออเองอีกว่าคุณชายชอบพวกเธอ” จูเก่อหลิวหลีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา“คุณชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!”ปิงเยว่โกรธจัด รัศมีเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างของเธอ อุณหภูมิรอบตัวลดลงสิบองศาได้ในพริบตา จนทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกตกตะลึงที่ผู้หญิงคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ที่แท้ความรู้สึกเมื่อสักครู่ก็เป็นเรื่องจริง อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าตนเสียอีกตอนนี้ตัวเองก็อยู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่เธอกลับแข็งแกร่งกว่าตนอีก ความแข็งแกร่งของเธอจะน่ากลัวขนาดไหนกัน“พอแค่นี้เถอะ!”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็รีบพูดขึ้นมา ทันทีที่เขาเปิดปาก ความเย็นยะเยือกในอากาศทั้งหมดก็หายไป และกลับคืนสู่ภาวะปกติหลายคนที่อยู่รอบ ๆ ก็รู้สึก
“ไม่หรอกมั้ง เขาก็ดูใช้ได้อยู่นะ” จางผิงรีบตอบทันที“เป็นแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันว่าเขาดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่า” เหอฉุนโต้แย้ง“เอ่อ ไม่น่าจะเป็นงั้นนะ ถ้าเขาเป็นคนเลวขนาดนั้น พี่เฟยเฟยก็คงเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”“หมายความว่ายังไง?”“เธอก็ถามพี่เฟยเฟยเองเถอะ” จางผิงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เหอฉุนกลับส่ายหัว เธอมักจะรู้สึกว่าทั้งสองคงยังอ่อนต่อโลกเกินไป เลยอาจจะถูกเย่เทียนหยู่หลอกก็ได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฟยเฟยก็ได้เริ่มร้องเพลงที่สองของเธอ สไตล์ของเพลงนี้แตกต่างไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไพเราะจับใจเช่นเดิมเวลาได้ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ในขณะที่ผู้คนต่างก็กำลังหลงใหลและเพลิดเพลินอย่างสุดขีด มันก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของคอนเสิร์ตอย่างช้า ๆ“คืนนี้ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนที่นี่ ฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ ค่ะ แต่เวลาก็กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว การพบกันย่อมมีวันสิ้นสุดเสมอ”“แต่การจากลาในวันนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้พบกันใหม่ในวันหน้า ขอส่งบทเพลงแห่งความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ!”เมื่อเสียงของเธอสิ้นสุดลง เสียงที่ไพเราะของเธอก็ดังออกมา ทำให้ทุกคนกลับเข้าสู่บรรยากาศนั้นอีกครั้ง ค่อย ๆ ผ่านไปช้า
ขณะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก คำพูดที่อ่อนโยนและชวนให้ลุ่มหลงก็หลุดออกมา กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ และถูกสุ่งให้ไปถึงหูของทุกคนทุกคนต่างก็พากันโบกแท่งเรืองแสงไปมา ขณะที่กำลังฟังเสียงร้องอันไพเราะและสมบูรณ์แบบของเธอ ทุกคนต่างก็พากันร้องตามไปด้วยเป็นเพลงที่ค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเฉินเฟยเฟย มันก็กลับสมบูรณ์จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกติดหูมากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของเธอแทรกซึมเข้าไปในหูของทุก ๆ คน จนทำให้ทุกคนรู้สึกตามอย่างไม่อาจควบคุมได้ และจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆในตอนนั้นเอง ใบหน้าของเย่เทียนหยู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เขารู้สึกแค่ว่าตนได้จมดิ่งเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้วในขณะเดียวกัน เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าทำไมทุกคนถึงได้คลั่งไคล้มากขนาดนี้ เพราะเสียงนี้ของเธอนั้นดูสมจริงและไพเราะมากนี่ถือว่าเป็นเสียงที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็จมอยู่กับมันด้วยเช่นกัน สีหน้าและอารมณ์เองก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมบางทีอาจเพราะจมดิ่งกับมันมากเกินไป หรืออาจเพราะรู้สึกชอบมันมาก เลยไม่ทันได้สังเกตว่าตั้งแต่ที่เฉินเฟยเฟยเดินออกมา เธอก็เหมือนจะกำลังมอ
ทันใดนั้นผู้หญิงชุดเขียวก็รู้สึกโกรธ และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้ากลับดุขึ้นมาทันที “เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนผิดก่อนนะ ช่างมันเถอะ”“ค่ะ นายท่าน!”ผู้หญิงชุดสีเขียวพยักหน้า และไม่พูดอะไรอีกไม่รู้ว่าอาจเพราะเธอกลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย หญิงสาวคนนั้นจึงนั่งลงตรงที่นั่งที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่ ซึ่งหมายความว่า ที่นั่งของเธออยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านซ้ายของเย่เทียนหยู่ และผู้หญิงชุดเขียวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งซ้ายมือของเธอเช่นกันเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีการปรากฏตัวของหญิงสาวลึกลับเช่นนี้ก็ทำให้เขาประหลาดใจมากพออยู่แล้ว และตอนนี้เธอก็กลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ เขาหลังจากนั่งลงแล้ว หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนหยู่ แต่ก็เบือนหน้าหนีแทบจะในทันทีในสายตาของเธอ เย่เทียนหยู่หล่อมากจริง ๆ แต่นั่นก็มีเพียงเท่านั้นตั้งแต่ที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้หลงลืมอารมณ์ความรู้สึกไป ตัวเธอเองก็เริ่มสนใจเรื่องความรู้สึกน้อยลงไปเรื่อย ๆ เธออุทิศตนให้กับการฝึกฝน และนั่นก็ทำให้เธอไม่รู้สึกสนใจผู้ชายคนไหนเลยนอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถทำให
“ไม่มีปัญหา!”จูเก่อหลิวหลีรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที เงินแค่ล้านเดียว สำหรับเธอแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ขนหน้าแข้งร่วงด้วยซ้ำ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยหลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็เห็นตัวเลขหนึ่งล้านปรากฏบนข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาเธอตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง เธอมองดูหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เธอจะรีบถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทันทีที่เงินเข้าบัญชี การโอนครั้งนั้นเธอก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงการฝากถอนเงินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วินาทีเงินก็เข้าบัญชีแล้ว“ขอบคุณ ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ!”หญิงสาวรีบขอบคุณเธอด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่ลังเลเย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่น และคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างขวางโลกเสียจริง เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอซื้อตัวของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แล้วที่นั่งของเธอล่ะ?”“ฉันไม่มีตั๋วหรอกค่ะ!”“เธอไม่มีตั๋ว แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจ“ฉันก็แค่มองพนักงานตรวจตั๋ว แล้วเขาก็ให้ฉันเข้ามาค่ะ”“......”เย่เทียนหยู่ทำอะไรไม่ถูก หมดคำจะพูดแล้วจริง ๆ “ถ้าเธอไม่มีตั๋ว แ
ในตอนที่เหอฉุนเดินออกมา เดิมทีเธอตั้งใจหยิบตั๋วเพิ่มมาสองสามใบ มีที่นั่งดี ๆ ในแถวแรกแค่หนึ่งที่เท่านั้น ส่วนที่นั่งอื่น ๆ อยู่ถัดลงไปด้านหลังอีกเล็กน้อยเวทีตรงนี้จัดไว้เพื่อที่เวลาทำการแสดง แม้ผู้ชมจะนั่งแถวหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่สบายมากแต่เพราะสายตาที่ไม่อยู่นิ่งของเย่เทียนหยู่ เธอเลยหยิบตั๋วแบบลวก ๆ ให้เขาไปหนึ่งใบ เดิมทีตามคำขอของเฉินเฟยเฟยนั้น คือต้องการให้เย่เทียนหยู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ได้รับนั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีเช่นกัน อยู่ในแถวที่สาม ซึ่งอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำแต่การโต้ตอบกับดารานักร้องนั้น ก็อาจจะลำบากไปสักหน่อยเย่เทียนหยู่สังเกตเห็นอารมณ์ร้ายของเหอฉุนได้โดยธรรมชาติ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก เธอคงเคยถูกผู้ชายรังแกมาสินะในครั้งนี้ เขานั้นทายถูกแล้วจริง ๆแน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้ว เขาเหลือบมองหมายเลขบนตั๋ว และเดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในหลังจากผ่านความยากลำบากในการแหวกฝูงชนเข้ามา ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็พบที่นั่งของเขาที่อยู่ตรง