“ยอดมากเลย ดีจังเลยนะ แม่รอดแล้ว!” เฉินเข่อซินรู้สึกตื่นเต้นทันทีในขณะนี้ เธอทั้งเศร้าและมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน ความเสียใจมหาศาลเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้นมากจนแทบจะเป็นลมโชคดีที่เย่เทียนหยู่อยู่ใกล้ ๆ และตบหลังเธออย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้เธอสงบลง“เหอะ ๆ เฉินเข่อซิน ฉันเกรงว่าแกจะมีความสุขเร็วเกินไป!”ในเวลานี้เองที่จู่ ๆ ดร.หม่าก็หัวเราะเยาะเฉินเข่อซินตกตะลึงและรีบถาม “ดร.หม่า คุณหมายถึงอะไร”“หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ แกคิดว่าแม่แกฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ หรือไง?”“ไม่คิดหน่อยเลยเหรอ ว่าเด็กหนุ่มจะช่วยคนตายได้ยังไง ถ้าเขาเก่งขนาดนั้น เขาคงจะโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว แต่เขากลับเป็นแค่คนธรรมดาไร้ชื่อไร้เสียง”“ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าเขาแค่อยากเอาชนะฉันและหลอกลวงแก ไม่อย่างนั้นทำไมแม่ของแกถึงยังไม่ขยับ!”ทันทีที่คำพูดจบลง ทุกคนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลเมื่อสักครู่นี้พวกเขาเกือบจะถูกหลอกกันs,fสีหน้าของเฉินเข่อซินเปลี่ยนไปอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะคิดว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนดี แต่คำพูดของดร.หม่าก็ไม่สมเหตุสมผลแต่ในขณะนี้ เฉินหมิ่น แม่ของเฉินเข่อซิน ขยับนิ้วของเธอบนเตียงผู้ป่วยดร.หม่าบั
“คุณน้า คุณหมายถึงอะไรครับ” เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกถึงความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูกเช่นกัน แต่เขากลับจำไม่ได้“น้าจำผิดน่ะจ๊ะ คุณคล้ายกับเด็กที่น้ารับเลี้ยงตอนเด็ก ๆ มาก เพียงแต่ว่าเขาหายตัวไปหลังเหตุเพลิงไหม้เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว”สิบแปดปีที่แล้ว ฉันอายุเจ็ดหรือแปดขวบไม่ใช่หรือ เป็นช่วงเวลาที่เขาสูญเสียความทรงจำพอดีความแปลกประหลาดที่ไม่สามารถควบคุมได้พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา และเย่เทียนหยู่ก็รู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างที่เขาลืมไปในเวลานี้เองที่ดร.หม่าพูดขึ้นว่า “ไอ้เด็กหนุ่มสกุลเย่ ตอนนี้เธอยังยืนไม่ได้เลยนะ แกไม่ควรจะรีบมาคุกเข่าก้มหัวให้ฉันเพื่อยอมรับความผิดเหรอ?”“ใครบอกว่าเธอยืนไม่ได้”เย่เทียนหยู่สูดลมหายใจเข้า แล้วพูดว่า “คุณน้า โปรดลุกขึ้นมาแสดงให้เขาดูเถอะครับ”เฉินหมิ่นตกตะลึงเล็กน้อย ตอนนี้เธอลุกขึ้นได้เหรอ เธอจำได้ว่าเธอทรมานมากจนขยับตัวไม่ได้ ต่อให้ฝีมือแพทย์ของเขาดีขนาดไหน มันก็คงไม่ได้อัศจรรย์มากขนาดนั้นแต่ผู้มีพระคุณของเธอพูดขนาดนี้แล้ว เธอก็ต้องพยายาม ในไม่ช้าเธอก็พบว่าเธอสามารถยืนขึ้นได้อย่างง่ายดายและเดินได้โดยไม่รู้สึกทรมานอีกต่อไปถึงแม้ฉันจะยังเดินได้เดินเหิน
“พี่เย่ เป็นยังไงบ้าง?”เฉินเข่อซินถามด้วยความกังวลเฉินหมิ่นมองดูเย่เทียนหยู่อย่างประหม่าเมื่อเห็นค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิบแบบนี้ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เดิมทีเธอเสียใจที่กำลังลากลูกสาวของเธอให้ต้องมาลำบากมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอรู้สึกแย่ลงไปอีก“ไอ้สารเลวคนนี้ อาการเมื่อกี้คุณรักษาไม่ได้เป็นปัญหาที่ทักษะของคุณ แต่บัญชีพวกนี้ โกงจนไม่รู้จะโกงยังไงแล้ว”เย่เทียนหยู่พูดด้วยความโกรธ ประกอบกับการที่ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธการรักษาชีวติคนไข้ บุคคลแบบนี้จะมีคุณสมบัติเป็นแพทย์ได้ยังไง และถึงขั้นดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการได้ด้วย“ในบิลมีค่าใช้จ่ายเกินเหรอคะ?” เฉินเข่อซินถามอย่างร้อนใจ“ใช่ มีการฉ้อโกงและสั่งยาแบบต่าง ๆ ที่ดูจากชื่อแล้ว ส่วนมากไม่จำเป็นต้องใช้กับแม่ของเธอเลยสักนิด”เย่เทียนหยูพูดอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ดร.หม่าเมื่อหม่าจวินได้ยินแบบนั้น เขาเกิดความกังวลทันทีและพูดด้วยความโกรธ “ไร้สาระ ยาเหล่านี้ล้วนใช้เพื่อช่วยเฉินหมิ่น ไม่มีการสั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้าบ้า ๆ นั่นหรอก”“จะบอกให้นะ ว่าแพทย์ของเราเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ การประเมินและทวนอาการก็เข้มงวดมาก ถ้าผมไม่
“ผมว่ามันไม่ผิดพลาดหรอก แต่เพราะถูกผมจับได้ก็เลยคิดจะทำลายหลักฐานมากกว่า”“ไอ้หนู อย่าพูดเหลวไหลนะ ถ้าผมบอกว่าผมทำผิด ผมก็ทำผิด แกจะเอาบิลไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ หรือจะบอกแกไว้ก็ว่าสำนักอนามัยเป็นของลูกพี่ลูกน้องของผม““ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องของคุณอยู่กับคุณ?” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างจงใจคราวนี้หม่าจวินฉลาดไม่ยอมรับ ก่อนที่เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของผมจริง ๆ”“ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็พยายามไปฟ้องผมดูก็ได้ แล้วดูว่าจะฟ้องผมได้หรือเปล่า ผมยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไม่มีเวลาคุยกับคุณหรอก”เขาทิ้งคำพูดไว้แล้วเดินออกไปทันทีเห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยูไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เขาจากไปทั้งแบบนี้แน่นอนแต่ในเวลานี้ คนจำนวนหนึ่งกรูกันเข้ามาตรงทางเดิน นำโดยผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งซึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยมีเด็กอายุประมาณห้าขวบอยู่ในอ้อมแขนของเธอผู้หญิงคนนั้นดูกังวลและรีบวิ่งไปหาพยาบาล เมื่อเห็นพยาบาลชี้ไปที่หม่าจวิน เธอก็รีบพูดว่า “ผู้อำนวยการหม่า รีบช่วยดูลูกสาวของฉันหน่อยเถอะนะคะ”พยาบาลที่ตามมาก็รีบพูดว่า “ผู้อำนวยการหม่า นี่คือคุณโจวเ
เย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นแต่ก็ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไป ตอนนี้มันยังเร็วเกินกว่าจะตัดสิน ลองดูไปก่อน”“คุณกำลังพูดอะไรคะ? นี่คุณสาปแช่งลูกสาวของฉันอยู่เหรอ? ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้วนะ”“ส่วนผู้อำนวยการหม่าน่ะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ของโรงพยาบาล ฉันเชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเขาค่ะ ส่วนคุณ คุณมีทักษะทางการแพทย์หรือยังไง?”เมื่อเห็นว่าหม่าจวินที่กำลังช่วยเหลือเธอ แต่กลับมีคนที่ไม่มีทักษะทางการแพทย์มาพูดจาไม่รู้สี่รู้แปด โจวเมี่ยวถงก็รู้สึกทนไม่ไหว “เขาจะรู้อะไรที่ไหน แม้แต่ใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์เขายังไม่มีเลย หนุ่มน้อย แกมีใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์ไหม?”หม่าจวินเยาะเย้ย“จริงครับที่ผมไม่มีใบรับรอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้องนะ ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกห้าวินาที” เย่เทียนหยู่พูด“พูดจาไร้สาระ”หม่าจวินกำลังจะโต้กลับ แต่ในขณะนี้ อุณหภูมิของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายและแขนขาของเธอเริ่มกระตุก และมีน้ำลายฟูมปากเธอดูน่ากลัวมากราวกับว่าเธออาจจะตายเมื่อใดก็ได้โจวเมี่ยวถงหน้าซีดด้วยความตกใจและถามขึ้นอย่างรีบ
เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคนที่ได้เห็นอาการชักกระตุกอันน่าสะพรึงกลัวของเด็กหญิงที่ราวกับจะสามารถตายได้ตลอดเวลาแบบนั้นแค่ แค่นี้ก็หยุดแล้วเหรอ?หม่าจวินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เขาเริ่มเชื่อว่าเย่เทียนหยู่มีความสามารถจริง ๆ อย่างน้อยก็เก่งในด้านการแพทย์แผนจีนมากแต่ในความเห็นของเขา ภาพรวมของการแพทย์แผนจีนดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก เพียงแค่ไอ้เจ้านี่โชคดีบังเอิญเจอโรคที่เขารักษาเป็นถึงสองครั้งก็เท่านั้นดวงตาของพยาบาลคนอื่น ๆ เปล่งประกาย ผู้ชายที่มีทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ แถมยังหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ถึงกับมีอาการตกหลุมรักกันไปหลายคนโจวเมี่ยวถงมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเย่เทียนหยู่จะมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทันทีที่เขาลงมือก็สามารถหยุดอาการป่วยของเธอได้ เธอรีบถาม “เชี่ยนเชี่ยนเป็นยังไงบ้าง? ลูกฉันเป็นอะไรไปเหรอ?”“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ในเมื่อผมลงมือแล้ว จะไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน”“สำหรับเหตุผลนั้น เธอติดเชื้อไวรัสชนิดพิเศษจริง ๆ แต่ไม่ใช่ไข้หวัด”“อะไรนะ ไวรัสพิเศษ มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันคะ!”สีหน้าของโจวเมี่ยวถงเปลี่ยนไป หรือนี่จะเป็นเรื่องที่คู่แข่งทางการคนไหนท
โจวเมี่ยวถงกำลังจะขอบคุณเย่เทียนหยู่ แต่ในขณะนี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หลังจากรับสายแล้ว ก็กล่าวด้วยสีหน้าที่จนใจว่า: “แพทย์เซียนเย่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากนะ ในกระเป๋าของฉันมีเงินสดแค่สองแสนห้าหมื่นบาท ถือเสียว่าเป็นค่ารักษาก็แล้วกัน”“อันนี้ นามบัตรของฉัน ต่อไปถ้าคุณต้องการอะไร โทรศัพท์หาฉันได้ทันที ถ้าฉันสามารถทำได้ ฉันจะช่วยคุณอย่างแน่นอน”เธอพลางพูดพลางยื่นเงินและนามบัตรให้กับเย่เทียนหยู่ แล้วกล่าวว่า “ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ต้องขอตัวกลับไปก่อน”“ได้ครับ!”เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้เสแสร้งอะไร รับเงินมาโดยตรง เพราะอย่างไรเสียผู้หญิงคนนี้ดูรวยมาก เงินสองสามแสนบาทน่าจะเป็นแค่เงินเล็กน้อยสำหรับเธอแต่ชีวิตของลูกสาว ถือว่าเป็นสมบัติที่ไม่อาจประเมินค่าได้เมื่อหม่าจวินเห็นเงินที่อยู่ในมือของเย่เทียนหยู่ ก็รู้สึกอิจฉา จึงทำได้แค่รู้สึกเสียดาย ที่มันไม่ได้ตกเป็นของเขาหม่าจวินรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก จึงรีบพูดแซะไปว่า “ไอ้คนแซ่เย่ ที่นี่คือโรงพยาบาล เงินค่ารักษาที่ได้รับมาจะเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้นะ คุณเอาเงินสองแสนห้าหมื่นบาทก้อนนั้นมาให้ผม ผมจะมอบให้โรงพยาบาล”ทันท
เพราะว่าเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้อยู่คนเดียว เพื่อนอีกสามคนที่เล่นด้วยกันก็มีอาการแบบเดียวกัน แต่โรงพยาบาลที่พวกเขาไปนั้นกลับไม่มีวิธีรักษา จึงทำได้แค่ยื้อชีวิตของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น“ใช่ครับ!”หม่าจวินกล่าวอย่างมั่นใจทันทีว่า “ทันทีที่ผมเห็นอาการของเธอ ผมก็รู้สาเหตุของโรคทันที ตอนนี้เธอหายดีแล้ว จึงกลับไปพักฟื้นที่บ้าน”“ดี คุณทำได้ดีมาก” นายกเทศมนตรีเผยความปีติยินดีออกมาเด็กๆที่เล่นกับลูกสาวของโจวเมี่ยวถงล้วนมีสถานะที่ไม่ธรรมดา หาก สามารถรักษาทั้งหมดให้หายขาดได้ในครั้งนี้ มันจะเอื้อประโยชน์ต่ออาชีพการงานของเขาในอนาคตโดยเฉพาะหลานชายของไช่เสี่ยวโปไช่หยาง แม้ว่าตอนนี้ไช่เสี่ยวโปจะเกษียณแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเป็นถึงรองรัฐมนตรี มีตำแหน่งระดับสูงและมีอำนาจมากมายแต่คณบดีหูแอบรู้สึกแประหลาดใจ ปกติแล้วไม่เคยเห็นหม่าจวินจะเก่งกาจขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นมีผู้อำนวยการหม่าคอยหนุนหลังอยู่ ก็ไม่ถึงขั้นต้องใช้เวลาหลายปีในการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการหรอกปัญหาที่ยุ่งยากขนาดนี้ แค่เขาดูก็สามารถรู้สาเหตุของโรค แถมยังใช้ยารักษาให้หายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย“ผู้อำนวยการหม่า คุณเป็นคนที่รักษาหายจริงๆเหรอ?”
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ