จางเหยียนต้องล่าถอยกลับไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อกี้มันก็เป็นเช่นนั้น แต่หัวหน้าทีมเย่ก็ยังคงไม่แยแสเธอเข้าใจว่าหัวหน้าทีมเย่ไม่ชอบเธอ และเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเธอหลังจากขับรถจางเหยียนออกไป โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายจากซูเหวินฮวา“พี่เย่ ตามข่าวจากคนที่ฉันจัดให้ ซูเหวินฮุยโกรธมาก ดูเหมือนว่าเขายังต้องการใช้เหยื่อเหล่านี้โจมตีหลินซื่อกรุ๊ปและพี่สะใภ้ของเขา”“โอ้?”“เขาเตรียมตัวจะทำอะไร?” เย่เทียนหยู่ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือโกรธ เขาแค่ถามอย่างใจเย็น“ที่ผมได้ยินมา คือควรส่งเสริมให้คนบางคนเรียกร้องค่าตอบแทนก้อนโต และในขณะเดียวกันก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายชื่อเสียงของ เครื่องสำอางของหลินซื่อกรุ๊ป” ซูเหวินฮวาตอบ“อย่างนั้นเหรอ?”“ดูท่าเขาคงไม่อยากเป็นนายน้อยคนโตตระกูลซูต่อไปอีกแม้แต่นาทีเดียวแล้วสินะ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา แน่นอนว่าเขาไม่กลัวคำยุยงและการใส่ร้ายของซูเหวินฮุย แต่นั่นจะทำให้หลินหว่านหรูเดือดร้อนและเขาก็เกียจคร้านเกินกว่าจะจัดการเรื่องนี้“พี่เย่ ฉันจะหาทางทำลายแผนของเขาได้ยังไง““ไม่ต้องหรอก ก็แค่ตัวตลกตัวเดียว ในเมื่อเขาไม่อยากเป็นนายน้อยตร
“ไม่มีทาง!”“ทำไมเธอไม่รู้ว่าเธอมีเสน่ห์แค่ไหน มีผู้ชายหลายคนในบริษัทที่สนใจเธอนะ แต่พวกเขากลัวถูกเธอปฏิเสธ”“ซือซือ ขอร้องล่ะได้โปรดช่วยฉันด้วยนะ”“ได้ ฉันจะพยายามนะ”แม้ว่าจางเหยียนจะไม่ใจดีกับเธอมากนัก แต่หลิวซือซือก็ตัดสินใจที่จะช่วยสอบถาม เพราะเธอไม่รู้ว่าจางเหยียนทำเรื่องอะไรไปบ้าง และต้องทนลำบากมามากแค่ไหนหลิวซือซือเคาะประตูก่อนจะเข้าไปด้านในเมื่อเห็นเป็นหลิวซือซือ ท่าทีของเย่เทียนหยู่ก็ดีขึ้นมาก เพราะเธอสวยมาก ผู้หญิงแบบเธอมองแล้วให้ความรู้สึกสบายเป็นพิเศษ“ซือซือ มีอะไรหรือเปล่า?”“ค่ะ แต่ถ้าฉันถามไปแล้ว หัวหน้าทีมเย่อย่าตำหนิฉันะคะ” หลิวซือซือกลัวเย่เทียนหยู่จะไม่พอใจ“คุณคงไม่ได้มาขอร้องแทนจางเหยียนใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้ว่าจางเหยียนทำอะไรผิดพลาด แต่ถ้ามันมากเกินไป เธอก็ควรจะรับผิดชอบตามสมควร”“เอาล่ะ ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ก็ให้เธอไปหาประธานหลิน บอกว่าผมเป็นคนให้เธอไปหา แล้วให้เธออธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลี่ว์ซิงเหอให้ประธานหลินฟังซะ”แค่คนตัวเล็กๆ เย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เมื่อครู่เขาแค่หงุดหงิดก็เท่านั้น“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่เย่!”ใบหน้าของหลิว
“อ่า……”หลิวซือซือกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้งและรีบพูดทันทีว่า “เปล่าหรอก”“เปล่า หรือว่าสำเร็จแล้ว?” จางเหยียนถามด้วยความไม่เชื่อ“ยังไม่เสร็จ หัวหน้าทีมเย่ขอให้ฉันบอกเธอว่าเธอควรไปหาประธานหลน และบอกทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับหลี่ว์ซิงเหอ”“ยิ่งคุณพูดมากเท่าไร ความดีความชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และก็จะปลอดภัยมากขึ้นด้วย”“จริงเหรอ? เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?” สิ่งสำคัญคือต้องปกป้องตัวเอง ตอนนี้จางเหยียนไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก“ขอแค่เธอบอกประธานหลินว่าหัวหน้าทีมเย่ขอให้เธอมา แล้วบอกความจริงก็น่าจะไม่เป็นไรแล้สล่ะ” หลิวซือซือตอบ“แล้วเธอเดินออกมาสภาพนั้น ทำฉันกลัวแทบตาย”จางเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากประสบกับเหตุการณ์นี้ เธอก็ไม่กล้าเข้าไปต่อสู้แบบเมื่อกี้อีก“ฉัน…” หลิวซือซือไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่ เพราะนั่นคือสิ่งที่จางเหยียนกำลังไคว่คว้า“แล้วเธอเป็นอะไรไป? มีอย่างอื่นเกิดขึ้นเหรอ?”“โอเค ๆ คือหัวหน้าทีมเย่บอกว่า ให้ฉันเตรียมรับตำแหน่งของเขาในฐานะหัวหน้าทีม”“อะไรนะ!”คราวนี้ถึงคราวที่จางเหยียนที่ต้องตกตะลึง เธอถามด้วยความไม่เชื่อ: “คุณพูดจริงเหรอ? แต่รองหัวหน้าท
แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า หลิวซือซือจะชอบเขาเพราะความเข้าใจผิดนี้ไม่นานเวลาก็มาถึงเวลาค่ำ เมื่อเขารู้ว่าเย่เทียนหยู่กำลังจะลงมือ ซูเหวินฮวาได้จัดให้ผู้คนจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของตระกูลซูอย่างใกล้ชิด และอยากรู้ว่าพี่เย่จะดำเนินการยังไงแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็ คือ ตั้งแต่วันนั้นมายังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยในตระกูลซูส่วนที่อยู่ของพี่เย่ แม้ว่าเขาจะไม่กล้าสอบสวนก็ตาม แต่ทุกอย่างมันดูเผินๆ พี่เย่อยู่ในบริษัทและไม่ได้ออกไปไหนเลยพี่เย่คงจะไม่ลืมเรื่องนี้ใช่ไหม?มันเป็นไปไม่ได้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย“นายท่าน ท่านเย่ล้อเล่นหรือเปล่าครับ?” เสิ่นอัง คนสนิทของซูเหวินฮวา เขาดูแลซูเหวินฮวาตั้งแต่ยังเด็กและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดังนั้น เขาจึงรู้เกี่ยวกับเรื่องของเย่เทียนหยู่ และซูเหวินฮวาก็พูดคุยกับเขาหลายเรื่อง“ไม่น่าหรอก” ซูเหวินฮวาส่ายหน้า“แล้วทำไมยังไม่มีการเคลื่อนไหวอีกล่ะครับ?”“บางทีเรื่องนี้อาจจะยุ่งยากสักหน่อย และพี่เย่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อจัดการกับมัน อดทนรอกันก่อน”“ก็จริงครับ เพราะถึงยังไงแล้ว ตระกูลซูไม่ใช่ตระกูลธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในสี่ตร
“อ่า……”ซูชังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซูเหวินฮวาหลานชายไร้ค่าที่เขาไม่ชอบมาโดยตลอดและไม่อยากเจอด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ?ในขณะนี้เขาพอจะคาดเดาได้ว่าวันนี้เจ้าสำนักมาที่นี่เพื่อซูเหวินฮวา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือเพื่อทำลาย ซูเหวินฮุย หลานชายของเขา และช่วยซูเหวินฮวาแต่ซูเหวินฮวามีเก่งจนสามารถขอให้เจ้าสำนักมาช่วยด้วยตนเองได้เลยเหรอไม่รู้ว่าหลานชายคนสำคัญของเขาทำอะไรไป ทำให้เจ้าสำนักดูไม่พอใจเขาขนาดนี้“อะไร คุณไม่อยากเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามอย่างเย็นชา“ไม่ครับ เพียงแต่ว่าท่านเจ้าสำนักอาจไม่รู้จักเด็กคนนี้มากนัก แม้ว่าเหวินฮวาจะค่อนข้างฉลาด แต่เขาก็ยังซนและเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขาชอบกิน ดื่ม เที่ยวเมามาย ล่นการพนัน แต่ละอย่างล้วนทำจนชำนาญ”“ผมไม่เข้าใจ?”“ผมคิดว่าเป็นคุณที่โง่เกินกว่าจะเข้าใจคุณธรรมความสามารถของหลานชายคนรองของคุณมากกว่า”“คุณควรตรวจสอบดูว่า ซูเหวินฮวาแย่จริง ๆ หรือไม่ หรือทำไปเพื่อที่จะมีชีวิตรอดเพราะแค่กลัวคู่แม่ลูกของซูเหวินฮุยจะฆ่า เขาต้องซ่อนความสามารถของเขาและแกล้งทำตัวเป็นคนไร้ความสามารถให้คนอื่นตายใจ”“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”ซูชังตกใจมาก เขาไม่รู้เ
เพราะถึงยังไงแล้ว การจราจรเป็นสิ่งสำคัญ และไม่มีใครคิดว่าจะมีการจราจรหนาแน่นขนาดนี้“ให้ตายเถอะ จริงสิ ก่อนหน้านี้เขาบอกไว้แล้วว่าโรงพยาบาลทำอะไรไม่ได้และอาจกลายเป็นโรคระยะสุดท้ายไม่ใช่หรือไง แต่หายเร็วมาก”“ใช่ มันค่อนข้างเหลือเชื่อนิดหน่อย”“ฉันสามารถเป็นพยานได้จริง ๆ เพราะน้องสาวของฉันเป็นเหยื่อ ใบหน้าของเธอจึงหายดีแล้ว และที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นก็คือผิวบริเวณจุดด่างดำนั้นบอบบาง ขาว และอ่อนโยนมากขึ้น”“คุณเก่งมากเหรอ? จริงเหรอ?”“ก็จริง ป้าของฉันก็เหมือนกัน”“ใช่ มีพี่สาวด้วย ตอนนี้เธอมีความสุขมาก เช้านี้เธอไปคุยเรื่องค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วที่สุดซึ่งเป็นแสน”“ไม่ใช่แค่รอยดำบนใบหน้าหายไป แต่ผิวก็ดูดีขึ้น แถมยังมีเงินซื้ออีก ให้ตายเถอะ ทำไมเครื่องสำอางที่ซื้อมาตอนเช้าถึงได้ใช้แล้วไม่มีจุดด่างดำล่ะ บนใบหน้าของฉัน”“โกรธชะมัดเลย ฉันอยากเปลี่ยนไปใช้เครื่องสำอางปัวเรต์แล้วล่ะ อยากมีจุดด่างดำบ้าง”“ต้องบอกว่าเครื่องสำอางปัวเรต์มีความรับผิดชอบจริง ๆ นะ ไม่เพียงแก้ปัญหาผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังให้ชดใช้ค่าเสียหายให้เยอะมากเลยด้วย”“นอกจากนี้ หลินซื่อกรุ๊ปยังบอกด้วยว่าคราวนี้พวกเขาใช้ผลิต
ทันทีที่เธอคิดถึงเรื่องนี้หลินหว่านหรูก็โทรหานายธนาคารหลิว ทันทีและพูดอย่างสุภาพ: “สวัสดีนายธนาคารหลิว!”หลังจากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด นายธนาคารหลิวได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของหลินหว่านหรูไว้เป็นพิเศษ หลังจากดูหมายเลขและฟังเสียงแล้ว เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที: “สวัสดีคุณหลิน”“คุณมีคำแนะนำบ้างไหม?”เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลินซื่อกรุ๊ปมันใหญ่เกินไปจริงๆ นอกจากนี้ธนาคารฝูซางที่เขาเป็นผู้นำได้ให้เงินกู้ที่สูงเช่นนี้แก่หลินซื่อกรุ๊ปดังนั้นเขาจึงกังวลโดยธรรมชาติตอนแรกฉันกังวลมาก แต่ต่อมาฉันรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าหลินซื่อกรุ๊ปกำลังเลี้ยวมุมไปทีละขั้นโดยเฉพาะเขาเห็นชายหนุ่มที่ทุบตีเขา ชายหนุ่มที่รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้สิ่งที่เขากลัวมาโดยตลอดคือพลังของตระกูลหยาง เพราะตระกูลหยางต้องการช่วยเหลือชายหนุ่มแต่หลังจากเมื่อวาน จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนวันนี้ เขาเห็นความคิดเห็นสาธารณะที่เกี่ยวข้องบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง และรู้ว่าหลินซื่อกรุ๊ปกำลังจะนำไปสู่การพัฒนาครั้งใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลหยางอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนของบริษัทและหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่บนเวที
เรื่องนี้สร้างความเจ็บปวดให้เขาขนาดไหนจำได้ว่าตอนนั้นเธอกับสมาชิกทุกคนในบ้างว่าเขาว่าขโมยผลงานคนอื่น อีกทั้งตอนนั้นซูถิงก็ยังเป็นพยานบอกว่าหลิวเจี๋ยเป็นคนที่ช่วยเธอไว้ทุกอย่างส่วนหลิวเจี๋ยก็แสร้งทำเป็นคนดี ยกความดีความชอบให้เย่เทียนหยู่ ทำให้คนอื่นๆ ต่างก็โมโหกันจนแทบกระอักเลือดคิดถึงตอนนั้นแล้ว เย่เทียนหยู่จะน้อยใจขนาดไหนกันนะแต่ว่า เขากลับไม่แค้นเคืองอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังไม่แม้กระทั่งคิดจะเอ่ยปากบ่น ยังคงตั้งใจช่วยเธอต่อไปอย่างเงียบๆเธอจะไม่ชอบผู้ชายที่ดีกับเธอขนาดนี้ เธอรังเกียจเขาขนาดนนั้นได้ยังไงกันนะ?เธอคิดถึงกระทั่งว่าตอนนั้นตัวเธอตาบอดหรือพิการทางจิตใจกันแน่“ประธานหลินครับ?”นายธนาคารหลิวยิ้มอย่างขมขื่น ประธานหลินชอบจู่ๆ ก็ไม่พูดไม่จา การพูดคุยกับเธอช่างกินแรงจริงๆ แต่เขาก็ไม่กล้าวางสายเธออยู่ดี“คราวนี้ฉันต้องการใช้ชื่อส่วนตัวของฉันในการกู้ยืมเงินค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ไหมคะ?”“เท่าไรครับ?”“ห้าร้อยล้านค่ะ! ฉันสามารถใช้ทรัพย์สินบางส่วนของตระกูลหลินเป็นหลักประกันได้ แต่ฉันเกรงว่ามูลค่าจะไม่ถึงขนาดนั้น”“ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป