“อยู่ในห้องประชุมกันหมดแล้วค่ะ”หลิวเหวินตอบทันทีที่ได้ยินเธอเคารพเย่เทียนหยู่มากกว่าหลินหว่านหรูเสียอีกในตอนนี้ เพราะเธอสนิทกับหลินหว่านหรูมาก แต่สำหรับเย่เทียนหยู่ วันนี้เธอถูกวิธีดำเนินเรื่องของเขาทำเอาตะลึงพึงเพิด“โอเค!”เย่เทียนหยู่หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะโทรออก แล้วพูดเสียงเรียบว่า “พวกคุณพาตัวเข้ามาได้ อย่าลืมที่ผมบอกไว้”สำหรับสถานการณ์นี้ เขาเดาได้อยู่ก่อนแล้ว จึงได้เตรียมการมาก่อนเล็กน้อยเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่วางสาย หลินหว่านหรูก็ถามขึ้น “นายโทรหาใคร จะให้พาใครเข้ามาเหรอ?”“เพื่อนคนหนึ่งน่ะครับ พาคนที่เมื่อกี้ปลุกปั่นทำร้ายคุณพวกนั้นเข้ามา”“อะไรนะ!”“ทำไมนายถึงแตะต้องพวกเขา!”หลินหว่านหรูเริ่มวิตกกังวลทันทีและพูดว่า “เรื่องนี้จบลงแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา”“ไม่ พวกเขาทำให้คุณโกรธและพวกเขาต้องชดใช้”“เรื่องนั้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ เรื่องพวกนั้นมันผ่านไปแล้ว ถ้านายจับพวกเขามา อีกพักพวกเขาออกไปแล้วไม่รู้จะโวยวายใหญ่โตขนาดไหน”หลินหว่านหรูกังวลมาก ในที่สุดเรื่องราวต่าง ๆ ก็สงบลง แต่ตาหมอนี่กำลังจะก่อปัญหาใหม่“ไม่ คุณปล่อยวางไ
เย่เทียนหยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง หรือกระทั่งหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ อย่าพูดจาแข็งกระด้างแบบนั้นสิ ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอ เรื่องง่าย ๆ น่ะ”“ต้องอย่างนั้นสิ!”“ถ้าพวกคุณพูดแบบนี้แต่แรก เราจะทะเลาะกันมานานขนาดนี้ไปทำไม ถ้ายังเถียงกันต่อไป อีกพักเอาไปโพสต์บนโซเชียล เกรงว่าคำด่าที่พวกคุณเพิ่งพิสูจน์ความจริงกันไปคงเปล่าประโยชน์”ใบหน้าของชายคนนั้นเผยความยินดี และเอ่ยวาจาข่มขู่อย่างไม่สะทกสะท้านนักข่าวคนที่เป็นเพื่อนเขานี่พึ่งพาได้จริง ๆ แค่กุศโลบายเดียวก็จัดการอีกฝ่ายได้เย่เทียนหยู่ยังคงไร้ซึ่งความไม่พอใจ เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “ใช่แล้วล่ะ ที่พี่ชายคนนี้พูดมันก็ถูก ผมน่ะเห็นด้วยสุด ๆ”แต่ในตอนนี้เอง มือถือของเขาก็ดังขึ้น เพราะคนที่เขาพามาได้มาถึงหน้าห้องประชุมแล้วเขาสั่งให้นำตัวเข้ามาทันที ในขณะเดียวกันก็ปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าใกล้หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “พวกคุณรอก่อนนะ ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย อีกพักผมจะมาจัดการเงินชดเชยของพวกคุณ”ทันทีที่เขาพูดจบ ชายหลายคนในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำก็ปรากฏตัวที่ประตู และพวกเขายังพาคนเข้ามายั
ในขณะที่ถาม เขายังคงเล่นกับกริชเปื้อนเลือดในมือของเขาไปด้วยคำที่เขาพูดทำเอาชายตรงหน้าและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย หลังจากอ้าปากพงาบๆ กลับไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลยสักคำเมื่อเห็นว่าหลายคนเงียบกริบ เย่เทียนหยูก็ขมวดคิ้วในเวลานี้ บรรยากาศทั่วทั้งห้องดูเหมือนจะเย็นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเย่เทียนหยูอย่างชัดเจนพวกเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ขาของพวกเขาอ่อนแรงต่างก็คุกเข่าลงแต่แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ยิ้มอีกครั้งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไอ้หยา พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ผมอยากจะชดเชยให้พวกคุณนะ พวกคุณจะคุกเข่ากันทำไม”“ต...ต้องคุกเข่า!”“เรา เราจะฟังที่คุณพูดทุกอย่างครับ” ผู้คนต่างพากันพูด“อย่าสิครับ พวกคุณต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย เป็นเราเองที่ควรชดเชยคุณ เพียงแต่ว่า ไม่รู้ตกลงพวกคุณอยากได้เงินเท่าไร” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจ่ายเราสักบาทเลย ถึงยังไงหน้าเราก็รักษาหายแล้ว ไม่ต้องให้เราจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ดีมากแล้วล่ะ”“ไม่ได้นะครับ ถึงยังไงเราก็ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ เอาแบบนี้ดีไหม ถึงคนในครอบครัวของพวก
หลิวเหวินตกตะลึง นี่มันคือการดำเนินการแบบไหนกันทั้งที่เมื่อครู่เธอพยายามบอกเป็นนัยให้คนพวกนี้ตกใจกลัว แต่คนพวกนี้เป็นมืออาชีพมาก พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ไม่รู้เลยว่าหัวหน้าทีมเย่ใช้มาตราการอะไรเพื่อทำให้แน่ใจ หลิวเหวินจึงได้ตั้งใจสอบถามพวกเขาว่าพวกเขายินยอมด้วยตนเองหรือไม่ หรือได้รับการข่มขู่อะไรมาบ้างหรือเปล่าแล้วพวกเขาจะกล้าพูดได้ยังไงกันว่าพวกเขาถูกข่มขู่ แต่ละคนต่างบอกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกข่มขู่ เพียงแต่จู่ ๆ พวกเขาก็คิดได้ และรู้สึกว่าตนจะทำแบบนี้ไม่ได้นั่นเป็นการแบล็กเมล์ และจะต้องติดคุกหลิวเหวินยิ้มแห้ง ดูเหมือนว่าหัวหน้าทีมเย่จะมีวิธีแก้ปัญหาจริงๆ สินะหลินหว่านหรูเดินตรงไปที่ห้องประชุม และในไม่ช้าก็เห็นคราบเลือดที่ทุกคนกำลังทำความสะอาดอยู่ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที และเธอก็รีบถาม “เย่เทียนหยู่ นี่นายทำอะไรลงไป!”เธอกลัวมาก เธอชอบที่เย่เทียนหยู่ช่วยเธอ และมีความสุขมากที่เขามีความสามารถ แต่แน่นอนว่า เธอไม่ต้องการให้เย่เทียนหยู่ก่อเหตุฆาตกรรมและทำร้ายผู้อื่น เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาต้องไปนอนคุกเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ดูสิ นี่แค่ถุงเลือดน่ะ เอา
ไม่ว่าจะมีปัญหากับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่รับผิดชอบในการตอบรับล้วนเป็นปัญหาภายในการจะถอดเธอออกเพื่อให้เธอได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดเธอจะต้องไม่มีข้อกังขาแน่ หรืออาจจะยินดีมากด้วยซ้ำถ้าหากว่าได้ผลประโยชน์อะไรเพิ่มอีกสักหน่อยและเธอก็เตรียมจะย้ายหลิวเหวินเข้าไปแทน เพราะหากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เย่เทียนหยู่กล่าวถึงปรากฏขึ้น อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของบริษัทคงได้ถึงคราวเติบโตอย่างแท้จริงภายในห้องมีการรวมตัวผู้บริหารจากทุกฝ่ายอีกครั้ง พวกเขาต้องการบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีความสามารถมารับผิดชอบทันทีที่หลิวเหวินถูกย้าย ฝ่ายขายจะมีตำแหน่งผู้อำนวยการว่างเพื่อเป็นผู้นำฝ่ายขาย ซึ่งจะทำให้เย่เทียนหยู่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปยังตำแหน่งผู้อำนวยการถ้าเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าการทำแบบนี้คงเป็นเรื่องยากแต่มาวันนี้ ไม่มีการจำกัดอำนาจจากหลี่ว์ซิงเหออีกแล้ว รวมกับผลงานที่โดดเด่นของเย่เทียนหยู่ในวันนี้แล้วเธอก็ถือโอกาสให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งแม้อาจจะมีอุปสรรคเล็กน้อย มันก็จะไม่ส่งผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือในช่วงไม่กี่วันมานี้ เธอขอให้หลิวเหวินคอยติดตามพิเศษ เพราะหลิวสุ่ยบริหารจัดก
“ได้ เยี่ยมมาก!” หลังจากได้รับการตอบกลับ เย่เทียนหยู่ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“แต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ ว่าบริษัทเติบโตมหาศาลหมายความว่ายังไง”“ฮึ เรื่องนั้นน่ะเหรอ คำนวณตามมูลค่าตลาดของบริษัทก็แล้วกัน อย่างน้อย ควรจะเพิ่มขึ้นสองเท่า”“และ จะต้องภายในหนึ่งปีนี้เท่านั้น!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา ถ้านายกล้าคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น แถมยังกล้าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้นอีก ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งงานที่ไม่มีวันทำสำเร็จให้นายก็แล้วกันในความเห็นของเธอ แม้เย่เทียนหยู่จะสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใหม่ออกมาได้ แต่หากผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่สินค้าตัวท็อปของตลาด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มูลค่าตลาดของบริษัทจะเพิ่มเป็นสองเท่าไม่ต้องพูดถึงหนึ่งปีเลย จะกี่ปีก็เป็นไปไม่ได้มูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่หนึ่งหมื่นล้าน กว่าจะถึงสองหมื่นล้านคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี นอกเสียจากจะปรับเป็นบริษัทแบบมหาชนเดิมทีเธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะลำบากใจ และขอลดข้อเรียกร้องของลงจากนั้นก็ยอมจำนน ยอมถ่อมตนเสียหน่อยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็พูดทันที: “ได้ ไม่มีปัญหา!”“ไม่มีปัญหา?”หลินหว่านหรู
“แกไอ้บ้า พูดเรื่องอะไรไร้สาระ!”“ฉันไม่ได้ร้องนะ”คำพูดเหล่านี้ทำให้เธอละอายใจจริงๆ“ตอนนั้นคุณหมดสติ คุณจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ”“นายยังจะพูดอีก!”หลินหว่านหรูดุเขาด้วยความเขินอาย“โอเคๆ ผมไม่พูดแล้ว!”“แต่ครั้งนี้ผมทำงานหนักและช่วยคุณไว้ตั้งเยอะนะ คุณให้รางวัลกับกำลังใจเล็กๆ ผมหน่อยไม่ได้เหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามอย่างคาดหวัง“นายต้องการอะไรล่ะ? ก็จะเลื่อนตำแหน่งให้นายอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“นั่นไม่นับ คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ได้สนใจการเลื่อนตำแหน่ง สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็คือคุณ”คำพูดเหล่านี้ทำให้ใจของหลินหว่านหรูสั่นไหว และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “แล้วคุณต้องการกำลังใจอะไรล่ะ? แต่ฉันขอบอกนายนะว่าห้ามคิดมาก”“ไม่มากครับ ผมขอแค่กอดเดียวได้หรือเปล่า?”“กอดเหรอ?”หลินหว่านหรูจ้องมองเย่เทียนหยู่ รู้อยู่ว่าเขาคิดจะเอาเปรียบเธอ“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ ผมแค่อยากได้รับความรักกับกำลังใจบ้าง”“คุณไม่รู้หรอกว่าในช่วงนี้ผมต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขนาดไหน ทุกคนเข้าผมผิดขนาดไหน และผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงบ้าง”เย่เทียนหยู่ดูน่าสงสารนอกจากนี้เขายังพบว่าท่าทางขี้อา
หลินหว่านหรูปรับอารมณ์ของเธออย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไป และได้พบกับหลิวเหวินที่เพิ่งจัดการเรื่องค่าชดเชยให้กับคนพวกนั้นเธอประหลาดใจ จัดการเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?“ประธานหลิน ทำไมคุณถึงหน้าแดงขนาดนี้” หลิวเหวินก็แปลกใจเล็กน้อยเช่นกันเมื่อถามคำถามนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ่งหน้าแดงราวกับว่าความลับของเธอถูกเปิดเผย เธอพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร!”จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที: “ค่าชดเชยของคนเหล่านั้นจัดการเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”“พวกเขาให้ความร่วมมือดีมาก กระตือรือร้นที่จะเซ็นชื่อสุด ๆ พอเซ็นชื่อแล้วพวกเขาก็มีความสุขมากเลยค่ะ” หลิวเหวินยิ้มอย่างขมขื่น“หัวหน้าทีมเย่ทำอะไรกับพวกเขากันแน่?”หลิวเหวินยังกังวลเล็กน้อยว่าคนเหล่านี้จะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่“เชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนชักจูงพวกนั้นเหรอคะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวเหวินก็คาดเดาความเป็นไปได้บางอย่างคลุมเครือ“อือ!”“พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจพวกเขา ฉันจะคุยอะไรบางอย่างกับคุณ” หลินหว่านหรูพูด“ว่าไง?”“ครั้งนี้เรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับ เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์แม้ว่าเฉินเว่ยจะไม่