หลังจากได้ยินคำพูดของไช่เสี่ยวโป ใบหน้าของซาป้าเทียนก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเหรอครับ?”“เพราะเขาคือผู้มีพระคุณของฉัน”“เมื่อก่อนตอนที่หลานชายที่ฉันรักมากที่สุดถูกวางยา หากว่าเขาไม่ช่วยรักษา หลานชายของฉันอาจจะตายไปแล้ว”“เหล่าซา นายลองบอกมาสิ แบบนี้พอจะมีค่าให้ฉันออกหน้าแทนเขาสักครั้งไหม”หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ทุกคนในตระกูลหลินก็เข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะเย่เทียนหยู่บังเอิญเคยช่วยชีวิตลูกชายของไช่ซูจี้เอาไว้คราวที่แล้วก็เป็นลูกสาวของประธานหยาง คราวนี้ก็เป็นลูกชายของไช่ซูจี้ ดวงของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมาดาเลยจริง ๆหลินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของเขาอีกแล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของเย่เทียนหยู่นั้นดีมาก ๆ งั้นเมื่อก่อนที่เขาเคยคุยโม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของตัวเองนั้นเก่งนักเก่งหนา ถึงขั้นพูดว่าเป็นถึงแพทย์เซียนอะไรนั่น คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่ไหมเนี่ย?แต่พอมาลองคิดดูอีกครั้ง แพทย์เซียนอาจจะเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะ อายุก็ยังน้อยอยู่เลย ยังไงก็คงแค่คุยโวเท่านั้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็น่าจะใช้ได้ อย่า
คราวนี้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดอีกครั้งว่า “ถ้าเขาจากไป แล้วซาป้าเทียนหาเขาไม่เจออีก จะต้องกลับมาระบายความโกรธกับตระกูลหลินเราอีกแน่นอน”“ถูกตัอง! ”“จะให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้”“เขาเป็นคนที่ก่อปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนที่รับผลที่ตามมาเอง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นแค่พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น เราไปรับเคราะห์แทนเขาไม่ได้”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ ตั้งแต่นี้ไป แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่ตระกูลหลินอย่างเชื่อฟังซะเถอะ”“ใช่ ใช่ ต้องขังเอาไว้ด้วย! ”ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็พยายามขวางเขาเอาไว้คนแล้วคนเล่า หลินจื่อตงถึงกับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไป พวกเราจะคอยจับตาดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้”สำหรับความช่วยเหลือของเลขาธิการไช่เมื่อกี้ ทุกคนต่างก็ได้ยินหมดแล้ว ก็แค่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาให้กับหลานชายของเขาก็เท่านั้น เมื่อตอบแทนเสร็จ ก็จะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันอีกดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นผู้แพ้ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอนในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงรีบเดินออกไป เรื่องการล้มละลายก็ได้ถูกเปิ
“เอาล่ะ พวกเธอยังขายหย้ากันไม่พอรึไง?” ในเวลานี้ นายท่านหลินอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ และหยุดการกระทำของทุกคนเอาไว้จากการดุด่า ทุกคนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดลง“เทียนหยู่ ต่อให้คำพูดของหลิวเจี๋ยอาจไม่จริงไปซะทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไง เธอกับหว่านหรูก็มีชะตากรรมร่วมกัน เพราะงั้นวันนี้ ฉันจะไม่ขาวเธอเอาไว้”“เธอออกไปได้แล้ว ซ่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลินของเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก! ”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยูก็ตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายท่านหลินยังคงมีอคติกับเขาอยู่ กระทั่งไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปในตระกูลหลินอีกหลินหว่านหรูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นอยู่ในใจ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไปแต่ว่า ตอนนี้นอกจากการหลบหนีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว“พ่อคะ ไม่ได้นะคะ คือว่า...... ”“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”นายท่านหลินพูดขัดจังหวะเย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ คุณปู่หลิน ด
ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย กระทั่งในภายหลัง คำพูดที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกพูดออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ ใบหน้าของหลินหว่านหรูก็ดูแย่ลง และเธอพูดด้วยความโกรธ “เอาล่ะ เรื่องของหลิวเจี๋ย ตอนนั้นก็เป็นทุกคนที่ยินยอมเอง พวกเราต่างก็ถูกหลอกกันหมด หากตามกลับมาไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองโชคร้าย”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ถึงขั้นจะแตกหักกัน“ทุกคนหลุดเดี๋ยวนี้! ”“ทำอะไรกันอยู่ พวกเธอคิดว่านี่คือสถานที่แบบไหนกัน ต้องการที่จะพลิกชะตากันอยู่รึไง? ”นายท่านหลินโกรธมาก “เงินแค่เล็กน้อยของพวกเธอ ไม่มีแล้วยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลินกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่อยู่ อาจถึงขั้นล้มละลายได้ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเธอก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกใจ แต่หลินเวย น้องชายของนายท่านหลินก็พูดขึ้นทันที “พี่ใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคิดว่าหลินหว่านหรูไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งตำแหน่งประธาน”“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหว่านหรู พวกเราก็คงไม่ถูกหลิวเจี๋ยฉ้อโกงเงินมากมายขนาดนี้ได้หรอ
ซูถิงยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เธอยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้หรือเปล่า เมื่อกี้เธอก็กะว่าจงใจจะทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย่เทียนหยู่จะพูดคำที่น่าตกใจแบบนี้ออกมาแต่พอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับซาป้าเทียนจริง ๆ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของพี่เย่นั้นน่ากลัวกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากแบบนั้นก็สามารถทำให้ตัวเองทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่เข้าไปในรถ ในขณะที่เขาเริ่มออกเดินทาง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความการโอนเงินเข้าของบัญชีธนาคารเป็นจำนวนยี่สิบห้าล้านนอกจากนี้ยังมีข้อมูลของตั๋วส่งมาด้วยเงินถูกโอนเข้ามาโดยหลินหว่านหรูเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย เท่าที่เขารู้ ครอบครัวหลินถูกหลิวเจี๋ยหลอกเอาเงินไปแล้ว กระทั่งเงินทุนของบริษัทก็ถูกหลอกเอาไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตอนนี้ตระกูลหลินต้องลำบากอยู่แน่ ๆแต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นแบบนั้น แต่หลินหว่านหรูก็ยังโอนเงินยี่สิบห้าล้านให้กับตัวเองอีกจากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น“เย่เทียนหยู่ ฉันเพิ่งจองเที่ยวบินต่างประเทศท
เนื่องจากตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคการฝึกร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้มา เขาจึงใช้พลังชี่แท้ของตัวเองโดยตรงเพื่อนำทางให้หยางผั่วจวินฝึกฝนชิงหลงเจวี๋ยให้ผ่านสามระดับแรกหลังจากโคจรพลังนานกว่าสองชั่วโมง หยางผั่วจวินไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับวิธีการฝึกจิตสามระดับแรกเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขาอีกด้วย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด“ฝึกฝนให้ดี รอจนถึงตอนที่คุณเลื่อนระดับชิงหลงเจวี๋ยสามระดับแรกได้สำเร็จแล้ว ผมจะสอนการฝึกจิตในส่วนที่เหลือให้คุณอีก”ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่แนะนำหยางผั่วจวินให้คุ้นเคยกับเทคนิคการฝึกจิตของชิงหลงเจวี๋ยเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นลมปราณในร่างกายของเขาให้อีกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หยางผั่วจวินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆหยางผั่วจวินเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขากลับไม่ได้พัฒนามัน หลังจากปฏิบัติการของเย่เทียนหยู่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ไปแล้วภายใต้ปรมาจารย์ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหมัดตัดกระดูกก็ตาม เขาก็อาจจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ แน่นอน หาก
ชายชรารู้สึกถึงพลังภายในที่ไม่อาจต้านทานได้พยายามครอบงำเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่รู้สึกอึดอัดจนทรมาน คนถูกซัดให้ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ชายชราอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบเข้าไปรับไว้ทันที แต่พลังนั่นทรงพลังมากจนทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาทั้งสองไถลกลับหลังไปชนเข้ากับกำแพง จึงต้องใช้กำแพงเพื่อยึดคนเอาไว้ ทำให้ร่างกายมั่นคงในขณะเดียวดันนี้เอง ชายชราก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองดูเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเองก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ“กะ แกคือปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ? ”นอกจากปรมาจารย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในใจของหยางต้าฝูตกใจยิ่งกว่า ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ที่แท้ราชามังกรคนใหม่ก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจมากว่าจะจัดการกับซาป้าเทียนได้ปรมาจารย์งั้นเหรอ?หยางผั่วจวินเองก็เคยได้มาก่อน แต่คนอื่น ๆ ต่างก็บอกว่าปรมาจารย์มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น และแทบจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลย ใครจะไปคิดว่าคุณชายที่อยู่ข้า
เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่กำจัดอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ตัวเองได้มีสิทธิ์เข้ายึดครองอำนาจนี้อีกด้วย ในใจของหยางผั่วจวินรู้สึกดีใจจนอธิบายไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าความปรารถนาในใจของเขากำลังถูกเย่เทียนหยู่กระตุ้นอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ทีละก้าวจางลี่ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้ยินว่าซาป้าเทียนกำลังจะถูกฆ่า อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะทรุดตัวลงซาป้าเทียน ผู้ที่เคยเป็นตำนานในเมืองเทียนไห่ เขาเป็นถึงคนที่เขาพวกนั้นให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุด ตอนนี้คุณชายกลับกำลังจะจัดการกับคนคนนี้ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของหลินหว่านหยู่ เขาไม่ไม่อยากรับสาย แต่ก็อีกฝ่ายโทรมาติดกันสี่สาย จนทำให้เขาต้องรับสายนั้น“หว่านหรู! ”“เย่เทียนหยู่ เจ้าบ้า นี่นายบ้าไปแล้วรึไง” ทันทีที่รับสาย หลินหว่านหรูก็โกรธและด่าทอไม่หยุดเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ผมไม่ได้บ้า”“นาย! ”“นี่นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก? นี่นายอยากตายขนาดนั้นเลยรึไง? ”เดิมทีหลินหว่านหรูคิดว่าที่เย่เทียนหยู่ทำเป็นวางสายแบบนั้น ก็เพื่อท
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ