พอเห็นว่าจางเหยียนตื่นเต้นมาก หลิวซือซือเลยคิดถึงเรื่องที่ตัวเองเกือบโดนข่มขืน จึงตอบออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา “พี่เหยียน พี่แน่ใจเหรอ ว่าประธานหลี่ว์อธิบายเรื่องของฉันให้พวกนั้นรู้แล้วจริง ๆ?”จู่ ๆ จางเหยียนก็ถูกถามออกมาแบบนี้ เธอเลยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รีบพูดขึ้นว่า “แน่ใจสิ ฉันต้องแน่ใจอยู่แล้ว”พอสังเกตเห็นถึงความลังเลของจางเหยียน หลิวซือซือก็เดาคำตอบได้ แล้วพูดออกไปด้วยความโกรธ “ไร้สาระ เกาเซ่อบอกว่าไม่มีใครอธิบายเรื่องของฉันเลย เขาเกือบจะข่มขืนฉันแล้วด้วยซ้ำ”“หา มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ งั้นฉันก็น่าจะฟังผิดแล้วล่ะ” พอจางเหยียนเห็นว่าไม่สามารถซ่อนมันได้อีกแล้ว จึงพูดขึ้นทันที“งั้นเหรอ? ”“จริงสิ เธอคงไม่คิดว่าฉันโกหกเธอหรอกนะ พวกเราสนิทกันขนาดไหน ฉันจะโกหกเธอได้ยังไง”“นั่นก็จริง ฉันคงจะคิดมากไปเองแหละ” ปากหลิวซือซือพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจกลับยังสงสัยในตัวเธออย่างชัดเจน“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ ว่าเย่เทียนหยู่เป็นยังไงบ้าง? ” จางเหยียนอดไม่ได้ที่จะถามต่อไปพอหลิวซือซือได้ยินแบบนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจของเธอเย็นยะเยือกมากกว่าเดิม แล้วเธอก็ย
“เข้าใจแล้วก็ดี”พอจางเหยียนทิ้งคำพูดเหล่านี้เอาไว้แล้ว เธอก็จากไปด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง เดิมทีเธอคิดว่ามันจะเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้แล้วแท้ ๆ ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ ทำให้เธอผิดหวังจริง ๆหลิวซือซือส่ายหัว เธอตัดสินใจที่จะไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไป แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานในแผนกการขายของเธอต่อไปพอเย่เทียนหยู่ออกจากบริษัท ก็ตรงไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งทันที ช่วงนี้เพิ่งได้วิชาใหม่มา วันนี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะฝึกฝนอย่างหนักอยู่ที่วิลล่าแต่ก็เป็นเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้นพอมองดูเบอร์นั้น ก็เห็นว่าเป็นหลินหว่านหรูโทรมาที่แท้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ครอบครัวของปู่รองก็ตั้งใจมาหาเธอที่บ้าน และขอร้องให้หลินหว่านหรูหาทางจัดการกับหลาน ๆ ของพวกเขาหลานชายและหลานสาวของพวกเขาทานข้าวอยู่ข้างนอก แล้วไปเผลอไปทำให้คนของคุณชายเป้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่คิงคองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของประธานหยางขุ่นเคืองเข้า จากนั้นก็ถูกอีกฝ่ายจับตัวเอาไว้ตอนนี้มันอันตรายมาก พวกเขากำหนดเวลาให้แค่สามชั่วโมงในการรวบรวมเงินประกันร้อยล้าน ไม่เช่นนั้นผู้ชาย
หลินหว่านหรูก็เองตกใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินจื่อตงเธอก็นึกถึงคนคนหนึ่งในทันทีในเวลานั้น สมาชิกตระกูลหลินทุกคนก็อยู่ที่นั่นด้วย นอกจากหลิวเจี๋ยแล้ว ก็มีเพียงเย่เทียนหยู่เท่านั้นอีกทั้งจื่อตงเองก็ดูเหมือนจะชื่นชมเย่เทียนหยู่เป็นพิเศษ ถ้าคำพูดเช่นนี้หลุดออกจากปากของเขา ก็เป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นเขาเพียงแต่ว่า ท่านชายเป้าจะให้เกียรติคนอย่างเย่เทียนหยู่ได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้เลย“จื่อตง เลิกอ้ำอึ้งแล้วรีบบอกปู่รองมาเร็ว ๆ” ปู่รองถามอย่างตื่นเต้นทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แต่คราวนี้เขาไม่ได้อ้ำอึ้งแล้ว และพูดออกไปตามตรงว่า “ก็เย่เทียนหยู่ พี่เขยของผมในตอนนี้ยังไงล่ะ!”“ใครนะ?”“เย่เทียนหยู่?”“จื่อตง แกช่วยเลิกพูดเรื่องไร้สาระสักทีได้ไหม!”เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้น เธอก็กระโดดขึ้นและสาปแช่งทันที: “ถ้าเศษขยะอย่างเขามีความสามารถขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณทุกวันนี้?”ต่อมาเธอก็หันไปพูดกับปู่รอง: “คุณอา คุณอาจจะไม่รู้สินะคะ จื่อตงน่ะระยะนี้ไม่รู้ถูกปีศาจเข้าสิงหรือเปล่า เขาถึงได้เอาแต่ชมเย่เทียนหยู่ เอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระ”ปู่รองก็เองก็ได้แต่ยิ้มแห่ง
คุณแม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโมโหหลินหว่านหรูที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้นมาในเวลานี้ “ขอหนูลองโทรไปถามก่อน”เธอไม่ได้พูดว่าเขาอาจจะทำได้ เพียงแต่เธอกำลังทำเพื่อรักษาหน้าแม่ของเธอ แต่จริง ๆ แล้วเธอแอบคิดเหมือนกันว่าเย่เทียนหยู่ทำได้จริง ๆเมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินดังนั้นก็โกรธทันที แต่เธอก็ไม่ได้ห้ามหลินหว่านหรู ในเมื่อพวกคุณชอบทำให้ตัวเองอับอายมากนัก ก็ไปทำให้ตัวเองอับอายไปเลยสำหรับลูกสาว จะได้ให้เธอได้เห็นความจริงชัดเจนไปด้วยซะเลย จะได้ไม่ถูกคนอย่างเย่เทียนหยู่หลอกแน่นอนว่าใบหน้าของหลินจื่อตงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกตื่นเต้นมาก ในที่สุดตอนนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว เขาแอบพึมพำพี่เขย คราวนี้คุณต้องส่งแรงให้หน่อยแล้วล่ะไม่อย่างนั้นผมเองก็ช่วยพี่ไม่ได้แล้วจริง ๆหลินหว่านหรูหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา ทันทีที่เธอเปิดมันเธอก็เจอหมายเลขของเย่เทียนหยู่และโทรออกทันทีเย่เทียนหยู่กำลังฝึกซ้อม ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะสังเกตเห็นสายเรียกเข้า เขารับสายแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก มีอะไรหรือเปล่า?”ใบหน้าของหลินหว่านหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ตอนนี้อิตาบ้านี่ชักเริ่มกล้าหาญขึ้นเรื
ทันทีที่หลินหว่านหรูวางสาย ปู่รองและสมาชิกครอบครัวก็ต่างก็จับจ้องไปที่หลินหว่านหรู พวกเขาต่างหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากเธอแม้ว่าจะบอกว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและดูเหมือนจะไร้หนทาง แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ได้คุยกันเรื่องนี้ แล้วยังขอหมายเลขโทรศัพท์ไปหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างช่วยไม่ได้: “เย่เทียนหยู่บอกว่าเขาจะลองดู แต่ไม่ได้รับประกันนะคะ” เธอไม่กล้ารับประกันให้เย่เทียนหยู่“ลองเหรอ?”“พวกคุณก็เอาแต่เชื่อคำโม้ลม ๆ แล้ง ๆ ของมันเท่านั้น!”“เชื่อไหมว่าภายในห้านาทีนี้เดี๋ยวมันก็โทรมาบอกว่าไม่ได้ผลเราทำอะไรไม่ได้”คุณแม่ตระกูลหลินล้อเลียน“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าเขามีเก่งแบบนั้นจริงเขาคงจะไม่ขอเบอร์ท่านชายเป้าจากเราหรอก” หลินซินลูกชายของปู่รองก็พูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน“ถ้างั้นเราควรทำยังไงดี รีบจ่ายเงินกันเถอะนะ” ลูกสะใภ้ของคุณปู่รองกังวลมากปู่รองพยักหน้าและพูดว่า: “ถ้ายังไงเราจ่ายเงินกันดีกว่านะ”แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้นเธอก้มหน้าลงแล้วมอง เอ๊? นี่ไม่ใช่เบอร์ที่คุณปู่รองบอกเธอเมื่อกี้หรอกเหรอ?“ใครน่ะ?”ทุกคนตื่นเต้น และแน่นอนว่าพวกเขาให้ความ
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะกล้าแสดงละครเป็นท่านชายเป้ากันล่ะ? ถ้าให้ท่านชายเป้าตัวจริงรู้เรื่องนี้ มีหวังได้ตายอนาถกันพอดีในขณะนี้ คุณแม่ตระกูลหลินสับสนอย่างหนักความสามารถของเย่เทียนหยู่น่ากลัวและทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?แค่โทรไปสายเดียวก็ทำให้ท่านชายเป้ากลัวได้ขนาดนี้?ทำไมเรื่องราวต่าง ๆ ถึงรู้สึกเหลือเชื่อจนแทบไม่อาจทำให้ผู้คนเชื่อได้เลยไม่ มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆแต่ในเวลานี้ หลินจื่อตงคือคนที่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดเป็นไปตามที่คาด ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้ ขอแค่พี่เขยของเรายอมออกหน้าไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาไม่ได้ไม่เพียงแต่แก้ไข แต่ยังน่าตกใจมากที่แม้แต่ท่านชายเป้าซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมในเมืองเจียงไห่ก็ยังเคารพนบน้อม น่าตกใจเกินกว่าที่เขาเองจินตนาการเอาไว้เสียอีกพี่เขย!คุณหล่อมาก คุณคือไอดอลที่แท้จริงของผม!หลินหว่านหรูสงบลงและพูดอย่างเร่งรีบ: “ท่านชายเป้า ฉันขอโทษนะคะ พวกเขาไม่รู้จักค่อยรู้จักคุณ เพราะอย่างนั้นพวกเขาก็เลยเข้าใจผิดว่าคุณไม่ใช่ตัวจริง”“มันไม่สำคัญหรอกครับ ขอแค่คุณหลินไม่ตำหนิเรื่องที่ผมทำก็พอแล้ว”เท่าชายเป้ากล่าวอย่างสุภาพ“จะเป็นแบบนั้นไ
ครั้งนั้นท่านชายเป้าล่าถอยไปกะทันหันไม่ใช่เพราะหลิวเจี๋ยแต่เป็นเพราะเทียนหยู่ถึงได้ยอมถอยเธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ แต่ข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้าเธอทำให้เธอต้องเชื่อแบบนั้นมันเป็นความจริง!ถ้าอย่างนั้นอำนาจของเย่เทียนหยู่?คนที่สามารถทำให้ท่านชายเป้าหวาดกลัวได้นั้นจะต้องมีความมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหนหลินจื่อตงรู้สึกตื่นเต้นมาก รู้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นพี่เขยที่ช่วยเราไว้ในวันนั้นจริง ๆต่อให้ตัวเองปฏิบัติต่อเขาแบบนั้น แต่เขาก็ยังช่วยตัวเองเอาไว้แต่เขาไม่เคยคิดเลย ว่าในเวลานั้นเย่เทียนหยู่ไม่พูดอะไรเลย และจางเป้าก็ถอยกลับไปด้วยตัวเองหลังจากที่ท่านชายเป้าพูดจบ เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเสียง เขากังวลมากจึงพูดอย่างเร่งรีบ: “ประธานหลิน ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ? ถ้าผมพูดไปก็อย่าถือโทษผมเลยนะครับ”เป็นความผิดของเขาเองที่เมื่อครู่พูดจาเย่อหยิ่งไปหน่อยแต่แน่นอนว่าเขาดูถูกขยะอย่างหลิวเจี๋ยจริง ๆ“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณหรอกนะคะ” หลินหว่านหรูส่ายหน้าแต่คุณแม่ตระกูลหลินยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ “ท่านชายเป้า ความสัมพันธ์ของคุณกับเย่เทียนหยู่เป็นยังไงบ้าง? ทำไมคุณถึงต้
“อะไรนะ ได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิงเพราะเย่เทียนหยู่เหรอ?”“แล้วยังเรื่องที่ไปจัดการภรรยาตระกูลซา กับทำให้ซ่งหยางยอมอ่อนข้อ เรื่องทั้งหมดนี่เย่เทียนหยู่ทำเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?”“แถมเรื่องท่านชายเป้าด้วยวันนี้!”“เย่เทียนหยู่ ไอ้คนไร้อำนาจที่ลงจากภูเขาอย่างมันมีอำนาจขนาดนี้ได้ยังไง หว่านหรู ลูกแน่ใจหรือเปล่าว่าลูกไม่ได้ถูกเย่เทียนหยู่หลอกอยู่น่ะ?”“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนค่ะ หนูไปรู้เรื่องนี้มาด้วยตัวเอง ว่าไปแล้วหลังจากเรื่องวันนี้ เขาคงไม่ได้หลอกเราหรอกใช่ไหมคะ” หลินหว่านหรูถามกลับ“ถ้าอย่างนั้นเย่เทียนหยู่ก็กำลังซ่อนความลับอะไรเอาไว้จริง ๆ สินะ”คุณแม่ตระกูลหลินตกใจมาก ถ้าเย่เทียนหยู่มีอำนาจขนาดนั้นเธอยังจะต้องไปตามหาลูกเขยใหม่ที่ข้างนอกนั่นทำไมอีก“แม่ครับ เรื่องที่ผมบอกมันเป็นเรื่องจริงนะ ผมบอกไปตั้งนานแล้วว่าพี่เขยผมคนนี้น่ะอำนาจเหนือคนธรรมดา ต้องไม่ใช่แบบที่แม่คิดแน่” หลินจื่อตงกล่าวเสริม“จื่อตง ลูกไปเจอเรื่องอะไรมาใช่ไหม?”ก่อหน้านี้ คุณแม่ตระกูลหลินคิดมาตลอดว่าลูกชายของเธอเป็นบ้า แต่การค้นพบหลายเรื่องในระยะนี้ นอกจากมุมมองที่มีต่อเย่เทียนหยู่แล้ว ลูกของเธอก็ยังปกติดีทุ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป