ผู้คนต่างก็พูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้สมองเสียจริงถึงว่าทำไมเขาถึงว่ากันว่าผู้หญิงนมใหญ่ชอบไร้สมอง และมันก็ได้พิสูจน์ไปเมื่อกี้เมื่อหยางปินอาละวาดหลังเหตุการณ์ที่เย่เทียนหยู่ทำ ทั้งตัวทั้งใจเขาก็รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย ประเด็นคือเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหวังลี่ เขาถึงได้คลี่คลายใจจากนั้นเขาก็หันหน้าไป “แพทย์เซียนเย่ ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ท่านช่วยผม”“เรื่องเล็ก อันที่จริงไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ช่วยคุณ”ขณะที่เขาพูด เย่เทียนหยู่มองไปที่หลินจื่อตงและพูดอย่างใจเย็น: “ถึงหลินจื่อตงจะทำเกินไป แถมยังไร้ยางอาย แต่ถ้าลองคิดอีกทาง เขาก็ถือว่าบังเอิญช่วยคุณไว้เหมือนกันนะ”“เขาช่วยให้คุณเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าคุณจะถูกหลอกไปนานแค่ไหน วันหลังแต่งเข้าตระกูลหยาง คงจะผลเสียจะยิ่งใหญ่กว่านี้”ทันทีที่สิ้นคำพูด หยางปินก็พยักหน้า แพทย์เซียนเย่พูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของหลินจื่อตง เขาอาจจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ในตอนนั้นเอง ในที่สุดหวังลี่ก็เข้าใจ ว่าทำไมเย่เทียนหยู่ถึงพูดแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกละอายใจมาก และสีหน้าของเธอก็หมองหม่นอย่างหนักทั้งที่เมื่อกี้
เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ หลินจื่อตงคิดน้อยกว่าคนอื่นมาก เขานั่งลงข้างเย่เทียนหยู่ในทันที “พี่เขย วันนี้พี่สุดยอดไปเลย” เขาเอ่ยปาก“คิดไม่ถึงเลขว่าพี่จะมีบารมีเอ่อล้นขนาดนี้!”เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ใครให้นายนั่งที่นี่?”หลินจื่อตงตกใจจนลุกขึ้นในทีนที ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “โถ่พี่เขย ผมรู้นะว่าเมื่อก่อนผมทำตัวไม่ได้ ประพฤติความชั่วไว้มาก” “แต่พี่วางใจเลยนะครับ ต่อไปผมจะปรับตัวแน่นอน”“แล้วผมก็จะโน้มน้าวไม่ให้พี่สาวหย่ากับคุณด้วย รับประกันได้ว่าไม่หย่ากันแน่นอน!”“หย่า?”เฉินเข่อซินฟังคำพูดเหล่านั้นพร้อมสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความสงสัย พี่เย่มีภรรยาจริง ๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าภรรยาของเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง“ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากให้นายช่วย”เย่เทียนหยู่พูดพร้อมส่ายหน้า“ก็จริงนะครับ ด้วยบารมีระดับพี่เขย การจะจับพี่สาวผมให้อยู่หมัดก็แค่เอ่ยปาก”“พี่สาวของผมแค่ไม่รู้ความเก่งกาจของพี่เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นพี่ต้องรักคุณมากแน่ ๆ”หลินจื่อตงพูดโน้มน้าวซ้ายทีขวาที ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาหลอกผู้หญิงได้เยอะขนาดนั้น“เอาล่ะ นายไม่ต้องบอกผมเรื่องพวกนี้หรอก วันนี้ที่ผมช่ว
“ใช่ คุณชอบเธอไหม?”“ชอบสิครับ”“งั้นคุณเตรียมสู่ขอเธอหรือเปล่าคะ?” เฉินหมิ่นถามตามตรงเย่เทียนหยู่ได้ยินแล้วก็รีบตอบ “ผมมีภรรยาแล้วครับ”“คุณมีภรรยาจริงด้วย”เฉินหมิ่นรู้สึกโกรธเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อมีภรรยาอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาใจเข่อซินด้วยล่ะคะ? แล้วยังบอกว่าชอบเธออีก?”“คุณน้าครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ความชอบของผมต่อเข่อซินเป็นแบบพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้นครับ” เย่เทียนหยู่อธิบาย“เพียงเพราะเหตุนี้ คุณเลยให้วิลล่าห้าร้อยล้านกับเธอเหรอคะ?”เฉินหมิ่นตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย หากไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเฉินเข่อซิน เธอคงไม่มีทางย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แน่“ใช่ครับ!”“ฉันไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคุณดีไหม แต่จริง ๆ แล้ว ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในวิลล่าแห่งนี้เลย”เฉินหมิ่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “เทียนหยู่ น้าคิดว่าวิลล่านี้ไม่เหมาะกับเราจริง ๆ นะ แล้วในเมื่อเรายังมีเงินอยู่อีกสามสิบห้าล้าน แค่นี้ก็เอาไปซื้อบ้านดี ๆ สักหลังได้แล้วล่ะ”เย่เทียนหยู่ลังเลเล็กน้อย และตระหนักได้ว่าเขาอาจคิดไม่รอบคอบพอเขาแค่อยากชดเชยพวกเขาสองคน ถ้าไม่ใช่เพื่อเขา สถานเลี้ยงเด็กกำพ
“คุณพูดอะไร!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา: “เขามาบอกให้แม่กับฉันทำดีกับคุณอย่างกับคนประสาทกลับ ยังบอกอีกว่าคุณเป็นคนที่เก่งมาก เป็นลูกเขยที่ดีที่สุดของตระกูลหลิน ไปเสาะหาที่ไหนก็คงไม่เจออีกแล้ว”เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคิดว่าหลินจื่อตงทำอะไรซะอีก เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมว่าที่เขาพูดก็ถูกอยู่นะ”“ถูกกับผีนนายน่ะสิ”“เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหนนายไม่รู้เหรอ”“เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเราก็จะหย่ากันแล้วนะ!”ยิ่งหลินหว่านหรูพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเธอคิดว่าทั้งสองคนกำลังจะหย่าเธอก็รู้สึกแย่ขึ้นมา แต่แรกเริ่มเธอบอกว่าจะหย่าภายในหนึ่งเดือน และตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว“งั้นก็ไม่ไปหย่าก็ได้นี่ครับ” เย่เทียนหยู่พูด“ฮึ วาดฝัน!”หลินหว่านหรูปากบอกแบบนั้นแต่ในใจของเธอเองก็กำลังคิดเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นค่อยยืดระยะเวลาไปนานหน่อยก็พอแล้วถึงยังไงซะเย่เทียนหยู่ก็เป็นคนเสนอเอง ไม่ใช่เธออยากทำแบบนั้นเองเสียหน่อย“รอเดี๋ยว พูดไปเรื่อยแล้วนะ นายบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าตกลงนายทำอะไรกับน้องชายฉันกันแน่ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ชอบนายมากขนาดนี้” หลินหว่านหรูถาม“ผมไ
มองดูเย่เทียนหยู่ที่วางโทรศัพท์ เฉินเข่อซินก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่เย่ ภรรยาพี่โทรมาเหรอคะ?”“อืม!”“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินว่าหย่ากันเลยนะคะ?”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เธออยากหย่ากับผมน่ะ”“เธออยากหย่ากับพี่เหรอ?”ดวงตาของเฉินเข่อซินเป็นประกายทันทีเย่เทียนหยู่กลับมามีสติอีกครั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่และไม่ได้โต้ตอบ เขาพูดอย่างเร่งรีบ: “เธอแค่โกรธ ก็เลยล้อเล่นน่ะ”“อ่อ พี่เย่ ภรรยาของพี่คงจะสวยและอ่อนโยนมากใช่ไหมคะ?”“สวยน่ะสวย แต่อ่อนโยนน่ะไม่ติดฝุ่นเลย”เย่เทียนหยูอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น“งั้นเหรอคะ วันไหนเราคงได้รู้จักกันนะ”“อือ!”“แต่พี่เย่ เมื่อกี้เราจริงจังนะคะ วิลล่าไม่เหมาะกับเราจริง ๆ เราจะใช้เงินของเราเองเพื่อซื้อหลังใหม่”เฉินข่อซินพูด“ก็ได้ ผมจะลองโทรถามว่าคอมมูนิตี้นี้ยังมีห้องดี ๆ อยู่บ้างไหม”เย่เทียนหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขณะที่เขาพูด“ไม่ต้องหรอก เราออกไปดูข้างนอกกันดีกว่า” เฉินหมิ่นไม่อยากอยู่ในคอมมูนิตี้เดียวกับเย่เทียนหยู่“แบบนั้นก็ลำบากแย่สิครับ อีกอย่างอยู่ในคอมมูนิตี้เดียวกัน จะได้คอยดูแลกันได้” เย่เทียนหยู่กล่าวเฉินหมิ่นยิ
ในภาพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเย่เทียนหยู่และจางลี่รู้จักกัน ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารใกล้กับเครซี่บาร์พวกเขากำลังรับประทานอาหารและพูดคุยกันยิ่งกว่านั้น เวลาที่ถ่ายรูปนั้นบังเอิญมาก เพราะมันเป็นวันก่อนที่เธอจะถูกวางยา ทำให้เธออดคิดมากไม่ได้ในเวลานี้เอง ซูถิงโทรมาหาเธอ“หว่านหรูเห็นรูปถ่ายแล้วใช่ไหม?”“แต่ว่า แค่รูปถ่ายใบเดียวคงพิสูจน์อะไรไม่ได้ บางทีเราอาจจะเข้าใจเขาผิดไปจริง ๆ”แต่ซูถิงพูดแล้วก็เสริมว่า: “แต่จังหวะเวลาก็บังเอิญจริง ๆ เลยนะ”“โลกนี้จะไปมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง” หลินว่านหยูพูดด้วยความโกรธ แม้เธอจะคาดเดาแบบนั้นแต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะเป็นจริงซู่ถิงถอนหายใจและพูดว่า “ใช่ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าเย่เทียนหยู่เป็นแค่คนจน แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีแผนการลึกล้ำแบบนี้”“เขาไม่ได้ลึกล้ำ เขามันไร้ยางอาย!”“ไอ้คนชั่ว ถ้าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องวางยาจริง ๆ ฉันให้เขาได้เห็นดีกันแน่”หลินหว่านหรูก่นด่าด้วยความโกรธแล้วถามว่า: “รูปภาพเหล่านี้มาจากไหน”เรื่องนี้ซูถิงคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว “ฉันเจอนักสืบเอกชนแล้วและขอให้พวกเขาตรวจสอบที่อยู่
หรือเป็นเพราะเฉินเข่อซิน?หลินจื่อตงพูดอะไรไปหรือเปล่า?ถ้าหลินหว่านหรูต้องการหย่าจริง ๆ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรเลยแบบนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคงไม่ใช่คำพูดดี ๆ แน่คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านหรูจะโกรธมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น “ดีนี่ ดูท่านายคงเตรียมตัวรอวันนี้มานานแล้วสินะ นายคิดจะหย่ากับฉันใช่ไหม?”“งั้นก็มาเถอะ ฉันจะรอคุณ!”หลังจากที่หลินหว่านหรูพูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธไอ้สารเลว พอเรื่องผุดเขาก็พร้อมจะมาขอใบหย่าเลยเหรอ?เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกโกรธและไม่สบายใจอย่างยิ่งอย่างไม่อาจอธิบายเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อะไรเรียกว่าเขาเตรียมจะหย่ามานานแล้ว ก็เธอจะไม่หย่ากับเขาไม่ใช่เหรอ?เขาวางโทรศัพท์ลงอย่างหมดหนทางเฉินเข่อซินมองดูและพูดอย่างเร่งรีบ: “พี่เย่ เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย”“เป็นเพราะฉันหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นเพราะฉัน ฉันจะไปกับคุณและอธิบายความสัมพันธ์ของเรา” เฉินเข่อซินได้ยินเรื่องเมื่อครู่แล้ว ว่าเป็นเพราะภรรยาของเขารู้อะไรบางอย่างและโกรธจนต้องการหย่า“ไม่ใช่คุณ อย่ากังวลไป”“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ต้องการอะไร พี่สามารถบอกฉัน
เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ หัวใจของหลินว่านหรูก็จมดิ่งลงขึ้นเรื่อย ๆ และเธอก็พูดอย่างเย็นชา: “ดูเหมือนว่านายจะรู้จักเขามานานแล้วสินะ”“ไม่ใช่สิ ผมยังไม่ได้ยอมรับเลยนะ”เย่เทียนหยู่รีบพูดขึ้น“คุณยังไม่ได้ยอมรับเหรอ?”“กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือนายรู้จักเขามานานแล้ว แต่นายแค่ไม่ต้องการที่จะยอมรับใช่ไหม?” หลินหว่านหรูถามด้วยความโกรธ ทำเอาเนินทิวทัศน์ที่สูงตระหง่านสั่นด้วยความโกรธ“ไม่ใช่แบบนั้นนะ!”“ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้จักเขา!”“ผมบอกแล้วไงว่าเราเจอกันครั้งแรกเป็นตอนที่เขามาทวงหนี้”เย่เทียนหยู่ตอบ“ดี ดูท่านายไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ นายคิดว่าฉันไม่มีหลักฐานหรือไง?”“คุณมีหลักฐานด้วย?”“แน่นอนสิ!”หลินหว่านหรูพูดอย่างเย็นชา: “เย่เทียนหยู่ วันนี้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของนายจริง ๆ สักทีนะ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะไร้ยางอายขนาดนี้!”ความโกรธและความสิ้นหวังที่ต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไป จนเธอคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นปัญหาของตัวเธอเอวแต่ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นการสมรู้ร่วมคิดที่วางแผนไว้เมื่อนานมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนี้เองที่รับบทเป็นผู้ช่วยให้รอดครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด
แต่สิ่งนี้ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าใหญ่ไป๋ถูกจัดการแล้วจริง ๆ เขาถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงคุณนายไป๋หน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว เธอทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ในเวลานี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเทพสงครามในสายตาของเธอได้ถูกทำลายลงแล้วจริง ๆเพราะความทะเยอทะยานของเธอ จึงทำให้ผู้ชายของเธอได้กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง!ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดไป๋เฉินก็สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ก่อนจะถามออกไปด้วยความกลัวว่า “แกเป็นใครกันแน่?”“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินอีกสี่หมื่นห้าพันล้านจะต้องเข้าบัญชีเดี๋ยวนี้” เย่เทียนหยูกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย “ภรรยาของคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่ตัวคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาสินะ?”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ดีมากนัก เขารู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างมาก ที่ทำให้ชี่แท้ของตนถูกทำลาย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เงินก้อนนี้ฉันจะไม่มีวันมอบให้แน่นอน”“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยสนใจชีวิตภรรยาของคุณเลยสินะ”“พี่เฉินคะ......”คุณนายไป๋ลนลานขึ้นมาทันที เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้อีก เ
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต
ไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งอะไรนั่นหรอก ก็แค่ระดับหมิงจิ้นขั้นสูงธรรมดาเท่านั้น ขนาดระดับพลังจันทราขั้นต้นก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ เย่เทียนหยู่ย่อมจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนสีหน้าคุณนายไป๋ดูหม่นหมองลง เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสามคนแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ยิ่งเป็นการทำให้ไอ้เด็กนั่นได้ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่รึไง เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “พี่เฉิน ถึงเด็กนั่นจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดา เกรงว่าพี่อาจจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ”“ฉันรู้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อกี้ทั้งสามคนยังไม่ทันจะทำให้เย่เทียนหยู่เผยความสามารถออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปว่า “ทำไม ถ้ายังไม่พร้อมล่ะก็ คุณจะลองโทรให้คนตรวจสอบความแข็งแกร่งของผมดูสักหน่อยไหมล่ะ?”“อวดดี!”“การจัดการกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!”หัวหน้าใหญ่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เมื่อกี้ ฉัน
“ความลับงั้นเหรอ?”ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย หรืออีกฝ่ายรู้ตัวตนราชามังกรของตนแล้วงั้นเหรอ? ในเมื่อรู้แล้ว แต่กลับยังกล้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก ก็แสดงว่าคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่นั้น มีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน“เหอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเสแสร้งอยู่อีก!”สีหน้าคุณนายไป๋ดูพอใจอย่างมาก เธอจึงพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ก็แค่อาศัยการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่นของแก แล้วจู่โจมอย่างกะทันหันไม่ใช่รึไง หากไม่ใช่แบบนี้ แกก็คงจัดการกับพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เถาไม่ได้หรอก!”“ตอนนี้ แกได้สูญเสียความลับวิธีการโจมตีที่สำคัญไปแล้ว และพี่เฉินเองก็มีพลังที่เหนือกว่าที่แกจะจินตนาการได้เสียอีก อย่าว่าแต่แกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีก ต่อให้แกจะมีวิธีอื่น แกก็ต้องตายอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจว่าความลับที่พูดถึงคืออะไร เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือความลับที่คุณพูดถึงเหรอ?”“ถูกต้อง ถึงแกจะไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายไป๋พูดอย่างเย็นชาหัวหน้าใหญ่ไป๋โบกมือไปมา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู พูดจาไร้สาระให้น้อย ๆ หน่อย ตอนนี้
แต่พอลองคิดดูอีกที อีกเดี๋ยวหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็จะมาถึงแล้ว เขาจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาในทันที พร้อมกับพูดเสียงดังออกไปว่า “ไอ้หนู กะ แกคิดจะทำอะไร?”เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณให้ผมหยุดหรอกเหรอ?”“ใช่ พะ พวกเราสั่งให้แกหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ให้แกเดินเข้ามาสักหน่อย”“......”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมกับพูดอย่างเรียบเฉยออกไปว่า “ผมไม่ว่างมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกนะ” ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่รถทันทีเมื่อทั้งสองที่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็รู้ว่าจะปล่อยให้จากไปแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะลองเสี่ยงดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า โดยโจมตีเข้าขนาบจากทั้งซ้ายขวาพร้อมกันยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำในใจพวกเขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา คิดว่าตัวเองอาจจะมาถูกทางโดยบังเอิญก็ได้ และอาจจะสามารถสร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้กับตัวเองได้ด้วยแต่ไม่นาน พวกเขาก็รู้ว่าตนคิดผิด และมันก็ผิดมหันต์เลยล่ะ เห็นเพียงแค่หมัดของพวกเขาเข้าใกล้อีกฝ่ายเท่านั้น แต่หมัดยังไม่ทันจะโดน ก็รู้สึกถึงพล
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล
“โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมจริง ๆ แต่วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกประหลาดมาก เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างพิเศษจริง ๆ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะกระบวนท่าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น”ไป๋เถาอธิบายต่อ “พวกเราต่างก็ดูถูกเขาเกินไป คิดว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับลงมืออย่างกะทันหัน จนทำให้พวกเราติดกับ”“อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนท้าดวลเขาแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง”“ไหนจะพยัคฆ์ทมิฬนั่นอีก เขาเองก็มีสภาพเดียวกัน ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจากด้านหลังเสียอย่างนั้น”คุณนายไป๋เองก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุหารณ์ทั้งสอง จึงได้พูดอธิบายสิ่งที่รู้อยู่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไอ้เด็กนั่นอ่อนแอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อหัวหน้าใหญ่ไป๋ได้ยิน เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไงถึงเขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอนแถมตอนนี้ตนก็อยู่ในระดับพลังผลัดเปล
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของไป๋เถาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังคุณนายไป๋ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาโทรเรียกรถพยาบาล 120 จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆคุณนายไป๋รู้สึกตกใจเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความกลัวออกไปว่า “เธอ เธอจ้องมองฉันทำไม?”หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของภรรยามีคำพูดโกหกอยู่บ้าง แต่ทั้งที่ตนถูกคนอื่นทำร้ายมาจนหมดสภาพมาแท้ ๆ ยังไงก็ไม่ควรมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำออกไปว่า “ไป๋เถา นายหมายความว่ายังไง?”“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ ผมก็คงไม่ต้องไปประมือกับไอ้เด็กนั่นหรอก ยิ่งไม่มีทางลงเอยแบบนี้แน่” ไป๋เถาอธิบายด้วยความโกรธแต่หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินก็กลับโกรธขึ้นอย่างมาก ก่อนจะด่าออกไปว่า “ไร้สาระ!”“เรื่องที่นายประมือกับเจ้าเด็กนั่นฉันรู้หมดแล้ว ร่างกายก็เป็นของนาย ถ้าหากไม่อยากประมือกับเขา แค่ไม่ลงมือก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้หรอก”เมื่อไป๋เถาได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เขารู้ว่าพี