คราวนี้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดอีกครั้งว่า “ถ้าเขาจากไป แล้วซาป้าเทียนหาเขาไม่เจออีก จะต้องกลับมาระบายความโกรธกับตระกูลหลินเราอีกแน่นอน”“ถูกตัอง! ”“จะให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้”“เขาเป็นคนที่ก่อปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนที่รับผลที่ตามมาเอง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นแค่พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น เราไปรับเคราะห์แทนเขาไม่ได้”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ ตั้งแต่นี้ไป แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่ตระกูลหลินอย่างเชื่อฟังซะเถอะ”“ใช่ ใช่ ต้องขังเอาไว้ด้วย! ”ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็พยายามขวางเขาเอาไว้คนแล้วคนเล่า หลินจื่อตงถึงกับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไป พวกเราจะคอยจับตาดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้”สำหรับความช่วยเหลือของเลขาธิการไช่เมื่อกี้ ทุกคนต่างก็ได้ยินหมดแล้ว ก็แค่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาให้กับหลานชายของเขาก็เท่านั้น เมื่อตอบแทนเสร็จ ก็จะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันอีกดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นผู้แพ้ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอนในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงรีบเดินออกไป เรื่องการล้มละลายก็ได้ถูกเปิ
“เอาล่ะ พวกเธอยังขายหย้ากันไม่พอรึไง?” ในเวลานี้ นายท่านหลินอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ และหยุดการกระทำของทุกคนเอาไว้จากการดุด่า ทุกคนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดลง“เทียนหยู่ ต่อให้คำพูดของหลิวเจี๋ยอาจไม่จริงไปซะทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไง เธอกับหว่านหรูก็มีชะตากรรมร่วมกัน เพราะงั้นวันนี้ ฉันจะไม่ขาวเธอเอาไว้”“เธอออกไปได้แล้ว ซ่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลินของเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก! ”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยูก็ตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายท่านหลินยังคงมีอคติกับเขาอยู่ กระทั่งไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปในตระกูลหลินอีกหลินหว่านหรูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นอยู่ในใจ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไปแต่ว่า ตอนนี้นอกจากการหลบหนีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว“พ่อคะ ไม่ได้นะคะ คือว่า...... ”“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”นายท่านหลินพูดขัดจังหวะเย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ คุณปู่หลิน ด
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย กระทั่งในภายหลัง คำพูดที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกพูดออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็ดูแย่ลง และเธอพูดด้วยความโกรธ “เอาล่ะ เรื่องของหลิวเจี๋ย ตอนนั้นก็เป็นทุกคนที่ยินยอมเอง พวกเราต่างก็ถูกหลอกกันหมด หากตามกลับมาไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ถึงขั้นจะแตกหักกัน“ทุกคนหลุดเดี๋ยวนี้! ”“ทำอะไรกันอยู่ พวกเธอคิดว่านี่คือสถานที่แบบไหนกัน ต้องการที่จะพลิกชะตากันอยู่รึไง? ”นายท่านหลินโกรธมาก “เงินแค่เล็กน้อยของพวกเธอ ไม่มีแล้วยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลินกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่อยู่ อาจถึงขั้นล้มละลายได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเธอก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกใจ แต่หลินเวย น้องชายของนายท่านหลินก็พูดขึ้นทันที “พี่ใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคิดว่าหลินหว่านหรูไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งตำแหน่งประธาน”“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหว่านหรู พวกเราก็คงไม่ถูกหลิวเจี๋ยฉ้อโกงเงินมากมายขนาดนี้ได้หรอ
ซูถิงยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เธอยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้หรือเปล่า เมื่อกี้เธอก็กะว่าจงใจจะทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่จะพูดคำที่น่าตกใจแบบนี้ออกมาแต่พอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซาป้าเทียนจริง ๆ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของพี่เย่นั้นน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากแบบนั้นก็สามารถทำให้ตัวเองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่เข้าไปในรถ ในขณะที่เขาเริ่มออกเดินทาง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความการโอนเงินเข้าของบัญชีธนาคารเป็นจำนวนยี่สิบห้าล้านนอกจากนี้ยังมีข้อมูลของตั๋วส่งมาด้วยเงินถูกโอนเข้ามาโดยหลินหว่านหรูเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ ครอบครัวหลินถูกหลิวเจี๋ยหลอกเอาเงินไปแล้ว กระทั่งเงินทุนของบริษัทก็ถูกหลอกเอาไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตอนนี้ตระกูลหลินต้องลำบากอยู่แน่ ๆแต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นแบบนั้น แต่หลินหว่านหรูก็ยังโอนเงินยี่สิบห้าล้านให้กับตัวเองอีกจากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น“เย่เทียนหยู่ ฉันเพิ่งจองเที่ยวบินต่างประเทศท
เนื่องจากตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคการฝึกร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้มา เขาจึงใช้พลังชี่แท้ของตัวเองโดยตรงเพื่อนำทางให้หยางผั่วจวินฝึกฝนชิงหลงเจวี๋ยให้ผ่านสามระดับแรกหลังจากโคจรพลังนานกว่าสองชั่วโมง หยางผั่วจวินไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับวิธีการฝึกจิตสามระดับแรกเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขาอีกด้วย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด“ฝึกฝนให้ดี รอจนถึงตอนที่คุณเลื่อนระดับชิงหลงเจวี๋ยสามระดับแรกได้สำเร็จแล้ว ผมจะสอนการฝึกจิตในส่วนที่เหลือให้คุณอีก”ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่แนะนำหยางผั่วจวินให้คุ้นเคยกับเทคนิคการฝึกจิตของชิงหลงเจวี๋ยเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นลมปราณในร่างกายของเขาให้อีกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หยางผั่วจวินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆหยางผั่วจวินเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขากลับไม่ได้พัฒนามัน หลังจากปฏิบัติการของเย่เทียนหยู่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ไปแล้วภายใต้ปรมาจารย์ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหมัดตัดกระดูกก็ตาม เขาก็อาจจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ แน่นอน หาก
ชายชรารู้สึกถึงพลังภายในที่ไม่อาจต้านทานได้พยายามครอบงำเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่รู้สึกอึดอัดจนทรมาน คนถูกซัดให้ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ชายชราอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบเข้าไปรับไว้ทันที แต่พลังนั่นทรงพลังมากจนทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาทั้งสองไถลกลับหลังไปชนเข้ากับกำแพง จึงต้องใช้กำแพงเพื่อยึดคนเอาไว้ ทำให้ร่างกายมั่นคงในขณะเดียวดันนี้เอง ชายชราก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองดูเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเองก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ“กะ แกคือปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ? ”นอกจากปรมาจารย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในใจของหยางต้าฝูตกใจยิ่งกว่า ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ที่แท้ราชามังกรคนใหม่ก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจมากว่าจะจัดการกับซาป้าเทียนได้ปรมาจารย์งั้นเหรอ?หยางผั่วจวินเองก็เคยได้มาก่อน แต่คนอื่น ๆ ต่างก็บอกว่าปรมาจารย์มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น และแทบจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลย ใครจะไปคิดว่าคุณชายที่อยู่ข้า
เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่กำจัดอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ตัวเองได้มีสิทธิ์เข้ายึดครองอำนาจนี้อีกด้วย ในใจของหยางผั่วจวินรู้สึกดีใจจนอธิบายไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าความปรารถนาในใจของเขากำลังถูกเย่เทียนหยู่กระตุ้นอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ทีละก้าวจางลี่ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้ยินว่าซาป้าเทียนกำลังจะถูกฆ่า อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะทรุดตัวลงซาป้าเทียน ผู้ที่เคยเป็นตำนานในเมืองเทียนไห่ เขาเป็นถึงคนที่เขาพวกนั้นให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุด ตอนนี้คุณชายกลับกำลังจะจัดการกับคนคนนี้ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของหลินหว่านหยู่ เขาไม่ไม่อยากรับสาย แต่ก็อีกฝ่ายโทรมาติดกันสี่สาย จนทำให้เขาต้องรับสายนั้น“หว่านหรู! ”“เย่เทียนหยู่ เจ้าบ้า นี่นายบ้าไปแล้วรึไง” ทันทีที่รับสาย หลินหว่านหรูก็โกรธและด่าทอไม่หยุดเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ผมไม่ได้บ้า”“นาย! ”“นี่นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก? นี่นายอยากตายขนาดนั้นเลยรึไง? ”เดิมทีหลินหว่านหรูคิดว่าที่เย่เทียนหยู่ทำเป็นวางสายแบบนั้น ก็เพื่อท
“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน”“มีถนนสู่สวรรค์แต่กลับไม่เลือก พอเห็นประตูสู่นรกกลับรีบวิ่งเข้าใส่! ในเมื่อวันนี้แกต้องการรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ทันทีที่ซาป้าเทียนพูดจบ จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหยางต้าฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อีกนิดเดียวก็เกือบจะอดไม่ได้ และถอยหลังกลับแล้วขาของจางลี่เองก็รู้สึกอ่อนแรงมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้น ที่แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในดวงตาของเขาออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็อยากที่จะลองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ดูสงบนิ่งมาก เหลือบมองหยางผั่วจวินที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากลองดู ก็ไปเถอะ มีผมอยู่ เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”ทันทีที่หยางผั่วจวินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะพื้นด้วยเท้าขวาทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งตรงเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังโจมตีกระต่ายเป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก!กระทั่งสามารถทำให้เกิดลมแรงขึ้นอีกด้วยความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซาป้าเทียน เขา