“นึกว่าพวกนายจะเบี้ยวแล้วซะอีก” เสียงนุ่มหูเอ่ยทักมาแต่ไกล ตติยะมองใบหน้าตึงๆ ของเพื่อนรักสลับกับมองมือที่คล้องแขนกันของทั้งสองอย่างรู้ทัน “สวัสดีครับคุณแพน คืนนี้คุณสวยจัง แต่น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร” ถามดักคอเสียงขุ่นๆ“เสียดายที่...ไม่ว่างแล้วน่ะสิ” สุ้มเสียงที่หยอดมาทำคนสวยแอบเซ็ง พยายามจะกระตุกมือตัวเองออกจากแขนคนหน้าบึ้งแต่ก็ไม่สำเร็จ“รู้ก็ดี...”หืม? รู้อะไรฟระตานี่ พูดจากำกวมอีกละ เดี๋ยวชาวบ้านก็เข้าใจเธอผิดหมดหรอก ลืมข้อห้ามที่ตัวเองตั้งไว้แล้วหรือไงนะ...เธอกับเขาห้ามรักกันเด็ดขาด! อย่างนี้มันตัดโอกาสกันเห็นๆ เลย“คุณตติยะมาคนเดียวเหรอคะ”“ครับ ทำไงได้ผมมันคนอาภัพเรื่องคู่ ขนาดคุณยังเทนัดผมตั้งสามครั้งมาแล้วเลย จำได้ไหม” คนฟังคอย่น ได้แต่ยิ้มแหยๆ แอบรู้สึกผิด “ผมล้อเล่นน่ะครับ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ”“จะยืนคุยตรงนี้อีกนานไหม” เสียงไม่สบอารมณ์แทรกขึ้น พร้อมเบี่ยงกายบังร่างเพรียวระหงจากแสงแฟลชวูบวาบของนักข่าวในงาน จนภีรดาแอบหน้าเสียนิดๆ ทำท่าจะขยับตัวออกห่าง แต่มือใหญ่กลับยึดแขนเธอไว้พร้อมกระซิบบอก“อยู่ใกล้ๆ ผมไว้ แล้วทำตัวให้เป็นปกติ” “งั้นเรารีบเข้างานกันดีกว่า อ้อ เมื่อกี้ค
“ไปห้องน้ำค่ะ ต้องขออนุญาตด้วยไหมคะเจ้านาย” กัดฟันถามประชดเบาๆ เพราะเกรงใจแขกวีไอพีทั้งหลาย เมื่อเห็นกองทัพนักข่าวเข้ามาขอถ่ายรูปและสัมภาษณ์แชมป์คนเก่งของงาน ร่างบางก็ฉวยโอกาสปลีกตัวถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วดวงตาคู่งามมองร่างสูงๆ ท่ามกลางวงล้อมนักข่าวและแขกวีไอพีของสโมสรรวมถึงแม่สาวน้อยหน้าสวยหวานที่ยืนเคียงข้างเขา ดูแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสม ภีรดาถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูจากตรงนี้เขาช่างแสนไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึงเหลือเกินเฮ้อ...เรามาทำอะไรที่นี่นะ นึกว่างานจะสนุกเสียอีก แต่กลับกร่อยชะมัดเลยให้ตายเหอะ คิดแล้วก็ขี้เกียจกลับเข้าไปในงานเสียแล้วสิ หนีกลับห้องนอนเลยดีไหมนะ‘จำไว้ด้วยว่ามากับผมห้ามอยู่ห่างสายตาผมเด็ดขาด’ จู่ๆ เสียงเข้มๆ ก็ตามมาหลอกหลอนเฮอะ...ก็เขามีคนอื่นต้องเทกแล้วนี่ ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนสำคัญของงานอยู่แล้ว หายตัวไปสักคนคงไม่มีใครสังเกตหรอกน่าแต่ยังไม่ทันได้ทำตามใจคิด จู่ๆ ก็มีเสียงทักขึ้นด้านหลัง“สวัสดีครับคุณแพนคนสวย” ภีรดาหันไปส่งยิ้มทักทายให้พ่อหนุ่มหน้าเกาหลี “มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ ทำไมไม่เข้าไปในงาน”“คือแพนมาสูดอากาศน่ะค่ะ ว่าแต่คุณกวินเพิ่งมาเหรอคะ”“ชู่ อ
“กลับเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” เสียงขุ่นๆ กระซิบบอกดื้อๆ ก่อนจูงมือเธอฝ่าวงล้อมหนุ่มๆ ออกไปจากงานหน้าตาเฉย ท่ามกลางสายตาปรอยของหนุ่มสาวอีกหลายคน และแสงแฟลชวูบวาบของนักข่าวที่กำลังจะได้ข่าวเด็ดข่าวใหญ่“นี่คุณ เดินช้าๆ หน่อยได้ไหมคะ” ภีรดาร้องบอกคนที่จ้ำอ้าวไม่เกรงใจส้นสูงหกนิ้วของเธอสักนิด แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมฟัง ลากเอาๆ จนกระทั่งเธอโมโหจึงหยุดเดินเสียดื้อๆรวินรุตม์หันขวับมองหญิงสาวที่ยืนหน้ามุ่ยมองตาเขียวใส่ อารมณ์คุกรุ่นที่ค้างมาจากในงานจึงระเบิดตูม“ผมสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าอยู่ห่างจากสายตาผม!”“ก็ตาคุณมัวแต่มองคนอื่นเอง ไม่ได้มองมาทางฉัน แล้วจะมาว่ากันได้ไง” หญิงสาวโต้กลับอย่างลืมตัว ก็เขาเอาแต่สนใจยายคุณหนูผู้ดีนั่นจนไม่มองเธอเองแล้วจะมาว่าเธอทำไม“แล้วใครอนุญาตให้ไปทำตัวสนิทสนมกับเจ้ากวินนั่น เต้นรำกับมันสนุกไหม”เอ๊...ตานี่โกรธแล้วพาล หรือโรคหวงเพื่อนจะกำเริบอีกแล้ว“ก็สนุกดีค่ะ อย่างน้อยเขาก็ไม่เอาแต่ตะคอกใส่ฉันปาวๆ เผด็จการไม่มีเหตุผลเหมือนคุณเนี่ย ถามจริง โกรธอะไรฉันนักหนา ฉันทำอะไรผิด”ไบเกอร์หนุ่มถอนหายใจแรงๆ มองสบตาหญิงสาวตัวป่วนตรงหน้าแล้วคันไม้คันมืออยากหักคอคน ทำไมเธอชอบยั
ขณะกำลังคิดเพลินๆ ชายหนุ่มก็ตกใจ เมื่อเห็นเจ้าก้อนกลมๆ ตรงหน้าพลิกตัวกลิ้งไถลตกจากโซฟาลงมากองที่พื้นเสียงดังตุ้บ ทำเอาคนขี้เซาถึงกับลืมตาตื่น แต่ก็ยังโงนเงนสักพักก่อนลุกขึ้นนั่งหัวฟู หน้าตาดูไม่จืด แต่เมื่อเธอหันมามองที่เตียงคนป่วย ชายหนุ่มก็รีบหลับตาแกล้งทำเป็นหลับทันทีฝ่ายคนเฝ้าไข้พอได้สติ สำนึกแรกที่คิดถึงคืออาการของคนป่วย ร่างเพรียวบางรีบลุกขึ้นปราดเข้ามาที่เตียง พร้อมถอนหายใจโล่งอก ที่เห็นสีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น มือบางเอื้อมไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย“สีหน้าเริ่มดีขึ้นแล้วนี่ ตัวก็ไม่ร้อน เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าไม่รอดเสียแล้วสิ”ภีรดาทอดสายตามองร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งบนเตียงคนป่วยและมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง หน้าตาแลดูซีดเซียวกว่าปกติด้วยความเป็นห่วง หลังจากได้ฟังคุณหมอวินิจฉัยอาการของคนป่วยเบื้องต้นเมื่อคืน เธอก็อดสงสัยไม่ได้“หรือว่าจะเป็นเพราะไอ้หอยนางรมนั่นหว่า เอ...ก็ไหนว่ามันเป็นยาโด๊ปชั้นเลิศไง ไหงเขาถึงลงเอยในสภาพนี้ล่ะ” แถมอาหารพวกนั้นเธอก็กินด้วย แล้วทำไมไม่มีอาการอะไรสักอย่าง แต่อีตานี่กลับถึงขั้นท้องเสียจนสลบเหมือดคาที่ได้“หรือจะเป็นผลข้างเคียงของโรคเซ็กซ์เสื่อมนะ
“คุณช่วยป้อนหน่อยได้ไหม ผมเพลียจนมือไม่มีแรงเลย”เสียงอ่อนระโหยของคนป่วยทำให้หญิงสาวใจอ่อนไม่ติดใจสงสัย รีบเข้าไปช่วยประคองศีรษะอีกฝ่ายพร้อมป้อนน้ำให้เขาดื่ม โดยไม่ทันเห็นแววตาพราวระยับคู่นั้น“แค่ก!ๆ”จู่ๆ คนป่วยก็เกิดสำลักน้ำขึ้นมา จนน้ำในแก้วกระฉอกหกรดตัวเปียกชุ่ม“ตายแล้ว! น้ำหกหมดเลย” พริตตีสาวตาลีตาเหลือกรีบประคองเขาขึ้น พร้อมลูบหลังให้หายสำลัก “ขอโทษนะคะ ฉันป้อนเร็วไปหน่อยไม่ทันระวัง คุณเลยเปียกหมดเลย ทำไงดี”“หนะ...หนาวจัง ผมหนาว...” คนเจ็บเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น ตัวสั่นสะท้านภีรดามองเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน ด้วยความเป็นห่วง หมอนี่ยิ่งไม่ชอบให้เสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะอยู่ด้วย“งั้นเดี๋ยวฉันออกไปตามคุณพยาบาลมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีกว่า”“ไม่...ไม่เอา!” มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเธอไว้หมับ“แต่เสื้อผ้าคุณชื้นแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้เป็นปอดบวมอีกโรคหรอก”“งั้นคุณช่วยเปลี่ยนให้ผมหน่อยได้ไหม” แน้...มีต่อรองเสียด้วย “ผมไม่อยากให้ใครเห็นผมในสภาพ...ไม่น่าดู”ชิ...ที่แท้ก็กลัวเรตติงตกนั่นเอง“แต่ให้ฉันเห็นได้ว่างั้น” หญิงสาวเท้าสะเอว มึนตึ้บกับตรรกะผู้ชายตรงหน้า แต่พอเห็นสภาพหนาวจ
คราวนี้คนป้อนสะดุดกึก เริ่มรำคาญ!“แล้วอยากกินขนมเปี๊ยะแทนไหมคะ” เสียงหวานเย็นเฉียบกับนัยน์ตาขุ่นขวางตวัดมองสบตาคนป่วยจอมเรื่องมากแวววับ ก่อนจงใจตักสิ่งที่เขาให้เขี่ยทิ้งทั้งหลายขึ้นจ่อที่ปากชายหนุ่ม“คุณจะทำอะไรน่ะ” คนป่วยจ้องหน้าคนป้อน เริ่มไม่ไว้ใจ“ป้อนข้าวคุณไงคะ อ้าปากหน่อยสิคะ อะ...อ้ำ”“แต่ผมไม่กิน...อุ้บ!” คนป่วยตาเหลือกเมื่อช้อนถูกยัดเข้าปากดื้อๆ ทำท่าจะบ้วนทิ้ง แต่คนป้อนกลับส่งสายตาคาดโทษ“ถ้าคุณคายทิ้ง ฉันจะไม่ป้อนอะไรให้คุณกินอีกเลย กลืนลงไปเดี๋ยวนี้!”นั่นแหละ ชายหนุ่มจึงจำใจต้องกล้ำกลืนข้าวต้มคำนั้นลงคอไปด้วยสีหน้าปูเลี่ยนๆ ภีรดามองผลงานตัวเองอย่างพอใจและแอบสะใจนิดๆ กับชัยชนะเล็กๆ ที่ทำให้เขายอมเชื่อฟังได้ แต่แล้วทันใดนั้นเอง“โอ๊ะ!” คนป่วยกุมที่ลำคอตัวเอง สีหน้าทุรนทุรายสุดขีด“ทำไมคะ เป็นอะไรไปอีกล่ะ หรือในข้าวต้มนั่นมียาพิษ” หญิงสาวเท้าสะเอวถามประชด สีหน้ายียวน เพราะคิดว่าเขาแกล้งทำ“ผะ...ผม พะ...แพ้ขึ้นฉ่าย!” พอขาดคำเขาก็คอพับคออ่อนหมดสติไปทันที“หูย คราวนี้แสดงเว่อร์สมจริง” พริตตีสาวถึงกับปรบมือชมเปาะกับบทบาทสมจริงขั้นสุดของอีกฝ่าย “ใครที่ไหนจะแพ้ขึ้นฉ่ายกัน อย่ามา
ระหว่างที่รวินรุตม์นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ก็มีเพื่อนที่สนิทอย่างตติยะและคนที่สโมสรฯ แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนบ้าง ส่วนพ่อแม่ของชายหนุ่มนั้นอยู่ระหว่างการทัวร์ยุโรป เขาจึงห้ามไม่ให้ใครโทร. ไปบอกเพราะกลัวทั้งสองจะเป็นห่วงเกินเหตุจนต้องรีบกลับมาก่อนกำหนด ชายหนุ่มพักฟื้นอยู่สองสามวันอาการต่างๆ ก็ทุเลาลงจนเป็นปกติ คุณหมอจึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ในที่สุด ท่ามกลางความโล่งอกและยินดีปรีดาของคุณผู้ช่วยฯ สาวตลอดหลายวันที่ผ่านมาภีรดาแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร เพราะต้องคอยปรนนิบัติพัดวีคนป่วยจอมเกเรที่แสนเอาแต่ใจแล้วก็ขยันหาเรื่องใช้ได้ใช้ดีทุกทีที่มีโอกาส จนบางครั้งพยาบาลจำเป็นก็ชักสับสนในหน้าที่ว่าตกลงแล้วตัวเองเป็นผู้ช่วยส่วนตัว หรือเป็นภรรยาสาวที่ต้องคอยดูแลสามีสุดที่รักยามป่วยไข้กันแน่!“คิดอะไรอยู่เหรอคุณ” นายจ้างหนุ่มหันไปถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเหม่อใจลอยเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถเงียบๆ ผิดวิสัยคนช่างพูด“ก็คิดวิธีช่วยคุณไง ฉันอยากให้คุณรีบหายจากอาการ...นั่น...ไวๆ”คนฟังหันขวับมองหน้าคนพูด รู้สึกคันในหัวใจยิบๆ“อยากให้หายไวๆ เพื่อที่คุณจะได้เป็นไทเร็วๆ สินะ”“หรือคุณไม่อยากล่ะ เป็นไทเร็วๆ ไม่ดีหร
แต่ตอนนี้มันกลับถูกยึดครองโดยผู้หญิงแปลกหน้าที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขาทีละน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงจังหวะสนุกและท่าทีคล่องแคล่วของแม่ครัวเอก เจ้าของครัวตัวจริงก็เผลอคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับที่ร่างสูงแกร่งแอบย่องเข้าไปร่วมวงอย่างเงียบเชียบ“หอมจัง...”“อุ๊ย!” แม่ครัวเอกถึงกับสะดุ้งโหยงแทบโยนทัพพีในมือทิ้ง รีบหันขวับมองผู้ที่เข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ทำอะไรกินน่ะ” คนถามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พร้อมกับยื่นจมูกโด่งเฉียดแก้มเธอเพื่อมาสูดกลิ่นหอมๆ ของอาหารในหม้อราวกับแกล้ง“ข้าวต้มค่ะ ฉันต้มข้าวต้มทรงเครื่องให้คุณ” หญิงสาวพยายามคุมสติตอบไม่ให้เสียงสั่น ไออุ่นจากเรือนร่างสูงใหญ่ที่ทาบซ้อนอยู่เบื้องหลังทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นระบำ “คุณเพิ่งหายป่วย กินอะไรเบาๆ จะได้ย่อยง่ายๆ ไงคะ”“อืม...น่ากินดี” เขาเอ่ยชมเสียงนุ่มหูพร้อมขยับเข้ามาชิดใกล้มากกว่าเดิม“มา ให้ผมช่วยทำนะ” ว่าพลางยื่นมือจากด้านหลังมากุมมือนุ่มที่กำลังถือทัพพีช่วยคนข้าวต้มในหม้อ ทำเอาภีรดาที่รู้สึกเหมือนถูกโอบกอดถึงกับกลั้นหายใจจนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะเด้
แต่นั่นกลับเทียบไม่ได้เลยกับสายตาที่กำลังมองมาของกลุ่มคนตรงหน้าที่มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และจับผิดเวลานี้“ยิ้มหน่อยสิคุณ” เมื่อเห็นหญิงสาวเกร็งจนหน้าสั่น ชายหนุ่มจึงเอียงตัวไปกระซิบเบาๆ พอได้ยินกันสองคน “ทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวเขาก็หาว่าผมบังคับคุณมากันพอดี”“หึ...หรือไม่จริงล่ะ” เธอกัดฟันเถียง “ใครจะไปยิ้มออก ดูสายตาแต่ละคนนั่นสิ แค่ก้าวขาเดินได้นี่ก็บุญแล้ว นี่คุณว่าคนในงานจะจำฉันได้หรือเปล่า”“จำได้แล้วไง”“จะแล้วไงล่ะ ถ้าพวกเขาเชื่อข่าวฉาวในเน็ตนั่นจะว่าไง ฉันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่พ่อแม่คุณจะขายหน้าน่ะสิ ฉันไม่เข้าไปในงานได้ไหม เรากลับกันดีกว่า” หญิงสาวเริ่มจะปอดแหก ร่ำๆ ว่าจะขอถอนตัวเอาดื้อๆ แต่พอทำท่าจะหันหลังกลับ ชายหนุ่มก็รีบรั้งข้อมือน้อยไว้ “เชื่อมั่นในตัวเองสิ คุณไม่ได้เป็นอย่างในข่าวลือนั่น แล้วจะต้องไปแคร์คนอื่นทำไม ใครจะว่าอะไรก็ช่าง รู้แค่ว่าผมเชื่อมั่นในตัวคุณก็พอ” ประกายตาพราวระยับที่คนพูดมองสบมาทำให้หัวใจดวงน้อยเต็มตื้นและมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น“ทำใจกล้าเข้าไว้ แล้วจำให้ขึ้นใจว่า...วันนี้คุณมาในฐานะคนรักของผม ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่สนุกกับมันก็พอ ไปเถอะ ทุกคนกำลั
ห้องบอลรูมใหญ่ในโรงแรมหรูหราใจกลางเมืองแห่งนั้นถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดครบรอบหกสิบปีของเจ้าสัวบิดาของผู้เป็นเจ้าของโรงแรมนั่นเอง ผู้คนมากหน้าหลายตาที่ล้วนแล้วแต่มีฐานะ ชื่อเสียงในวงสังคม หรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมือง คนใหญ่คนโตระดับประเทศ หรือแม้กระทั่งพวกไฮโซเซเลบชื่อดังทั้งหลายต่างก็ทยอยมาร่วมงานอย่างอบอุ่น เจ้าสัวผู้เป็นเจ้าของงานพร้อมครอบครัวต่างยืนต้อนรับทักทายแขกเหรื่อคนสนิทที่นำของขวัญมาร่วมอวยพรกันอย่างชื่นมื่นรวีวรรณและกฤษณ์ผู้เป็นสามีก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังปราศัยกับเจ้าของงานอย่างออกรสเพราะสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร“ไงคุณกฤษณ์ สบายดีหรือ ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะช่วงนี้ ได้ข่าวพาภรรยาไปฮันนิมูนรอบที่ร้อยแปดที่ยุโรปมาเป็นยังไงบ้างล่ะ” เจ้าสัวตระการสัพยอกคนเป็นเพื่อนสนิทอย่างเป็นกันเอง“ก็สนุกดีตามประสาคนแก่นั่นละท่าน อายุมากอย่างพวกเราเที่ยวมารอบโลกแล้ว จนรู้สึกเฉยๆ ที่จริงถ้ามีคนที่เรารักและรักเราอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเมืองไทยหรืออยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน” คนพูดหันไปมองภรรยาสุดที่รักอย่างหวานชื่น ไม่ว่ากี่ปีความรักของเขากับภรรยาก็ไม่เคยจืดจาง“นั่นสินะ คนแก่ๆ อ
ก่อนถึงวันงานรวินรุตม์ก็พาผู้ช่วยสาวไปเลือกซื้อชุดสำหรับใส่ออกงานด้วยตัวเอง ทั้งยังพาไปเข้าคอร์สเสริมความงามฉบับเร่งด่วน จนพริตตีสาวหัวหมุน ไม่เข้าใจว่ากะอีแค่ไปเป็นไม้กันหมาจะต้องสวยอะไรขนาดนั้นหลังจากถูกขัดสีฉวีวรรณ วันงานภีรดาก็ออกมาสวยสมใจนายจ้างหนุ่มในที่สุด ร่างสูงเพรียวงามระหงในชุดราตรีแบบเรียบหรูดูผู้ดี๊ผู้ดีผิดหูผิดตา รับกับใบหน้าที่แต่งสไตล์เกาหลีดูฉ่ำน้ำแวววาวเป็นธรรมชาติ ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสลวยเงางามที่จัดแต่งมาอย่างประณีตสวยหรูแลดูเฉิดฉาย จนทำเอาชายหนุ่มผู้สวมบทคู่รักกำมะลอของเธอถึงกับตกตะลึงเมื่อแรกเห็นไปนานหลายวินาที“ไงคะ สวยพอเป็นคนรักของคุณได้ไหม” พริตตีสาวหมุนกาย หยอกเย้าด้วยรอยยิ้มน่ารักที่ทำให้คนมองมาแอบหัวใจกระตุกเบาๆ“ผมว่าขาดอะไรไปอย่าง อยู่เฉยๆ ก่อนนะ” ว่าแล้วคนพูดก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน ทำเอาหญิงสาวใจหายวาบไม่ใช่ว่าจะไปเอาชุดแม่ชีมาให้เธอใส่อีกหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่ปงไม่ไปมันแล้วเพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มก็กลับออกมาพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ แต่ไม่ใช่ชุดแม่ชีที่เธอขยาด เฮ้อ...โล่งอกร่างสูงสง่างามในชุดทักซิโดสีเทาสุดเท่เดินอ้อมมาทางด้านหลังของหญิงสาว ก่
ใบหน้าที่แห้งแล้ง และดวงตาหม่นแสงชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเขาทำให้หญิงสาวอดสงสารไม่ได้ จึงเผลอตัวยื่นมือไปดึงร่างใหญ่เข้ามากอดปลอบโยน แม้จะยังข้องใจและมีคำถามอีกมากมาย แต่เธอกลับไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไปอีกเพราะกลัวคำตอบ“ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะได้พบคนคนนั้น คนที่คุณรักเขา แล้วเขาก็รักคุณโดยไม่หวังผลตอบแทนแน่นอน”รวินรุตม์อุ่นวาบขึ้นมาในดวงใจ รับรู้ได้ถึงความอาทรจริงใจที่อีกฝ่ายส่งผ่านมาให้ วงแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างกลมกลึงตอบ ดวงตาคมเข้มทอประกายลึกล้ำอ่อนโยน รู้สึกเหมือนหัวใจที่เคยเย็นชาราวกับห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกำลังถูกแสงแดดอันอบอุ่นค่อยๆ ละลายเกราะกำแพงที่กั้นขวางลงทีละนิดๆ พร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในส่วนลึกของหัวใจสัมผัสที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้หญิงสาวรับรู้ได้เช่นกัน ภีรดาซุกซบใบหน้ากับอกแกร่งนิ่ง เริ่มคุ้นชินกับอ้อมกอดของเขา และเธอคงเป็นบ้าไปแล้วที่อยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปเรื่อยๆ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอกับเขานั้นเป็นได้แค่ลูกจ้างกับนายจ้างเท่านั้น อีกไม่นาน ถ้างานสำเร็จเมื่อไหร่เธอกับเขาก็จะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก คิดถึงตรงนี้ก็ใจหาย หยาดน้
“หา?” หญิงสาวทำตาโต“ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกเป็นหลานเพื่อนๆ ของทั้งสองคนนั่นแหละ ผู้หญิงคนไหนดี คนไหนสวย มีคุณสมบัติเพียบพร้อมถูกใจก็ไปขอนัดให้ผมไปดูตัวหมด จนช่วงหลังนี่ผมงานยุ่งแล้วไหนจะต้องตระเวนแข่งรถก็เลยชักจะขี้เกียจเริ่มเบี้ยวนัด ทั้งสองคนเลยต้องหามุกใหม่ แทนที่จะนัดให้ผมไปดูตัวทีละคน ก็บังคับให้ผมไปตามงานเลี้ยงสารพัดสโมสร ไม่ก็งานวันเกิดเพื่อนๆ ของท่าน แล้วก็แนะนำผู้หญิงที่หมายตาเอาไว้แทนทีละหลายๆ คนไง อย่างงานวันมะรืนนี้ไง เจ้าสัวตระการที่ว่าน่ะเป็นทั้งเพื่อนสนิทพ่อผม แล้วก็ยังเป็นพ่อของนายเต้ เอ่อ...นายตติยะเพื่อนผมที่คุณเคยเจอด้วย ได้ข่าวว่าปีนี้จัดงานวันเกิดใหญ่โต เชิญพวกเซเลปและคนในแวดวงไฮโซมากันเยอะ เดาว่างานนี้ก็คงไม่แคล้วเป็นงานมหกรรมดูตัวอีกตามเคย”นานครั้งอีกฝ่ายถึงจะเล่าอะไรยาวๆ ให้ฟังสักที ภีรดาเลยเท้าคางฟังเพลิน“หึ...แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าผมทำหลานให้ท่านอุ้มไม่ได้เพราะไอ้อาการที่เป็นอยู่เนี่ย ต่อให้ผมถูกใจเลือกผู้หญิงที่ท่านหมายตาสักคนมาแต่งงานด้วยก็ใช่ว่าจะผลิตหลานให้อุ้มได้...”“แล้วพวกท่านรู้หรือเปล่าคะว่าคุณ...เอ่อ...มีอาการอย่างว่าน่ะ”ชายหนุ่มหันมามองสบตา ก่อนส่าย
“คือ...แพน...”“เรื่องจริงใช่ไหมลูก” รวีวรรณร้องลั่น ดวงตาเป็นประกาย “งั้นก็แปลว่าลูกกับแม่หนูคนนี้...ทำหลานให้แม่อุ้มเรียบร้อยแล้วสินะ”“อุ๊ย! เปล่านะคะ ไม่ใช่อย่างนั้น” ภีรดาตาเหลือก รีบปฏิเสธลั่น“โธ่...อย่าเขินไปเลยจ้ะ ถ้าเราสองคนคิดจริงจังกันถึงขั้นจะสร้างครอบครัวมีลูกมีเต้า จะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กลับจะดีใจด้วยซ้ำ”อ้าวเฮ้ย...ไหงอีกฝ่ายกลับดีใจล่ะ“ว่าแต่คุณแม่ยังไม่บอกเลยว่าแวะมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”“อ๋อ...ก็ลูกน่ะเล่นไม่ยอมกลับบ้านตั้งเป็นเดือนแล้ว แม่ก็เลยคิดถึง แล้วอีกอย่างคุณพ่อก็ฝากเตือนเรื่องงานเลี้ยงแซยิดเจ้าสัวตระการเพื่อนคุณพ่อวันมะรืนนี้ด้วย บอกว่าให้ลูกไปให้ได้” เอ่ยถึงตรงนี้ดวงตาคนพูดก็แอบฉายรอยกังวลขึ้นมานิดๆ “เออ...จริงสิ ทำไมลูกไม่พาหนูแพนด้าไปงานด้วยเสียเลยล่ะจ๊ะ”“หา! ไม่ดีมั้งคะ งานเลี้ยงที่ว่าคงมีแต่ผู้ใหญ่ อย่าพาแพนไปเกะกะเลยนะคะ...” ภีรดารู้สึกผิดที่ต้องมาโกหกผู้หญิงที่แสนจะใจดีตรงหน้า แต่ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษตาหมีภูเขาน้ำแข็งนี่ด้วยที่ทำให้เรื่องบานปลาย“ไม่ต้องห่วงครับ เราสองคนจะไปร่วมงานแน่นอน จริงไหมครับที่รัก” ภีรดาสะดุ
ภีรดาเงยหน้ามองนายจ้างหนุ่มที่ตีหน้าขรึมทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับดันหลังเธอไปข้างหน้าเบาๆ หญิงสาวจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจดีสู้เสือพร้อมกับขยับเข้าไปหาอีกฝ่าย“เข้ามาใกล้ๆ อีกสิ” เสียงเย็นยะเยือกสำทับพร้อมกับยื่นมือมา เสี้ยววินาทีที่ภีรดานึกว่าจะถูกอีกฝ่ายจิกหัวตบคว่ำขย้ำม้ามแตก เหมือนที่เคยดูในละครน้ำเน่าเรื่องแม่ผัวตัวร้ายกับลูกสะใภ้ทีเด็ดนั้นเอง จู่ๆ เสียงกังวานอย่างน่าเกรงขามก็ดังขึ้นว่า...“เฮ้อ...ท่าทางไม่เลวนี่”หะ...หา? อะไรคือไม่เลวหญิงสาวถึงขั้นช็อก อ้าปากค้าง คิดว่าตัวเองตาฝาดไป เมื่อได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนมากวัยกว่าหืม...นี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าเหตุการณ์มันกลับตาลปัตรแบบนี้ได้ยังไง!รวินรุตม์อมยิ้มขำ พร้อมยกมือขึ้นทำไฮไฟว์กับมารดาของเขาอย่างอารมณ์ดี“ไง คราวนี้แม่เล่นเนียนเลยใช่ไหม”“สุดๆ เลยครับ” ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ดาราเจ้าบทบาทที่เปลี่ยนบุคลิกราวกับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือภีรดาหันมองคนทั้งสองสลับไปมา งุนงงเป็นไก่ตาแตก “เอ่อ...เดี๋ยวนะคะ ช่วยบอกดิฉันทีว่าตกลงเมื่อกี้คือการแสดงเหรอคะ”“แม่ผมเคยเป็นนางเอกละครเวทีของมหาวิทยาลัยเก่าน่ะคุณ” ร
“นั่งนี่แหละ!”สองเสียงเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาคนเป็นส่วนเกินสะดุ้งโหยง ก่อนค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม สีหน้าร่ำๆ ว่าอยากจะปล่อยโฮเสียให้ได้ฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...ฮือๆ“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องลูก” รวีวรรณเปิดฉากซักลูกชายด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ภีรดารู้สึกมือไม้เย็นเฉียบ เหงื่อแตกพลั่กๆ ภาวนาให้คนตรงหน้าไม่ได้เห็นข่าวฉาวๆ ของเธอในเน็ต ในขณะที่คนถูกถามไม่ตอบกลับ ทำเป็นนิ่งเฉย ท่าทีเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานตรงหน้าเลยสักนิด“คืออย่างนี้ค่ะ หนู...เอ๊ย...ดิฉันขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ ดิฉันชื่อภีรดา ชื่อเล่นแพนด้า เป็นผู้...”“เธอเป็นผู้หญิงของผมครับ”เปรี้ยงเดียวจบเห่! พริตตีสาวหันขวับไปมองคนหวังดีประสงค์ร้ายตาค้าง หมอนี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย ไปแนะนำแบบนั้นได้ไง ไม่นะ! หรือว่าตาบ้านี่อยากเห็นเธอโดนแม่เขาเชือดคอหอย... “ผู้หญิงของลูกงั้นเหรอ...” แม่เสือหรี่ตามองมาทางลูกแพนด้าน้อยที่นั่งตัวลีบอย่างจับผิด “ผู้หญิงประเภทไหนล่ะ ชั่วคราวหรือว่าแบบเหมาจ่ายรายเดือน...”หืม...นั่นมันคนหรือโพรโมชันมือถือคะคุณแม่ ภีรดากลอก
ปล้ำเนี่ยนะ! งามหน้าแล้วไอ้แพนด้า! ไม่ใช่โดนเขาปล้ำ แต่เป็นปล้ำเขาเสียเอง รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น!พริตตีสาวกุมขมับอยากหลับไปโดยไม่ต้องตื่น รีบก้มลงสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากชุดที่ใส่เป็นคนละชุดกับเมื่อวาน ซึ่งเธอแน่ใจว่าไม่ได้เปลี่ยนเอง งั้นก็แปลว่า...ฝีมือคนตรงหน้าอยากจะบ้าตาย งั้นก็สรุปว่าเหตุการณ์เมื่อคืนก็ลงเอยที่...เธอปล้ำเขาจนสำเร็จสินะหมดกันพรหมจารีย์ที่หวงแหนมากว่ายี่สิบสามปี ต้องมาขาดวิ่นพังพินาศเพราะผู้ชายที่เซ็กซ์เสื่อมแบบนี้เหรอเนี่ย รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่นเซ็กซ์เสื่อมเหรอ...เดี๋ยวนะลองมาคิดดูอีกทีในเมื่อหมอนี่นกเขาไม่ขัน แล้วเธอจะปล้ำเขาสำเร็จได้ไง หรือจะเป็นเพราะไอ้ยาขวดนั้น หญิงสาวนึกถึงสินค้าออนไลน์ที่ตนแอบเทใส่ไว้ในแก้วเครื่องดื่มของรวินรุตม์เมื่อคืน แต่เท่าที่จำได้เขายังไม่ทันกินนี่หว่า หญิงสาวคิดแล้วสะดุ้งวาบในใจ เมื่อนึกถึงพริกในยำแซลมอนจานนั้นขึ้นมาได้ อย่าบอกนะว่า...ดาบนั้นคืนสนอง!ฮือ...ซวยกว่านี้มีอีกไหมเนี่ยเผ่นก่อนดีกว่า! ไม่แน่หมอนี่อาจจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ หรือไม่ก็คิดว่าฝันไปก็ได้ ว่าแล้วแม่สาวโก๊ะก็รีบย่องลุกจากที่เก