ในใจของเขาก็อยากจะให้ลูกสาวได้คบกับราชามังกร ทางที่ดีที่สุดคือให้ราชามังกรทอดทิ้งหลินหว่านหรู เพียงแต่เขาคิดว่า นี่คงเป็นไปไม่ได้สักเท่าไหร่“โกหก!”หยางเฉียนเฉียนกลับไม่เชื่อด้วยซ้ำ“ได้ อย่างไรพ่อก็รับรองว่าพี่เย่ของลูกไม่เป็นอะไร พอใจแล้วยัง?” หยางต้าฝูพูดอย่างจนปัญญา จะเปิดเผยสถานะของราชามังกรก็ไม่ได้“นี่ค่อยยังชั่วหน่อย!”หยางเฉียนเฉียนถึงได้กลับไปพักผ่อนที่ห้องอย่างพึงพอใจ แม้แต่คุณพ่อก็ยังรับปากแล้ว พี่เย่น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วเป็นเด็กโง่จริง ๆหยางต้าฝูหัวเราะเจื่อน ๆ ออกมาร้านอาหารปินเจียง!ตอนนี้หลินหว่านหรูดื่มเหล้าเข้าไปเยอะมากอย่างเห็นได้ชัด แทบจะนั่งไม่ติดเลย“ผู้จัดการธนาคารหลิว เหล้าห้าแก้วนี้ฉันดื่มหมดแล้ว เรื่องกู้เงินต้องพึ่งพาคุณแล้ว” หลินหว่านหรูพูด“วางใจเถอะ!”หลิวหมิงที่พุงย้อยหัวเราะหึหึแล้วพูดขึ้น: “ก็แค่เรื่องกู้เอง พรุ่งนี้ผมไปอนุมัติ ก็ผ่านได้โดยตรงแล้ว”“แต่คืนนี้ ต้องดื่มอย่างมีความ”“เอาแบบนี้ ยังมีเหล้าอีกขวด พวกเราดื่มคนละครึ่ง คุณดื่มหมด เรื่องกู้เงินผมอนุมัติแน่นอน”หลินหว่านหรูได้ยิน สีหน้าซีดขาว เธอดื่มไม่เก่งจริง ๆ เมื่อครู่ห้าแ
ได้ยินคำพูดนี้ พวกผู้ชายที่มาด้วยกันต่างพากันหยิบสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะอาหารที่สามารถใช้โจมตีได้ พุ่งเข้ามาโดยตรงเพียงแต่ว่าพวกเขาที่มีฝีมืออย่างคนธรรมดา จะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนหยู่ได้อย่างไรอีกอย่างภายใต้ความโมโหของเย่เทียนหยู่ แย่งชิงอุปกรณ์ที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายมาอย่างง่ายดาย จากนั้นออกแรงทุบศีรษะของแต่ละคน และถีบพวกเขาออกไปทันใดนั้นแต่ละคนนอนหัวแตกเลือดไหลส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ตรงนั้น ลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่กล้าลุกขึ้นหรือเปล่าหลิวหมิงงุนงงไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่าความสามารถของอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้ ทั้งตกตะลึงทั้งโมโห มองดูเย่เทียนหยู่เดินเข้ามาทีละก้าวและพูดอย่างร้อนใจ: “แก แกอย่าเข้ามา ฉันเป็นผู้จัดการธนาคาร หรือว่าพวกแกไม่อยากกู้เงินแล้วเหรอ?”ซูถิงได้ยินก็รีบพูดขึ้นทันที: “เย่เทียนหยู่ เขาคือผู้จัดการธนาคารหลิว นายอย่าทำร้ายเขา ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรง”“ถูกต้อง ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันรับรองว่าแกต้องเดือดร้อนแน่นอน”“ไม่เพียงกู้เงินไม่ได้สักบาท แถมยังต้องชดใช้อย่างสาหัส”“เหรอ ฉันก็อยากจะเห็นว่านายจะทำให้ฉันชดใช้อะไร”เย่เทียนหยู่เดินเข้า
สำหรับหลินหว่านหรู มาถึงหน้าบ้านแล้ว มีซูถิงดูแล ตัวเองไม่อยู่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหยางเฉียนเฉียนได้ยินก็รีบบอกที่อยู่ จานนั้นพูดขึ้น: “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ พวกเราเจอกันที่หน้าโรงพยาบาล” เพราะผู้สูงอายุคนนี้ ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว“ได้!”เย่เทียนหยู่วางสายแล้วพูดขึ้นโดยจริง: “ซูถิง เธอพาหว่านหรูเข้าไปเถอะ ส่วนรถให้ฉันยืมใช้หน่อย”ซูถิงได้ยิน กำลังจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจและพาหลินหว่านหรูลงจากรถ จากนั้นเย่เทียนหยู่ขับรถไปยังจุดหมายปลายทาง ในเมื่อช่วยชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ พูดไปแล้วไม่มีรถไม่สะดวกจริง ๆ นั่นแหละ ดูท่าตัวเองต้องซื้อรถยนต์สักคันแล้วเพิ่งมาถึงหน้าโรงพยาบาล หยางเฉียนเฉียนก็ปรากฏตัวและตะโกนเรียก: “พี่เย่!”“อืม ผู้สูงอายุเป็นอะไรกับเธอ?” เย่เทียนหยู่ถามออกมา“ท่านคือแม่ของนายกเทศมนตรีหวง คุณพ่อของนายกเทศมนตรีหวงจากไปตอนเด็ก อาศัยคุณแม่คนนี้เลี้ยงดูจนเติบโต เขาให้ความสำคัญกับคุณแม่มาก”หยางเฉียนเฉียนพูดอธิบายเย่เทียนหยู่ได้ยินสิ่งที่หยางเฉียนเฉียนเน้นย้ำ นึกความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาทันที และพูดถาม: “นายกเทศมนตรีหวงเป็นอะไรกับคุณชายหวงคนนั้น?”“เขาคือพ่อของคุณชา
หวงหงเจี้ยนวิ่งไปตรงหน้าซุนเจี๋ยภรรยาของตัวเอง และถามรายละเอียดสถานการณ์ได้รับรู้ว่าแม่อาการวิกฤต เข้าห้อง ICU อยู่เป็นเวลานานแล้ว สีหน้าของเขาซีดขาวชีวิตนี้เขารู้สึกผิดต่อแม่ที่เลี้ยงดูตัวเองมาจนโตมากที่สุดแล้วครึ่งชีวิตแรกได้รับความลำบากมามากเกินไปแล้ว ในช่วงชีวิตครึ่งหลังได้รับความไม่เป็นธรรมมากมายในตอนนี้ กว่าตัวเองจะมีตำแหน่งที่สูงมากพอใจ แม่กลับเกิดเรื่องนี้ขึ้นเท่ากับว่าลูกอยากดูแลพ่อแม่ยามแก่เท่า แต่พ่อแม่กลับไม่อยู่แล้ว หวงหงเจี้ยนจะไม่เสียใจได้อย่างไร“พ่อ วางใจเถอะ ผมได้รับรู้สถานการณ์ของคุณย่า ก็ติดต่อแพทย์เซียนหลี่ หลี่ต้าเซียนในทันที มีเขาลงมือ น่าจะไม่เป็นอะไร”หวงโหย่วเหวยเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้น“ดี ดีมาก ทำได้ดีมาก!”หวงหงเจี้ยนตบบ่าลูกชาย พูดเชยชมติด ๆ กันลูกชายคนนี้ได้รับการตามอกตามใจจากครอบครัวแม่ของเขา ตั้งแต่เล็กทำให้ตัวเองคอยเป็นห่วง ทำแต่เรื่องที่เหลวไหล เรื่องนี้กลับทำได้ดีมากภายใต้การฉุดกระชากของหยางเฉียนเฉียน เย่เทียนหยู่ตามมาอย่างจนปัญญา พอดีกับที่ได้ยินชื่อของแพทย์เซียนหลี่ บังเอิญมากจริงๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นเขาเพียงแต่วิชาแพทย์ของแพทย์เซีย
“อืม ลูกคิดได้รอบคอบจริง ๆ โหย่วเหวยยิ่งอยู่ยิ่งมีอนาคตจริง ๆ ลูกเป็นความภาคภูมิใจของแม่”หวงหงเจี้ยนกลับขมวดคิ้วไม่พูดจา หนึ่งคือไม่ค่อยเชื่อคำพูดของลูกชายตัวเองสักเท่าไหร่ เขาจะยอมให้เด็กหนุ่มที่ไม่มีอำนาจอิทธิพลคนหนึ่งมารังแกเหรอ นี่เป็นไปไม่ได้ประการที่สองประเด็นสำคัญคือเป็นกังวลอาการของแม่ และก็ไม่มีเวลาคิดสิ่งอื่นในตอนนี้เอง ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดออก แพทย์เซียนหลี่ หลี่ต้าซานเดินออกมา เขาถอดหน้ากากออก เผยใบหน้าที่อ่อนเพลียออกมา ในดวงตามีความจนใจ“แพทย์เซียนหลี่ แม่ของผมเป็นอย่างไรบ้าง?” หวงหงเจี้ยนหน้าตาวิตกกังวลหลี่ต้าเซียนยิ้มเจื่อนอย่างจนใจ ได้รับมอบหมายงานสำคัญที่ไม่สามารถจัดการได้ ชื่อเสียงของแพทย์เซียนของเขาถือว่าถูกทำลายแล้ว จากนั้นพูดขึ้น: “ขออภัย ฉันไม่มีความสามารถที่จะรักษาได้””อะไรนะ?“หวงหงเจี้ยนโซเซในทันที สีหน้าซีดขาวคนอื่น ๆ สีหน้าดีหน่อย“ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีหนทางจริง ๆ เหรอ?”หวงหงเจี้ยนเบ้าตาแดงในทันที เขาเผชิญหน้ากับความยากลำบากต่าง ๆ ไม่เคยท้อถอยมาก่อน แต่ตอนนี้เขาสิ้นหวังแล้วจริง ๆหลี่ต้าเซียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “คุณหญิง
เย่เทียนหยู่นิ่งอึ้งเล็กน้อย หลี่ต้าเซียนจัดการไม่ได้อีกแล้วเหรอ?งั้นโชคของเขาคงจะแย่มาก ในเมื่อจากที่เขาดู วิชาแพทย์ของหลี่ต้าเซียนพอใช้ได้หยางเฉียนเฉียนได้ยิน ในใจตกตะลึงทันที จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น: “คุณอาหวง พวกเราอยู่นี่ค่ะ!”หวงหงเจี้ยนได้ยินเสียง รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงก็จับมือของเย่เทียนหยู่ไว้และพูดอย่างรีบร้อน: “เทพเซียนเย่ เมื่อครู่ผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินคุณแล้ว”“คุณเป็นคนจิตใจกว้างขวาง อย่าถือสาเด็ดขาดนะครับ”เป็นถึงผู้บริหารอันดับสองของเมืองเทียนไห่ จริงใจขนาดนี้ ท่าทางแบบนี้ ความไม่พอใจในหัวใจของเย่เทียนหยู่ก็หายไปแล้ว เขาพูดขึ้น: “ไม่เป็นไรครับ เรื่องผ่านไปแล้วก็ช่างเถอะ”“ขอบคุณที่คุณเข้าใจ ขอเชิญคุณไปดูคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ?” เวลากระชั้นชิด หวงหงเจี้ยนพูดขึ้นทันที“ดูได้ไม่มีปัญหา แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องบอกให้ชัดเจนก่อน”“คุณพูดมาเถอะครับ!”“ผมมาทำการรักษาที่นี่ เป็นเพราะถูกเฉียนเฉียนหลอกมา ไม่มีความคิดที่จะพึ่งพาคุณ ไม่มีคุณ หวงโหย่วเหวยก็ทำอะไรผมไม่ได้ ต่อให้คุณช่วยเขา ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“ครับ ผมเชื่อ แ
หวงโหย่วเหวยพูดพึมพำอย่างอดไม่ได้: “ไอ้หมอนี่รักษาได้จริง ๆ เหรอ ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง วิชาแพทย์จะปราดเปรื่องกว่าแพทย์เซียนหลี่ได้อย่างไร!”“หุบปาก!”หวงหงเจี้ยนกระวนกระวายใจอยู่แล้ว เขาพูดตวาดทันที: “พวกเราไม่รู้ แพทย์เซียนหลี่เองจะไม่รู้เหรอ ไม่เห็นท่าทางที่เขามีต่อแพทย์เซียนเย่เมื่อครู่นี้เหรอ?”หวงโหย่วเหวยไม่กล้าส่งเสียงทันทีซุนเจี๋ยกลับทนดูต่อไปไม่ไหวจึงพูดขึ้น: “ลูกก็แค่สงสัย คุณโมโหขนาดนั้นทำอะไร จากที่ฉันดู เขาคงรักษาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทำไมนานขนาดนี้แล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอีก”“พวกคุณ!”“ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่อยากจะทะเลาะกับพวกคุณ แต่ถ้าแม่ของผมเป็นอะไร ผมจะตีขาไอ้ลูกคนนี้”หวงหงเจี้ยนพูดอย่างโมโห“คุณกล้า!”ซุนเจี๋ยพูดอย่างไม่พอใจ: “นี่เกี่ยวอะไรกับโหย่วเหวยด้วย โหย่วเหวยใจจดใจจ่อหวังดีต่อคุณแม่ ถึงกับเชิญแพทย์เซียนมา จะทำเพราะคนชั้นต่ำที่แปลกหน้าคนนี้เหรอ?”หวงหงเจี้ยนสีหน้าเคร่งขรึม ถลึงตาใส่ซุนเจี๋ยเป็นเพราะเขานึกถึงตัวเอง คิดถึงคุณแม่ที่ถูกคนตระกูลซุนดูถูกมาโดยตลอดในสายตาของเธอ คนทั่วไปต่างเป็นคนชั้นต่ำที่อยู่ระดับต่ำซุนเจี๋ยเห็นท่าทางแบบนี้ของหวงหงเจี้ยน ก
หลี่ต้าเซียนกลับพยักหน้าพูดอย่างเห็นด้วย: “ถึงแม้ผมไม่รู้ว่าคุณหญิงจะมีชีวิตอยู่ได้กี่ปีกันแน่ แต่แพทย์เซียนเย่ไม่เพียงรักษาภาวะสมองขาดเลือดของคุณหญิง แต่ยังทำให้ร่างกายของเธอดีขึ้นเยอะมาก ๆ”“เพียงแค่ต่อไปต้องบำรุงรักษาเต็มที่ โรคทั่วไปที่ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ในอดีตก็สามารถหายดีได้ นี่สามารถมั่นใจได้แน่นอน”“จริงเหรอ ดีมากเลย ดีมากเลย!”สำหรับคำพูดของหลี่ต้าเซียน หวงหงเจี้ยนเชื่อมั่นอย่างมากอยู่แล้ว เกี่ยวกับแพทย์เซียนหลี่ เขาเคยได้ยินมานานล้ว และก็เคยคิดอยากจะให้มาดูคุณแม่แต่ไม่มีโอกาสมาโดยตลอด ตอนนี้ได้ยินเขาพูดแบบนี้ จึงดีใจมากเป็นธรรมชาติแต่ตอนนี้นึกถึงการกระทำของภรรยาและลูกชายเมื่อครู่นี้ สายตาเย็นชาทันทีและพูดอย่างโมโห: “หวงโหย่วเหวย ไสหัวมาหาฉันเดี๋ยวนี้ คุกเข่าลง!”ห๊ะ!หวงโหย่วเหวยหน้าขาวซีด จู่ ๆ ก็เกิดความงุนงงมองดูใบหน้าของพ่อที่เคร่งขรึมและน่าเกรงขามอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่มองไปทางแม่ซุนเจี๋ยก็ตกใจมาก จะให้ลูกชายคุกเข่าต่อหน้าสาธารณะ ได้อย่างไรกันล่ะ เธอกำลังจะเอ่ยปากหวงหงเจี้ยนพูดเตือนอย่างเย็นชาทันที: “ซุนเจี๋ย วันนี้ผมจะสั่งสอนลูกชาย ทางที่ดีคุณอย่าพูดจ
หลังจากที่เย่เทียนหยู่พังประตูเข้าไป หนานกงเล่อก็หันไปมองด้วยความโกรธ และเห็นว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่ถีบประตูเข้ามาโดยตรงสำหรับเย่เทียนหยู่ เขาค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้พบเขาบนเวทีไอ้เวรเอ้ย นี่มันไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ!แถมยังวิ่งมาที่นี่เพื่อทำลายเรื่องดี ๆ ของตนอีกไอ้สวะไป๋หยางนั่น ไม่ใช่ว่ามันหาคนไปจัดการกับไอ้เด็กนี่แล้วรึไง?เสียงที่เกิดขึ้นค่อนข้างดัง จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง รวมถึงเหอฉุนและจางผิงเองก็ด้วยจางผิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ และตื่นตัวขึ้นทันทีเขาคือคุณเย่!คุณเย่มาแล้ว!ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุณเย่จะรับมือไหวไหม แต่แค่ได้เห็นว่าเขามา ก็รู้สึกว่าตนมีความหวังขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ยังดีกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่รึไงเหอฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอมองไปยังผู้ชายที่ดูน่ากลัวและดุร้ายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคนนั้น เธอรู้สึกว่าเขาต่างจากที่เคยเห็นในตอนแรกไปโดยสิ้นเชิงแต่ว่า การที่เขาถึงกับรีบตรงมาที่นี่แบบนี้เขาก็น่าจะได้รับข่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่หนานกงเล่อมาที่นี่แน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่รีบม
พระเจ้าช่วย หากช้าไปนิดเดียว เกรงว่าเฉินเฟยเฟยอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ แล้วเมื่อเห็นฉากนี้ หนานกงเล่อก็โกรธจัดขึ้นทันที เฉินเฟยเฟยถึงกับเลือกที่จะไม่ยอมแพ้แม้ตนจะต้องตาย จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรนี่เขาดูแย่มากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อนิดหน่อยแล้ว ยังจะมีอะไรดีอีก?หรือความหล่อมันกินแทนข้าวได้รึไง?หนานกงเล่อโกรธจัด ความบ้าคลั่งเริ่มปรากฏ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยว จับเฉินเฟยเฟยเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เฉินเฟยเฟย เธอเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ ก็ดี ยิ่งเธอเกลียดฉันมากเท่าไหร่ วันนี้ฉันก็ยิ่งต้องเล่นสนุกกับเธอต่อหน้าทุกคนมากขึ้นเท่านั้น”“ไสหัวออกไปนะ!”เฉินเฟยเฟยเริ่มร้อนรน เธอยกมือขวาขึ้น ตบเข้าที่ใบหน้าของหนานกงเล่ออย่างแรงหนานกงเล่อรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น แค่เฉินเฟยเฟยจะแตะต้องเขาได้อย่างไร“เวรเอ้ย แกกล้าตบฉันเหรอ!”หนานกงเล่อโกรธจัดทันที ก่อนที่เขาจะตบกลับไปอย่างแรงด้วยฝ่ามือเพี้ยะ!เสียงใส ๆ ดังก้องขึ้นอีกครั้งหนึ่งเฉินเฟยเฟยถูกตบที่ใบหน้าจนเ
ต้องบอกเลยว่า เหอฉุนค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวแต่น่าเสียดาย ที่มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยหนานกงเล่อดูไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาสงบ และดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “ร้องไปเถอะ ดูสิ ว่าถ้าร้องจนคอแห้งแล้ว จะมีใครสนใจพวกเธออยู่ไหม!”“ลืมบอกไปเลย ว่าบริเวณรอบ ๆ พวกเธอตอนนี้ไม่มีผู้เช่าคนอื่นอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ แต่ก็ถูกไล่ออกไปตั้งแต่ตอนที่คอนเสิร์ตเธอเริ่มแล้ว”ส่วนวิธีการไล่นั้น พวกเขาก็แค่ยัดเงินเล็กน้อยให้กับโรงแรม โรงแรมก็หาข้ออ้างจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วเมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา สาว ๆ ต่างก็รู้สึกหมดหวังกันอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้ จะให้เรียกฟ้า ฟ้าก็คงไม่ตอบ เรียกดิน ดินก็คงไม่สนใจอีกแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่มีพลังแข็งแกร่ง สองสาวแทบไม่มีแรงต้านเลยแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเธอก็ถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับถูกปิดปากด้วยเทปกาวหนานกงเล่อแทบไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของพวกเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้เขาคงรีบจัดการผู้หญิงสองคนนั้นให้หมดสติไปนานแล้วแต่เขากลับไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้น เขาแค่ต้องการให้ผ
“คุณชายหนานกงพูดจริงเหรอ?” เหอฉุนรู้ดีว่า ตระกูลชนชั้นสูงแบบพวกเขา ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับดาราอย่างแน่นอนแน่นอน ว่าก็อาจจะมีบางกรณีที่พิเศษจริง ๆ“แน่นอนสิ!”หนานกงเล่อพูดอย่างมั่นใจ แม้ในใจจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังคงต้องโกหกไปก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันคิดว่าเฟยเฟยก็อาจจะพอพิจารณาดูได้ แต่ว่า ตระกูลหนานกงจะยอมรับได้จริง ๆ เหรอคะ?” เหอฉุนถาม“ในเมื่อผมรับปากแล้ว ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เฟยเฟย คุณคิดว่ายังไง?” หนานกงเล่อเปิดปากถามออกไปเฉินเฟยเฟยชะงักไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีขณะที่เหอฉุนกำลังจะพูดหนานกงเล่อก็โบกมือ แล้วพูดออกไปตรง ๆ ว่า “คุณไม่ต้องพูด!” เขาไม่ใช่คนโง่ เมื่อกี้ตอนที่คุยกับเหอฉุน เขาก็สังเกตสีหน้าของเฉินเฟยเฟยอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกันบวกกับข่าวที่ตัวเองเพิ่งได้มาจากประธานหวัง ไหนจะยังมีเรื่องที่เฉินเฟยเฟยร้องเพลงคู่กับชายคนนั้นบนเวทีอีกเฉินเฟยเฟยรู้สึกงงงวย “ฉัน ฉัน......”“หรือที่ประธานเหอพูดกับผมเมื่อกี้แค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น หลอกผมอยู่งั้นเหรอ?” หนานกงเล่อถา
สีหน้าของหนานกงเล่อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างเย็นชาว่า “ประธานเหอ นี่คุณหมายความว่ายังไง คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายงั้นเหรอ?”เหอฉุนเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “จะเป็นแบบไปได้ยังไงกันคะ คุณชายหนานกงล้อกันเล่นแล้วล่ะค่ะ ก็แค่พวกเฟยเฟยกำลังแต่งตัวกันอยู่ ไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไหร่ เลยจะดูไม่เหมาะสม หากจะมีผู้ชายอยู่ในห้องน่ะค่ะ”“งั้นเหรอ เช่นนั้นก็ให้ผมดูหน่อยสิ ว่ามันจะไม่สุภาพสักแค่ไหนกันเชียว” หนานกงเล่อไม่สนใจคำพูดของเหอฉุนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะยืนรอที่ประตู เขาเดินตรงเข้าไปทันทีประธานหวังที่เห็นแบบนั้น ก็รีบพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นคุณชายหนานกง ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คงไม่อยู่รบกวนแล้วนะครับ”“ไปเถอะ!”หนานกงเล่อไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เดินมุ่งตรงเข้าไปข้างในท่าเดียวสีหน้าของเหอฉุนดูไม่ค่อยดีนัก จึงรีบเดินตามไปในทันทีบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเป็นคนปิดประตู ทั้งยังล็อกกลอนจากด้านในอีกต่างหาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากประตู สีหน้าของเฉินเฟยเฟยและจางผิงก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเธอรู้แล้วว่า หนานกงเล่อมาแล้วจริง ๆ ทำไมถึ
“เอ่อคือ มีสิ!” ไป๋หยางพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายหนานกงพยายามตามจีบเฉินเฟยเฟยอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธตลอด มันเลยทำให้เขาโกรธมาก ตอนนี้เขาอาจจะกำลังไปที่โรงแรมที่เธอพักอยู่”“แกว่าไงนะ!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่มืดมนลงทันทีไป๋หยางตกใจมาก และกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะลงมือกับเขาอีก จึงรีบพูดออกไปว่า “ฉัน ฉันจะบอกทุกอย่าง แต่แกห้ามลงมือกับฉันนะ แล้วก็ ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องจริง ตำแหน่งของโรงแรมก็เป็นฉันที่บอกเขา”“ตอนนี้คุณชายหนานกงก็น่าจะไปถึงโรงแรมแล้ว”ไป๋หยางตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดแค่ว่าต้องล่อให้เย่เทียนหยู่ไปหาหนานกงเล่อให้เร็วที่สุด แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เย่เทียนหยู่โกรธมากแค่ไหนสีหน้าของเย่เทียนหยู่เย็นชาลงทันที แล้วรีบถามออกไปว่า “โรงแรมไหน ห้องอะไร?”ทันทีที่ไป๋หยางได้ยิน เขาก็รีบบอกทันทีโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับบริเวณที่เขาอยู่พอดี ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก“ทางที่ดีแกก็ภาวนาให้เฉินเฟยเฟยยังคงปลอดภัยอยู่เถอะ เพราะไม่อย่างนั้น แกได้ตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาจบ ก็ใช้เท้าเตะไปที่ตัวไป๋หยางอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าจาก
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที