ร่างสูงใหญ่ในชุดนายทหาร ที่มีตำแหน่งแพทย์ตามหลังยศพันโท ก้าวออกมาจากประตูห้อง ที่ถูกเปิดออกโดยนายทหารชั้นผู้น้อยอีกคนที่กำลังยืนทำท่าตะเบ๊ะให้...
ดวงหน้าคมเข้มกวาดนัยน์ตามองไปทั่วห้อง ขณะพาตัวเองเดินผ่านโต๊ะของนักศึกษาทหารประมาณห้าสิบคน ที่นั่งประจำที่อยู่ห่างกันในระยะหนึ่งเมตร...
ร่างสูงโปร่งที่มีโครงหน้าหล่อเหลา เคร่งขรึมปราศจากรอยยิ้ม นั่นยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีกเท่าตัว...
“ยินดีที่ได้รู้จัก นักศึกษาทหารทุกคน”
น้ำเสียงห้าวทุ้มเอ่ยทักทายก่อนจะหยุดยืนนิ่ง อยู่ข้างโต๊ะของนักศึกษาทหารหญิงร่างบอบบางคนหนึ่ง ที่มีร่างกายเล็กที่สุดในห้องทั้ง ๆ ที่เธอมีความสูงถึงร้อยหกสิบสองเซนติเมตร แต่ก็ยังดูเตี้ยกว่าหญิงสาวทั่วไปในประเทศนี้อยู่มาก
เธอกำลังนั่งก้มหน้า เอามือทั้งสองข้างขึ้นกุมหัว เพราะต้องการหลบสายตา ของคนตัวใหญ่กว่า...แต่ยังไงซะเธอคงจะหลบเขาไม่พ้น นั่นก็เป็นเพราะว่าตัวตนของอีกคน กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ...
“นักศึกษา! คุณกำลังไม่สบายอยู่หรือไง”
เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงห้วนดัง เพราะเห็นว่าเธอนั่งอยู่ท่าเดิม ตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้องนี้แล้ว
ในเมื่อหลบยังไงก็ไม่พ้น...เธอก็ต้องยอมทนที่จะกล้าเผชิญหน้ากับเขา...
เซนเซียค่อย ๆ เลื่อนสายตาจากฝ่าเท้า มองขึ้นไปยังใบหน้าคมเข้มของอีกคน ที่ยังคงความนิ่งเฉยไว้ คล้ายจะเย็นชา และทำเหมือนกับว่าเขาจำเธอไม่ได้
หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งออกไปทางด้านหลัง ลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะให้ ในขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เธอไม่ตอบคำถาม แต่เลือกที่จะถามเขากลับไปอย่างเสียงดังฟังชัดว่า
“ ท่านนายแพทย์ช่วยวินิจฉัยให้หนูหน่อยได้ไหมคะ อาการใจสั่น หวั่นไหว นี่ใช่อาการไม่สบายหรือเปล่าคะ? ”
กริบ!
จากที่มีเสียงพูดคุยกันบ้างในทีแรก ทุกคนในห้องทั้งชายและหญิง ต่างพร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองลง แล้วหันมาสนใจฟังการสนทนา โต้ตอบทางวาจาของทั้งสองคน
อาการใจสั่นเพราะเธอไม่คิดว่า นายแพทย์ทหารที่จะมาฝึกอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับนักศึกษาทหาร ที่กำลังใกล้จบในวันนี้จะเป็นผู้ชายคนนี้นะสิ...
ส่วนอาการหวั่นไหวนั่นก็เป็นเพราะ....นายแพทย์ทหารคนนี้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอไง!
เธอจำเขาได้แม่นยำทั้ง ๆ ที่ตัวเองเมา แต่เขากลับจำเธอไม่ได้เสียนี่!..
และที่ลืมไม่ลงตรงที่เขาบอกว่าจูบของเธอ มันก็แค่สกิลของเด็กอนุบาล...แต่สุดท้ายเขาก็สอนให้เธอได้รู้จักสกิลการจูบของเขาว่ามันขั้นเทพแค่ไหน..และเผลอมีอะไรกันลึกซึ้ง...ถึงแม้ว่าหลังจากคืนนั้นทั้งคู่ไม่เคยได้พบกันอีกเลยก็ตาม...
และได้มาพบกันอีกครั้ง...ที่นี่...ด้วยความบังเอิญ!
รึเปล่า?...
“ หน้าที่ของผมในวันนี้ คือสอนให้พวกคุณให้รู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการช่วยชีวิตคนในนาทีฉุกเฉิน”
เขาหันไปพูดกับทุกคนรอบ ๆ ตัว แล้วเว้นจังหวะ ก่อนจะชักสายตากลับมามองหญิงสาว ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะเหลือบนัยน์ตาคมลงมองป้ายชื่อ ที่ติดอยู่ด้านซ้ายเหนืออกขึ้นไป พลางเอ่ยกับเธอต่อจากนั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ คุณนักศึกษาทหารเซนเซีย..เลิกจากการอบรมแล้ว คุณไปตรวจคลื่นหัวใจที่โรงพยาบาลประจำค่ายกับผมที่นั่น แล้วผมจะช่วยวินิจฉัยโรคให้คุณเอง ”
เสียงทุ้มเรียกสติของเซนเซียให้กลับมา...กับที่คิดในใจว่า...
ซวยแล้ว!
แกล้งพูดเฉย ๆ แค่อยากจะแหย่เขาเล่นเท่านั้นเอง จริงจังไปได้น่า...
ไม่อยากเข้าใกล้ ให้ตัวเองหวั่นไหวกับเขาไปมากกว่านี้ และที่สำคัญที่สุด เธอไม่ชอบที่เขาเป็นทหาร ถึงแม้จะมีคำว่าแพทย์ต่อท้ายก็ตามที
คืนนั้น...เขาอ่อนหวานกับเธอมาก แม้จะดุดันบ้างในบางจังหวะ แต่ดูเหมือนจะเป็นคนละคนกัน กับตอนนี้เลยด้วยซ้ำ หรือว่า เขาจะมีฝาแฝด
บ้าน่าเซน!
ยังไงเธอก็ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาอีกนะ ครั้งเดียวก็น่าจะเกินพอแล้วมั้ง.?
ครั้งเดียวที่เราได้พบกัน...แต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เขาทำกับเธอ!
เซน! นี่เธอกำลังคิดบ้าบออะไรอยู่คนเดียวเนี่ย...เลิกคิดอะไรเพ้อเจ้อได้แล้วนะ...เขาเองก็คงจะไม่คิดอะไรกับเธอเช่นเดียวกัน
แล้วอายุอานามขนาดเขานี่นะ น่าจะมีครอบครัวไปแล้วไหม...อาจจะมีมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำไป
ในเมื่อผู้ชายประเทศนี้ จะมีเมียสักกี่คนก็ย่อมได้ ยิ่งมีเยอะยิ่งดีใหญ่ ถือว่าเป็นผู้ชายที่มีศักยภาพสูง และน่ายกย่อง อีกทั้งควรเอามาเป็นแบบอย่าง...
ทุเรศสิ้นดี!..
นี่ขนาดเปลี่ยนแปลงการปกครอง เปิดรับรับวัฒนธรรมต่าง ๆ มาจากต่างประเทศทั่วโลก มามากกว่าสามสิบปีแล้วนะ กับผู้ชายบางคนในประเทศของเธอ ก็ยังคงยึดถือปฏิบัติกันมาในแบบเดิม ๆ
ใช่สิ.!.ยังไงผู้ชายก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่แล้วนี่...
เธอคนหนึ่งละที่จะค้านหัวชนฝา...
แล้วถ้าผู้หญิงทำอย่างนั้น..จะมีใครยกย่องกันบ้างไหมละ?...
“นักศึกษาทหารเซนเซีย!”
เสียงห้าวทุ้มเรียกชื่อเธอดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ร่างบางที่กำลังรีบเดินหลบปะปนกับเพื่อนนักเรียนทหารด้วยกันชะงักเท้า ก่อนจะหมุนตัวหันมาประจันหน้ากับร่างสูงใหญ่ ในระยะที่ห่างกันเพียงแค่สามก้าวเท่านั้น
เซนเซียพยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนที่จะตอบเจ้าของร่างสูงนั้นกลับไปว่า
“คะ...ท่านพันโทนายแพทย์อลัน”
“ตึกโรง’บาลอยู่ทางโน้น ไปสิ จะให้ผมวินิจฉัยอาการใจสั่นหวั่นไหวของคุณไม่ใช่หรือไง?”
“หนูหายแล้วค่ะ...” เธอรีบตอบกลับ ก่อนจะบอกเหตุผลกับเขาไปว่า “ ตอนนั้นหนูตื่นเต้นหัวใจมันก็เลยรวน เต้นผิดจังหวะสะเปะสะปะไปหมด แต่ถ้าหากท่านพันโทนายแพทย์อลัน ชวนหนูไปแล้วฉีดยาให้หนูสักเข็มสองเข็ม หนูก็ยินดีที่จะตามท่านไปนะคะ”
เธอตอบพร้อมกับทำสีหน้ายียวน เชิงกวนกลับไปแบบสองแง่สองง่าม กับคนตัวใหญ่กว่าที่มองเธอกลับมาด้วยนัยน์ตาคมดุ สีหน้าที่ยังเดาทางไม่ถูก กับท่าทางยักไหล่...ก่อนจะเดินผ่านเธอไปทันที...
ปล่อยให้หญิงสาวได้แต่มองตามแผ่นหลัง กับท่าทางคอตั้งหลังตรง แบบชนิดที่ไม่ยอมลงให้ใคร...
เป็นผู้ชายอีกคนสินะ ที่ยังยึดติดกับวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ว่า...
ผู้หญิงไม่ควรจะมี Equlity ในสังคม...
กดหัวผู้หญิงชัด ๆ... ผู้ชายที่เธอยอมมี One night stand ด้วยเป็นคนแบบนี้หรือไง?
หัวโบราณ!คร่ำครึ! ไม่ต่างกันกับพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีเลยสักนิด...ผู้ชายแบบนี้เชิญไปให้ไกลๆ เธอเลยเถอ!ะ รับไม่ได้จริง ๆ คืนนั้นดันหลงไปกับตัวตนจอมปลอมของเขาเข้าไปได้ เสียดายชะมัดเหอะ!
เซนเซียส่ายหน้า ก่อนจะละสายตาแล้วเดินกลับไปยังบ้านพักนักศึกษาทหารของตัวเอง...
ในขณะที่เหล่าบรรดานักศึกษานายร้อยทหารทุกคน กำลังเรียนภาคปฏิบัติการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากผู้พันนายแพทย์อลันเป็นวันที่สอง จู่ ๆ ก็มีนายทหารยศสัญญาบัตรคนหนึ่ง เปิดประตูเข้ามา ก่อนจะหันไปทำท่าตะเบ๊ะเชิงขออนุญาตกับอลัน เมื่อเขาพยักหน้ารับ นายทหารคนนั้นจึงคลี่กระดาษ ที่มีตราประทับของกระทรวงกลาโหม พร้อมกับอ่านข้อความที่อยู่ภายในนั้นอย่างสรุปใจความสำคัญมาให้ว่า“ มีคำสั่งด่วน มาจากท่านนายพลกลาโหม เรียกตัวนักศึกษาทหารหญิงเซนเซียเข้าพบ เป็นการส่วนตัว...ครับผม!”แน่นอนว่าสายตาทุกคู่หันมามองที่เซนเซียเพียงจุดเดียว รวมไปถึงดวงตาคมเข้มคู่นั้นที่กำลังเลิกขึ้นสูงเชิงสงสัยเพราะทุกคนในที่นี้ไม่มีใครรู้ว่า นายพลกลาโหมเคเซนคือบิดาของเซนเซียแล้วท่านเรียกเธอให้เข้าพบด่วนขนาดนี้ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาก่อนแล้วนะแบบนี้น่ะ...โทรศัพท์ก็มี แต่เวลาเรียนเธอไม่สามารถพกพามันมาได้ พ่อจึงเลือกใช้วิธีส่งคำสั่ง เป็นลายลักษณ์อักษร มาทางเมลอย่างงั้นเหรอ แล้วจะไห้เธอกลับไปยังไง ในเมื่อที่นี่กับในเมืองหลวงนั่น มีระยะทางห่างไกลกันตั้งหลายร้อยกิโล“ท่านนายพลเคเซน มีคำสั่งให้ผู้พันเอมิล เอาเฮลิคอปเตอร์มา
ขนาดลุงของอลันเป็นถึงอธิปดีกรมการปกครองที่ว่าใหญ่แล้ว ยังไม่กล้าก้าวล่วงถึงประวัติของนายพลกลาโหมรู้มาบ้างเพียงคร่าว ๆ จากพรรคพวกบางคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันเท่านั้น แต่ก็น่าแปลกใจว่า ทำไมทุกอย่างของครอบครัวของนายพลเคเซน จึงถูกปกปิดไว้เป็นความลับ นั่นกลับทำให้เรื่องราวของเซนเซียช่างน่าสงสัย และทำให้อลันอยากค้นหาประวัติ กับความเป็นมาของเธอมากยิ่งขึ้น คงต้องเริ่มจากเพื่อนทหารของเขานี่แหละมั้ง“นี่มึงดูสนใจเด็กคนนี้เกินไปรึเปล่าวะไอ้ลัน”เดวินเอ่ยถามพร้อมกับที่หรี่ตามองเพื่อนร่วมรุ่น ที่สนิทกันมากที่สุดแบบหยั่งเชิง“เออ..มึงก็แค่เล่าเรื่องของเธอตอนที่อยู่ที่นี่ ให้กูฟังว่าการเรียนทฤษฎี หรือการฝึกภาคสนาม ตั้งแต่ปีแรกจนถึงวันนี้เธอเป็นอย่างไรบ้างก็เท่านั้นแหละน่า”“ มึงไม่มีเคสรักษาคนป่วยหรือดูแลคนไข้เลยหรือไงวะ ดูว่างเกิ้น!”เดวินประชดคนตัวใหญ่พอกัน ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา คล้ายกับเล่นตัว“ตอนแรกไม่มีเคสอะไรนะ แต่ตอนนี้ใกล้จะมีละ หากมึงยังกั๊กไม่เล่าออกมาให้กูฟังเดี๋ยวนี้น่ะ”อลันตอบโต้กลับไปเชิงขู่ ในขณะที่เอานิ้วเคาะโต๊ะไปพร้อมกัน ทำเอาอีกคนหัวเราะร่วนออกมาอย่างขบข
การเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จากค่ายทหารที่เซนเซียประจำการ มาถึงที่เมืองหลวงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่กระทั่งเฮลิคอปเตอร์ได้พาทั้งสองคนมาลงจอด ณ.บริเวณบนดาดฟ้าของตึกที่ทำการ ของท่านนายพลกลาโหมโดยตรงเซนเซียกะโดดลงก่อนทันที แล้วรีบเดินปรี่ลงไปโดยไม่สนใจพี่ชายอย่างคนรู้เส้นทางดี แน่นอนว่าเธอคุ้นเคยกับที่นี่พอๆ กับที่บ้านนั่นเลยละมั้งหญิงสาวมาหยุดยืนรอพี่ชายอยู่หน้าประตูลิฟท์ ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกัน เมื่อประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ก็เจอเข้ากับพื้นพรมสีแดงราคาแพงที่ปูเป็นทางยาว ทำเอาเซนเซียไม่กล้าจะเหยียบย่ำลงไปเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่หญิงสาวควรจะมาใส่ใจ มากไปกว่าผู้ให้กำเนิด ที่กำลังนั่งรอลูกสาวกับลูกชายอยู่ภายในห้อง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันนั่นต่างหากละห้องของนายพลกลาโหมเคเซน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศเปรมา เจ้าของร่างใหญ่ใบหน้าคมคายที่ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ ถึงแม้วัยจะเลยเลขห้ามาหลายปี เงยหน้าขึ้นมามองสองคนพี่น้อง ที่เวลานี้ทั้งคู่ได้มายืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพากันยกมือขึ้นมาไหว้ผู้ให้กำเนิด ตามหลักธรรมเนียมไทย ที่ถูกมารดาสอนมาอย่างดี ก่อนจะพากันนั่งลงตรงกันข้าม ต่อเมื่อเซน
“ขออนุญาตครับ...ท่านนายพล”เสียงห้าวทุ้มคุ้นหูดังมาจากประตู ที่ถูกเปิดออกโดยร่างสูงพอกันของอลัน ทำให้เซนเซียที่กำลังนั่งหันหลังให้เกิดอาการใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาในวินาทีนั้นทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่า มันน่าจะใช่อลันคนเดียวกัน กับคนที่หญิงสาวเคยมี One night ในช่วงระยะเวลาที่เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ เพราะต้องการปรับจังหวะลมหายใจ เพื่อลดอาการประหม่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอลันอีกครั้งด้วยความบังเอิญหรือไม่ ก็ช่างหัวมันไปก่อนเหอะตอนนี้ ยังดีที่เธอนั่งหันหลังให้ เพราะงั้นเขาจึงไม่เห็นว่าหญิงสาวทำสีหน้ายังไงตอนนี้หน้าของเธอต้องกำลังเห่อแดงไปแล้วแน่ๆ ถึงแม้จะไม่มีกระจกส่องให้มองเห็นตัวเองเลยก็ตามแต่สำหรับอลัน แน่นอนว่าทุกอย่างมันคือความตั้งใจของชายหนุ่มทั้งหมดเลยนั่นละ และมันอาจจะเป็นช่วงจังหวะดีเพราะเขาดันรู้จักพื้นที่บริเวณนั้นแทบทุกตารางนิ้วเลยก็ว่าได้เพราะอลันเคยเป็นแพทย์ประจำการอยู่ที่ค่ายนั่น เป็นเวลานานกว่าสองปี และออกตะเวนพื้นที่นับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็เป็นความโชคดีอีกอย่าง ที่ลุงของเขาโทรมาถามมันก็เลยเข้าทางกันพอดีไงแต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น อลันเพิ่งจะได้ร
“ที่นายพลบอกว่าเธอเป็นคนของท่าน นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอกับท่านนายพล...”ฟังยังไม่ทันจบประโยคดี เซนเซียก็หัวเราะแทรกขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำถามนี้จากอลันตามนิสัยขี้เล่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว “อย่าบอกนะคะว่าผู้พันคิดว่าหนู เป็นอีหนูเล็กๆ ของท่านนายพลน่ะค่ะ”เซนเชียหันมาถามเขาเอาตรงๆ แต่อลันไม่ได้ตอบกลับ เขาพยักหน้ารับตอบกลับแทนเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วสูงขึ้นเชิงต้องการให้หญิงสาวอธิบายให้เขาฟังมากกว่านั้นดูท่าทางของเขาผิดไปจากตอนที่เข้าไปสอนเธอในห้องเรียน เป็นงั้นเซนเซียก็ตีเนียนไปก่อนแล้วกัน อลันคงจำเธอไม่ได้จริงๆ นั่นละคนรูปหล่อกระชากใจสาวน้อยสาวใหญ่อย่างเขา คงมีสาวๆ คอยรุมล้อมอยู่รอบตัวมากมาย หากจำเธอไม่ได้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...ก็เขาเป็นคนพูดออกมาเองว่า ฉันไม่เคยจำผู้หญิงที่ฉันเคยนอนด้วยเลยสักคน...แต่มันก็ยังอดเสียดายไม่ได้ไง...ที่เสน่ห์ของเธอไม่สามารถจะมัดใจผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ได้…ดีหน่อยที่เขายอมคุยด้วย เพราะมันช่วยให้เซนเซียรู้สึกเกร็งน้อยลง“ใครจะกล้าละคะ คุณหญิงของท่านน่ะดุจะตายชัก แล้วท่านผู้นำก็รักและเทิดทูนคุณหญิงของท่านราวกับคู่รักในตำนาน ” “เธอพูดเหมือนกำ
คลังอาวุธทั้งสองคนนัดมาพบกันที่คลังอาวุธของค่าย ด้วยชุดนายทหาร เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม และตรวจตราอาวุธที่จะนำติดตัวไปด้วยร่างบางที่เดินเข้ามาทีหลังชะงักเท้าลง เมื่อเห็นว่าอีกคนนั่งอยู่ก่อนหน้านั้น เซนเซียรีบปรับสีหน้าที่รู้สึกว่ามันน่าจะเปลี่ยนสีไปหมดแล้วทั้งหน้า เพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดของชายหนุ่มมาจนถึงตอนนี้ คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวเสียอาการ เพราะมันรู้สึกเขินไง...แต่ก็พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองหวั่นไหว...แล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนเลยด้วยทำไงได้ในเมื่อผู้พันไม่ได้มีดีแค่หน้าตาหล่อเหลา แต่เจ้าตัวเขาทั้งฮ็อทและเซ็กซี่ในตอนที่มีอะไรกัน แล้วมันก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วยไง มันก็เลยจำได้ติดตา รวมไปถึงติดใจเจ้าของร่างใหญ่นั่นด้วยละมั้ง ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกัน โดยมีโต๊ะกั้นกลาง พร้อมกับอาวุธทุกอย่าง มากมายหลายชนิดที่วางรวมกันอยู่บนนั้น“ไม่สบายหรือเปล่า...” อลันถามกลับไป เมื่อหันมาเห็นใบหน้างาม ขึ้นสีจัดจับใบหู ดูแล้วเหมือนคนเป็นไข้หมอใหญ่จึงเดินอ้อมมาดูอาการของคนตรงหน้า ด้วยการใช้หลังฝ่ามือหนายกขึ้นมาแตะสัมผัสบนหน้าผากมน“เปล่าค่ะ”เสียงหวานช้อนสายตาขึ้นมาตอบ ก่อนจะถ
“เดี๋ยวก่อนเซน!”หญิงสาวหมุนตัวหันไปหาร่างใหญ่ในจังหวะที่เขาเดินมาเข้ามาใกล้เกินไปจนเบรกไม่ทันเมื่ออีกคนหยุดกระทันร่างทั้งสองคนจึงปะทะกัน จนทำให้ร่างบางถึงกับหงายหลัง และอีกฝ่ายก็ไวพอที่จะคว้าตัวของหญิงสาวเอาไว้ได้ นั่นจึงทำให้เธอเข้ามาอยู่ในวงแขนของอลัน โดยไม่ทันได้ตั้งตัวเซนเซียไม่ได้ขัดขืนอะไร เมื่อถูกอีกฝ่ายกอดรัดไว้ทั้งตัว รวมไปถึงเป้สนามที่อยู่ทางด้านหลังของเธอนั่นด้วย มีเพียงคิ้วเรียวสวยที่เลิกขึ้นแทนคำถามกับอลันเท่านั้นเอง“...เป็นห่วง”เซนเซียยิ้มรับให้กับคำพูดสั้นๆ แขนเรียวสองข้างที่ยกขึ้นกันร่างกายระหว่างกันเอาไว้ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปวางบนบ่าของอลัน และรอให้อีกฝ่ายพูดกับเธอต่อจากนั้น“ที่เรากำลังจะไปทำภารกิจ รวมไปถึงบริเวณที่เรากำลังจะผ่านมันมีระเบิดที่ยังเก็บกู้ไม่หมด อย่าอยู่ห่างจากฉัน อะไรที่สุ่มเสี่ยงให้ฉันเป็นคนทำ”เซนเซียแทบจะหลุดขำออกมา แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะทำแบบนั้นได้ เมื่อเห็นสีหน้ารวมไปถึงคำพูดที่ดูจริงจังเป็นการเป็นงานของอลันเข้านอกจากมีใบหน้าหล่อเหลาคมคายชวนให้มองซ้ำๆ ได้ไม่เบื่อนั่นแล้ว เขายังเป็นผู้ชาย Type อบอุ่นอย่างที่ผู้หญิงหลายคนต้องการแต่ก็ยังอดสงสัย
“ทุกคนหาที่หลบกันก่อนนะคะ มีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาใกล้เรานี่แล้วค่ะ”“เธอรู้ได้ยังไง?...ฉันต้องฟังคำสั่งของเธองั้นเหรอ?”เอมิเลียชิงถามเซนเชียขึ้นมาก่อนใคร สายตาดูแคลนกึ่งเหยียดเด็กสาวที่มียศต่ำกว่า นั่นทำให้อลันต้องเป็นคนตัดสินใจในการออกคำสั่งแทน“ ทุกคนหาที่หลบตามที่เซนบอก ใครไม่หลบก็ยืนอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน เซนมากับฉันนี่”เอ่ยจบอลันก็ดึงแขนของหญิงสาวให้เดินตามเขา มาหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะทิ้งให้คนที่เหลือตัดสินใจกันเอาเองเมื่อทั้งสองคนพากันมาหลบหลังโคนต้นไม้ใหญ่ อลันจึงช่วยหญิงสาวเอาเป้สนามที่แบกไว้ทางด้านหลังออกมาจากตัวให้ จากนั้นจึงหันมาจัดการของตัวเอง แล้ววางมันเอาไว้ใกล้ๆ กัน ก่อนที่ทั้งคู่จะหยิบเอาอาวุธที่มีอยู่ ออกมาเตรียมความพร้อม“ทำไมผู้พันถึงได้เชื่อคำพูดของหนูละคะ”หญิงสาวหันมากระซิบถามคนข้างกันเบาๆ เพราะเธอรู้ว่าคนกลุ่มนั้น อีกนานกว่าจะมาถึง ซึ่งเซนเซียอยากจะนั่งพักก่อนนั่นแหละเดินแบกสัมภาระมาตั้งหลายชั่วโมงยังไม่ได้พัก มันก็ชักจะล้าๆ จนแทบจะก้าวขาไม่ออก อีกทั้งรองเท้าคอมแบทนั่นมันก็หนักเอาการ หากเดินต่อไปก็อาจจะเจอกันระหว่างทาง และแน่นอนว่าคงต้องมีการปะทะ
“ผู้พันช่วยตอบคำถามของผมด้วยครับ อย่าลืมว่าคุณกำลังอยู่ในเครื่องจับเท็จอยู่นะ กรุณาอย่าคิดนาน...”อามิลเอ่ยเร่ง พร้อมกับย้ำคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซึ่งความจริงมันไม่ใช่ตัวเขาเองหรอกนะที่เป็นคนตั้งคำถาม แต่มันมาจากหูฟังที่มี่คำสั่งส่งมาตามสาย ที่อยู่ห้องถัดไปของผู้ให้กำเนิดเพียงเพราะพวกท่านอยากจะรู้ ว่าผู้ชายคนนี้เหมาะสมกับลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนในบ้านมากแค่ไหน?ถึงต้องทำกันขนาดนั้นเชียว?ผู้พันดันเล่นของสูงมันก็ต้องมีเดิมพันกันหน่อยละ...เดิมพันด้วยชีวิตนะ!...หากตอบผิดชีวิตของผู้พันจะเปลี่ยนเลยทันที...ไม่ถูกจับถ่วงในทะเลกว้าง...ก็ถูกจับฝังอยู่กลางป่าลึก“ฉันรักเซน!...” อลันตอบกลับอย่างไว“แค่ไหน?” อามิลถามกลับไปตามคำสั่ง พลางบ่นในใจ...โอ๊ย! ท่านแม่คร๊าบ!...เข้ามาถามเองเลยก็ได้มั๊ย!?“ชีวิต...มากกว่าชีวิตของฉัน”อลันตอบกลับมาทันที สายตาคมมองสบตากับอามิลอย่างไม่หวาดหวั่น แม้แต่เครื่องจับเท็จนั่นยังทำอะไรอลันไม่ได้เลยอามิลเงียบเสียงของตัวเองลงไปเพราะกำลังรอฟังคำถามเสียงจากปลายสาย เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดกลับมา อามิลจึงบอกกับอลันต่อจากนั้นว่า
เมื่อข่าวนี้มันดังกระจายออกไปจนถึงหูของอลัน นั่นจึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ชายหนุ่ม ย้ายตัวเองเพื่อหนีเธอไปอยู่ไกลถึงชายแดน เขาหายไปจากชีวิตของหญิงสาวราวกับตายจากโนอาร์ละคำพูด ก่อนจะลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นออกมาดื่มดับกระหาย จากนั้นจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วเริ่มเล่าต่อเพราะรู้ว่าน้องสาวกำลังรอฟัง“พี่เพิ่งจะรู้ข่าวจากท่านแม่ว่า องค์ชายมักจะชอบหักหาญน้ำใจเราบ่อยๆ จนครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะหนีไปพักผ่อนที่ทะเลทางใต้ เราได้ทำร้ายองค์ชายเอาไว้ด้วยนี่ใช่มั๊ย?...” เมื่อเห็นเซนเซียพยักหน้ารับ โนอาร์ถึงกับกลั้วหัวเราะขำ“เราทำร้ายร่างกายท่านจนแทบจะสูญพันธ์เลยนี่หว่า...ถึงขนาดต้องพาแพทย์ประจำพระองค์เข้ามาตรวจรักษาอาการกันตอนนั้นเลย...แล้วเราก็หนีออกมาจากวังหน้าตาเฉย...”“ก็ถ้าหนูไม่รีบออกมา องค์ชายอาจจะตายคามือหนูเลยก็ได้นะคะ” เซนเซียเอ่ยออกไปเสียงเข้ม เมื่อนึกถึงตอนที่ถูกองค์ชายเรียกตัวเข้าไปพบในห้องเพราะต้องการจะลวนลามเชิงข่มขู่บังคับ เธอก็เลยทำให้ตรงนั้นของท่านดับอย่างอนาถ ให้สมกับที่ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ“พี่ก็ว่างั้น...แต่พระองค์ทรงกริ้วเรามากเลยนะ ถึงได้สั่งให้คนของท่านตามไปเฝ้าเราไว้ แล้
ความจริงในใจกับภาพที่อลันได้เห็นเซนเซียร้องไห้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไร มันเจ็บจุกจนพูดไม่ออกต่างหากละอีกทั้งการกระทำต่างๆ ที่ทำให้คนรอบกายได้เห็นว่า เขากำลังเข้มแข็งตามที่ปากว่า ด้วยการปล่อยน้ำตาของลูกผู้ชายให้ไหลกลับเข้าไปข้างในนั้น....มาลิคที่ยืนรอจังหวะนั่นอยู่นาน เมื่อสบโอกาสเขาจึงรีบกดโทรศัพท์ถึงลุงของอลันที่เป็นถึงอธิปดีกรมการปกครองทันทีชายหนุ่มเล่าทุกอย่างเท่าที่เขารู้ และประติดประต่อเรื่องราวเอาเองได้ไม่ยากจากที่อลันเคยเล่าให้เขาฟังกระทั่งคนสุดท้ายที่มาลิคต้องส่งข่าวให้รู้ก็คือคลูเซ็น ที่เป็นน้องสาวของอลัน อีกทั้งยังเป็นคนรักของเขานั่นเองเมื่อวางสายจากมาลิค อธิปดีกรมการปกครองจึงสั่งให้ลูกน้องคนสนิท ติดต่อหาเอกอัครราชทูตเมสันกับคุณหญิงเซลิน่าภรรยาซึ่งทั้งคู่ก็คือผู้ให้กำเนิดของอลันพอติดต่อเมสันได้ อธิปดีกรมการปกครองซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย จึงเล่าทุกอย่างให้ทั้งสองคนนั่นได้ฟังแต่เพียงคร่าวๆหลังจากได้รู้ข่าวของลูกชาย ทั้งคู่จึงรีบบินกลับประเทศเปรมาเดี๋ยวนั้นทันที ด้วยเครื่องบินที่มีประจำตำแหน่งเอกอัครราชทูตเมสันคงต้องใช้วาทะศิลป์ที่ตัวเองถนัด และมีความสามารถทางด้านนี้เ
อลันดึงร่างบางออกห่าง พลางพูดกับเจ้าตัวต่อจากนั้นทันที “อย่าดื้อกับพี่ชาย...แล้วก็ท่านพ่อกับท่านแม่นะเข้าใจมั๊ย?...พี่ไม่เป็นไร...”“หนูไม่ให้พี่ไป...ฮึกๆ ”“เซน!หยุดร้องไห้...” อลันออกคำสั่งเชิงบังคับกับเธออีกครั้ง ในขณะที่ใช้สายตาคม ก้มมองร่างเล็กที่กอดเขาเอาไว้ มือใหญ่ค่อยๆ แกะมือน้อยๆ ของเธอให้หลุดออก แต่ยังคงกุมมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น“พี่ลัน! ไม่นะคะ!”“อย่าดื้อกับพี่นะเซน!...เราเป็นทหารต้องเข้มแข็ง อย่าร้องไห้ให้ใครเห็นว่าเรากำลังอ่อนแอ...พี่พูดแค่นี้เธอเข้าใจพี่ใช่มั๊ย!?” อลันเอ่ยกับร่างบางเสียงเข้ม จากนั้นจึงปล่อยมือน้อยออกจากการมือใหญ่ของเขาน้ำเสียงที่ดูจริงจังราวกับสั่งได้ของชายหนุ่ม ทำให้เซนเซียเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มแน่นๆ ก่อนจะคลายเสียงสะอื้นลงทีละน้อย แต่ถึงอย่างนั้นมือใหญ่ก็ค่อยๆ ยกขึ้นเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาออกให้ อย่างแผ่วเบาราวกำลังปลอบโยนผู้พันหนุ่มไม่ต้องการทำให้คนในครอบครัวของหญิงสาว ต้องมาผิดใจกันเพราะมีเขาเป็นสาเหตุใหญ่ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือกฎข้อบังคับ ที่ทหารทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะวินัยที่ดีของนายทหารคือไม่ควรขัดคำสั่งของผู้บังคับบั
“แต่มันเป็นคำสั่งของท่านนายพลนะครับคุณเซนเซีย...คำสั่งของท่านผู้นำเท่านั้นที่สำคัญ และถือว่านั่นคือที่สุด!...”“งั้นก็ไม่ต้องพูดมาก! เพราะฉันไม่อยากจะฟัง! อย่างมากก็แค่ให้พังกันไปข้าง!”เซนเซียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดกระด้างอย่างรู้สึกโมโหมาก จากนั้นมันก็ไต่ระดับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเริ่มจะเปลี่ยนไป.... จากบรรยากาศที่กำลังสดใส แต่ในตอนนี้เมฆสีขาวที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า ต่างพากันรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ก่อนจะเคลื่อนย้ายเข้าไปบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์น้ำทะเลถูกกระแสลมแรงพัดผ่านจนเกิดคลื่นสูงใหญ่ ในขณะที่เม็ดทรายบนพื้นนั่นก็ฟุ้งกระจายขึ้นไปในลักษณะที่ไม่ต่างกันมาบัดนี้ดวงตาคู่สวยที่เคยมีประกายวาวหวานอยู่ในนั้น มันกำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดมากขึ้นกว่าเก่า ในขณะที่รางบางย่างเท้าเข้าไปหาเหล่าบรรดานายทหารที่อยู่ตรงหน้านั่นอย่างท้าทาย ผิดกับอีกฝ่ายที่พร้อมใจกันเดินถอยหลังอย่างรู้สึกหวาดกลัวเซนเซียกำลังโกรธจัดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์และสติของตัวเองได้เหมือนกับทุกๆ ครั้ง ถึงแม้จะรู้ว่ามันคือคำสั่งที่มาจากท่านผู้นำก็ตามหากเธอยอมให้พวกนั้นเอาตัวอลันไปได้ง่ายๆ ชายหนุ่มอาจ
เสียงของเฮลิคอปเตอร์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งน่านฟ้า เพราะบินตามกันมาไม่ต่ำกว่าสิบลำ เรียกสายตาของทั้งสองคู่ที่กำลังเดินเล่นกันอยู่บริเวณริมชายหาด ให้มองตามไปยังจุดที่ทุกลำพากันลงจอด ก่อนจะละสายตากลับมามองหน้ากันอีกครั้ง พร้อมกับเครื่องหมายคำถามที่ยังติดอยู่บนใบหน้างามของเธอ“ทำไมเฮลิคอปเตอร์ถึงได้มาลงจอดที่ค่ายหลายลำนักละคะ?” คนตัวเล็กกว่าหันมาถามอลันอย่างรู้สึกแปลกใจระคนสงสัยในทันทีเพราะดูจากจำนวนของเฮลิคอปเตอร์ที่บินตามกันมาเป็นขบวนขนาดนั้น คนที่นั่งมานั่นย่อมเป็นคนสำคัญและน่าจะมียศใหญ่ที่ไม่ธรรมดาเลย“ไม่รู้สิ...เพราะพี่เป็นหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่า มันคนละส่วนกันน่ะ อย่าไปสนใจเลยนะ เพราะมันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกันกับเรา...เราสองคนรีบไปขึ้นเรือกันเถอะ พี่จะได้พาเธอไปนอนค้างกลางทะเล เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในแบบที่เธอต้องการไง...”อลันบอกพร้อมกับกดจมูกลงพวงแก้มนุ่มในจังหวะที่หญิงสาวหันมาย่นจมูกใส่เขาพอดี“งื้อ~~...พี่ลันชอบล้อหนู...” เธอต่อว่าในขณะที่เอนหน้าหนีปลายจมูกโด่งของร่างหนาที่ทำท่าจะโน้มลงมาอีกรอบ“ไอ้ลัน!”แต่ทว่าในจังหวะเดียวกันก็มีเสียงของผู้ชายเรียกชื่อของอลันดังมาแต่ไก
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง บวกกับท้องทะเลที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอเค็มและเสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวแต่ทว่ายังไม่ทันได้ลืมตา เพราะอ้อมแขนอบอุ่นของร่างหนาทำให้รู้สึกว่า เธอยังไม่อยากตื่นขึ้นมาในเวลานี้เลยหรืออีกทีอาจเป็นเพราะบทรักอันเร่าร้อนของอลัน ตั้งแต่เมื่อวานช่วงหัวค่ำ แล้วลากยาวมาจวนใกล้ถึงเช้าของอีกวันหนึ่ง ซึ่งทำให้หญิงสาวปวดร้าวไปทั้งร่างกาย แล้วจะไปโทษใครได้ในเมื่อเจ้าตัวนั่นละที่เป็นคนรนหาที่เองทั้งยั่วเย้าทั้งอ่อยเขาสารพัดขนาดนั้น มีหรือคนอย่างอลันจะปล่อยผ่านมันไปได้ นั่นยิ่งไม่มีทางอย่างแน่นอน...แต่ก่อนอื่นสิ่งแรกที่หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้า นั่นก็คือใบหน้าหล่อเหลาคมคายยามหลับไหลของอลัน จมูกโด่งเป็นสันของเจ้าตัวนั่นแทบจะทิ่มใส่หน้าเธอซะให้ได้ถึงอายุอานามของเขา จะมากกว่าหญิงสาวหลายปีแต่ก็ยังดูดีอยู่เลยไม่เปลี่ยนไปสักนิด...ดูเหมือนเจ้าตัวจะหล่อเหลามากขึ้นด้วยรึเปล่าเหอะ!?และคงจะมีแต่สาวๆ ที่พากันวิ่งกรูเข้ามาหาเขามากเลยใช่มั๊ยละ?...คงจะคิดกันละสิท่า ว่าเจ้าตัวเขายังโสดอยู่...ในขณะที่หญิงสาวกำลังพิจารณาใบหน้าหล่อเหลา จู่ๆ เจ้า
อลันเห็นเซนเซียยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วงับนิ้วของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกเสียวซ่านที่ได้รับออกมาจากทางไหน เธอจึงใช้วิธีนี้ไงนั่นทำให้อลันที่นอนมองอยู่แทบจะคลั่งตายซะให้ได้...แม่งเซ็กซี่ฉิบหายเหอะ!เมื่ออลันเห็นสีหน้าที่ดูทรมานของหญิงสาว มันก็คือความพอใจของเขานั่นละ...ยิ่งตอนที่เห็นเซนเซียขยับคลื่อนไหวร่างกายบนตัวตนของเขา ด้วยสีหน้าและท่าทางบ่งบอกว่ากำลังสุขสมไปกับมัน ช่างเร้าอารมณ์และกระตุ้นเลือดในกายของอลันให้เดือดพล่านไปเลยจริงๆ...แล้วก็เชิญชวนให้เขาอยากจะขยี้ขยำกับเธอหนักๆ มากกว่าจะผ่อนแรงลง...“อื้อ...พี่ลัน...อ๊ะ!”ร่างเล็กกระตุกเกร็งบนร่างใหญ่หลายต่อหลายครั้งที่เธอเป็นฝ่ายทำเอง จนอลันต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างพยายามสะกดใจ เพราะไม่ต้องการให้อารมณ์ที่อยู่ภายในเตลิดเปิดเปิงมากไปกว่านี้อลันหันเหความสนใจจากใบหน้าของหญิงสาว มาที่สองเต้าของเธอแทน ก่อนจะยกสองแขนขึ้นไปขยำมันเล่น แต่พอเซนเซียเห็นอย่างนั้น เธอกลับคว้าข้อมือของอลัน!ขึ้นไปงับเอาไว้แทน!...ภาพที่เขามองเห็น ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจ ผิดเพี้ยนไปแทบจะทันทีให้มันได้อย่างงี้สิเซน!...ฆ่าตัวตายชัดๆ
อีกครั้งที่ริมฝีปากอิ่มบางถูกรุกเร้าอย่างเอาแต่ใจ และมันก็ค่อยๆ กลายเป็นลึกซึ้งมือหนาลูบไล้สีข้างเรื่อยลงมาอย่างรวดเร็วจนถึงต้นขาก่อนที่มันจะลดระดับลงมาอยู่ตรงใต้ข้อพับขา แล้วจับมันแยกออกจากกัน ก่อนจะขยับตัวตนของเขาแทรกเข้ามาหาร่างบางอย่างดุดันเฮือก!อลันรุกล้ำร่างกายของหญิงสาวเข้าไปในครั้งเดียว จนเธอสะดุ้งเผลอจิกทึ้งแผ่นหลังกว้างอย่างเผลอไผล ร่างเล็กกว่าหยัดกายสูงขึ้นมาจากที่นอน ในขณะที่อลันช้อนวงแขนแกร่งยกร่างบางขึ้นมาพร้อมๆ กันในจังหวะนั้นพอดี“อ๊ะ!.พี่..อ๊า!~~”เซนเซียร้องครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ และอลันก็ชอบใจถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายจิกทึ้งแผ่นหลังของเขาอย่างรุนแรงตามอารมณ์ของเจ้าตัวยิ่งหญิงสาวครางมากเท่าไหร่ คนตัวใหญ่กว่าก็ยิ่งโจนจ้วงเข้าหาเธอมากขึ้นเท่านั้นอย่างที่ไม่คิดจะยอมกัน“พี่คะ!...หนูจะ...เสร็จ..” หญิงสาวเอ่ยกับเขาเสียงขาดๆ หายๆ เมื่อรู้สึกตื่นเกร็งไปทั้งร่างกายตามธรรมชาติ อย่างห้ามตัวเองไม่ได้เลยดวงหน้าน่ารักแหงนขึ้นอย่างทรมานกับสัมผัสที่อลันมอบให้อีกครั้งอย่างไม่รั้งรออะไรร่างใหญ่โจนจ้วงเข้าหาหญิงสาวอย่างรุนแรง จนทำให้ร่างเล็กกระตุกเกร็งอีกรอบแล้วนั่นละเขาถึงผ่อน