“เมื่อกี้...คุณพูดอะไรกับหมอนั่นบ้าง” เสียงเย็นเยียบถามขึ้นเมื่อนั่งในรถสองต่อสอง“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ เขาก็ชวนคุยปกติ”“แต่ผมเห็นคุณกับเขา เอ่อ...” จู่ๆ อีกฝ่ายก็หยุดพูดไปเสียอย่างนั้น“เห็นอะไรเหรอคะ”“ช่างมันเหอะ จำไว้ว่าต่อไปนี้คุณห้ามเข้าใกล้หรือคุยกับเพื่อนผมสองต่อสองอีกก็พอ”ชิ...นึกว่าอะไร ที่แท้ก็โมโหเพราะหวงเพื่อนกลัวโดนเธองาบละสินะ ตาบ้านี่กวนประสาทชะมัด!“รับทราบค่ะท่าน” ภีรดาแกล้งรับคำเสียงหวานจ๋อย “แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้หรือคุยกับฉันเองก็ช่วยไม่ได้นะคะ เพราะในสัญญาเราไม่ได้มีการระบุสักหน่อยว่าห้ามฉันคุยกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่คุณ!”รวินรุตม์หันขวับ “หืม? ว่าไงนะ...”หญิงสาวยังไม่ทันได้ตอบโต้คนปากดี เพราะจู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน“คุณราล์ฟครับ มีคนฝากช่อดอกไม้มาให้คุณครับ” เจ้าหน้าที่วิ่งหอบช่อดอกไม้ที่ภีรดาจำได้ว่าเป็นของใครเข้ามายื่นให้ถึงในรถ แต่คนเป็นเจ้าของชายตามองเพียงนิดเดียว“ผมยกให้คุณแล้วกัน หรือไม่จะเอาไปทิ้งที่ไหนก็ตามใจ” พอพูดจบก็รีบออกรถไปโดยไม่แม้แต่จะมองดอกไม้นั่นอีก“นี่คุณ...คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจหอบมาแสดงความยินดี ทิ้งทำไมน่ะ ดอกไม้นอกทั้งนั้น สวยจะตาย ท่าจะแพง
“ก็เพื่อนคุณไงคะ เขาชวนฉันเมื่อกี้...อุ๊ย!” คนพูดชะงักกึกเมื่อเห็นสีหน้าคนฟังชัดๆ โมโหอะไรอีกล่ะนี่พ่อคุณ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่หว่า “คุณปวดท้องเหรอคะ ทำไมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นล่ะ”“ใช่เวลาเล่นไหม” ตอกกลับมาเสียงขุ่นๆ หน้าตาบึ้งตึง“แล้วคุณมาโกรธอะไรฉันเนี่ย ก็คุณไม่อยากพาฉันไปด้วย ฉันก็ไม่ไปแล้วไง ฉันผิดตรงไหนเนี่ย”“ก็ผิดตรงที่จะไปกับคนอื่นแทนไง” เสียงเข้มสะบัดใส่ ดวงตาขุ่นขวางมองมาราวกับจะขบหัวคู่สนทนา“โธ่ นึกว่าอะไร เอางี้ ถ้าคุณไม่อยากให้ไป ฉันไม่ไปงานนั่นก็ได้ ไม่ว่ากับใครก็ไม่ไป ถึงยังไงก็ไม่มีชุดจะใส่ไปงานหรูๆ แบบนั้นอยู่แล้ว กินมาม่าอยู่ที่ห้องพักคนเดียวก็ได้ ทีนี้พอใจหรือยังคะคุณเจ้านาย” แหม กลัวเธอจะไปทำให้ขายหน้าขนาดนั้น ไม่ไปก็ได้วะ! บอกตรงๆ หมดอารมณ์ “ออกรถเหอะ ฉันเหนื่อยอยากพักผ่อน”“ถ้าอยากไป ผมจะพาคุณไปเอง!”“หา! ว่าไงนะ!” หญิงสาวหันขวับ มองยักขมูขีตัวโตอย่างตกตะลึง มาอารมณ์ไหนอีกล่ะเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างกับคนวัยทอง หรือไอ้ที่นกเขาไม่ขันจะมีผลต่อการควบคุมอารมณ์ด้วยหรือเปล่า อืม น่าคิดแฮะ!“ตกใจอะไร ก็ถ้าคุณอยากไปงานเลี้ยงนั่น ผมก็จะเป็นคนพาไปเอง ไม่ต้องให
หลังจากอิ่มหน่ำจากอาหารซีฟูดมื้ออร่อย ไบเกอร์หนุ่มก็พาหญิงสาวนั่งรถกินลมชมทะเลอีกพักใหญ่ก่อนเข้าโรงแรมที่พัก แต่ห้องพักที่จองไว้สำหรับกรุ๊ปนักแข่งรถซูเปอร์ไบก์ที่มาด้วยกันดันเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น“งั้นคุณนอนนี่ เดี๋ยวฉันไปหาบังกะโลแถวนี้พักก็ได้” ภีรดาเสนอ แต่อีกฝ่ายดันไม่ยอมสนอง“นอนด้วยกันนี่แหละ” หญิงสาวหันขวับ “ปกติก็นอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว ทำไม หรือคุณยังไม่ชิน”โอ๊ย! จะบ้าตาย อายจนอยากจะเอาปี๊บคลุมหัว ดูเอาเถอะ พนักงานโรงแรมรวมถึงแขกที่มาพักแถวนั้นหันมามองเธอแปลกๆ กันหมดแล้ว“เอาโทรโข่งไหมคะ จะได้ได้ยินทั้งโรงแรมเลย มันใช่เรื่องที่ต้องประกาศไหมเนี่ย”“แค่คืนเดียวน่า พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว พักด้วยกันนี่แหละ อย่าเรื่องมาก!”หึๆ แล้วเธอจะพูดอะไรได้ ในเมื่อไม่ได้เป็นคนจ่ายตังค์ ว่าไงก็ต้องว่าตามกันอยู่แล้ว แต่ที่เซ็งคือ...เธอคงต้องนอนโซฟาเช่นเคยสินะ เฮ้อ...ตกเย็นภีรดาก็รีบขัดสีฉวีวรรณจนสวยเช้ง ไหนๆ จะได้ออกงานทั้งที เธอก็ไม่อยากให้คนพาไปขายหน้า หญิงสาวมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ไม่มากไป ไม่น้อยไป สวยกำลังดี แต่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่คือ...เสียงเปิดประตูห้องน้ำพร้อมร่างสูงใหญ่ที่เพิ่
“นึกว่าพวกนายจะเบี้ยวแล้วซะอีก” เสียงนุ่มหูเอ่ยทักมาแต่ไกล ตติยะมองใบหน้าตึงๆ ของเพื่อนรักสลับกับมองมือที่คล้องแขนกันของทั้งสองอย่างรู้ทัน “สวัสดีครับคุณแพน คืนนี้คุณสวยจัง แต่น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร” ถามดักคอเสียงขุ่นๆ“เสียดายที่...ไม่ว่างแล้วน่ะสิ” สุ้มเสียงที่หยอดมาทำคนสวยแอบเซ็ง พยายามจะกระตุกมือตัวเองออกจากแขนคนหน้าบึ้งแต่ก็ไม่สำเร็จ“รู้ก็ดี...”หืม? รู้อะไรฟระตานี่ พูดจากำกวมอีกละ เดี๋ยวชาวบ้านก็เข้าใจเธอผิดหมดหรอก ลืมข้อห้ามที่ตัวเองตั้งไว้แล้วหรือไงนะ...เธอกับเขาห้ามรักกันเด็ดขาด! อย่างนี้มันตัดโอกาสกันเห็นๆ เลย“คุณตติยะมาคนเดียวเหรอคะ”“ครับ ทำไงได้ผมมันคนอาภัพเรื่องคู่ ขนาดคุณยังเทนัดผมตั้งสามครั้งมาแล้วเลย จำได้ไหม” คนฟังคอย่น ได้แต่ยิ้มแหยๆ แอบรู้สึกผิด “ผมล้อเล่นน่ะครับ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ”“จะยืนคุยตรงนี้อีกนานไหม” เสียงไม่สบอารมณ์แทรกขึ้น พร้อมเบี่ยงกายบังร่างเพรียวระหงจากแสงแฟลชวูบวาบของนักข่าวในงาน จนภีรดาแอบหน้าเสียนิดๆ ทำท่าจะขยับตัวออกห่าง แต่มือใหญ่กลับยึดแขนเธอไว้พร้อมกระซิบบอก“อยู่ใกล้ๆ ผมไว้ แล้วทำตัวให้เป็นปกติ” “งั้นเรารีบเข้างานกันดีกว่า อ้อ เมื่อกี้ค
“ไปห้องน้ำค่ะ ต้องขออนุญาตด้วยไหมคะเจ้านาย” กัดฟันถามประชดเบาๆ เพราะเกรงใจแขกวีไอพีทั้งหลาย เมื่อเห็นกองทัพนักข่าวเข้ามาขอถ่ายรูปและสัมภาษณ์แชมป์คนเก่งของงาน ร่างบางก็ฉวยโอกาสปลีกตัวถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วดวงตาคู่งามมองร่างสูงๆ ท่ามกลางวงล้อมนักข่าวและแขกวีไอพีของสโมสรรวมถึงแม่สาวน้อยหน้าสวยหวานที่ยืนเคียงข้างเขา ดูแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสม ภีรดาถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูจากตรงนี้เขาช่างแสนไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึงเหลือเกินเฮ้อ...เรามาทำอะไรที่นี่นะ นึกว่างานจะสนุกเสียอีก แต่กลับกร่อยชะมัดเลยให้ตายเหอะ คิดแล้วก็ขี้เกียจกลับเข้าไปในงานเสียแล้วสิ หนีกลับห้องนอนเลยดีไหมนะ‘จำไว้ด้วยว่ามากับผมห้ามอยู่ห่างสายตาผมเด็ดขาด’ จู่ๆ เสียงเข้มๆ ก็ตามมาหลอกหลอนเฮอะ...ก็เขามีคนอื่นต้องเทกแล้วนี่ ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนสำคัญของงานอยู่แล้ว หายตัวไปสักคนคงไม่มีใครสังเกตหรอกน่าแต่ยังไม่ทันได้ทำตามใจคิด จู่ๆ ก็มีเสียงทักขึ้นด้านหลัง“สวัสดีครับคุณแพนคนสวย” ภีรดาหันไปส่งยิ้มทักทายให้พ่อหนุ่มหน้าเกาหลี “มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ ทำไมไม่เข้าไปในงาน”“คือแพนมาสูดอากาศน่ะค่ะ ว่าแต่คุณกวินเพิ่งมาเหรอคะ”“ชู่ อ
“กลับเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” เสียงขุ่นๆ กระซิบบอกดื้อๆ ก่อนจูงมือเธอฝ่าวงล้อมหนุ่มๆ ออกไปจากงานหน้าตาเฉย ท่ามกลางสายตาปรอยของหนุ่มสาวอีกหลายคน และแสงแฟลชวูบวาบของนักข่าวที่กำลังจะได้ข่าวเด็ดข่าวใหญ่“นี่คุณ เดินช้าๆ หน่อยได้ไหมคะ” ภีรดาร้องบอกคนที่จ้ำอ้าวไม่เกรงใจส้นสูงหกนิ้วของเธอสักนิด แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมฟัง ลากเอาๆ จนกระทั่งเธอโมโหจึงหยุดเดินเสียดื้อๆรวินรุตม์หันขวับมองหญิงสาวที่ยืนหน้ามุ่ยมองตาเขียวใส่ อารมณ์คุกรุ่นที่ค้างมาจากในงานจึงระเบิดตูม“ผมสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าอยู่ห่างจากสายตาผม!”“ก็ตาคุณมัวแต่มองคนอื่นเอง ไม่ได้มองมาทางฉัน แล้วจะมาว่ากันได้ไง” หญิงสาวโต้กลับอย่างลืมตัว ก็เขาเอาแต่สนใจยายคุณหนูผู้ดีนั่นจนไม่มองเธอเองแล้วจะมาว่าเธอทำไม“แล้วใครอนุญาตให้ไปทำตัวสนิทสนมกับเจ้ากวินนั่น เต้นรำกับมันสนุกไหม”เอ๊...ตานี่โกรธแล้วพาล หรือโรคหวงเพื่อนจะกำเริบอีกแล้ว“ก็สนุกดีค่ะ อย่างน้อยเขาก็ไม่เอาแต่ตะคอกใส่ฉันปาวๆ เผด็จการไม่มีเหตุผลเหมือนคุณเนี่ย ถามจริง โกรธอะไรฉันนักหนา ฉันทำอะไรผิด”ไบเกอร์หนุ่มถอนหายใจแรงๆ มองสบตาหญิงสาวตัวป่วนตรงหน้าแล้วคันไม้คันมืออยากหักคอคน ทำไมเธอชอบยั
ขณะกำลังคิดเพลินๆ ชายหนุ่มก็ตกใจ เมื่อเห็นเจ้าก้อนกลมๆ ตรงหน้าพลิกตัวกลิ้งไถลตกจากโซฟาลงมากองที่พื้นเสียงดังตุ้บ ทำเอาคนขี้เซาถึงกับลืมตาตื่น แต่ก็ยังโงนเงนสักพักก่อนลุกขึ้นนั่งหัวฟู หน้าตาดูไม่จืด แต่เมื่อเธอหันมามองที่เตียงคนป่วย ชายหนุ่มก็รีบหลับตาแกล้งทำเป็นหลับทันทีฝ่ายคนเฝ้าไข้พอได้สติ สำนึกแรกที่คิดถึงคืออาการของคนป่วย ร่างเพรียวบางรีบลุกขึ้นปราดเข้ามาที่เตียง พร้อมถอนหายใจโล่งอก ที่เห็นสีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น มือบางเอื้อมไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย“สีหน้าเริ่มดีขึ้นแล้วนี่ ตัวก็ไม่ร้อน เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าไม่รอดเสียแล้วสิ”ภีรดาทอดสายตามองร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งบนเตียงคนป่วยและมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง หน้าตาแลดูซีดเซียวกว่าปกติด้วยความเป็นห่วง หลังจากได้ฟังคุณหมอวินิจฉัยอาการของคนป่วยเบื้องต้นเมื่อคืน เธอก็อดสงสัยไม่ได้“หรือว่าจะเป็นเพราะไอ้หอยนางรมนั่นหว่า เอ...ก็ไหนว่ามันเป็นยาโด๊ปชั้นเลิศไง ไหงเขาถึงลงเอยในสภาพนี้ล่ะ” แถมอาหารพวกนั้นเธอก็กินด้วย แล้วทำไมไม่มีอาการอะไรสักอย่าง แต่อีตานี่กลับถึงขั้นท้องเสียจนสลบเหมือดคาที่ได้“หรือจะเป็นผลข้างเคียงของโรคเซ็กซ์เสื่อมนะ
“คุณช่วยป้อนหน่อยได้ไหม ผมเพลียจนมือไม่มีแรงเลย”เสียงอ่อนระโหยของคนป่วยทำให้หญิงสาวใจอ่อนไม่ติดใจสงสัย รีบเข้าไปช่วยประคองศีรษะอีกฝ่ายพร้อมป้อนน้ำให้เขาดื่ม โดยไม่ทันเห็นแววตาพราวระยับคู่นั้น“แค่ก!ๆ”จู่ๆ คนป่วยก็เกิดสำลักน้ำขึ้นมา จนน้ำในแก้วกระฉอกหกรดตัวเปียกชุ่ม“ตายแล้ว! น้ำหกหมดเลย” พริตตีสาวตาลีตาเหลือกรีบประคองเขาขึ้น พร้อมลูบหลังให้หายสำลัก “ขอโทษนะคะ ฉันป้อนเร็วไปหน่อยไม่ทันระวัง คุณเลยเปียกหมดเลย ทำไงดี”“หนะ...หนาวจัง ผมหนาว...” คนเจ็บเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น ตัวสั่นสะท้านภีรดามองเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน ด้วยความเป็นห่วง หมอนี่ยิ่งไม่ชอบให้เสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะอยู่ด้วย“งั้นเดี๋ยวฉันออกไปตามคุณพยาบาลมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีกว่า”“ไม่...ไม่เอา!” มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเธอไว้หมับ“แต่เสื้อผ้าคุณชื้นแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้เป็นปอดบวมอีกโรคหรอก”“งั้นคุณช่วยเปลี่ยนให้ผมหน่อยได้ไหม” แน้...มีต่อรองเสียด้วย “ผมไม่อยากให้ใครเห็นผมในสภาพ...ไม่น่าดู”ชิ...ที่แท้ก็กลัวเรตติงตกนั่นเอง“แต่ให้ฉันเห็นได้ว่างั้น” หญิงสาวเท้าสะเอว มึนตึ้บกับตรรกะผู้ชายตรงหน้า แต่พอเห็นสภาพหนาวจ
ใบหน้าที่แห้งแล้ง และดวงตาหม่นแสงชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเขาทำให้หญิงสาวอดสงสารไม่ได้ จึงเผลอตัวยื่นมือไปดึงร่างใหญ่เข้ามากอดปลอบโยน แม้จะยังข้องใจและมีคำถามอีกมากมาย แต่เธอกลับไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไปอีกเพราะกลัวคำตอบ“ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะได้พบคนคนนั้น คนที่คุณรักเขา แล้วเขาก็รักคุณโดยไม่หวังผลตอบแทนแน่นอน”รวินรุตม์อุ่นวาบขึ้นมาในดวงใจ รับรู้ได้ถึงความอาทรจริงใจที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาให้ วงแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างกลมกลึงตอบ ดวงตาคมเข้มทอประกายลึกล้ำอ่อนโยน รู้สึกเหมือนหัวใจที่เคยเย็นชาราวกับห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกำลังถูกแสงแดดอันอบอุ่นค่อยๆ ละลายเกราะกำแพงที่กั้นขวางลงทีละนิดๆ พร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในส่วนลึกของหัวใจสัมผัสที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้หญิงสาวรับรู้ได้เช่นกัน ภีรดาซุกซบใบหน้ากับอกแกร่งนิ่ง เริ่มคุ้นชินกับอ้อมกอดของเขา และเธอคงเป็นบ้าไปแล้วที่อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปเรื่อยๆ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอกับเขานั้นเป็นได้แค่ลูกจ้างกับนายจ้างเท่านั้น อีกไม่นาน ถ้างานสำเร็จเมื่อไหร่เธอกับเขาก็จะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก คิดถึงตรงนี้ก็ใจหาย หยาดน้
“หา?” หญิงสาวทำตาโต“ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกเป็นหลานเพื่อนๆ ของทั้งสองคนนั่นแหละ ผู้หญิงคนไหนดี คนไหนสวย มีคุณสมบัติเพียบพร้อมถูกใจก็ไปขอนัดให้ผมไปดูตัวหมด จนช่วงหลังนี่ผมงานยุ่งแล้วไหนจะต้องตระเวนแข่งรถก็เลยชักจะขี้เกียจเริ่มเบี้ยวนัด ทั้งสองคนเลยต้องหามุกใหม่ แทนที่จะนัดให้ผมไปดูตัวทีละคน ก็บังคับให้ผมไปตามงานเลี้ยงสารพัดสโมสร ไม่ก็งานวันเกิดเพื่อนๆ ของท่าน แล้วก็แนะนำผู้หญิงที่หมายตาเอาไว้แทนทีละหลายๆ คนไง อย่างงานวันมะรืนนี้ไง เจ้าสัวตระการที่ว่าน่ะเป็นทั้งเพื่อนสนิทพ่อผม แล้วก็ยังเป็นพ่อของนายเต้ เอ่อ...นายตติยะเพื่อนผมที่คุณเคยเจอด้วย ได้ข่าวว่าปีนี้จัดงานวันเกิดใหญ่โต เชิญพวกเซเลปและคนในแวดวงไฮโซมากันเยอะ เดาว่างานนี้ก็คงไม่แคล้วเป็นงานมหกรรมดูตัวอีกตามเคย”นานครั้งอีกฝ่ายถึงจะเล่าอะไรยาวๆ ให้ฟังสักที ภีรดาเลยเท้าคางฟังเพลิน“หึ...แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าผมทำหลานให้ท่านอุ้มไม่ได้เพราะไอ้อาการที่เป็นอยู่เนี่ย ต่อให้ผมถูกใจเลือกผู้หญิงที่ท่านหมายตาสักคนมาแต่งงานด้วยก็ใช่ว่าจะผลิตหลานให้อุ้มได้...”“แล้วพวกท่านรู้หรือเปล่าคะว่าคุณ...เอ่อ...มีอาการอย่างว่าน่ะ”ชายหนุ่มหันมามองสบตา ก่อนส่าย
“คือ...แพน...”“เรื่องจริงใช่ไหมลูก” รวีวรรณร้องลั่น ดวงตาเป็นประกาย “งั้นก็แปลว่าลูกกับแม่หนูคนนี้...ทำหลานให้แม่อุ้มเรียบร้อยแล้วสินะ”“อุ๊ย! เปล่านะคะ ไม่ใช่อย่างนั้น” ภีรดาตาเหลือก รีบปฏิเสธลั่น“โธ่...อย่าเขินไปเลยจ้ะ ถ้าเราสองคนคิดจริงจังกันถึงขั้นจะสร้างครอบครัวมีลูกมีเต้า จะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กลับจะดีใจด้วยซ้ำ”อ้าวเฮ้ย...ไหงอีกฝ่ายกลับดีใจล่ะ“ว่าแต่คุณแม่ยังไม่บอกเลยว่าแวะมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”“อ๋อ...ก็ลูกน่ะเล่นไม่ยอมกลับบ้านตั้งเป็นเดือนแล้ว แม่ก็เลยคิดถึง แล้วอีกอย่างคุณพ่อก็ฝากเตือนเรื่องงานเลี้ยงแซยิดเจ้าสัวตระการเพื่อนคุณพ่อวันมะรืนนี้ด้วย บอกว่าให้ลูกไปให้ได้” เอ่ยถึงตรงนี้ดวงตาคนพูดก็แอบฉายรอยกังวลขึ้นมานิดๆ “เออ...จริงสิ ทำไมลูกไม่พาหนูแพนด้าไปงานด้วยเสียเลยล่ะจ๊ะ”“หา! ไม่ดีมั้งคะ งานเลี้ยงที่ว่าคงมีแต่ผู้ใหญ่ อย่าพาแพนไปเกะกะเลยนะคะ...” ภีรดารู้สึกผิดที่ต้องมาโกหกผู้หญิงที่แสนจะใจดีตรงหน้า แต่ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษตาหมีภูเขาน้ำแข็งนี่ด้วยที่ทำให้เรื่องบานปลาย“ไม่ต้องห่วงครับ เราสองคนจะไปร่วมงานแน่นอน จริงไหมครับที่รัก” ภีรดาสะดุ
ภีรดาเงยหน้ามองนายจ้างหนุ่มที่ตีหน้าขรึมทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับดันหลังเธอไปข้างหน้าเบาๆ หญิงสาวจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจดีสู้เสือพร้อมกับขยับเข้าไปหาอีกฝ่าย“เข้ามาใกล้ๆ อีกสิ” เสียงเย็นยะเยือกสำทับพร้อมกับยื่นมือมา เสี้ยววินาทีที่ภีรดานึกว่าจะถูกอีกฝ่ายจิกหัวตบคว่ำขย้ำม้ามแตก เหมือนที่เคยดูในละครน้ำเน่าเรื่องแม่ผัวตัวร้ายกับลูกสะใภ้ทีเด็ดนั้นเอง จู่ๆ เสียงกังวานอย่างน่าเกรงขามก็ดังขึ้นว่า...“เฮ้อ...ท่าทางไม่เลวนี่”หะ...หา? อะไรคือไม่เลวหญิงสาวถึงขั้นช็อก อ้าปากค้าง คิดว่าตัวเองตาฝาดไป เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนมากวัยกว่าหืม...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าเหตุการณ์มันกลับตาลปัตรแบบนี้ได้ยังไง!รวินรุตม์อมยิ้มขำ พร้อมยกมือขึ้นทำไฮไฟว์กับมารดาของเขาอย่างอารมณ์ดี“ไง คราวนี้แม่เล่นเนียนเลยใช่ไหม”“สุดๆ เลยครับ” ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ดาราเจ้าบทบาทที่เปลี่ยนบุคลิกราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือภีรดาหันมองคนทั้งสองสลับไปมา งุนงงเป็นไก่ตาแตก “เอ่อ...เดี๋ยวนะคะ ช่วยบอกดิฉันทีว่าตกลงเมื่อกี้คือการแสดงเหรอคะ”“แม่ผมเคยเป็นนางเอกละครเวทีของมหาวิทยาลัยเก่าน่ะคุณ” ร
“นั่งนี่แหละ!”สองเสียงเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาคนเป็นส่วนเกินสะดุ้งโหยง ก่อนค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม สีหน้าร่ำๆ ว่าอยากจะปล่อยโฮเสียให้ได้ฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...ฮือๆ“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องลูก” รวีวรรณเปิดฉากซักลูกชายด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ภีรดารู้สึกมือไม้เย็นเฉียบ เหงื่อแตกพลั่กๆ ภาวนาให้คนตรงหน้าไม่ได้เห็นข่าวฉาวๆ ของเธอในเน็ต ในขณะที่คนถูกถามไม่ตอบกลับ ทำเป็นนิ่งเฉย ท่าทีเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าเลยสักนิด“คืออย่างนี้ค่ะ หนู...เอ๊ย...ดิฉันขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ ดิฉันชื่อภีรดา ชื่อเล่นแพนด้า เป็นผู้...”“เธอเป็นผู้หญิงของผมครับ”เปรี้ยงเดียวจบเห่! พริตตีสาวหันขวับไปมองคนหวังดีประสงค์ร้ายตาค้าง หมอนี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย ไปแนะนำแบบนั้นได้ไง ไม่นะ! หรือว่าตาบ้านี่อยากเห็นเธอโดนแม่เขาเชือดคอหอย... “ผู้หญิงของลูกงั้นเหรอ...” แม่เสือหรี่ตามองมาทางลูกแพนด้าน้อยที่นั่งตัวลีบอย่างจับผิด “ผู้หญิงประเภทไหนล่ะ ชั่วคราวหรือว่าแบบเหมาจ่ายรายเดือน...”หืม...นั่นมันคนหรือโพรโมชันมือถือคะคุณแม่ ภีรดากลอก
ปล้ำเนี่ยนะ! งามหน้าแล้วไอ้แพนด้า! ไม่ใช่โดนเขาปล้ำ แต่เป็นปล้ำเขาเสียเอง รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น!พริตตีสาวกุมขมับอยากหลับไปโดยไม่ต้องตื่น รีบก้มลงสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากชุดที่ใส่เป็นคนละชุดกับเมื่อวาน ซึ่งเธอแน่ใจว่าไม่ได้เปลี่ยนเอง งั้นก็แปลว่า...ฝีมือคนตรงหน้าอยากจะบ้าตาย งั้นก็สรุปว่าเหตุการณ์เมื่อคืนก็ลงเอยที่...เธอปล้ำเขาจนสำเร็จสินะหมดกันพรหมจารีย์ที่หวงแหนมากว่ายี่สิบสามปี ต้องมาขาดวิ่นพังพินาศเพราะผู้ชายที่เซ็กซ์เสื่อมแบบนี้เหรอเนี่ย รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่นเซ็กซ์เสื่อมเหรอ...เดี๋ยวนะลองมาคิดดูอีกทีในเมื่อหมอนี่นกเขาไม่ขัน แล้วเธอจะปล้ำเขาสำเร็จได้ไง หรือจะเป็นเพราะไอ้ยาขวดนั้น หญิงสาวนึกถึงสินค้าออนไลน์ที่ตนแอบเทใส่ไว้ในแก้วเครื่องดื่มของรวินรุตม์เมื่อคืน แต่เท่าที่จำได้เขายังไม่ทันกินนี่หว่า หญิงสาวคิดแล้วสะดุ้งวาบในใจ เมื่อนึกถึงพริกในยำแซลมอนจานนั้นขึ้นมาได้ อย่าบอกนะว่า...ดาบนั้นคืนสนอง!ฮือ...ซวยกว่านี้มีอีกไหมเนี่ยเผ่นก่อนดีกว่า! ไม่แน่หมอนี่อาจจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่าฝันไปก็ได้ ว่าแล้วแม่สาวโก๊ะก็รีบย่องลุกจากที่เก
นาทีต่อมา รวินรุตม์ก็ต้องอ้าแขนรับการมาเยือนของผู้ช่วยสาวจอมหื่นที่โถมกายเข้าคร่อมทับเขาอย่างอุกอาจ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นช่างอ่อนหัด แต่เขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้กับความบ้าบิ่นจนน่ามอบโล่ของเธอที่เริ่มจากพรมจูบทั่วใบหน้าหล่อเหลา ลามมาที่ซอกคอ ทั้งยังกล้าจับ จูบ ลูบ คลำ ขยำสะเปะสะปะมั่วซั่วไปทั่วเรือนกายอันสง่างามของชายชาตรี ร่างแกร่งถึงขั้นผวาเมื่อเจอปลายชิวหาน้อยๆ ไล้วนที่จุดสีชมพูปลายยอดอกจนวูบวาบไปทั้งร่าง แถมบางคราวยังมีกัดเล็กๆ ในบริเวณที่น่าหวาดเสียวเข้าให้อีกต่างหากยายนี่ไปกินดีหมี หัวใจเสือมาหรือไงนะ ถึงได้หื่นได้หื่นดีขนาดนี้!ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่กลัวหัวใจจะวายตายคาที่เสียก่อน...แต่เหนือสิ่งใดนั้น ใช่ว่าสิ่งที่หญิงสาวทำจะไร้ผลเสียทีเดียว เมื่อความรู้สึกส่วนลึกบางอย่างในกายส่วนที่เคยด้านชาต่อสัมผัสหวามของเขาเริ่มจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เธอกำลังปลุกเร้าทีละนิดๆ ราวกับเริ่มเห็นแสงสว่างจุดเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์มืด ทำให้รวินรุตม์ต้องกัดฟันทนรับการเล้าโลมของอีกฝ่ายโดยไม่ปริปากบ่น เพราะบังเกิดความหวังที่จะรอดพ้นจากคำสาปร้ายด้วยน้ำมือของผู้หญิงตรงหน้าบางทียายแพนด้าตัวยุ่งนี่อาจจะท
“งอนที่ไหน ไม่ได้ง้อน...แล้วฉันก็บอกแค่ให้ไปเต้น แต่ไม่ได้ให้คุณไปกอดไปหอมใครสักหน่อย” คนพูดขึ้นเสียงใส่ ในใจเดือดปุดๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในผับนั่น“ทีคุณก็จูบผมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”ชิ้ง! เออจริงด้วยว่ะ ภีรดาได้ยินแล้วแทบสร่างเมา“กะ...ก็ ฉันจูบได้เพราะมันเป็นหน้าที่ อย่าลืมสิ คุณจ้างฉันมายั่วไม่ใช่หรือไง” แก้ตัวมันไปน้ำขุ่นๆ หน้าร้อนวาบๆ“งั้นก็ทำหน้าที่ของคุณสิ ยั่วให้ผมตื่นสักที หรือถ้าทำไม่ได้ ผมก็จะได้ไปหาคนอื่นมาทำแทนซะ...” คำพูดไม่เท่านัยน์ตาพราวระยับท้าทายคู่นั้นที่ทำให้คนถูกจ้องหายใจแทบไม่ออก ในอกวูบโหวงเมื่อคิดว่าต้องเสียตำแหน่งและเงินรางวัลก้อนโต แถมยังต้องหลีกทางให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดคนตรงหน้าแทนตัวเอง“คุณท้าฉัน?”“ไม่ได้ท้า แต่ว่าพูดจริง ถ้าคุณทำไม่ได้ผมจะจ้างคนอื่น...อุ๊บ!”ไม่ทันขาดคำ กลีบปากนุ่มๆ ก็ทาบปิดลงมาที่เรียวปากของเขาเสียเต็มรัก เพราะไม่อยากได้ยินคำพูดแสลงหูนั่นออกจากปากร้ายกาจของอีกฝ่าย พริตตีสาวลืมอาย ลืมมันทุกอย่าง สารพัดความรู้สึกที่อัดอั้นในอกตีกันให้วุ่น ตอนนี้เธอไม่สนว่าตัวเองกำลังเป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยซ้ำ ไม่ว่ายังไงวันนี้เธอต้องทำงาน
สิ่งที่ตติยะคาดไว้ไม่เกินจริงเลยสักนิดหลังจากพาหญิงสาวกลับมาที่คอนโดหรูอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มก็อุ้มร่างอรชรที่ดิ้นไม่หยุดพาดบ่า มิไยว่าอีกฝ่ายจะอาละวาดเพียงไหน หนักข้อเข้ามือใหญ่ๆ ก็หวดก้นเพียะเข้าให้จนแม่ตัวยุ่งร้องตะโกนเสียงหลง“โอ๊ย...มาตีฉ้านทามมายเนี่ย”“อยู่เฉยๆ ได้ไหมอย่าดิ้น เดี๋ยวตก...”“ก็ปล่อยสักทีเซ่”“ไม่ปล่อย คนนิสัยไม่ดีต้องโดนทำโทษแบบนี้” ว่าแล้วก็หวดอีกหลายเพียะอย่างมันเขี้ยวเรียกเสียงครวญครางเป็นระยะ ก่อนที่คนอุ้มจะโยนลงบนเตียง“โอ๊ย...เจ็บนะ เบาๆ เซ่ ”รวินรุตม์นิ่วหน้ามองอาการแม่สาวจอมยุ่งตรงหน้าอย่างเพลียๆ ปนสงสัยไปโดนตัวไหนมาล่ะเนี่ย ถึงคลั่งจนน่าจับฟัดแบบนี้ จะว่าเมาเหล้าก็ไม่น่าใช่ เพราะเครื่องดื่มที่สั่งให้ก็ไม่ได้มีแอลกอฮอล์มากมายอะไรนัก แล้วทำไมสภาพถึงเละเทะแถมหื่นได้ใจขนาดนี้ คิดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มก็ตาเหลือก เมื่อคนขี้เมาเริ่มก่อปัญหาใหม่ ขึ้นมา“ร้อน...ทามมายร้อนแบบนี้ เปิดแอร์เซ่...” ปากบ่น มือน้อยๆ ก็พยายามจะทึ้งเสื้อผ้าตัวเองออก“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะยายตัวยุ่ง ห้ามถอดนะ” ชายหนุ่มร้องลั่น ผวาเข้าตะครุบมือซุกซนที่ทำท่าจะดึงเกาะอกตัวเองลงไว้แทบไม่ทัน โอ๊ย