"คุณกำลังคิดอะไรอยู่" คฑาเห็นว่าเธอเงียบแต่ก็ไม่ได้หลับ ใบหน้าคมผงกมองต่ำลงมา"ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย" ตอบเขาออกไปเพียงแค่เบาๆ"ถ้าคุณเป็นกังวลเรื่องแม่ ก็ไม่ต้องคิดแล้วนะ" ได้ยินคำพูดของแม่ก่อนที่จะขึ้นมา ก็รู้แล้วว่าท่านคงจะไม่มีอคติกับเธออีกแล้ว เพราะลูกสะใภ้แบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก"ค่ะ" รรรรรรตอบออกไปแบบน้อยใจ เขาจะรู้ไหมว่าเราต้องการอะไร ก็ในเมื่อเขาไม่ได้คิดแบบนั้นกับเรา เขาจะพูดออกมาได้ยังไง ..หญิงสาวก็เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่"ไหนบอกไม่คิดอะไรไง" จากที่ให้เธอนอนหนุนแขนเขาก็จับเธอหนุนไว้ที่หมอน แล้วคนตัวโตก็ยันกายขึ้นคร่อมร่างระหงไว้ "บอกผมได้ไหมว่าคุณคิดอะไรอยู่" คฑากลัวว่าเธอยังน้อยใจเรื่องแม่อยู่ก็เลยอยากจะเคลียร์ให้รู้เรื่อง"ถ้าฉันคลอดลูกแล้ว และถ้าคุณมีผู้หญิงที่คุณคิดว่า..รักเธอ..ฉันก็จะยอมไป" ถึงแม้เธอจะมีความน้อยใจอยู่บ้าง แต่ต้องพูดให้เข้าใจกันก่อน เพราะคิดว่าสักวันเขาต้องเจอคนที่ใช่ และถ้าถึงวันนั้นเธอก็จะยอมถอยออกมา"ผมไม่มีวันปล่อยคุณไป""แต่คุณไม่ได้รักฉัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสำหรับเรามันเป็นแค่ความบังเอิญ" จะไม่เรียกว่าบังเอิญได้ยังไง เขาเองไม่ใช่เหรอที่ดึงเธอเ
"เธอทำไปเพื่ออะไร" นางเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเปิดใจให้ใครที่เป็นแบบนี้เพราะความมั่งมี ..หลายคนอาจจะคิดว่ามันเกี่ยวกับความรวยตรงไหน เพราะนางกลัวว่าคนที่เข้ามาจะหวังแค่เงินทองหรือทรัพย์สมบัติที่นางมีอยู่ ก็เลยไม่คิดว่าพวกเขาหรือเธอจะมีใจรักลูกของนางจริง นอกเสียจากว่าสะใภ้หรือเขยคนนั้นจะฐานะเท่าเทียมกันบททดสอบของแต่ละคนถึงได้หนักหนานัก และตอนนี้บททดสอบของสะใภ้ ถือว่าเริ่มเข้าตานางแล้ว"ทำไปเพราะรักค่ะ รันรักลูกชายของคุณ..." เธอไม่กล้าเรียกอัญชัญว่าแม่ ก็เลยใช้คำว่าคุณแทน"ถ้าคฑาไม่มีอะไรติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว เธอยังจะรักเขาไหม""ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ในเมื่อเขายังมีสองมือสองเท้า ฉันก็มีเหมือนกัน เราสามารถที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้""เธอก็พูดได้สิ เพราะฉันมีลูกชายแค่คนเดียว ยังไงบริษัทก็ต้องเป็นของเขาอยู่แล้ว""คุณมีคนบริหารบริษัทแทนสามีรันไหมล่ะคะ ถ้ามีรันจะชวนสามีของรันไปเอง""นี่เธอ!" มันอาจจะเป็นท่าทางอวดดีจองหอง แต่มันกลับโดนใจของอัญชัญเข้าอย่างจัง แต่ถ้าจะสิ้นสุดบททดสอบแค่นี้มันก็ไม่ใช่นางแล้ว "โอ๊ยย..ปวดหัว" หญิงวัยกลางคนอยู่ดีๆ ก็ทรุดลง จนรรรรรรต้องรีบเข้ามารับร่างของนางไว้แต่
"หนูรักดื่มนมกันดีกว่าค่ะลูก" รรินธรเปิดที่ปิดจุกนมแล้วก็ส่งใส่ปากของรักนรินทร์"ชื่อรักเหรอ" อัญชัญยังคงมองดูเด็กไม่ยอมวาง"ใช่ค่ะชื่อรัก..รักนรินทร์""เข้าใจตั้งชื่อดีนิ" ที่นางพูดแบบนี้เพราะรู้ดีว่าชื่อแม่ของเด็กชื่ออะไร และชื่อน้าของเด็กชื่ออะไร มันก็เลยดูคล้องจองกันไปหมด"น้าของหนูรักเป็นคนตั้งให้ค่ะ""น้า?""ใช่ค่ะยัยรันตั้งชื่อให้หลาน ตอนนั้นรินยังไม่ฟื้น""ยังไม่ฟื้น?" ประโยคนี้อัญชัญมองดูคนที่เป็นแม่ของเด็กแบบสงสัย"รินเกิดอุบัติเหตุค่ะ ก็เลยต้องได้ผ่าคลอดด่วน"ในขณะที่รรินธรกำลังเล่า น้องสาวก็ได้ลงมาพอดี"ลงมาทำไม อยากได้อะไรก็บอกพี่สิ"สายตาอัญชัญจ้องมองรรินธรไม่ยอมละไปไหน"รินไม่เห็นพี่อยู่บนห้องก็เลยลงมาดูเฉยๆ ค่ะ""พี่พาหนูรักลงมาเดินเล่นก็เลยคุยกับคุณ.." รรินธรก็ไม่รู้ว่าจะเรียกแม่ของบอสยังไงดี ตอนที่เป็นเลขาอยู่เธอเรียกว่าคุณแม่ของท่านประธาน"จะกลัวอะไรฉันนักหนาทั้งพี่ทั้งน้อง ฉันแก่ขนาดนี้แล้วถ้าไม่เรียกแม่ก็เรียกป้าไปเถอะ" ว่าแล้วนางก็ลุกเดินหนีจากตรงนั้น พี่กับน้องทำได้แค่มองหน้ากัน ดูเหมือนว่านางอยากจะคุยด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะคุยยังไง[บริษัท]>>{"ไม่ต้องรับ"} คฑาพูดกั
เวลาได้ผ่านล่วงเลยมาตอนนี้รักนรินทร์อายุครบ 6 เดือนแล้ว และแน่นอนว่าเด็กในท้องของรรรรรรก็อายุครรภ์ 6 เดือนเช่นกัน"จะเดินจะเหินอะไรก็ระวังหน่อย ถ้าเป็นไปได้ไม่ต้องลงมา อยากได้อะไรก็โทรลงมาบอกแม่บ้าน" อัญชัญเห็นลูกสะใภ้เดินลงมาชั้นล่างก็รีบเดินเข้าไปรอรับ"รันอยากจะเดินบ้างค่ะ" ตอนนี้รรรรรรแทบจะไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ถึงแม้นางจะพูดไม่ค่อยเพราะ แต่ทุกคำพูดเธอก็ดูออกว่านางเป็นห่วง"ย้ายลงมาอยู่ห้องข้างล่างดีกว่า ขึ้นลงบ่อยๆ ไม่ดีหรอก" ขณะที่นางกำลังพูดกับลูกสะใภ้อยู่นั้น พี่สาวของเธอก็เดินออกมาจากในครัว"อยากได้อะไรเหรอ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ" ประโยคเดียวกันเป๊ะเลยกับแม่สามี"รันอยากจะเดินยืดเส้นยืดสายบ้างค่ะ แล้วตอนนี้หนูรักอยู่ไหนคะ""นอนหลับแล้ว" รรินธรเป็นอีกคนที่ไม่ค่อยได้เหนื่อยกับลูกสาวมากนัก เพราะว่าตอนนี้อัญชัญหาพี่เลี้ยงเด็กมาช่วย ทีแรกรรินธรไม่อยากจะรับ เพราะตัวเองไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ แต่นางให้เหตุผลว่า ให้พี่เลี้ยงเด็กฝึกงานไว้รอเลี้ยงลูกของคฑา"พี่อยากจะกลับไปทำงานแล้ว" ตอนนี้รรินธรรักษาตัวหายดีแล้ว และลูกก็มีคนช่วยดูแลแทน น้องสาวก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอเริ่มจะเกรงใจเจ้าของบ้านมากขึ้น
รถคันสวยได้วิ่งมาจอดที่ลานจอดรถของบริษัท รถที่บ้านหลังนั้นมีหลายคันมาก เธอก็เลยเลือกรุ่นเก่าหน่อยเอามาใช้ แต่ก็ยังราคาแพงอยู่ดีหญิงสาวก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงเข้าไปในบริษัท"สวัสดีค่ะดิฉันมาทำงาน""คุณใช่ไหมคะที่จะมาทำงานเลขา" คำพูดของพนักงานด้านหน้าเหมือนกับถูกบังคับให้พูดกับเธอ"ใช่ค่ะ""เชิญขึ้นไปชั้น 5 เลยค่ะ" ชั้น 5 คือชั้นที่สูงสุดแล้ว บริษัทนี้มีไม่หลายชั้นนัก แต่จะเน้นกว้างเพราะมีโซนของโรงงานที่อยู่ด้านหลังรรินธรก็เลยทำตามโดยการมาขึ้นลิฟต์"ลิฟต์เสียเหรอ?" หญิงสาวกดขึ้นแต่ไม่มีไฟสัญญาณใดๆ ออกมา และลิฟต์ก็ไม่เปิดสักที"บางครั้งก็เป็นแบบนี้ล่ะคะ คุณคงต้องได้เดินขึ้นไปเองแล้วแหละ" พนักงานคนเดิมเดินมาบอก"ค่ะ" เธอก็เลยจำเป็นต้องใช้บันได เดินขึ้นมาจนถึงชั้นบน พอมาถึงก็เห็นพนักงานคนอื่นใช้ลิฟต์ปกติ"วันแรกก็เจอแล้วหรือเรา" เธอเจอมาทุกรูปแบบแล้วกว่าจะถึงวันนี้ แต่ก็ไม่คิดจะถอยหรอกรรินธรเดินตรงไปที่ที่คิดว่าเป็นโต๊ะของเลขา"??" รรินธรเห็นโพสอิทที่เขียนติดไว้ ถึงกับงงว่าเขาเขียนไว้ให้ใคร เพราะข้อความนั้น เหมือนกับสาปแช่งคนที่จะต้องได้มาใช้โต๊ะตัวนี้ต่อหญิงสาวก็คิดไปในทางที่ดี เธอดึงก
"คริสงั้นเหรอ.. เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนหน้าเหมือนกันขนาดนี้ เขาเปลี่ยนชื่อเหรอ.." ได้แต่คุยกับตัวเอง แต่ดวงตานั้นมองจ้องไปที่ลูกสาว ..ทำไมหนูถึงเลือกที่จะหน้าเหมือนพ่อ "แม่ขอโทษนะลูก" เธอไม่น่าที่จะไปตำหนิลูกเลยว่าหน้าเหมือนใครอีกความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นมาในหัว ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น ..หรือเขามีแฝด?! "หรือจะใช่ ถ้าเป็นเขาต้องจำเราได้สิ" จากที่คิดว่าจะลาออกจากงาน ..มันก็เลยทำให้รรินธรอยากค้นหาความจริงดู ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฝดของพ่อรักนรินทร์จริงไหมใช่แล้วคริสหน้าเหมือนกับสามีของรรินธรมาก เขาหายไปตั้งแต่รู้ว่าเธอท้อง ไม่สิ เขาหายไปก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ แต่จะว่าเขาไม่รู้เรื่องลูกก็ไม่ใช่ เพราะเธอได้ส่งข้อความไป และเขาก็เปิดอ่านแล้วด้วย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมาอีกเลยเช้าวันต่อมา.."แม่จะหาความจริงมาบอกลูกให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือพ่อของลูกไหม ถึงแม้ความจริงมันจะเป็นยังไง หนูอย่าเสียใจนะลูก ที่เขาไม่เลือกเรา" ทำเหมือนกับว่าปลอบใจลูก แต่ที่ไหนได้ปลอบใจตัวเองมากกว่ารรินธรอุ้มรักนรินทร์ออกมาฝากไว้กับน้องสาวก่อนที่จะไปทำงาน[บริษัท]รรินธรมาถึงก็ตรงขึ้นไปชั้นที่เธอทำงานอยู
เย็นวันเดียวกันนั้น..ขณะที่รรินธรขับรถกลับบ้าน ก็ได้มีรถปริศนาขับตามหลังมา"???" รถคันนั้นขับตามจนถึงบ้านหลังใหญ่ แต่ใหญ่ขนาดนี้จะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ใช่แล้ว"คิดถึงหนูรักจังเลยลูก" หญิงสาวเดินตรงเข้าไปอุ้มลูกจากพี่เลี้ยงเด็ก "วันนี้หนูดื้อไหม""ไม่ดื้อหรอกค่ะ คุณรักนรินทร์เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย""ฉันบอกพี่แล้วไงว่าเรียกน้องรักเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเรียกเต็มขนาดนั้นหรอก""ค่ะ"แล้วรรินธรก็พาลูกสาวกลับขึ้นห้อง ที่ไม่ได้ถามหาน้อง เพราะวันนี้คฑาพารรรรรรไปตามนัดของคุณหมอ ซึ่งน้องสาวได้บอกไว้ก่อนที่จะออกจากบ้านเมื่อเช้านี้แล้ว"หนูไม่ต้องเสียใจนะลูก หนูรักมีแม่แค่คนเดียวก็พอแล้ว" พอคิดได้ว่าน้องสาวมีครอบครัวของตัวเองแล้ว ต่อไปนี้คงจะมีเวลาให้เธอกับลูกน้อยลง ก็อดใจหายไม่ได้ แต่ทุกคนก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ถ้าถึงวันนั้น เธอก็คงต้องได้แยกออกไป เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไรกับคนบ้านนี้"แม่จะเก็บเงินสักก้อน เรากลับไปอยู่บ้านเดิมกันนะ" รรินธรไม่คิดจะอาศัยที่นี่ตลอดไปอยู่แล้วเช้าวันต่อมา.."แม่ไปทำงานก่อนนะ หนูอย่าดื้อกับป้าเขานะคะ" หญิงสาวส่งลูกให้กับพี่เลี้ยงเด็ก แล้วก็ขับรถตรงออกจากบ้าน ถึงแม้เ
รรินธรคิดว่านุ่นคงจะไม่มีพิษมีภัยอะไร เพราะถึงยังไงนุ่นก็ขอโทษมาแล้ว เธอก็เลยยอมดื่มไวน์แก้วนั้น"หายไปนานหรือยังครับ" คริสได้ยินเลขาถามหาจักรกฤษณ์ ก็เลยเดินเข้ามาถามว่าหายไปนานหรือยัง เพราะเขาก็ลืมสังเกต"หายไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ดิฉันก็ให้ผู้ชายเข้าไปตามดูแล้วค่ะ ไม่มีเลย""เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้ พวกคุณตามสบายเลยนะครับ" เขาไม่อยากให้งานเลี้ยงกร่อย ก็เลยให้ทุกคนสนุกกันต่อพอเห็นว่าทางสะดวก ทับทิมก็เลยมองไปที่นุ่น เพื่อส่งสัญญาณอะไรกันบางอย่าง ที่พวกเขารู้กันแค่สองคน"ข้างในอึดอัดจังเลย เราไปคุยกันเล่นข้างนอกไหมคะ" คนที่นุ่นชวนก็คือรรินธร"ไม่ดีมั้งคะ""ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปคนเดียวได้" ว่าแล้วนุ่นก็ลุกเดินออกไป ..รรินธรคิดว่าไปเดินเล่นสักครู่คงไม่เป็นไร ก็เลยเดินตามออกไป พอเดินตามหลังไปได้เพียงไม่นานก็เริ่มวิงเวียนศีรษะ"ทำไมเรารู้สึกเวียนหัวแบบนี้ กินเข้าไปแก้วเดียวเมาเลยเหรอ" ตาเริ่มลายมองทางไม่ค่อยชัดอีกมุมหนึ่งของโรงแรม..>>{"ตอนนี้พี่อยู่ไหนครับ"} {"พี่กลับมาถึงบ้านแล้วมีอะไร"}>>{"ลูกค้าผมน่ะสิหายไป ก็เลยอยากให้เช็คกล้องวงจรปิดให้หน่อย
"คุณทำอะไรคะ" กัลยาเห็นว่าเขากำลังทำอะไรกับเตียงสักอย่าง"ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณจะอาบน้ำอีกไหม""อาบก่อนที่จะมาแล้วนี่คะ""ครับ..ถ้างั้นก็มานอนกันดีกว่า" ขยับเตียงเสร็จ สันติก็จัดการกับผ้าปูที่นอน เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร"คุณขยับออกไปนิดหนึ่งก็ได้ค่ะ" นอนได้สักพัก หญิงสาวก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ก็เลยบอกให้สามีขยับออกห่างเธอหน่อย"คุณอึดอัดที่ผมกอดเหรอ""เปล่าสักหน่อย""แล้วทำไมให้ขยับล่ะ""ก็ฉันกลัวจะอด..เออ" กัลยาคิดว่ามันเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเธอหรือเปล่า พอได้กลิ่นกายของสามีใกล้ๆ ก็เริ่มมีอารมณ์ ซึ่งแต่ก่อนเขาจะทำหรือไม่ทำก็ไม่เป็นไร"คุณก็พูดให้จบสิผมจะได้รู้""ฉันเป็นผู้หญิง""ผู้หญิง?? คุณอยากอีกแล้วเหรอ" เขาพูดแทนในสิ่งที่ผู้หญิงคงไม่กล้าพูดกัลยาอายมากจนเอาใบหน้าซุกเข้าไปกับแผ่นอกของสามี โชคดีที่หมอไม่ได้ห้ามเรื่องอย่างว่า เพราะเรื่องนี้สันติแอบถามมาแล้วตึก! ตึก! ตึก!!"เราทดลองดีแล้วไม่ใช่หรือพ่อ""ปล่อยมันไปเถอะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ช่างมาต่อเติมห้องข้างล่าง""ต่อเติมห้องข้างล่างทำไม""เราจะย้ายลงไปนอนข้างล่างกัน"วันต่อมา..ที่โรงแรมกัลยา"คุณสันติ!" อิฐ
เย็นวันเดียวกัน พอได้รับข่าวดี อัญชัญก็เลยให้คนจัดเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงฉลองเล็กๆ ในบ้าน กัลยาและสามีก็เลยต้องได้ค้างที่บ้านหลังนี้แต่อัญชัญก็ไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงแค่นี้ เพราะมันเป็นความยินดีที่สุดในครอบครัว จึงอยากจะป่าวประกาศให้คนในสังคมได้รับรู้ด้วย ก็เลยคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมอีกครั้ง"พี่สุดยอดมากเลยนะ" ขณะที่คฑาและคริสได้อยู่ตามลำพังกับสันติ ทั้งสองถึงกับยกนิ้วโป้งให้ จากเปอร์เซ็นต์ที่มีน้อยมาก แทบจะไม่มีเปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้ แต่สันติก็ทำมันสำเร็จสันติไม่เอ่ยพูดอะไรได้แค่อมยิ้มเล็กน้อย ในความเก่งของตัวเอง"หยุดเลยนะคะ" รรรรรรรีบห้ามกัลยา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะอุ้มรชต"ทำไม""เดี๋ยวพี่สันติก็มาเล่นงานอีก""เขาบ้าเห่อไปงั้นแหละ""แม่ก็ว่าอย่าเพิ่งอุ้มหลานเลย เรายิ่งมีลูกยากอยู่""ค่ะ" กัลยาก็เลยเชื่อฟัง ได้แค่นั่งหยอกรชตตอนที่คนอื่นอุ้มในเวลาเดียวกันนั้น และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ที่บ้านของสันติ"สงสัยวันนี้จะไม่กลับมานอนบ้าน" เศรษฐาพูดเปรยกับภรรยาขณะที่กำลังเดินขึ้นบ้าน เพราะเพิ่งจะปิดร้าน"คงใช่" เพราะถ้าลูกชายจะมานอนค้างที่บ้านก็คงกลับมาแล้ว"แม่.."สินีหยุดแล้วหันกลับมามอ
เช้าในวันต่อมา..วันนี้เป็นวันหยุดของผู้บริหาร ส่วนพนักงานโรงแรมจะผลัดเปลี่ยนกันทำงาน เพราะโรงแรมต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง"อึก..อึก.." ตื่นขึ้นมากัลยาก็อยากจะอาเจียน แต่เธอต้องพยายามกลั้นไว้ ทีแรกว่าจะบอกเขาเรื่องท้องตอนที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่พอปล่อยเวลาให้ผ่านไป เธอก็เลยไม่รู้จะเริ่มต้นบอกกับเขายังไง"คุณเป็นอะไร""เปล่าค่ะ""อยากจะอาเจียนใช่ไหม"หญิงสาวพยักหน้าบอกทันที สันติรีบปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด ..พอเป็นอิสระเท่านั้นแหละ กัลยาก็รีบตรงเข้าไปในห้องน้ำชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเข้าไปลูบหลังให้ พอเธอสบายท้องแล้วเขาก็กดน้ำลงให้"ดีขึ้นไหม""เวียนหัว" วันนี้รู้สึกว่าจะมีอาการเวียนหัวเพิ่มขึ้นมา"ไปหาหมอกัน""ไม่ค่ะ""ทำไม""ก็ฉันรู้อยู่ว่าตัวเองเป็นอะไร" ยังไงต้องได้บอกเขาอยู่แล้ว ถ้างั้นก็บอกวันนี้เลยแล้วกัน"ผมก็รู้""คะ??""คุณรู้ไหมว่าผมรอว่าเมื่อไรคุณจะบอกผม""คุณหมายความว่ายังไง" กัลยาลองถามดู ว่าที่เขาพูดหมายถึงเรื่องเธอท้องไหม หรือพูดคนละเรื่อง"ผมก็แอบน้อยใจ เมื่อไรคุณจะบอกเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเราสองคนสักที แต่คุณก็ไม่พูด""คุณรู้แล้วหรือคะ""ผมคงเป็นพ่อที่ไม่ดีมากเลยใช่ไหม คุณ
"คุณอยากกินเหรอ" เข้าทางสันติเลย เพราะคิดอยู่ว่าจะเอาของเปรี้ยวมาล่อเธอตอนไหนดี"เปล่าสักหน่อย ฉันแค่มองดูว่าทำไมถึงมีของแบบนั้นอยู่ในห้องอาหาร" เพราะอาหารพวกนี้มันเป็นอาหารเฉพาะ และถ้ามีใครแอบเอาอาหารข้างนอกเข้ามากิน ก็จะถูกทำโทษ เพราะกลัวว่าจะขัดต่อมาตรฐานอาหารของโรงแรม"น้ำเก็บเดี๋ยวนี้เลยนะ" วิลาวัลย์รีบเดินกลับมาเพื่อส่งซิกให้กับน้ำใจน้ำใจก็รีบเก็บมันไว้ โชคดีที่เป็นมะม่วงสด ถ้าเป็นของดองยิ่งจะถูกเล่นงานหนัก เพราะกลิ่นมันแรง"ฉันก็ลืมดูต้นทางให้แก แล้วนี่แกเป็นอะไรทำไมถึงอยากจะกินของเปรี้ยวๆ แบบนี้แต่เช้าจัง" ธัญญ่าเข้ามายืนบังเพื่อนไว้ในขณะที่กำลังเก็บของกินอยู่"ไม่รู้..สงสัยจะเป็นประจำเดือนมั้ง อยากกินแบบนี้มาหลายวันแล้ว""ทานข้าวหน่อยสิ" สันติตักอาหารวางใส่ชามข้าวให้กับกัลยาแต่เธอก็ยังมีท่าทางพะอืดพะอม เขาก็เลยเอายาดมที่ติดตัวมาด้วยส่งให้"คุณมีของแบบนี้ได้ยังไง" กัลยาถามสามี เพราะไม่เคยเห็นเขาดมยาสักที แล้วจะติดตัวมาทำไม"ผมเห็นใครวางไว้ที่บ้านไม่รู้ ก็เลยหยิบติดมาด้วย"พอได้ดมยาเข้าไปแล้ว กัลยาก็พอจะทานอาหารได้บ้าง แต่ก็ทั้งทานและทั้งดมยาไปด้วยสายๆ ของวันเดียวกัน.."อะไร
"หนูเป็นอะไร" สินีรีบวางของที่กำลังทำอยู่ เดินตามลูกสะใภ้เข้าไปในห้องน้ำ"คุณแม่อย่าเข้ามาค่ะ" คุยกับแม่สามียังไม่ขาดคำเธอก็ต้องได้หันกลับไปคุยกับคอห่านอีกครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรจะออกมา เพราะเพิ่งจะตื่นก็เลยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย"ดมยาหน่อยนะ" แม่ของสามีไปเอายาดมที่เตรียมไว้ขายออกมาให้ลูกสะใภ้"ขอบคุณค่ะ" พอเธอเอามาใส่จมูกแล้วสูดดม ก็รู้สึกโล่งขึ้นเยอะ อาการพะอืดพะอมก็หายไป"หนูเป็นอะไร""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ กัลขอตัวก่อนนะคะจะรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน" ที่ไม่อยากจะอยู่นาน เพราะยังอายเรื่องเมื่อคืนนี้อยู่มาก"แล้วตาสันติล่ะ""คุณสันติยังไม่ตื่นค่ะ"สินีก็เลยไม่พูดต่อ เมื่อคืนนี้นางรู้ดีว่ากว่าลูกชายจะได้หลับได้นอน เพราะพ่อกับแม่ก็ได้นอนพร้อมกันนั่นแหละ.."กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลยค่ะคุณป้า" จังหวะที่กัลยากำลังจะเดินออกประตู ก็เจอเข้ากับอ้อมเด็กข้างบ้าน "นี่?!" และอ้อมถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"หนูอ้อมมาแต่เช้ามีอะไร" แม่ของสันติถามไปแบบเกรงใจลูกสะใภ้"อ้อมอยากจะมาฝากท้องค่ะ วันนี้แม่ไม่อยู่บ้าน" อ้อมพูดในขณะที่มองตามหลังกัลยาออกไปแบบไม่พอใจตุ๊บ! เสียงกัลยาปิดประตูรถ เธอเลือกที่จะไม่
"ฉันนอนข้างในก็ได้ค่ะ" หญิงสาวเริ่มพูดเสียงเบาลง เมื่อสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่มันเริ่มขยายตัวขึ้นมา"ไม่ทันแล้ว" สันติจับร่างของเธอให้นอนลงข้างล่าง แล้วดันตัวเองขึ้นคร่อมเธอไว้ จมูกคมสันโน้มลงไปไซ้ซอกคอระหงและสูดดมกลิ่นกายของเธอแบบโหยหาและอาวรณ์ เขาคิดว่าจะไม่มีวันนี้อีกแล้ว"อย่าทำแรงนะคะ" กัลยาไม่ได้ห้ามถ้าเขาจะทำเรื่องอย่างว่า แต่กลัวจะมีผลกระทบกับลูกเพราะรู้ดีเวลาที่เขากระแทก ไม่ค่อยชอบเก็บแรงไว้เท่าไรที่กัลยายังไม่บอกเรื่องท้อง เพราะถ้าบอกไปแล้วกลัวเขาจะคิดว่าที่เธอวิ่งมาหาเพราะกลัวว่าลูกจะไม่มีพ่อ"ไหนบอกสบายดีแล้วไง ทำไมถึงไม่ให้ทำแรง" วันนั้นที่เขายับยั้งก็เพราะได้ยินอิฐบอกว่าเธอไม่สบาย"ก็กลัวพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ข้างห้องจะได้ยินไงคะ" หญิงสาวรีบหาข้ออ้างมาพูดแต่สันติไม่รับปาก เขาจัดการกับเสื้อผ้าของเธอออกแบบรวดเร็ว พอทั้งสองไม่มีอะไรปิดบังแล้ว ชายหนุ่มก็เลื่อนตัวลงมาที่ใต้หว่างขาหญิงสาวค่อยๆ แยกขาออกแบบรู้งาน เพราะเธอชอบมากเวลาที่เขาลงลิ้นให้ แต่ก็นานๆ ครั้ง เหมือนอย่างที่เคยพูดนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปตามควายที่ไหน"อ๊อย..คุณสันติ.." กัลยาเริ่มครวญครางเมื่อถูกลิ้นตวัดแร
"คุณคิดว่าฉันป่วยใกล้ตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?" คำพูดที่เขาเพิ่งจะพูดไป มันตีความหมายได้ไม่หลายอย่างหรอก เพราะในเมื่อเขาบอกเธอไปหาหมอจะได้มีทางรักษา..นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่"คุณไม่สบายไม่ใช่เหรอ" วันนั้นที่ร่วมทานอาหารด้วยกัน รวมทั้งที่เธอมีอาการแปลกๆ ซึ่งตั้งแต่อยู่กินกันมาไม่เคยเห็นเธอมีอาการแบบนั้นเลย"คุณไปได้ยินมาจากไหนว่าฉันไม่สบาย""ก็.." สันติกำลังจะพูด แต่เขาก็ต้องได้เก็บคำพูดไว้ก่อน "ตกลงคุณ??""คุณคงเข้าใจผิดอะไรไปแล้วล่ะ ตั้งแต่ฉันอยู่กับคุณมาฉันไม่เคยสบายขนาดนี้มาก่อน ถ้าคุณคิดว่าฉันป่วยใกล้ตายแล้วจะเข้ามาทำดีด้วย..ก็ไม่ต้อง""หึ" เขาคงจะถูกอิฐหลอก เพื่อที่จะให้มาดูแลเธอ เพราะอิฐรู้จุดอ่อนของเขาดี ว่ารักและเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน "ถ้างั้นผมก็ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด และผมดีใจด้วยนะครับที่คุณสบายดี แถมสบายกว่าตอนที่มีผมอยู่ด้วยอีกต่างหาก"จบประโยคคำพูดเขาก็หันหลังให้แล้วเดินออกมาสันติไม่ได้เดินไปทางที่มีประตูเชื่อมต่อกัน แต่เขาออกมาประตูหน้า แล้วก็ตรงไปที่ลิฟต์ โดยที่ไม่ได้สนใจจะไปหยิบเอาของในห้องทำงานเลยพอประตูห้องปิดลง ร่างของกัลยาก็ทรุดลงกับพื้น นี่เธอพูดอะไรออกไป เธอพูดไปได้ย
"ผมเป็นคนชลอเรื่องนี้ไว้เอง" พอทนายจากไปแล้วเขาถึงได้หันมาพูดกับเธอ"คุณทำไปเพื่ออะไร""ช่วงนี้เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องหย่ากันเลยได้ไหม""ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณบอกเหตุผลฉันมา""เหตุผล?" ชายหนุ่มมองดูแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอ "ก็เรื่องโปรเจคไง ผมสัญญากับผู้ร่วมหุ้นคนอื่นไว้แล้วว่าจะดูงานเอง"จุก.. จุกมากเมื่อได้ยินเหตุผลของเขา ที่อยู่ต่อเพราะเรื่องงานอย่างนั้นเหรอ"ถ้าเพราะเรื่องนี้ ถึงแม้เราจะหย่ากันแล้ว แต่คุณก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ คุณจะดูแลโครงการนี้ก็คงไม่มีใครว่า" กัลยาพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ อย่าให้เขาไม่อยากจะหย่าเพราะความสงสารเด็ดขาด"ดูเหมือนคุณอยากจะหย่ามากเลยนะ" สันติอดคิดไม่ได้ เพราะสองสามวันมานี้ได้ยินแต่เธอพูดเรื่องนี้"ค่ะ ฉันอยากจะเซ็นต์วันนี้เลยด้วยซ้ำ"ชายหนุ่มหันกลับไปทางห้องของตัวเอง เพื่อสะกดอารมณ์ "เสียใจด้วย เผอิญว่าผมยังไม่อยากจะหย่า""คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก" ถ้าเหตุผลในการชะลอเรื่องหย่าไว้มีแค่นี้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะชะลอเหมือนเขานี่ รีบหย่ารีบจบกันไป"ผมว่าเราอย่าคุยเรื่องนี้กันดีกว่า เดี๋ยวคุณเครียดมากไปกว่านี้""เครียด?!" หญิงสาวรี
นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้นอนกอดเรา เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ไม่อยากจะหย่า..หรือว่าอยากจะหย่ามาก กลัวว่าเราไม่เซ็นต์ให้เหรอในเมื่อจะหย่ากันอยู่แล้ว จะกลับมาอีกทำไม คิดเองก็น้อยใจเอง หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดสามีในเวลานี้ ค่อยๆ ขยับกายเพื่อนอนตะแคงหันหลังให้ เพราะจะบังคับตัวเองให้หลับไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว"??" แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ใบหน้าหล่อคมของสามีก็ค่อยๆ ซุกซอกคอด้านหลังเขาสูดดมกลิ่นกายของเธอ แล้วค่อยๆ ขยับริมฝีปากแนบจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง"คุณจะทำอะไร" หญิงสาวรีบหันมองกลับไป ..ร่วมเดือนแล้วมั้งที่ไม่ได้สัมผัสกันใกล้ชิดแบบนี้"ผมขอโทษที่ไม่ได้ดูแลคุณ" ใบหน้าของเขาและคำพูดเหมือนสำนึกผิด"คุณหมายความว่ายังไง" หรือเขาจะรู้ว่าเราท้องแล้ว? คนแรกที่กัลยาคิดถึงคืออิฐ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้จากคุณหมอ"นอนนะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมากอีกแล้ว""??" คุณสันติเนี่ยนะ จะมาบอกให้เราไม่ต้องคิดอะไรมากก่อนนอน ..เพราะทุกครั้งกลับเข้าห้องคือเขาหลับปุ๋ยไปก่อนแล้ว นอกจากวันไหนที่เขาต้องการ ถึงจะรอทำเรื่องอย่างว่าจนเสร็จ แล้วก็นอนหันหลังให้ โดยที่ไม่สนใจว่าเธอจะยังค้างอยู่ไหมกัลยาก็เลยเลือกที่จะหันหลัง