“อยู่ในห้องประชุมกันหมดแล้วค่ะ”หลิวเหวินตอบทันทีที่ได้ยินเธอเคารพเย่เทียนหยู่มากกว่าหลินหว่านหรูเสียอีกในตอนนี้ เพราะเธอสนิทกับหลินหว่านหรูมาก แต่สำหรับเย่เทียนหยู่ วันนี้เธอถูกวิธีดำเนินเรื่องของเขาทำเอาตะลึงพึงเพิด“โอเค!”เย่เทียนหยู่หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะโทรออก แล้วพูดเสียงเรียบว่า “พวกคุณพาตัวเข้ามาได้ อย่าลืมที่ผมบอกไว้”สำหรับสถานการณ์นี้ เขาเดาได้อยู่ก่อนแล้ว จึงได้เตรียมการมาก่อนเล็กน้อยเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่วางสาย หลินหว่านหรูก็ถามขึ้น “นายโทรหาใคร จะให้พาใครเข้ามาเหรอ?”“เพื่อนคนหนึ่งน่ะครับ พาคนที่เมื่อกี้ปลุกปั่นทำร้ายคุณพวกนั้นเข้ามา”“อะไรนะ!”“ทำไมนายถึงแตะต้องพวกเขา!”หลินหว่านหรูเริ่มวิตกกังวลทันทีและพูดว่า “เรื่องนี้จบลงแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา”“ไม่ พวกเขาทำให้คุณโกรธและพวกเขาต้องชดใช้”“เรื่องนั้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ เรื่องพวกนั้นมันผ่านไปแล้ว ถ้านายจับพวกเขามา อีกพักพวกเขาออกไปแล้วไม่รู้จะโวยวายใหญ่โตขนาดไหน”หลินหว่านหรูกังวลมาก ในที่สุดเรื่องราวต่าง ๆ ก็สงบลง แต่ตาหมอนี่กำลังจะก่อปัญหาใหม่“ไม่ คุณปล่อยวางไ
เย่เทียนหยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง หรือกระทั่งหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ อย่าพูดจาแข็งกระด้างแบบนั้นสิ ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอ เรื่องง่าย ๆ น่ะ”“ต้องอย่างนั้นสิ!”“ถ้าพวกคุณพูดแบบนี้แต่แรก เราจะทะเลาะกันมานานขนาดนี้ไปทำไม ถ้ายังเถียงกันต่อไป อีกพักเอาไปโพสต์บนโซเชียล เกรงว่าคำด่าที่พวกคุณเพิ่งพิสูจน์ความจริงกันไปคงเปล่าประโยชน์”ใบหน้าของชายคนนั้นเผยความยินดี และเอ่ยวาจาข่มขู่อย่างไม่สะทกสะท้านนักข่าวคนที่เป็นเพื่อนเขานี่พึ่งพาได้จริง ๆ แค่กุศโลบายเดียวก็จัดการอีกฝ่ายได้เย่เทียนหยู่ยังคงไร้ซึ่งความไม่พอใจ เขายิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “ใช่แล้วล่ะ ที่พี่ชายคนนี้พูดมันก็ถูก ผมน่ะเห็นด้วยสุด ๆ”แต่ในตอนนี้เอง มือถือของเขาก็ดังขึ้น เพราะคนที่เขาพามาได้มาถึงหน้าห้องประชุมแล้วเขาสั่งให้นำตัวเข้ามาทันที ในขณะเดียวกันก็ปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าใกล้หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “พวกคุณรอก่อนนะ ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย อีกพักผมจะมาจัดการเงินชดเชยของพวกคุณ”ทันทีที่เขาพูดจบ ชายหลายคนในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำก็ปรากฏตัวที่ประตู และพวกเขายังพาคนเข้ามายั
ในขณะที่ถาม เขายังคงเล่นกับกริชเปื้อนเลือดในมือของเขาไปด้วยคำที่เขาพูดทำเอาชายตรงหน้าและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย หลังจากอ้าปากพงาบๆ กลับไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลยสักคำเมื่อเห็นว่าหลายคนเงียบกริบ เย่เทียนหยูก็ขมวดคิ้วในเวลานี้ บรรยากาศทั่วทั้งห้องดูเหมือนจะเย็นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเย่เทียนหยูอย่างชัดเจนพวกเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ขาของพวกเขาอ่อนแรงต่างก็คุกเข่าลงแต่แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ยิ้มอีกครั้งและพูดอย่างเร่งรีบ: “ไอ้หยา พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ผมอยากจะชดเชยให้พวกคุณนะ พวกคุณจะคุกเข่ากันทำไม”“ต...ต้องคุกเข่า!”“เรา เราจะฟังที่คุณพูดทุกอย่างครับ” ผู้คนต่างพากันพูด“อย่าสิครับ พวกคุณต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย เป็นเราเองที่ควรชดเชยคุณ เพียงแต่ว่า ไม่รู้ตกลงพวกคุณอยากได้เงินเท่าไร” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจ่ายเราสักบาทเลย ถึงยังไงหน้าเราก็รักษาหายแล้ว ไม่ต้องให้เราจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ดีมากแล้วล่ะ”“ไม่ได้นะครับ ถึงยังไงเราก็ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ เอาแบบนี้ดีไหม ถึงคนในครอบครัวของพวก
หลิวเหวินตกตะลึง นี่มันคือการดำเนินการแบบไหนกันทั้งที่เมื่อครู่เธอพยายามบอกเป็นนัยให้คนพวกนี้ตกใจกลัว แต่คนพวกนี้เป็นมืออาชีพมาก พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ไม่รู้เลยว่าหัวหน้าทีมเย่ใช้มาตราการอะไรเพื่อทำให้แน่ใจ หลิวเหวินจึงได้ตั้งใจสอบถามพวกเขาว่าพวกเขายินยอมด้วยตนเองหรือไม่ หรือได้รับการข่มขู่อะไรมาบ้างหรือเปล่าแล้วพวกเขาจะกล้าพูดได้ยังไงกันว่าพวกเขาถูกข่มขู่ แต่ละคนต่างบอกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกข่มขู่ เพียงแต่จู่ ๆ พวกเขาก็คิดได้ และรู้สึกว่าตนจะทำแบบนี้ไม่ได้นั่นเป็นการแบล็กเมล์ และจะต้องติดคุกหลิวเหวินยิ้มแห้ง ดูเหมือนว่าหัวหน้าทีมเย่จะมีวิธีแก้ปัญหาจริงๆ สินะหลินหว่านหรูเดินตรงไปที่ห้องประชุม และในไม่ช้าก็เห็นคราบเลือดที่ทุกคนกำลังทำความสะอาดอยู่ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที และเธอก็รีบถาม “เย่เทียนหยู่ นี่นายทำอะไรลงไป!”เธอกลัวมาก เธอชอบที่เย่เทียนหยู่ช่วยเธอ และมีความสุขมากที่เขามีความสามารถ แต่แน่นอนว่า เธอไม่ต้องการให้เย่เทียนหยู่ก่อเหตุฆาตกรรมและทำร้ายผู้อื่น เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาต้องไปนอนคุกเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ดูสิ นี่แค่ถุงเลือดน่ะ เอา
ไม่ว่าจะมีปัญหากับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่รับผิดชอบในการตอบรับล้วนเป็นปัญหาภายในการจะถอดเธอออกเพื่อให้เธอได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดเธอจะต้องไม่มีข้อกังขาแน่ หรืออาจจะยินดีมากด้วยซ้ำถ้าหากว่าได้ผลประโยชน์อะไรเพิ่มอีกสักหน่อยและเธอก็เตรียมจะย้ายหลิวเหวินเข้าไปแทน เพราะหากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เย่เทียนหยู่กล่าวถึงปรากฏขึ้น อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของบริษัทคงได้ถึงคราวเติบโตอย่างแท้จริงภายในห้องมีการรวมตัวผู้บริหารจากทุกฝ่ายอีกครั้ง พวกเขาต้องการบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีความสามารถมารับผิดชอบทันทีที่หลิวเหวินถูกย้าย ฝ่ายขายจะมีตำแหน่งผู้อำนวยการว่างเพื่อเป็นผู้นำฝ่ายขาย ซึ่งจะทำให้เย่เทียนหยู่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปยังตำแหน่งผู้อำนวยการถ้าเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าการทำแบบนี้คงเป็นเรื่องยากแต่มาวันนี้ ไม่มีการจำกัดอำนาจจากหลี่ว์ซิงเหออีกแล้ว รวมกับผลงานที่โดดเด่นของเย่เทียนหยู่ในวันนี้แล้วเธอก็ถือโอกาสให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งแม้อาจจะมีอุปสรรคเล็กน้อย มันก็จะไม่ส่งผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือในช่วงไม่กี่วันมานี้ เธอขอให้หลิวเหวินคอยติดตามพิเศษ เพราะหลิวสุ่ยบริหารจัดก
“ได้ เยี่ยมมาก!” หลังจากได้รับการตอบกลับ เย่เทียนหยู่ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ“แต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ ว่าบริษัทเติบโตมหาศาลหมายความว่ายังไง”“ฮึ เรื่องนั้นน่ะเหรอ คำนวณตามมูลค่าตลาดของบริษัทก็แล้วกัน อย่างน้อย ควรจะเพิ่มขึ้นสองเท่า”“และ จะต้องภายในหนึ่งปีนี้เท่านั้น!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา ถ้านายกล้าคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น แถมยังกล้าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้นอีก ถ้าอย่างนั้นฉันจะสั่งงานที่ไม่มีวันทำสำเร็จให้นายก็แล้วกันในความเห็นของเธอ แม้เย่เทียนหยู่จะสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใหม่ออกมาได้ แต่หากผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่สินค้าตัวท็อปของตลาด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มูลค่าตลาดของบริษัทจะเพิ่มเป็นสองเท่าไม่ต้องพูดถึงหนึ่งปีเลย จะกี่ปีก็เป็นไปไม่ได้มูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่หนึ่งหมื่นล้าน กว่าจะถึงสองหมื่นล้านคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี นอกเสียจากจะปรับเป็นบริษัทแบบมหาชนเดิมทีเธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะลำบากใจ และขอลดข้อเรียกร้องของลงจากนั้นก็ยอมจำนน ยอมถ่อมตนเสียหน่อยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น เขาก็พูดทันที: “ได้ ไม่มีปัญหา!”“ไม่มีปัญหา?”หลินหว่านหรู
“แกไอ้บ้า พูดเรื่องอะไรไร้สาระ!”“ฉันไม่ได้ร้องนะ”คำพูดเหล่านี้ทำให้เธอละอายใจจริงๆ“ตอนนั้นคุณหมดสติ คุณจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ”“นายยังจะพูดอีก!”หลินหว่านหรูดุเขาด้วยความเขินอาย“โอเคๆ ผมไม่พูดแล้ว!”“แต่ครั้งนี้ผมทำงานหนักและช่วยคุณไว้ตั้งเยอะนะ คุณให้รางวัลกับกำลังใจเล็กๆ ผมหน่อยไม่ได้เหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามอย่างคาดหวัง“นายต้องการอะไรล่ะ? ก็จะเลื่อนตำแหน่งให้นายอยู่ไม่ใช่เหรอ?” หลินหว่านหรูพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“นั่นไม่นับ คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ได้สนใจการเลื่อนตำแหน่ง สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็คือคุณ”คำพูดเหล่านี้ทำให้ใจของหลินหว่านหรูสั่นไหว และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “แล้วคุณต้องการกำลังใจอะไรล่ะ? แต่ฉันขอบอกนายนะว่าห้ามคิดมาก”“ไม่มากครับ ผมขอแค่กอดเดียวได้หรือเปล่า?”“กอดเหรอ?”หลินหว่านหรูจ้องมองเย่เทียนหยู่ รู้อยู่ว่าเขาคิดจะเอาเปรียบเธอ“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ ผมแค่อยากได้รับความรักกับกำลังใจบ้าง”“คุณไม่รู้หรอกว่าในช่วงนี้ผมต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขนาดไหน ทุกคนเข้าผมผิดขนาดไหน และผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงบ้าง”เย่เทียนหยู่ดูน่าสงสารนอกจากนี้เขายังพบว่าท่าทางขี้อา
หลินหว่านหรูปรับอารมณ์ของเธออย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไป และได้พบกับหลิวเหวินที่เพิ่งจัดการเรื่องค่าชดเชยให้กับคนพวกนั้นเธอประหลาดใจ จัดการเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?“ประธานหลิน ทำไมคุณถึงหน้าแดงขนาดนี้” หลิวเหวินก็แปลกใจเล็กน้อยเช่นกันเมื่อถามคำถามนี้ หลินหว่านหรูก็ยิ่งหน้าแดงราวกับว่าความลับของเธอถูกเปิดเผย เธอพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร!”จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที: “ค่าชดเชยของคนเหล่านั้นจัดการเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”“พวกเขาให้ความร่วมมือดีมาก กระตือรือร้นที่จะเซ็นชื่อสุด ๆ พอเซ็นชื่อแล้วพวกเขาก็มีความสุขมากเลยค่ะ” หลิวเหวินยิ้มอย่างขมขื่น“หัวหน้าทีมเย่ทำอะไรกับพวกเขากันแน่?”หลิวเหวินยังกังวลเล็กน้อยว่าคนเหล่านี้จะมีปัญหาในภายหลังหรือไม่“เชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนชักจูงพวกนั้นเหรอคะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวเหวินก็คาดเดาความเป็นไปได้บางอย่างคลุมเครือ“อือ!”“พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจพวกเขา ฉันจะคุยอะไรบางอย่างกับคุณ” หลินหว่านหรูพูด“ว่าไง?”“ครั้งนี้เรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับ เครื่องสำอางแบรนด์ปัวเรต์แม้ว่าเฉินเว่ยจะไม่
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก