“มีคำกล่าวที่ว่าศิลปินมีขอบเขตของชนชาติ แต่ตัวศิลปะเอนั้นไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นตะวันตกหรือตะวันออก แก่นแท้ของศิลปะก็ล้วนเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์”“เพราะอย่างนั้นคุณแมนเทล คำพูดที่ไม่เป็นมืออาชีพของคุณนั่นมันทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะมันดูถูกชื่อเสียงของคุณในฐานะปรมาจารย์เปียโนอันดับหนึ่งของโลก”เย่เทียนหยู่พูด“ฮึ่ม ไร้สาระ” ใบหน้าของแมนเทลเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาเมินเฉยต่อเขาและทำได้เพียงปฏิบัติต่อเขาตามอำเภอใจเท่านั้น“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณอยากจะดับออกจากวงการ งั้นก็ขอเห็นเป็นดั่งปราถนา”ภายใต้การจ้องมองที่ประหลาดใจของทุกคน เย่เทียนหยู่นั่งลงข้างเปียโน จากนั้นยิ้มเล็กน้อยและพูดอย่างสงบ “บทเพลง “สิ้นหวัง” แด่มิสเตอร์แมนเทล”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ประกาศออกไป สถานที่จัดงานก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะความสิ้นหวังเป็นเพลงที่โด่งดังของแมนเทล และยังเป็นเพลงที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เขาคิดว่าเขาสามารถเล่นได้เขายังบอกด้วยว่า ในอีกร้อยปีข้างหน้าเพลงนี้ก็ยังไม่มีใครเทียบชั้นกับเขาได้แมนเทลตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเยาะเย้ย เด็กคนนี้จะโกรธจนสับสนไปแล้วสินะ หาเพลงไหนมาเล่นไม่เล่นดันไปหาเพ
“ยอมแล้ว ผมยอมแล้ว!”“ยอมแล้วทั้งกายทั้งใจ!”แมนเทลพึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขาเสียสติไปแล้วเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนบนโลกที่สามารถเล่นดนตรีได้อย่างน่าอัศจรรย์และสมบูรณ์แบบขนาดนี้และเขายังเป็นชาวอาณาจักรมังกรด้วยดูเหมือนว่าเพื่อนเก่าจะไม่ได้โกหกเขา อาณาจักรมังกรประเทโบราณที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่มีมนต์ขลังและเป็นตำนานมากมายได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่หลินหว่านหรูตื่นเต้นมาก เธอไม่เคยมีความประทับใจกับเย่เทียนหยู่มากเท่านี้มาก่อนแต่พอคิดได้ถึงตรงนี้ เธอก็คิดได้ว่าไอ้หมานี่ไม่เคยบอกเธอเลยว่าเขาเล่นเปียโนเป็น จนก่อนหน้านี้เธอใช้เปียโนมาเป็นตัวอย่างแบ่งแยกโลกของทั้งคู่ด้วยซ้ำไปบางทีเขาอาจจะแอบหัวเราะเยาะตัวเธอตอนกำลังพูดเรื่องนี้กับเขาอยู่ก็ได้ในทางตรงกันข้าม หลิวเจี๋ยเกือบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอน หลินหว่านหรูมองไปที่เย่เทียนหยู่อย่างตื่นเต้น ดวงตาของเธอไม่อาจเก็บแสงประกายเอาไว้ได้เลยไม่ จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ในเวลานี้ เย่เทียนหยู่เดินกลับมาและกระซิบ “หว่านหรู ผมจะกลับแล้ว คุณจะกลับด้วยกันไหมครับ?”เขาเห็นความตื่นเต้นข
“ไม่ครับ ผมซื้อเอง”“คุณซื้อมันมาเหรอ รถคันนี้ไม่ถูกเลยนะ”“ก็แพงอยู่นะครับ เดิมทีผมต้องการซื้อคันหนึ่งในราคาประมาณล้านห้าแสนบาท แต่เพราะผมเห็นผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังถูกรังแกผมก็เลยซื้อมันมาแบบรีบ ๆ ผมเลยจ่ายไปประมาณยี่สิบล้านบาท”“สาวน้อยคนนั้นก็สวยมากใช่ไหมล่ะ”“ใช่ ดวงตาคู่นั้นของเธอเหมือนพูดได้เลยล่ะ มันมีเสน่ห์มาก”“เหอะ ๆ ดีขนาดนั้น ทำไมไม่เอากลับบ้านล่ะ?”“ที่บ้านมีภรรยาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”“คุณรู้ด้วยเหรอว่ามีภรรยาแล้ว?”“เย่เทียนหยู่ ฉันจะบอกคุณให้นะ ต่อให้คุณอยากจะหาผู้หญิงน่ะ คุณก็ต้องรอหลังจากเดือนนี้ที่เราหย่ากันไปแล้ว” หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในใจเธอ เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ แต่การได้อยู่กับเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูก และเธอไม่ชอบให้เขาไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น“แค่หนึ่งเดือนเอง มันเร็วมาก ผมเตรียมตัวล่วงหน้าหน่อย ถึงตอนนั้นจะได้เริ่มต้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว”“ให้ตายเถอะ นายยังคิดจะเริ่มใหม่ทันทีอีกเหรอ เชื่อไหมว่าฉันจะตัดตอนนายก่อน!”หลินหว่านหรูโกรธมาก“อย่านะครับ ผมไม่เริ่มใหม่แล้ว!”เ
เย่เทียนหยู่ยักไหล่เงียบ ๆ เขาขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจหญิงวัยกลางคนตรงหน้า แล้วหันหลังกลับแล้วเดินจากไปเมื่อหลิวอวิ๋นซิ่วเห็นแบบนั้น เธอก็โกรธมากและต้องการหยุดเขาเอาไว้เพื่อดุด่าหลินหว่านหรูพูดอย่างร้อนใจ “แม่ หยุดกรีดร้องได้แล้ว เย่เทียนหยู่ซื้อมันมาด้วยเงินของเขาเองจริง ๆ ค่ะ ไม่ใช่จากหนู”“ไร้สาระ คนบ้านนอกที่ลงมาจากภูเขาแบบเขาจะหาเงินล้านมาได้ยังไง”“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เขาซื้อมันเอง” หลินหว่านหรูกล่าว“พอแล้ว ลูกคิดว่าแม่เป็นเด็กหรือไง ยังคิดมาหลอกแม่อีก?”“ตอนนี้ลูกกำลังคิดอะไรอยู่? ตอนแรกก็ไม่เต็มใจหย่า พอมาตอนนี้ยังให้เงินเขามากมาย หรือนี่ลูกมีความลับอะไรกับเขาเหรอ?”“ไม่มีหรอกค่ะ แม่คิดมากเกินไปแล้ว”“แบบนั้นก็ดีแล้ว เย่เทียนหยู่คนนี้ไร้ยางอายจริง ๆ เป็นผู้ชายแท้ ๆ ทำไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้ก็ไม่รู้”“หว่านหรู อย่าโทษแม่ที่เตือนนะ ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษเหมือนนายน้อยหลิวคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์ ลูกต้องระวังตัวเอาไว้นะ”หลิวอวิ๋นซิ่วเตือน“อือ หนูจะระวังค่ะ”“ดีมาก ปกติลูกก็คุยกับนายน้อยหลิวให้มาก ๆ นะ คนดีอย่างนายน้อยหลิวที่ทั้งซื่อสัตย
ในตอนนั้นเอง เขาเหลือบมองนามบัตรของอีกฝ่ายและจำหมายเลขได้อย่างรวดเร็ว“สวัสดี!”“พี่ พี่เย่ ได้โปรดช่วยผมหน่อยได้ไหม” เสียงขอร้องดังมาจากอีกด้านหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนั้น เขายังได้ยินเสียงแผ่ว ๆ แทรกเข้ามาอีกด้วย“ฉันให้เวลาเธอเตรียมตัวหลายวัน แต่เธอก็ยังหาเงินห้าแสนบาทมาไม่ได้ กล้าดียังไงมาขอให้ฉันช่วยแม่ของเธอ”“ฉันขอบอกคุณตามตรง ว่าถ้าไม่เริ่มผ่าตัดภายในครึ่งชั่วโมงแม่ของเธอจะต้องตายอย่างแน่นอน”“ถ้าหาเงินไม่ได้จริง ๆ ให้แม่ของเธอออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด จะตายก็ไปตายข้างนอก อย่าให้คนมาหาว่าฝีมือการแพทย์ของเราไม่ได้เรื่อง”เย่เทียนหยู่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและถามทันที “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“แม่ของฉันป่วยหนักต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที แต่ฉันมีเงินไม่พอค่ะ ได้โปรดช่วยฉันด้วยเถอะนะคะ ต่อไปฉันจะไปเป็นคนรับใช้คุณเองค่ะ”เฉินเข่อซินไม่มีทางเลือกนอกจากยืมทุกทางเท่าที่เธอทำได้ เธอไม่รู้จักคนรวยคนอื่นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเดียวที่ดูเหมือนจะช่วยเธอได้คือพี่เย่ เจ้าพ่อท้องถิ่นที่เธอเพิ่งพบในวันนี้“ไม่ต้องกังวล คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหน ให้พวกเขาทำการผ่าตัดก่
“ดูสิ ผมบอกแล้วว่ามันไม่น่าเชื่อถือ” ดร.หม่ามองด้วยสายตาเป็นเชิงว่าไปตามที่เขาคาดไว้“ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอก”เฉินเข่อซินหน้าซีด จากนั้นหันกลับมาและคุกเข่าต่อหน้าดร.หม่าและวิงวอน “ดร.หม่า ได้โปรดช่วยทำการผ่าตัดแม่ของฉันก่อนเถอะนะคะ”“ไม่ต้องกังวล ต่อให้พี่เย่ไม่มา ฉันก็จะหาเงินมาใช้คืนให้แน่นอนค่ะ”จากนั้นเขาก็หันไปมองพยาบาลคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น “ได้โปรด ได้โปรดเถอะนะคะ....”ในที่แห่งนี้ พยาบาลคนหนึ่งรู้สึกสะเทือนใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เราจะระดมเงินได้หรือเปล่าคะ ถ้าอย่างนั้น ดร.หม่าจะช่วยทำการผ่าตัดให้เธอก่อนได้หรือเปล่า”“หลิวอิ๋งอิ๋งเธออยากเป็นคนดีมากนักเหรอ? ก็ได้ งั้นเธอก็เอาเงินสองแสนห้าออกมาสิ แล้วผมจะทำการผ่าตัดเธอก่อน แล้วผมจะเก็บส่วนที่เหลือทีหลัง” ดร.หม่าพูดด้วยความโกรธหลิวอิ๋งอิ๋งเผยสีหน้าอึดอัด เธอเพิ่งเริ่มฝึกงานเป็นพยาบาล และครอบครัวของเธอมีเงินไม่มาก เธอจะหาเงินมารวมกันได้มากขนาดนี้ได้ยังไงมากที่สุดสำหรับเธอก็คือสามหมื่นบาท แต่เธอก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วพูดว่า “แต่โรงพยาบาลของเราอยู่มาก็เพื่อช่วยชีวิตและรักษาผู้บาดเจ็บ ดังนั้น เราจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถานการ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ประกาศออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเฉินเข่อซินมองไปที่เย่เทียนหยู่ด้วยสายตาว่างเปล่าพี่เย่หมายถึงอะไรในเรื่องนี้?เย่เทียนหยู่เมินพวกเขา เขาก้าวไปข้างหน้าและเปิดผ้าสีขาวที่เพิ่งคลุมไว้ เข็มเงินปรากฏขึ้นในมือของเขา และบินเข้าไปหาแม่ของเฉินเข่อซินด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าดร.หม่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าหนู แกกำลังทำอะไรอยู่ คนตายไปแล้ว แกจะมาแทงคนตายมั่วซั่วแบบนี้ไม่ได้!”ในเวลานี้ พลังชีวิตแม่ของเฉินเข่อซินเกือบจะหมดสิ้นไปแล้ว และเย่เทียนหยู่ก็ไม่มีเวลาให้สนใจพวกเขา เขามุ่งความสนใจไปที่การหมุนเวียนชี่แท้ และไหลเข้าสู่ร่างกายของแม่ของเฉินผ่านเข็มเงินปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายของมนุษย์ หลายปัญหาเกิดจากการอุดตันของเส้นชีพจร หรือความเสียหายจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียสิ่งเหล่านี้สามารถกำจัดและฟื้นฟูได้โดยการใช้ชี่แท้โดยเฉพาะถ้าได้ใช้เก้าเข็มนภาธรณี ซึ่งสามารถฟื้นฟูเนื้อและกระดูกของมนุษย์ได้ มีความสามารถในการซ่อมแซมเหนือจินตนาการของมนุษย์ แต่คนที่จะใช้งานมันได้ก็ต้องมีทักษาะสูงเช่นกันโดยเฉพาะข้อกำหนดถึงคุณส
“ยอดมากเลย ดีจังเลยนะ แม่รอดแล้ว!” เฉินเข่อซินรู้สึกตื่นเต้นทันทีในขณะนี้ เธอทั้งเศร้าและมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน ความเสียใจมหาศาลเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้นมากจนแทบจะเป็นลมโชคดีที่เย่เทียนหยู่อยู่ใกล้ ๆ และตบหลังเธออย่างรวดเร็วเพื่อช่วยให้เธอสงบลง“เหอะ ๆ เฉินเข่อซิน ฉันเกรงว่าแกจะมีความสุขเร็วเกินไป!”ในเวลานี้เองที่จู่ ๆ ดร.หม่าก็หัวเราะเยาะเฉินเข่อซินตกตะลึงและรีบถาม “ดร.หม่า คุณหมายถึงอะไร”“หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ แกคิดว่าแม่แกฟื้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ หรือไง?”“ไม่คิดหน่อยเลยเหรอ ว่าเด็กหนุ่มจะช่วยคนตายได้ยังไง ถ้าเขาเก่งขนาดนั้น เขาคงจะโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว แต่เขากลับเป็นแค่คนธรรมดาไร้ชื่อไร้เสียง”“ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าเขาแค่อยากเอาชนะฉันและหลอกลวงแก ไม่อย่างนั้นทำไมแม่ของแกถึงยังไม่ขยับ!”ทันทีที่คำพูดจบลง ทุกคนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลเมื่อสักครู่นี้พวกเขาเกือบจะถูกหลอกกันs,fสีหน้าของเฉินเข่อซินเปลี่ยนไปอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะคิดว่าเย่เทียนหยู่เป็นคนดี แต่คำพูดของดร.หม่าก็ไม่สมเหตุสมผลแต่ในขณะนี้ เฉินหมิ่น แม่ของเฉินเข่อซิน ขยับนิ้วของเธอบนเตียงผู้ป่วยดร.หม่าบั
“อะไร ยังยืนอยู่อีกทำไม หรืออยากให้ฉันเปลี่ยนคนจริง ๆ?” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ นี่คิดว่าฉันไม่กล้าเปลี่ยนตัวหล่อนจริง ๆ งั้นเหรอ?“ไม่ใช่นะคะ!”หลิวเหวินพยายามควบคุมอารมณ์ และตอบออกไปว่า “วัตถุดิบนี้หาซื้อไม่ได้ค่ะ”“หาซื้อไม่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ได้มาจากไหน?” แม่ตระกูลหลินถาม“ปกติประธานเย่เป็นคนจัดการค่ะ”“ประธานเย่ ประธานเย่คนไหน?” แม่ตระกูลหลินสงสัย บริษัทของพวกเขาไม่น่าจะมีประธานที่นามสกุลเย่ได้“เย่เทียนหยู่ค่ะ!”“ว่าไงนะ เธอบอกว่าเป็นเขางั้นเหรอ!”แม่ตระกูลหลินขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ทำไมจะต้องให้เขาเป็นคนจัดหาด้วย พวกเราหาซื้อกันเองไม่ได้รึไง?”“ไม่ได้ค่ะ เพราะนี่คือส่วนผสมที่เขาปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง ตอนนั้นที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบและขโมยสูตร ดังนั้นนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้ค่ะ” หลิวเหวินอธิบาย“ว่าไงนะ ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ เวรเอ้ย ฉันว่ามันไม่ได้กลัวถูกขโมยสูตรอะไรหรอก มันตั้งใจขัดขวางพวกเรามากกว่า” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธแต่ไม่นานแม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “นาน
“ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ได้อีก มันอันตรายเกินไป เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวพี่จะจัดกำลังคนมาคอยปกป้องพวกเธอเอง”เย่เทียนหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าจะหาคนมาคุ้มครองเฉินเฟยเฟย รอจนกว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องพวกเธออีกเช่นเดียวกับคนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เช่นเฉินเข่อซิน เขาเองก็ได้ส่งยอดฝีมือไปคอยปกป้องเธออย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนหยางเฉียนเฉียนและจูเก่อหลิวหลี เดิมพวกเธอก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องใด ๆและหลินหว่านหรูที่อยู่ข้างกายเขา เธอมียอดฝีมือระดับสูงเป็นผู้หญิงที่คอยปกป้องเธอมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ เพียงแค่ตัวหลินหว่านหรูเองไม่ทันได้สังเกตุก็เท่านั้นการปกป้องภรรยานั้น สำหรับเขามันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เย่เทียนหยู่ถึงได้จากไปตอนนี้เวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เย่เทียนหยู่จึงโทรไปหาเลขาส่วนตัวของหลินหว่านหรู เพื่อสอบถามว่าหลินหว่านหรูได้ให้เธอสั่งอาหารเที่ยงมาแล้วรึยังเมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็รีบบอกให้เธออย่าเพิ่งสั่ง ก่อนที่เขาจะโทรสั่งให้โร
เมื่อกลับมาถึงห้อง เหอฉุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “คุณเย่คะ ฉันรู้ว่าคุณเก่งกาจมาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เราไปที่โรงพยาบาลกันเถอะนะคะ”“ทำไม?” เย่เทียนหยู่ถาม“แบบนั้นเราก็จะสามารถตรวจสอบร่องรอยบาดแผลได้ เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าเราถูกพวกเขาทำร้าย เพื่อให้คุณได้สามารถตอบโต้กับข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายได้ เพราะไม่อย่างนั้น ตำรวจก็อาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้”เหอฉุนพยายามอธิบายเย่เทียนหยู่ส่ายหัว และพูดออกไปว่า “ต่อให้จะมีบาดแผลอยู่จริง ๆ แต่หากนำไปที่สถานีตำรวจ พวกเราก็ยังไม่ถือว่าเป็นฝ่ายถูกอยู่ดี กลับกัน อาจกลายเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำ”“เรื่องนั้น......”“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันกล้าลงมือ นั่นก็หมายความว่า ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”“หากเป็นแบบนั้น ฉันคิดว่าคุณนายไป๋คงจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แน่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เก่งเท่าคุณเย่ แต่ถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองตะวันออก อำนาจคับฟ้า ยังไงก็ควรจะระมัดระวังเอาไว้บ้างนะคะ”เหอฉุนเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลไป๋มาอยู่บ้าง รู้ว่าตระกูลไป๋นั้นน่ากลัวและทรงพลังมากแค่ไหน โดยเฉพาะหั
ถึงยังไง ก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง แม้จะลงมือรุนแรงแค่ไหน แต่ความผิดก็ยังไม่ถึงตายแต่ฉากนี้ก็กลับทำให้อีกคนที่ยังแกล้งสลบอยู่ตกใจจนพูดไม่ออกครั้งนี้ ไม่ต้องรอให้เย่เทียนหยู่ถาม เขาก็รีบพุ่งตัวออกมาทันที พร้อมกับพูดอย่างลนลานว่า “ขอโทษครับ ผมทำเอง ผมยอมรับผิด ผมออกมายอมรับผิดเองแล้วครับ”“สายไปแล้ว!”“แกหักขาข้างหนึ่งของตัวเองซะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“ครับ ๆ!”เขาไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบไปหาอุปกรณ์ แล้วลงมือทำทันที อันที่จริง เขาไม่กล้าลงมือจริง ๆ แต่เมื่อเห็นสภาพของพวกพ้องแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าทำอีกในตอนนั้นเอง คุณนายไป๋ก็ได้สติ เธอมองดูเย่เทียนหยู่ที่กำลังทำตัวหยิ่งยโสอวดดี มันก็ยิ่งทำให้เธอทั้งโกรธและโมโห แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปสู้กับอีกฝ่ายเพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองเป็นแน่เพราะคนคนนี้มันบ้า คนบ้าที่ไม่รู้จักเกรงกลัวอะไรเลยเธอจะต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจอย่างแน่นอนเมื่อจัดการกับคนที่ต้องจัดการเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกต่อไป เขาจึงเดินไปหาเฉินเฟยเฟย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันเถอะ”เฉ
คำพูดนี้ ทำให้จางผิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีหลายคนเองก็อดยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าแปลก ๆในเวลานี้ เหมือนว่าคุณนายไป๋จะลืมความเจ็บปวดไปจนหมดสิ้นแล้ว ร่างกายชาไปทั้งตัววันนี้เธอไม่เพียงแค่ประสบกับความเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องเสียหน้าในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น เธอแทบจะเหมือนถูกกดให้จมดิน แล้วบดขยี้อย่างบ้าคลั่งอีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจคุณนายไป๋อีกต่อไป เขาพูดอย่างเฉยเมยออกมาว่า “เมื่อกี้ใครบ้างที่ลงมือ ตอนนี้ก็ก้าวออกมาเองซะ!”ทันทีที่คำนี้ถูกพูดออกมา บอดี้การ์ดที่เคยลงมือต่างก็หน้าซีดกันหมดพวกเขานอนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างมาโดยตลอด กระทั่งมีคนแกล้งทำเป็นหมดสติไปเลยด้วยซ้ำ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเย่เทียนหยู่จะเริ่มคิดบัญชีกับพวกเขาแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เลยรู้สึกว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี“อย่าคิดว่าการแกล้งตายจะทำให้หนีรอดไปได้นะ ให้เวลาพวกแกอีกสิบวินาที”เย่เทียนหยู่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับเสียงพูดที่ดูเย็นชาเมื่อเย่เ
“ไม่ได้นะ ขอร้องล่ะ ขอให้เธอเปลี่ยนเงื่อนไขได้ไหม ขืนฉันโขกศีรษะให้พวกเธอ ฉันก็ไม่มีหน้าจะไปเจอคนอีกแล้ว”“หน้าของคุณงั้นเหรอ ตั้งแต่ตอนที่คุณตบพวกเธอไปเมื่อกี้ คุณก็ได้สูญเสียมันไปนานแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบห้าวินาที” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขาพูด มีดสั้นในมือของเขาส่องประกายเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆเวลาเดินไปอย่างช้า ๆ คุณนายไป๋เหงื่อไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ห้า สี่ สาม สอง......”“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว!”คุณนายไป๋ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและความกลัวได้อีกต่อไป เธอจึงรีบคลานไปหา และคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสามคนทันทีการที่เธอคลานเข้าไปหาแบบนี้ มันจึงทำให้เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจอยู่นิดหน่อยผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดทั้งหมดด้านนอก ต่างก็พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ใครจะไปคิดล่ะว่า คุณนายไป๋จะกล้าคุกเข่าจริง ๆ เขากลัวมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงยังไง นี่ก็เป็นที่สาธารณะ เด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าฆ่าคนจริง ๆ น่ะเหรอแต่เห็นได้ชัด ว่าเพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง จึงไม่ได้รับแรงกดดันจากพลังจิตที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ ความรู้สึกที่พวกเขาได้รับจึงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกล
เมื่อเห็นว่าภายใต้คำขู่ของเย่เทียนหยู่ ทำให้ทุกคนก็ไม่กล้าขยับตัว คุณนายไป๋ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินเข้ามาใกล้เธอจึงพูดอย่างรีบร้อนออกไปว่า “แกหยุดนะ ในที่สาธารณะแบบนี้ หรือแกคิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ?”“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ คุณคิดว่ามีแค่ตระกูลของคุณเท่านั้นเหรอ ที่สามารถทำแบบนั้นได้?” เย่เทียนหยู่พูดพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเหยียบลงบนฝ่ามือข้างขวาของคุณนายไป๋อ้าก!คุณนายไป๋ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่บนส้นเท้า เขากดน้ำหนักลงบนนิ้วมือทั้งห้าของเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เธอจึงพูดออกไปว่า “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”“ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ!”สิบนิ้วเชื่อมถึงใจ มันช่างเจ็บมากเหลือเกินในเวลานี้ เธอไม่เหลือความสูงส่งที่เคยมี และไม่เหลือความดุดันหรือเกรี้ยวกราดอีกต่อไป มีเพียงความเจ็บปวดและความกลัวที่ปรากฏขึ้นจนเต็มใบหน้าเพียงเท่านั้น“นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเอง คุณก็มาขอร้องผมแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงให้เห็นว่าเขายังมีวิธีทรมานอีกมากมายที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้ทันใดนั้น คุณนาย
หลังจากที่คุณนายไป๋ร้องออกมาเสียงดัง เธอก็รู้สึกมึนงงอยู่พักหนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนทั่วไปไม่มีใครกล้าหายใจออกมาเสียงดังต่อหน้าเธอ แต่วันนี้เธอกลับถูกคนตบหน้าอย่างเปิดเผยแล้วนี่จะให้เธอยอมรับได้อย่างไร เมื่อเธอรู้สึกตัว เธอก็รีบลุกขึ้นด้วยความตกใจทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “แกกล้าตบฉันเหรอ แกกล้าตบหน้าฉัน ฉันจะฆ่าแก!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา มองไปยังคุณนายไป๋ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด มือขวาของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่การยกมือครั้งนี้เป็นการใช้หลังมือ เขาเหวี่ยงกระแทกเธอจนเกิดเสียงดังสนั่นครั้งนี้ เขาได้เหวี่ยงคุณนายไป๋ที่เพิ่งจะลุกขึ้นจากพื้นจนเธอหงายหลังกลับลงไปที่เดิมทันทีและเนื่องจากเขาใช้หลังมือ จึงเป็นการตบอีกด้านของใบหน้า ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนว่าจะแรงยิ่งกว่าเดิม เขาตบจนใบหน้าของคุณนายไป๋บวมเป่งคุณนายไป๋รู้สึกเจ็บจนต้องกัดฟัน พร้อมกับแสดงความโกรธออกมา ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ไอ้หนู แกตายแน่ แกจะต้องตายสถานเดียว ฉันจะไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ สีหน้าดูเย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ เป็นผมต่างหากที่จะไม่ป
ในสายตาของคุณนายไป๋ เฉินเฟยเฟยมีโอกาสถึงแปดในสิบที่จะเป็นผู้หญิงของเย่เทียนหยู่ เพราะไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายคงไม่ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเธอมากมายขนาดนี้แน่อีกอย่าง ต่อให้จะไม่ใช่ แต่ความสัมพันธ์ก็ต้องมีความใกล้ชิดอย่างแน่นอน เธอจะต้องทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดให้ถึงที่สุดแต่พยัคฆ์ทมิฬกลับรู้สึกสับสน ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้ คุณนาย นี่เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยใช่ไหมเนี่ย เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้ว โอกาสที่ฉันจะสู้เข้าได้มีไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้ำ!ตอนนี้เธอไม่แค่ให้ฉันจัดการเขา แถมยังบอกให้ไว้ชีวิตเขาอีกต่างหาก เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไรเมื่อเห็นว่าพยัคฆ์ทมิฬยังคงนิ่งเฉย คุณนายไป๋ก็พูดด้วยความโกรธออกไปว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ยังไม่ลงมืออีกเหรอ อย่าบอกนะ ว่าแกที่มีอายุมากกว่า กลับกลัวเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่จริง ๆ?”พยัคฆ์ทมิฬโกรธจัด นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องกลัวหรือไม่กลัว แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก“ดี ดีนี่ ดูท่าแกคงปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำอะไรแกไม่ได้แล้วใช่ไหม”คุณนายไป๋โกรธจัด เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เธอเกลียดมากที่สุด ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้