ในขณะนี้ ใบหน้าของปาร์คดาฮยอนซีดเผือดไร้สีเลือด จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาก่อนจะเป็นลมสลบไปทันทีใบหน้าของผู้จัดการในตอนนี้ก็น่าเกลียดไม่แพ้กัน ส่วนตำรวจก็ปรากฏตัวเข้ามาจับตัวพวกเขาไปอย่างรวดเร็วสื่อมากมายนับไม่ถ้วนมามาออตัวกันที่หน้าประตู เดิมทีพวกเขาหวังว่าจะได้ทำการสัมภาษณ์ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วความเป็นไปได้คงเป็นศูนย์แต่พวกเขากำลังแก้ไขรายงานต่าง ๆ อย่างเมามันแล้วตราบใดที่สามารถเชื่อมต่อกับมุมใดก็ได้ มันก็จะเริ่มแพร่กระจายด้วยความเร็วที่น่าตกใจไม่พบการจราจรจำนวนมากเช่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงสถานีตำรวจ เขาก็รีบอธิบายข้อเท็จจริงทางอาญาหลายประการของปาร์คดาฮยอน อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถามคำถามใดๆ เพราะด้วยวิธีนี้ความผิดของเขาเองก็บรรเทาลงได้แต่ว่าในที่สุดปาร์คดาฮยอนก็ไม่เชื่อใจเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงซ่อนมันไว้ให้เขาล่ะ?เนื่องจากเขาสารภาพผิดโดยสมบูรณ์ อาชญากรรมของปาร์คดาฮยอนจึงถูกเปิดเผยในทุกรายละเอียดกระทั่งเรื่องที่เคยปัสสาวะในที่สาธารณะก็ยังสารภาพออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งแฟนคลับตัวยงก็ยังต้องแบ่งเส้นดีดตัวห่างจากเขาอย่างชัดเตรกระทั่งแฟ
เมื่อเรื่องของปาร์คดาฮยอนยุติลง หลินหว่านหรูก็สามารถผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับตำแหน่ง เดิมทีเธอตั้งใจจะไปคนเดียวแต่เขาไม่สามารถต้านทานคำขอของเย่เทียนหยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องขอไปด้วยกันเมื่อเวลาเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เย่เทียนหยู่ และหลินหว่านหรูก็ปรากฏตัวที่ประตูบริษัทตรงเวลาในเวลานี้หยางไฉ่อวิ๋นมาถึงบริษัทแล้ว และก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อนำหลินหว่านหรูและคนสองคนเข้าไปในบริษัท แล้วเดินเข้าไปข้างในขณะนี้มีพนักงานเข้ามาที่บริษัทจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนได้รับข่าวสารวันนี้เวลา 10 โมงตรง ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งอย่างผู้จัดการหลินเปิดการประชุมเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ของบริษัท และผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงก็จะเข้าร่วมในการประชุมด้วยแน่นอนว่ายกเว้นพนักงานที่อยู่นอกพื้นที่แม้จะเป็นเพียงการประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่พนักงานทุกคนก็ไม่กล้าล่าช้าและมาถึงบริษัทเร็วกว่าปกติเมื่อมองดูหลินหว่านหรูที่เดินผ่านไป รูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอสวยกว่าที่เห็นบนโซเชีบล ทำให้ผู้คนให้การตอนรับเธอเป็นอย่างดี เพราะถึงยังไงบนโซเชียลก็มีข้อมูลที่มาที่ไปของเธออย
เธอกลัวทำผลงานไม่ดีแต่เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่อยู่ข้างๆ หลินหว่านหรูก็สงบใจลงอีกครั้ง เธอตั้งสติและข่มใจตัวเอง คิดซะว่าที่นี่เป็นบริษัทของเธอเองนับประสาอะไรกับการมีเทียนหยู่อยู่ด้วย เขาคอยอยู่ที่นี่ก็เพื่อซัพพอร์ตเธอไม่ใช่เหรอทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะเย่เทียนหยู่มาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์อื่นนั่นก็คือการเก็บกวาดพนักงานของที่นี่!ไม่กี่นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเวลาผ่านไปสิบโมงกว่าแล้ว หลินหว่านหรูมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีคนจำนวนมากยังไม่มาถึงถ้าคนอื่นยังไม่มาก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ประเด็นคือจางเฉียงเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของที่นี่จางเฉียงเป็นบุคคลแรกที่ดูแลบริษัทก่อนที่เธอจะมา ดังนั้นเธอจึงจงใจติดต่อ จางเฉียงด้วยตนเองโดยเร็วที่สุดเมื่อคืนนี้ และแจ้งให้เขาทราบถึงการประชุมเห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ปรากฏตัวขึ้นเลยหลินหว่านหรูรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ความมาดร้าย และพอจะเดาได้ว่าจางเฉียงตั้งใจทำ แต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ไม่สำคัญหรอก บางทีอาจเป็นเพราะจางเฉียงยังไม่เห็นถึงความสามารถของเธอรอให้ตัวเธอแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ทุกคนก็จะยอมร
ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ชะงักไปเล็กน้อยมองดูจากท่าทางของเขาแล้ว คงไม่ได้คิดจะโมโหอยู่หรอกนะ เพราะถ้าเขาโมโหเพราะเรื่องแค่นี้ก็คงจะไร้เหตุผลมากไปหน่อย ถึงยังไงซะ ฐานะของอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา การจะรถติดมาสายสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะแบล็กอัพของจางเฉียงที่มีอิทธิพลจนน่าตกใจต่อให้ผู้จัดการหลินมีความสามารถมากแค่ไหน แต่คนนอกที่เก่งกาจย่อมแพ้เจ้าถิ่น การจะรับมือกับจางเฉียงไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเขารู้สึกกระทั่งว่าการที่หลินหว่านหรูเรียกประชุมใหญ่ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเป็นการเดินหมากที่ไม่ค่อยเข้าท่า และเธอควรจะทำความเข้าใจแนวคิดของผู้บริหารแต่ละคนก่อนและเธอต้องสามารถควบคุมทุกอย่างได้ก่อน ถึงค่อยจัดการประชุมหรือไม่ แค่ประกาศเข้ารับตำแหน่งก็พอแล้วหัวใจของหลินหว่านหรูตึงเครียดเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไร แต่เธอไม่ต้องการทำร้ายบริษัทเพราะตัวเธอเองแต่จะให้เธอห้ามปรามการกระทำของเย่เทียนหยู่ก็คงไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับตบหน้าเขาน่ะสิจางเฉียงและคนอื่นๆ ตะลึงเล็กน้อย เพราะการที่พวกเขาทำแบบนี้แค่เพราะอย่างจะแสดงอำนาจของตนเล็กน้อยเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนั
“เศษขยะแบบแกน่ะเหรอ คิดจะจัดการกับผม!”ทุกคนมองดูภาพฉากตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เดิมทีนึกว่านี่จะเป็นสงครามที่ยืดเยื้อและยาวนาน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มสู้กันเอาตายตั้งแต่เริ่มผู้จัดการหลินคนนี้ ดูท่าจะเป็นคนสิ้นคิดอยู่พอสมควรเลยนะแม้เย่เทียนหยู่จะเป็นคนพูด แต่ทุกคนเชื่อว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีผู้จัดการหลินที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่เป็นคนคอยแนะนำและบ่งการอยู่อย่างลับๆเฮ้อ การโจมตีพนักงานทรงอำนาจและยึดอำนาจทันทีที่เข้ามาทำงานวันแรกดูจะป่าเถื่อนเกินไปหน่อย และอาจจะนำไปสู่ความล้มเหลว“ผมจะจัดการคุณได้หรือไม่ อีกไม่นานคุณก็จะได้รู้เอง”เย่เทียนหยู่ส่งเสียงเหอะในลำคออย่างเย็นชา ก่อนจะเริ่มอ่านข้อมูลทั้งหมดที่เขาพบ และข้อมูลเหล่านั้น คือการใช้ฐานะของจางเฉียงในการรวบรวมเงินจำนวนมหาศาลเมื่อพิจารณาจากสถานะของเขา อย่างอื่นก็ยังพอรับได้ แต่สองคนนั้นทำลายผลประโยชน์มหาศาลของบริษัทอย่างร้ายแรง ทำให้บริษัทมีรายได้น้อยลงเกือบห้าพันล้าน และยังทำให้บริษัทสูญเสียเงินจำนวนมากอีกด้วยและแน่นอนว่าพวกเขายังได้รับรายได้เพิ่มเติมถึงสามร้อยล้านในครั้งนั้นเมื่อได้ยินตัวเลขเหล่านั้น ผู้จัดการฝ่ายขายและผู้อ
ทุกคนพากันฮือฮาทันที!ตอนนี้สถานการณ์บานปลายแล้วจริงๆดูจากท่าทางของผู้จัดการจางแล้ว คงยึดคติมีผู้จัดการหลินก็ต้องไม่มีเขาแน่นอนถ้าเป็นแบบนั้น บริษัทจะสามารถเก็บไว้ได้เพียงคนเดียวจริงๆ เหรอ และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าคนคนนั้นจะเป็นจางเฉียงและเมื่อดูทัศนคติของจางเฉียงแล้ว เขาก็ต้องเรียกผู้บังคับบัญชามารายงานเรื่องนี้แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดผิด แน่นอนว่าจางเฉียงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน แต่เรียกบุคคลสำคัญอย่าง หนานกงย่า ลูกคนที่สามของตระกูลขุนนางหนานกงท้ายที่สุดแล้ว เงินจำนวนหนึ่งจากเงินมหาศาลที่เขาได้รับก็ถูหบริจาคให้กับเธอแม้หนานกงย่าจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่เธอก็มีความสามารถในการทำธุรกิจค่อนข้างมาก และเธอยังมีหุ้นบางส่วนในเทียนเฟิงกรุ๊ปและยังเป็นส่วนที่ไม่น้อยเลยแต่แน่นอนว่าไม่นับรวมของประธานบริษัทแต่สิ่งสำคัญคือมีเพียงประธานลึกลับคนเดียวที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ สถานการณ์นี้พบได้ยากมากในกลุ่มที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แต่นี่คือความจริง พวกเขาจึงสามารถดื่มซุปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ถึงแม้คุณจะดื่มซุปเพียงเล็กน้อย กำไรก็ยังน่าทึ่งมากในไม่ช้า จางเฉียงก็โทรติด“มีอะไร”
นี่เป็นเรื่องปกติ เมื่อพวกเขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลขั้นสูง พวกเขาจะส่งเสริมการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นของครอบครัว ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาจะไม่ล้าหลังตระกูลเย่บอกได้เพียงว่าพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า เย่เฟิงในตอนนั้น เย่ไป๋ชวนในตอนนี้ นอกจากนี้ลูกคนที่สอง เย่ซีอองกง มีชื่อที่ดีแต่ไม่มีความสามารถที่แท้จริงกลุ่มต่างๆ ของตระกูลเย่ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาก็ยังไม่รวมกันเพียงพอ ผลลัพธ์สุดท้ายก็ชัดเจน และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ลดลงทุกวันถ้าไม่ใช่เพราะสี่เทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ เย่ไป่ชวนและชายชราจงเหิง เฮ่เย่ พวกเขาคงล่มสลายไปนานแล้วดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลหนานกงยิ่งกว่านั้น พวกเขามีหนึ่งความลับที่ไม่มีใครรู้เรื่องที่ตระกูลหนานกงยังคงอาศัยวิทยายุทธ์ คนนอกส่วนใหญ่คิดว่าหนานกงเยว่บรรพบุรุษของพวกเขาหรือก็คือพ่อของคุณปู่ตระกูลขุนนางหนานกงคนปัจจุบันเสียชีวิตไปนานแล้วแต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น บรรพบุรุษคนนั้นยังหลบซ่อนอยู่ในตระกูลหนานกงตลอดมา และตอนนี้กำลังพยายามพัฒนาตัวเ
จางเฉียงพอใจมากเมื่อได้ยินคำชมจากลูกน้องสองคนของเขา และก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้คนด้านล่างนอกจากคนดูจะตกใจกับสถานการณ์ที่ได้เห็นแล้ว พวกเขายังเห็นใจและเสียดายหลินหว่านหรูกับเย่เทียนหยู่มากด้วยเดิมทีนึกว่าจะได้เจอกับคนที่มีอำนาจและความสามารถ เพราะยังไงก็เป็นคนที่เบื้องบนส่งตัวมา จะต้องมีแบล็กอัพและความสามารถมากพอตัวแน่นอนแต่ไม่คิดเลยว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ“ผู้จัดการจาง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ถ้ายังไงเราลืมมันแล้วมาประชุมกันต่อดีกว่าค่ะ”หยางไฉ่อวิ๋นที่นั่งลังเลอยู่สักพัก อดไม่ได้ที่จะพูดกับพวกหลินหว่านหรู เธอกำลังพยายามบรรเทาสถานการณ์แต่ทันทีที่พูดจบ จางเฉียงก็โกรธขึ้นมาทันทีก่อนจะดุด่าเธออย่างเย็นชา: “หุบปาก หยางไฉ่อวิ๋น คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าเสนอหน้ามาพูดกับผม?”“ถ้าฉันไม่คิดดีกับคุณ เลขาคนนี้คงเสียตำแหน่งคุณไปนานแล้วและคงไร้ยางอายมาก”“ไสหัวออกไปซะ คุณถูกไล่ออกแล้ว!”ความจริงเขาเคยคิดอยากให้หยางไฉ่อวิ๋นร่วมหลับนอนกับเขา แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะหัวแข็งและปฏิเสธไม่ยอมแพ้ แม้กระทั่งตอนที่เขาขู่ว่าจะไล
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ