หลังจากได้ยินแบบนั้นหลินหว่านหรูก็เชื่อทันทีในใจของเธอนึกว่าอาจเป็นเย่เทียนหยู่มีวิธีการตามคนมาช่วยเหมือนเคย เธอจึงอยากสอบถามรายละเอียดจากเขาถ้าไม่ทะเลาะเธอคงจะถามไปแล้วทันทีแต่ ณ เวลานี้ มันหายไปหมดแล้ว“ครั้งนี้ ขอบคุณมากครับคุณกงซุน” หลินหว่านหรูกล่าว“ไม่เป็นไรครับ เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมเราต้องเกรงใจกันขนาดนั้นล่ะครับ” กงซุนจื้อพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่าง ประธานหลินเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมพบตอนที่ผมเป็นเด็ก ทำให้ฉันคิดอยู่เสมอว่า รู้สึกคุ้นเคย การช่วยคุณทำให้ผมมีความสุขมากเลยครับ”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็ตกใจเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายน้อยกงซุนคอยคิดถึงผู้หญิงคนนั้นมาตลอดเลยเหรอคะ?”“แน่นอนครับ!”กงซุนจื้อทำน้ำเสียงราวกับคนที่มีความรู้สึกฝังใจ พร้อมกับถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ผมไม่รู้ชื่อของเธอด้วยซ้ำ ผมเรียกเธอว่าเสี่ยวเถียนเถียน ส่วนเธอก็เรียกผมว่าขอทานตัวน้อย”“บางทีชีวิตนี้เราอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกัน ไม่อย่างนั้นผมจะแต่งงานกับเธอแน่นอนครับ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หัวใจของหลินหว่านหรูก็สั่นสะท้าน เป็นเขาจริง ๆ ด้วย!แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกแตกต่
“คุณสามารถจับสัมพัสการมีอยู่ของผมได้จริงสินะ ดูเหมือนว่าวรยุทธ์คุณจะดีจริงๆ แต่ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม วันนี้ได้พบกับผมคุณก็ต้องตายอยู่ดี”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณอยากฆ่าผมเหรอ?”“ใช่!”“อย่าโทษผมที่ต้องโหดร้ายแบบนี้เลยนะ โทษที่ตัวคุณยั่วยุคนที่คุณไม่สมควรทำให้ขุ่นเคือง” ฮูเหยียนลี่ทำตามคำสั่งของกงซุนจื้อ และต้องการถามเย่เทียนหยู่ทุกอย่างที่เขารู้ก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้ฆ่าเขาทันทีเย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คุณคนเดียวฆ่าผมไม่ได้หรอก!”“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ คุณมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองรู้จักวรยุทธ์แค่นั้นก็เรียกว่าวรยุทธ์แล้วเหรอ เมื่อคุณพบกับปรมาจารย์ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงอย่างผม คุณไม่มีทางอื่นนอกจากต้องตายเท่านั้น”“แต่ว่าหากคุณยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือสิ่งของอันมีค่าเพียงพอ ผมอาจจะไว้ชีวิตคุณได้” ฮูเหยียนลี่ยิ้มเยาะพวกเขาได้ตรวจสอบเย่เทียนหยู่คนนี้แล้ว และดูเหมือนเขาจะเป็นแค่คนธรรมดา แต่ก็มีบางอย่างแปลก ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะ เขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้มีอำนาจมากมายในเมืองเทียนไห่แม้ว่าตระกูลกงซุนจะไม่สนใจตระกูลเหล่านั้นเลย แม้แต่ตระกูลหยา
แม้ว่าฮูเหยียนลี่จะงุนงง แต่ลูกศรคลึงอยู่บนเชือกแล้วก็ต้องยิง เขายังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล แต่การโจมตีของเขาก็โหดเหี้ยมกว่าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะแทงเย่เทียนหยู่ที่คอ เขาก็รู้สึกภูมิใจในใจ แต่ชายตรงหน้าก็ยังไม่ขยับเลย เมื่อกี้เขาตกใจไปเองแท้ ๆแต่วินาทีต่อมา สีหน้าของฮูเหยียนลี่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะในขณะนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็ลงมือ ยิ่งกว่านั้นทันทีที่เขาลงมือ เขาก็บีบคอของฮูเหยียนลี่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออ้ากกก!ไม่สิ ทำไมเขาถึงเร็วขนาดนี้!หรือว่าเขาเป็นจะเป็นปรมาจารย์จริง ๆ?กึก!วินาทีต่อมา ดวงตาของฮูเหยียนลี่ก็เบิกกว้างขึ้น เขาลืมตาเบิกโพลงดวยความเหลือเชื่อ เขาพยายามคิดถึงสถานการณ์ให้ชัดเจน แต่เขาสูญเสียพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงกับพื้นจนกระทั่งถึงช่วงเวลาแห่งความตาย เขาไม่มีไม่ทันได้ตอบสนองเลยเขาไม่อยากจะเชื่อเลย นี่เขาตายแบบนี้เหรอ?แต่ในวินาทีสุดท้าย ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าเย่เทียนหยู่เป็นยอดแห่งผู้มากฝีมือจริงๆหลังจากจัดการกับฮูเหยียนลี่แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ส่ายหน้าวันนี้เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ฆ่าคนขนาดน
เพราะอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาไม่เห็น“อ่อ ไม่เป็นไร ผมไม่รบกวนคุณเย่แล้วครับ”“โอเค!”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์และไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกกงซุนจื้อเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ไม่ควรค่าแก่ความสนใจของเขาแต่กงซุนจื้อโกรธมาก เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเย่เทียนหยู่ เพียงแค่เขาไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่ทำได้ยังไงกันดูเหมือนว่าเขาจะประเมินเย่เทียนหยู่ต่ำไปจริง ๆเนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบริษัทหลินหว่านหรูจึงมีงานยุ่งตลอดเวลา จนถึงเที่ยงวัน เธอก็ยังไม่เห็นเย่เทียนหยู่มาที่บริษัทตาบ้านั่นเขาหยุดงานเหรอ?แม้ว่าคำพูดบางคำของเขาจะรุนแรงเกินไปหน่อย แต่นั่นก็เพราะเขาชอบทำผิดเรื่องนี้อยู่เรื่อยหรอกเหรอ?ดูเหมือนเธอจำเป็นต้องพูดตรง ๆ กับเย่เทียนหยู่เพื่อดูว่าเขาคิดยังไงกันแน่ถ้าไม่เหมาะจริง ๆ การแยกทางกันจะดีต่อทั้งสองฝ่ายเย่เทียนหยู่ในตอนนี้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขา แม้ว่าในอนาคตอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมหาศาล แต่การมีชีวิตรอดจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในขณะนี้หลินหว่านหรูสังเกตเห็นข่าวใหม่บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องของหน้าม้าที่ถูกจ้างมาปฏิบัติการครั้งนี้ที่ต่างออกมา
หลินหว่านหรูกลับมาที่ห้องก่อนจะหยิบกล่องเก็บของออกจากตู้เซฟ เธอเปิดมันแล้วหยิบจี้หยกที่ซ่อนอยู่ข้างในขึ้นมา ความทรงจำวัยเด็กไหลทะลักเข้ามาในความทรงจำของเธอแม้ว่าเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจะสั้นมาก แต่ความประทับใจนั้นกลับลึกซึ้งเกินบรรยายและเธอก็เก็บมันไว้ลึก ๆ ในใจเพื่อรอการปรากฏตัวของเขาแม้จะรอคอยมานานหลายปีแต่ตัวเธอก็ไม่เคยลืมมันเลยแต่ว่าเพราะอะไรกันนะ เธอไม่รู้สึกประหลาดใจหรือดีใจเลย เมื่อรู้ว่ากงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้น ถึงกับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยด้วยซ้ำอาจเป็นเพราะเย่เทียนหยู่หลังจากใช้เวลาร่วมกันมาพักใหญ่ หลินหว่านหรูก็ค้นพบว่าเย่เทียนหยู่ได้เข้ามาอยู่ในหัวใจของเธอ และสถานะของเขาก็ไม่ได้ต่ำกว่าขอทานตัวน้อยในตอนนั้นเลยหากว่าตอนแรกเธอไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เหตุการณ์ในระยะนี้ทำให้เธอตระหนักได้มากขึ้นว่าเธอมีเย่เทียนหยู่อยู่ในใจแล้วแต่ว่าเธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเธอผิดสัญญากับขอทานตัวน้อยแต่หลังจากพบว่า กงซุนจื้อเป็นขอทานตัวน้อยในตอนนั้น หลินหว่านหรูก็ตระหนักว่าเธอไม่อยากอยู่กับ กงซุนจื้อเลย และสิ่งเดียวที่อยู่ในสมองของเธอตอนนี้ก็คือเย่เทียนหยู่เพียงแค่ว่า เย่เ
เย่เทียนหยู่กดหมายเลขโทรศัพท์ของเฉินเค่อซินทันทีหลังจากนั้นไม่นานเฉินเค่อซินก็รับสาย “สวัสดีค่ะ!”“เค่อซิน ผมเองนะ”“พี่เย่!”“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหา” เย่เทียนหยู่พูดออกไปทันที“พี่เย่ ทำไมจู่ ๆ พี่ถึงคิดจะตามหาฉันล่ะคะ”“คิดว่ายังไงล่ะ ยัยสาวน้อย ทำจี้หยกหายก็ไม่บอกพี่เลยนะ รู้นี่ว่าพี่มีความสามารถและมีหลายวิธีน่ะ” เย่เทียนหยู่กล่าวเพียงแค่ได้ยินเสียงของเย่เทียนหยู่ เฉินเค่อซินก็รู้สึกโล่งใจมากและพูดว่า “พี่เย่ กำลังจัดการเรื่องใหญ่ ฉันกลัวรบกวนพี่น่ะค่ะ”“รบกวนอะไรกัน ถ้าแค่ดูแลเธอพี่ยังทำไม่ได้ จะให้พี่ทำอะไรได้อีก พี่จะวางสายแล้ว ส่งที่อยู่ของเธอมาให้พี่หน่อย”เย่เทียนหยู่กล่าวเมื่อมองดูโทรศัพท์ที่วางสายและคิดถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่เพิ่งพูด เฉินเค่อซินก็รู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเธออยู่ในใจจริง ๆเรื่องนี้ทำให้อารมณ์หดหู่ของเฉินเค่อซินดีขึ้นมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งตำแหน่งของเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและกำลังเดินไปตามชายหาด“ใครน่ะ?”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินวางสายโทรศัพท์ สาวผมสั้นคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงถามอย่างสงสัยสาวผมสั้นคนนั้นมีใบหน้าที่ละเอ
เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มีเวลามองไปที่ติงอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวย แต่ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินเค่อซินเป็นยังไงบ้างเมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเค่อซินก็รีบพูดว่า “ติงอิ่ง อย่าพูดไร้สาระ พี่เย่มีวิธีจริง ๆ นะ”“นอกจากนี้ พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือ ติงอิ่ง เพื่อนร่วมชั้นวิทยาลัยของฉันและเป็นเพื่อนสนิทฉันค่ะ”“ติงอิ่ง นี่คือ เย่เทียนหยู่ พี่เย่ของฉันเอง”“เย่เทียนหยู่ใช่ไหม ชื่อก็ค่อนข้างดี แต่จะดีกว่าถ้าเป็นคนถ่อมตัวไม่ชอบคุยโวกับคนอื่น”ติงอิ่งกล่าวอย่างเยาะเย้ย“ติงอิ่ง!”“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ พี่เย่เป็นคนดีมากนะ ยิ่งกว่านั้น เขามีความอำนาจมาก” เฉินเค่อซินพูดด้วยความไม่พอใจ“ก็ได้ งั้นให้ฉันดูหน่อยว่าเขาจะช่วยเธอหาจี้หยกได้ยังไง”เมื่อเห็นเฉินเค่อซินคอยปกป้องเขา ติงอิ่งก็เลิกทำให้เธอำลบากใจ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจปล่อยเย่เทียนหยู่ไปเช่นกันแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมาก แต่เย่เทียนหยู่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะรับมือกับคนแบบเธอ เขาพูดว่า “เค่อซิน บอกผมหน่อยว่าคุณทำจี้หยกหายได้ยังไง”“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่รู้หายไปตอนไหน” ติงอิ่งตอบแทนเธอเย
“ได้ พี่จะช่วยเธอหามันอย่างแน่นอน”เย่เทียนหยู่ยืนยัน แต่เจตนาสงัการกลับปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาไม่รู้ว่าคนหน้าด้านคนไหนขโมยจี้หยกของเค่อซินไป แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยคนคนนั้นไปแน่ และเขาจะสอนบทเรียนอันเลวร้ายให้เขากับเขาอย่างแน่นอน“ขอบคุณค่ะพี่เย่ รบกวนพี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของเฉินเค่อซินอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากได้รับสัญญาจากเย่เทียนหยู่แต่ว่าสีหน้าของเธอยังคงดูเศร้าอยู่มาก เห็นได้ชัดว่าเธอกังวลมากว่าอาจไม่สามารถหามันกลับมาได้ เพราะมันหายไปหลายวันแล้วเมื่อเห็นเฉินเค่อซินเช่นนี้ เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยในใจ เดิมที เขาวางแผนที่จะบอกตัวตนของเขากับเฉินเค่อซินแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนถ้าพูดตอนนี้ เค่อซินจะโทษตัวเองหรือเปล่านะช่างมันเถอะ หาจี้หยกให้เจอก่อนแล้วกันเย่เทียนหยู่ถามเฉินเค่อซินว่าครั้งแรกที่รู้ตัวว่าจี้หยกหายไปคือตอนไหน หลังจากถามสถานการณ์แล้ว เขาก็โทรหาถันล่างทันทีเนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้เฉินเค่อซินได้ไปทำงานที่บริษัท เธอจึงสวมจี้หยกทุกครั้ง แม้ว่าจี้หยกจะซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า แต่ก็มีเชือกคล้องรอบคอกล้องวงจรปิดเห็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นจากเหตุโจมตีอาค