“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
เมืองจิ่งโจว“หลีกไปเร็ว ๆ เข้า ม้าของคุณหนูสกุลกู้กำลังมา รีบ ๆ หลีกไป เร็ว เข้า!!”เสียงตะโกนที่ดังมาแต่ไกลของชาวบ้านในละแวกตลาดกลางเมืองที่คึกคักพร้อมกับเสียงฝีเท้าของอาชาสีขาว บนนั้นมีสตรีในอาภรณ์สีขาวสลับแดงควบอาชาราวกับเร่งกวดคนร้ายวิ่งเข้ามายังเขตที่มีผู้คนสัญจรจนเกือบจะชนรถม้าที่วิ่งสวนมาแล้ว“แย่แล้ว รถม้านั่น!!”“คุณหนูระวัง!!”“เสี่ยวปิงเจ้าไปทางซ้ายแล้วไปเจอกันข้างหน้านะ”“กู้ม่านซี” พูดกับม้าคู่ใจเมื่อค่อย ๆ ปล่อยบังเหียนพร้อมกับกระโดดตีลังกาเหยียบไปที่หลังอานม้าของรถม้าคันใหญ่ที่วิ่งสวนมา เสี่ยวปิงวิ่งแฉลบออกไปในตรอกแคบข้างซ้ายซึ่งเป็นรูเล็ก ๆ ซึ่งเป็นรูที่ม้าวิ่งไปได้แต่คนที่ขี่วิ่งไปด้วยไม่ได้เพราะมันแคบมาก“เฮ้ย ดูนั่น!!”สตรีในอาภรณ์สีขาวกระโดดขึ้นหลังคารถม้าและตีลังกากลับหลังไปอีกครั้ง เมื่อถึงพื้นม้าขาวของนางก็วิ่งออกมาจากตรอกและรับเจ้าของได้ทันเวลา นางหันไปพร้อมกับยกมือคำนับให้กับเจ้าของรถม้าเพื่อเป็นการขออภัยที่นางต้องล่วงเกิน แต่ว่าเจ้าของที่นั่งอยู่ในรถม้ามิอาจได้ทันเห็นว่านางทำเช่นนั้น“หยุดรถก่อน”“ขอรับ!!”คำสั่งของเจ้าของรถม้าทำให้ผู้คุมรถม้าหยุดรถม้าทันที
“ใช่เจ้าค่ะ เร็ว ๆ เข้าท่านหมอหลุน ข้ารีบวิ่งมาที่นี่ก็เพื่อให้ท่านช่วยมัน เสี่ยวจูเจ้าอดทนไว้ก่อนนะแมวน้อย”“แมวน้อยงั้นหรือ คุณหนูกู้แมวตัวนี้มันแทบจะอ้วนเกือบจะเป็นลูกหมูได้แล้ว”“ท่านหมอ รีบ ๆ เข้าเถอะน่าเดี๋ยวมันก็ตายหรอก”“ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน อีกเดี๋ยวข้าน้อยจะต้องใช้เครื่องมือคีบก้างออกมาจากปาก เสร็จแล้วจะรีบพามันออกมาส่ง”“ได้ ๆ ฝากท่านด้วยเจ้าค่ะ”หมอหลุนเดินเข้ามาอุ้ม “เสี่ยวจู” ที่กู้ม่านซีบอก มันมองหน้าหมอหลุนอย่างไม่ไว้ใจนัก มันครางเสียงขู่ในลำคอแต่ก้างที่ยังค้างในคอทำให้ไม่กล้าแผลงฤทธิ์มาก“ข้าจะอุ้มมันแล้วตามท่านหมอเข้าไป มันไม่ไว้ใจให้คนอื่นอุ้มสักเท่าใดนัก”“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ เชิญคุณหนูอุ้มแมวตามข้ามาทางนี้”ไม่นานท่านหมอก็ให้คุณหนูกู้เป็นผู้จับแมวยักษ์นั่นเอาไว้ ท่านหมอง้างปากมันออกและใช้คีมคีบก้างที่ยาวพอประมาณออกมาได้จนสำเร็จ แมวอ้วนเริ่มสบายคอและหันมากินน้ำที่หมอหลุนเตรียมเอาไว้ใน ในนั้นเขาผสมยาแก้ปวดลงไปให้มันกินด้วยเพื่อไม่ให้คุณหนูสกุลใหญ่ผู้นี้เป็นกังวล“เฮ้อ รอดแล้วนะเสี่ยวจู วันหลังก็อย่าตะกละกินเร็ว ๆ แบบนั้น ถ้าไม่ได้ท่านหมอละก็เจ้าตายไปแล้วนะ มานี่ มาขอ
“เสี่ยวจูอยู่บนต้นไม้ แล้วทำไมไม่เรียกจิ่วหลงให้ไปเอาลงมาเล่า”“พี่จิ่วหลงไม่อยู่ เขาออกไปเอายาข้างนอกเจ้าค่ะ ตอนนี้มันก็ร้องอยู่บนต้นไม้และไม่มีใครกล้าขึ้นไปเพราะว่า…กลัวมันจะข่วนเอาเจ้าค่ะ”“ปัดโธ่เอ๊ยเจ้าแมวโง่เอ๊ย!!”“ท่านพ่อเจ้าค่ะ”“รีบไปเถอะ ๆ เฮ้อ…วุ่นวายได้ทุกวันสิน่า!”กู้ม่านซีและสาวใช้รีบวิ่งไปยังด้านหลังบ้าน เสียวจูติดอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ยื่นล้ำออกไปยังจวนข้าง ๆ มันเกาะอยู่ปลายกิ่งที่เกือบจะล้ำไปที่จวนอีกหลังหนึ่งซึ่งทำให้นางปวดหัว เมื่อเห็นเจ้าแมวอ้วนของนางไปอยู่ที่นั่นและเหล่าคนใช้ในจวนก็เริ่มวุ่นวาย“เสียงอะไรเอะอะข้างนอก”“คุณชาย ดูเหมือนว่าจวนใต้เท้ากู้จะมีเรื่องขอรับ เห็นว่ามีแมวติดอยู่บนต้นไม้ เอ๊ะ!!”สิ้นเสียงของต้าจื่อ เจียงอี้หานก็มองเห็นแล้วเช่นกัน สตรีในชุดสีขาวคนเดิมที่กระโดดข้ามรถม้าของเขาเมื่อตอนสาย ตอนนี้นางก่อเรื่องอีกครั้งและเริ่มปีนขึ้นต้นไม้ที่ยื่นกิ่งมายังจวนของเขาเพื่อจะช่วยแมวของนาง“นั่นแมวหรือลูกหมูน่ะ ที่ติดอยู่ที่กิ่งไม้”“คุณชายนั่นแมวขอรับ เห็นว่าชื่อ…เสี่ยวจู (หมู)”“เสี่ยวจู หึ ตั้งตามขนาดตัวสินะ”กู้ม่านซีค่อย ๆ ขยับเพื่อจะไปดึงตัวเจ้าเสี่ยว
“ได้ ๆ แต่ตอนนี้ท่านลองชิมขนมนี่หน่อย อ้าปากสิ”สีหน้าเบิกบานใจและรอยยิ้มที่สดใสตรงหน้าของสตรีอายุน้อยทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน เจียงอี้หานแทบจะไม่เคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนางมาก่อน ยิ่งอยู่ใกล้ ๆ เช่นที่นางทำยิ่งไม่เคยพบ เขาจึงทำตัวไม่ถูก“ข้าบอกว่าให้ท่านอ้าปาก”“ข้ากินเองได้ ขอบใจเจ้ามากเจ้ากินเองไปเถอะ”“อะไรกันขนมนี่เสี่ยวจูชอบมากเลยนะ ใช่หรือไม่เจ้าแมวอ้วนจอมขี้เกียจ!!”นางพูดพลางเอาขนมที่จะป้อนเขาหันไปให้แมวที่นอนบนตักของนางกินแทน เจียงอี้หานรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขากินขนมแบบเดียวกับแมว แม้ว่าจะไม่อยากถือสาแต่ที่นางทำนี่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่สตรีอื่นคิดจะทำเมื่อไหร่“คุณหนูกู้ บ่ายนี้ข้ามีธุระคงจะอยู่ต้อนรับเจ้าไม่ได้แล้ว”“ท่านจะไปไหนงั้นหรือ”“คือข้า….”เขายังไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ แค่อยากจะสลัดจากสตรีน่ารำคาญตรงหน้านี้ไปเท่านั้น เขาอยากจะเดินดูให้ทั่วเมืองสักหน่อยเพื่อจะได้วางแผนจัดการเรื่องงานสืบสวนต่อ แต่สองวันมานี้กู้ม่านซีเอาแต่เกาะติดและมาหาที่จวนทุกวันจนเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งคุยกับนาง“เรื่องนั้น…. คงไม่ต้องลำบาก…”“ท่านไม่ต้องเกรงใจข้ามากหรอกน
“คุณชาย ท่านมั่นใจแล้วหรือขอรับว่าจะเข้าทางใต้เท้ากู้ผู้นี้”“ที่ให้เจ้าไปสืบเรื่องสกุลกู้ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”“สกุลกู้เป็นขุนนางมาสี่ชั่วคน ล้วนแต่จงรักภักดี ใต้เท้า “กู้หลาน” ผู้เป็นปู่ของคุณหนูกู้คือหนึ่งในยอดขุนพลแม่ทัพที่ช่วยกอบกู้เมืองจิ่งโจวขึ้นมา แม่ของคุณหนูกู้เป็นท่านหญิงแต่ที่ไม่ได้มอบยศต่อให้คุณหนูกู้เพราะว่านางไม่อยากรับช่วงต่อขอรับ”“แล้วอย่างไรต่อ”“ต่อมาเมื่อแม่ทัพกู้สิ้นลง บุตรชายคือใต้เท้ากู้เหว่ยเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพต่อแต่เขาเลือกที่จะวางดาบ ฝ่าบาทเลยให้เขาไปประจำการอยู่ที่กรมตุลาการแทนขอรับ”“อะไรนะ วางดาบงั้นหรือ เพราะอะไรกัน”“เดิมทีใต้เท้ากู็ผู้นี้มีบุตรด้วยกันสามคนขอรับ คนโต “กู้ซานหรง” เป็นแม่ทัพอยู่แดนใต้และไม่ค่อยได้กลับมา อีกคนก็บุตรคนรอง “กู้หรานจื่อ” เขาเคยเป็นรองแม่ทัพของจิ่งโจวมาก่อนแต่อายุสั้นสิ้นในในสนามรบครั้งที่…ใต้เท้ากู้เป็นแม่ทัพยกออกไปปราบแคว้นเซิ่นหลี่ที่มารุกรานทางเหนือ การสูญเสียบุตรชายในครั้งนั้นทำให้แม่ทัพกู้วางดาบและคืนตราพยัคฆ์ให้กับท่านอ๋องขอรับ"“ที่แท้เรื่องราวสกุลกู้มิใช่อย่างที่ข้าคิด หากว่าความภักดีนี้ยังคงอยู่เขาถึงกับคืนตราพยัคฆ
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”
เจียงอี้หานเร่งควบอาชาเข้าไปในสายหมอกที่เริ่มปกคลุมพื้นที่ป่า เขาเริ่มใช้การฟังเสียงจากระยะไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงแต่เพราะวิชาหูแปดทิศเขาจึงได้ยินเสียงตกใจของม้า“ม่านซี!! อยู่ที่ไหน”เสียงธนูที่พุ่งไปตรงเป้าหมายทำให้เจียงอี้หานเริ่มจับทิศทางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ควบอาชาเข้าไปใกล้ ๆ และสั่งให้กำลังทั้งหมดถอยออกไปเพราะเสียงฝีเท้าของม้าหลาย ๆ ตัวทำให้เขาแยกเสียงไม่ออก“จิ่วหลง ต้าจื่อ พวกเจ้าล้อมป่านี้ให้หมดอย่าให้สิ่งใดหลุดออกไปได้ ข้าจะเข้าไปหาม่านซี”""ขอรับ""เจียงอี้หานควบอาชามุ่งหน้าไปทางทิศที่เขาได้ยินเสียงธนู ทั้งเสียงสายน้าวและแรงดึงเขามั่นใจว่าต้องเป็นกู้ม่านซี เพราะเขาจดจำเสียงและน้ำหนักมือของนางได้ดี “ม่านซี!!”“อี้หาน!”ในที่สุดเขาก็เห็น ม่านซีที่ถูกล้อมด้วยหมาป่าสี่ตัว มันน่าจะทำให้ม้าของนางตกใจจนสลัดนางตกลงมา บัดนี้เหมือนกับว่าม่านซีบาดเจ็บที่ขาจึงไม่สามารถหนีจากดงหมาป่าได้ “ฉึก!!”“กรี๊ด!!”“ม่านซี!”นางยิงธนูดอกสุดท้ายที่มีไปที่หมาป่าหัวหน้าฝูงที่ก้าวเข้ามา ทำให้หมาป่าอีกตัวกระโจนเข้าหานาง เจียงอี้หานดึงมีดสั้นที่พกมาพุ่งไปที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ หมาป่าตั
นางยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เจียงอี้หานไร้หนทางจึงได้แค่กอดนางจากด้านหลังและสารภาพกับนางด้วยความจริงใจเพื่อมิให้กู้ม่านซีเดินหนีเขาไปอีกครั้ง“ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าเองก็มิได้ต้องการอยากจะผูกมิตรกับผู้ใดเลยจริง ๆ คิดเพียงว่าจิ่งโจวก็ไม่ต่างกับหัวเมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยขุนนางที่มากเล่ห์กล ข้าไม่เคยชอบเลย”ม่านซีได้แต่พ่นลมหายใจเป็นคำตอบ แต่เจียงอี้หานยังไม่คิดจะยอมแพ้ เขากอดนางแน่นขึ้นแต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านี้“เจ้าก็รู้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน ข้าเองก็มิได้ใส่ใจเจ้ารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ข้าไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดจนกระทั่งมีเจ้าเข้ามาในชีวิต เริ่มเปลี่ยนหัวใจที่แห้งแล้งของข้า… ทีละนิด พอรู้ตัวก็เอาแต่มองหาเจ้าไม่หยุด ไม่ได้ยินเสียงก็เริ่มกระสับกระส่าย พอเห็นเจ้ามีคนอื่นมาติดพันก็เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านซีเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นบ้าเป็นแน่”“ปล่อยข้าเถอะ ข้าอึดอัด”“ไม่! ข้ายังพูดไม่จบนะ เจ้าช่วยฟังข้าสักหน่อยเถอะเรื่องแบบนี้ใช่ว่าข้าจะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ข้านั่งคิดทั้งคืนแต่ก็ยอมเสียเจ้าไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องบอกเจ้า ม่านซีข้าขอโทษแต่เพราะตำแหน่งองค์ชายกับอ๋องแม่ทัพแดนอุด
วันถัดมา จวนสกุลกู้ เจียงอี้หานเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อม ๆ กับใต้เท้ากู้และกู้ซานหรงที่เข้าไปถวายรายงานและส่งมอบรายงานการจับกุมพร้อมกับสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทูลท่านอ๋องให้ทรงทราบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋รั่วเวยจะยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสราวกับตายทั้งเป็น“ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายเจียง ไม่สิองค์ชายห้าช่วยคลี่คลายคดี การสอบคงจะวุ่นวายมากกว่านี้ อีกทั้งเราอาจจะได้ขุนนางที่เป็นโจรปะปนเข้ามาในราชสำนักโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่”“ใต้เท้ากู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีความผิดซึ่งเดิมทีที่ข้าเลือกจะมาพักที่นี่เป็นเพราะสงสัยท่านเป็นคนแรก ขออภัยด้วยจริง ๆ ขอรับ”“มิได้ ๆ กระหม่อมย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องใดขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ที่จะมาอยู่ข้างจวนจะเป็นเพชฌฆาตไร้เงาผู้เลื่องชื่อคนนั้น อีกอย่างตอนนี้…เอ่อ”กู้ซานหรงหันไปมองหน้าขององค์ชายห้าที่ทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนออกจากวังแล้วว่าเจียงอี้หานมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก ซึ่งซานหรงพอจะเดาเหตุการณ์ออก“ซีเอ๋อร์รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายแล้วใช่หรือไม่”“อะไรนะ! หรือว่าเมื่อคืนนี้…”