เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ หลินจื่อตงคิดน้อยกว่าคนอื่นมาก เขานั่งลงข้างเย่เทียนหยู่ในทันที “พี่เขย วันนี้พี่สุดยอดไปเลย” เขาเอ่ยปาก“คิดไม่ถึงเลขว่าพี่จะมีบารมีเอ่อล้นขนาดนี้!”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ใครให้นายนั่งที่นี่?”หลินจื่อตงตกใจจนลุกขึ้นในทีนที ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “โถ่พี่เขย ผมรู้นะว่าเมื่อก่อนผมทำตัวไม่ได้ ประพฤติความชั่วไว้มาก” “แต่พี่วางใจเลยนะครับ ต่อไปผมจะปรับตัวแน่นอน”“แล้วผมก็จะโน้มน้าวไม่ให้พี่สาวหย่ากับคุณด้วย รับประกันได้ว่าไม่หย่ากันแน่นอน!”“หย่า?”เฉินเข่อซินฟังคำพูดเหล่านั้นพร้อมสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความสงสัย พี่เย่มีภรรยาจริง ๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าภรรยาของเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง“ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากให้นายช่วย”เย่เทียนหยู่พูดพร้อมส่ายหน้า“ก็จริงนะครับ ด้วยบารมีระดับพี่เขย การจะจับพี่สาวผมให้อยู่หมัดก็แค่เอ่ยปาก”“พี่สาวของผมแค่ไม่รู้ความเก่งกาจของพี่เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นพี่ต้องรักคุณมากแน่ ๆ”หลินจื่อตงพูดโน้มน้าวซ้ายทีขวาที ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาหลอกผู้หญิงได้เยอะขนาดนั้น“เอาล่ะ นายไม่ต้องบอกผมเรื่องพวกนี้หรอก วันนี้ที่ผมช่ว
“ใช่ คุณชอบเธอไหม?”“ชอบสิครับ”“งั้นคุณเตรียมสู่ขอเธอหรือเปล่าคะ?” เฉินหมิ่นถามตามตรงเย่เทียนหยู่ได้ยินแล้วก็รีบตอบ “ผมมีภรรยาแล้วครับ”“คุณมีภรรยาจริงด้วย”เฉินหมิ่นรู้สึกโกรธเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อมีภรรยาอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาใจเข่อซินด้วยล่ะคะ? แล้วยังบอกว่าชอบเธออีก?”“คุณน้าครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ความชอบของผมต่อเข่อซินเป็นแบบพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้นครับ” เย่เทียนหยู่อธิบาย“เพียงเพราะเหตุนี้ คุณเลยให้วิลล่าห้าร้อยล้านกับเธอเหรอคะ?”เฉินหมิ่นตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย หากไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเฉินเข่อซิน เธอคงไม่มีทางย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แน่“ใช่ครับ!”“ฉันไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคุณดีไหม แต่จริง ๆ แล้ว ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในวิลล่าแห่งนี้เลย”เฉินหมิ่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “เทียนหยู่ น้าคิดว่าวิลล่านี้ไม่เหมาะกับเราจริง ๆ นะ แล้วในเมื่อเรายังมีเงินอยู่อีกสามสิบห้าล้าน แค่นี้ก็เอาไปซื้อบ้านดี ๆ สักหลังได้แล้วล่ะ”เย่เทียนหยู่ลังเลเล็กน้อย และตระหนักได้ว่าเขาอาจคิดไม่รอบคอบพอเขาแค่อยากชดเชยพวกเขาสองคน ถ้าไม่ใช่เพื่อเขา สถานเลี้ยงเด็กกำพ
“คุณพูดอะไร!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา: “เขามาบอกให้แม่กับฉันทำดีกับคุณอย่างกับคนประสาทกลับ ยังบอกอีกว่าคุณเป็นคนที่เก่งมาก เป็นลูกเขยที่ดีที่สุดของตระกูลหลิน ไปเสาะหาที่ไหนก็คงไม่เจออีกแล้ว”เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคิดว่าหลินจื่อตงทำอะไรซะอีก เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมว่าที่เขาพูดก็ถูกอยู่นะ”“ถูกกับผีนนายน่ะสิ”“เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหนนายไม่รู้เหรอ”“เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเราก็จะหย่ากันแล้วนะ!”ยิ่งหลินหว่านหรูพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเธอคิดว่าทั้งสองคนกำลังจะหย่าเธอก็รู้สึกแย่ขึ้นมา แต่แรกเริ่มเธอบอกว่าจะหย่าภายในหนึ่งเดือน และตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว“งั้นก็ไม่ไปหย่าก็ได้นี่ครับ” เย่เทียนหยู่พูด“ฮึ วาดฝัน!”หลินหว่านหรูปากบอกแบบนั้นแต่ในใจของเธอเองก็กำลังคิดเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นค่อยยืดระยะเวลาไปนานหน่อยก็พอแล้วถึงยังไงซะเย่เทียนหยู่ก็เป็นคนเสนอเอง ไม่ใช่เธออยากทำแบบนั้นเองเสียหน่อย“รอเดี๋ยว พูดไปเรื่อยแล้วนะ นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าตกลงนายทำอะไรกับน้องชายฉันกันแน่ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ชอบนายมากขนาดนี้” หลินหว่านหรูถาม“ผมไ
มองดูเย่เทียนหยู่ที่วางโทรศัพท์ เฉินเข่อซินก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่เย่ ภรรยาพี่โทรมาเหรอคะ?”“อืม!”“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินว่าหย่ากันเลยนะคะ?”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เธออยากหย่ากับผมน่ะ”“เธออยากหย่ากับพี่เหรอ?”ดวงตาของเฉินเข่อซินเป็นประกายทันทีเย่เทียนหยู่กลับมามีสติอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่และไม่ได้โต้ตอบ เขาพูดอย่างเร่งรีบ: “เธอแค่โกรธ ก็เลยล้อเล่นน่ะ”“อ่อ พี่เย่ ภรรยาของพี่คงจะสวยและอ่อนโยนมากใช่ไหมคะ?”“สวยน่ะสวย แต่อ่อนโยนน่ะไม่ติดฝุ่นเลย”เย่เทียนหยูอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น“งั้นเหรอคะ วันไหนเราคงได้รู้จักกันนะ”“อือ!”“แต่พี่เย่ เมื่อกี้เราจริงจังนะคะ วิลล่าไม่เหมาะกับเราจริง ๆ เราจะใช้เงินของเราเองเพื่อซื้อหลังใหม่”เฉินข่อซินพูด“ก็ได้ ผมจะลองโทรถามว่าคอมมูนิตี้นี้ยังมีห้องดี ๆ อยู่บ้างไหม”เย่เทียนหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขณะที่เขาพูด“ไม่ต้องหรอก เราออกไปดูข้างนอกกันดีกว่า” เฉินหมิ่นไม่อยากอยู่ในคอมมูนิตี้เดียวกับเย่เทียนหยู่“แบบนั้นก็ลำบากแย่สิครับ อีกอย่างอยู่ในคอมมูนิตี้เดียวกัน จะได้คอยดูแลกันได้” เย่เทียนหยู่กล่าวเฉินหมิ่นยิ
ในภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเย่เทียนหยู่และจางลี่รู้จักกัน ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารใกล้กับเครซี่บาร์พวกเขากำลังรับประทานอาหารและพูดคุยกันยิ่งกว่านั้น เวลาที่ถ่ายรูปนั้นบังเอิญมาก เพราะมันเป็นวันก่อนที่เธอจะถูกวางยา ทำให้เธออดคิดมากไม่ได้ในเวลานี้เอง ซูถิงโทรมาหาเธอ“หว่านหรูเห็นรูปถ่ายแล้วใช่ไหม?”“แต่ว่า แค่รูปถ่ายใบเดียวคงพิสูจน์อะไรไม่ได้ บางทีเราอาจจะเข้าใจเขาผิดไปจริง ๆ”แต่ซูถิงพูดแล้วก็เสริมว่า: “แต่จังหวะเวลาก็บังเอิญจริง ๆ เลยนะ”“โลกนี้จะไปมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง” หลินว่านหยูพูดด้วยความโกรธ แม้เธอจะคาดเดาแบบนั้นแต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะเป็นจริงซู่ถิงถอนหายใจและพูดว่า “ใช่ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าเย่เทียนหยู่เป็นแค่คนจน แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีแผนการลึกล้ำแบบนี้”“เขาไม่ได้ลึกล้ำ เขามันไร้ยางอาย!”“ไอ้คนชั่ว ถ้าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องวางยาจริง ๆ ฉันให้เขาได้เห็นดีกันแน่”หลินหว่านหรูก่นด่าด้วยความโกรธแล้วถามว่า: “รูปภาพเหล่านี้มาจากไหน”เรื่องนี้ซูถิงคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว “ฉันเจอนักสืบเอกชนแล้วและขอให้พวกเขาตรวจสอบที่อยู่
หรือเป็นเพราะเฉินเข่อซิน?หลินจื่อตงพูดอะไรไปหรือเปล่า?ถ้าหลินหว่านหรูต้องการหย่าจริง ๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรเลยแบบนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคงไม่ใช่คำพูดดี ๆ แน่คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านหรูจะโกรธมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น “ดีนี่ ดูท่านายคงเตรียมตัวรอวันนี้มานานแล้วสินะ นายคิดจะหย่ากับฉันใช่ไหม?”“งั้นก็มาเถอะ ฉันจะรอคุณ!”หลังจากที่หลินหว่านหรูพูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธไอ้สารเลว พอเรื่องผุดเขาก็พร้อมจะมาขอใบหย่าเลยเหรอ?เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกโกรธและไม่สบายใจอย่างยิ่งอย่างไม่อาจอธิบายเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อะไรเรียกว่าเขาเตรียมจะหย่ามานานแล้ว ก็เธอจะไม่หย่ากับเขาไม่ใช่เหรอ?เขาวางโทรศัพท์ลงอย่างหมดหนทางเฉินเข่อซินมองดูและพูดอย่างเร่งรีบ: “พี่เย่ เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”“เป็นเพราะฉันหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นเพราะฉัน ฉันจะไปกับคุณและอธิบายความสัมพันธ์ของเรา” เฉินเข่อซินได้ยินเรื่องเมื่อครู่แล้ว ว่าเป็นเพราะภรรยาของเขารู้อะไรบางอย่างและโกรธจนต้องการหย่า“ไม่ใช่คุณ อย่ากังวลไป”“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ต้องการอะไร พี่สามารถบอกฉัน
เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ หัวใจของหลินว่านหรูก็จมดิ่งลงขึ้นเรื่อย ๆ และเธอก็พูดอย่างเย็นชา: “ดูเหมือนว่านายจะรู้จักเขามานานแล้วสินะ”“ไม่ใช่สิ ผมยังไม่ได้ยอมรับเลยนะ”เย่เทียนหยู่รีบพูดขึ้น“คุณยังไม่ได้ยอมรับเหรอ?”“กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือนายรู้จักเขามานานแล้ว แต่นายแค่ไม่ต้องการที่จะยอมรับใช่ไหม?” หลินหว่านหรูถามด้วยความโกรธ ทำเอาเนินทิวทัศน์ที่สูงตระหง่านสั่นด้วยความโกรธ“ไม่ใช่แบบนั้นนะ!”“ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จักเขา!”“ผมบอกแล้วไงว่าเราเจอกันครั้งแรกเป็นตอนที่เขามาทวงหนี้”เย่เทียนหยู่ตอบ“ดี ดูท่านายไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ นายคิดว่าฉันไม่มีหลักฐานหรือไง?”“คุณมีหลักฐานด้วย?”“แน่นอนสิ!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา: “เย่เทียนหยู่ วันนี้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของนายจริง ๆ สักทีนะ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะไร้ยางอายขนาดนี้!”ความโกรธและความสิ้นหวังที่ต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไป จนเธอคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นปัญหาของตัวเธอเอวแต่ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นการสมรู้ร่วมคิดที่วางแผนไว้เมื่อนานมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนี้เองที่รับบทเป็นผู้ช่วยให้รอดครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้
“คุณก็ดูถูกผมเหมือนกัน หรือตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ คนเราเปลี่ยนกันได้ โดยเฉพาะตอนที่เธอรู้ว่าผมมีความสามารถมากพอ”“นายมีความสามารถ?”“ทักษะที่นายมี มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ต้องพึ่งพาอำนาจคนอื่น ถ้านายไม่ได้ใช้ทักษะทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคนใหญ่คนโตพวกนั้น คุณคงจะจบเห่ไปนานแล้วเพราะความเย่อหยิ่งของคุณ”หลินหว่านหรูโต้กลับ“ได้ เราไม่เถียงกันเรื่องนี้ แต่ภาพนี้ผมจะไปหาความจริงมา!”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งรูปถ่าย จากนั้นกดหมายเลขของจางลี่และต่อสายอย่างรวดเร็ว“คุณชาย มีอะไรรับสั่งครับ?” จางลี่รับสายและพูดอย่างเร่งรีบและด้วยความเคารพ“ผมจะส่งรูปถ่ายไปให้คุณ ลองดูสิว่านั่นเป็นใคร” เย่เทียนหยู่ถามจางลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูด้วยสีหน้าตกตะลึง แล้วพูดว่า “ให้ตายสิ คุณชาย ใครกันครับทำเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ แต่งรูปน้องรองผมให้เป็นคุณเนี่ยนะ?”“วันนั้นผมไปกินข้าวที่นั่นน้องรองผมเองครับ”“น้องรอง? คุณมีรูปถ่ายของคุณสองคนในตอนนั้นไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“เรื่องนั้นผมไม่มีครับ แต่ผมบังเอิญอยู่ใกล้ร้านอาหาร และร้านอาหารก็มีกล้องอยู่นะ
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้