"ตกลงพี่จะให้ฉันเข้าไปไหม" ไม่รู้จะตอบพี่สาวยังไง เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
"อย่าทำให้พี่ลำบากใจเข้าใจไหม ..รู้ไหมว่างานสมัยนี้มันหายาก ยิ่งตอนนี้พี่ใกล้คลอด ต้องได้เก็บเงินไว้เลี้ยงหลานอีก"
"ค่ะ" ถ้าเขาไม่เริ่มก่อนนะ ..ประโยคหลังเธอได้แค่คิดเอาเพราะไม่กล้าพูดกลัวพี่สาวจะไม่สบายใจ
แล้วหญิงสาวร่างระหงก็ได้ก้าวเดินมาที่หน้าห้องของท่านประธาน พร้อมกับเคาะประตูเบาๆ
"เชิญ"
ประตูบานนั้นถูกเปิดเข้ามาทันทีที่เจ้าของห้องอนุญาต พอเธอเข้ามาก็เห็นว่าเขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ สายตามองทอดออกไปนอกอาคารที่รอบล้อมไปด้วยกระจก
"เธอต้องการเท่าไร" ชายหนุ่มพูดออกไปแบบไม่อ้อมค้อม แต่ที่จริงมันก็เป็นนิสัยของเขาอยู่แล้ว
"คะ??" ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากเจ้านาย
"ฉันจะให้เงินเท่าที่เธอต้องการ"
"บอสจะให้ฉันทำไม" หญิงสาวพยายามคิดถึงหน้าพี่สาวไว้ให้มาก เพราะถ้าบู่มบ่ามพูดอะไรออกไปกลัวพี่สาวจะลำบากไปด้วย
"ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอหรอก"
"อ้าว!" หญิงสาวเอ่ยพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้รอฟังให้จบก่อน ในเมื่อไม่พิศวาสแล้วจะเรียกเธอเข้ามาหาพระแสงอะไร
"ฟังให้จบก่อนสิ"
"ว่ามา...ค่ะ" เกือบลืมมีหางเสียง
"ฉันจำเป็นต้องใช้งานเธอ ก็อย่างที่เธอเห็น แม่กับพี่สาวของฉัน.."
"ไม่ค่ะ"
"??" ชายหนุ่มถึงกับมองเธอให้เต็มตา เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนปฏิเสธเขาแบบนี้ "เธอจะไม่ไปคิดดูหน่อยเหรอ"
"ทำไมต้องคิดด้วยล่ะคะ ถ้าบอสจะเรียกมาคุยเรื่องนี้ ฉันขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ" ทำไมเธอต้องเอาตัวเองเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องครอบครัวของเขาด้วย เงินน่ะใครจะไม่อยากได้ แต่ถ้าได้มาแล้วมันทำให้ชีวิตวุ่นวาย ขอไม่เอาดีกว่า
ชายหนุ่มได้แต่มองตามผู้หญิงที่อวดเก่งอวดดี เพราะตอนนี้เธอออกจากห้องไปแล้ว
ธุรกิจเป็นหมื่นล้านเขายังจัดการมาได้ กับอีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว..
สามวันผ่านไป..
"แม่เล่นแบบนี้เลยเหรอครับ" กลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าที่โต๊ะอาหารไม่ได้มีแค่ครอบครัวของเขา
"ก็ในเมื่อชวนลูกออกไปทานข้างนอกแล้วลูกไม่ไป ก็ชวนหนูเอมมี่มาทานที่บ้านเรามันจะไปยากอะไรล่ะ" แม่กับลูกพูดกันเพียงแค่เบาๆ
"วันนี้ผมทำงานมาเหนื่อย ไม่หิวครับ"
"ตาคฑา! ลูกจะทำให้แม่อกแตกตายเลยหรือไง รู้ไหมว่าแม่กลุ้มใจกับลูกมากแค่ไหน"
"คุณแม่ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ"
"หยุดนะคฑาอย่าว่าให้แม่แบบนั้น!"
พอถูกพี่สาวตะคอกเขาถึงได้หยุดพูด
"พี่ว่าเรามานั่งทานข้าวดีกว่า" สันติพี่เขยก็เลยเลื่อนเก้าอี้ให้น้องชายของภรรยา คฑาถึงได้ยอมเดินไปนั่งด้วย
"เอมมี่ว่า.."
"ว่าอะไรครับ" ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นโดยที่ยังไม่ให้ผู้หญิงได้พูดต่อ แต่มันไม่ใช่นิสัยของเขาหรอก เขาพยายามทำนิสัยไม่ดีออกมาให้ผู้หญิงที่แม่จัดหามาให้ได้เห็นเฉยๆ
จนผู้หญิงที่ชื่อเอมมี่ไม่กล้าพูดต่อ แต่สายตาของแม่และพี่สาวต่างก็เพ่งเล็งมาที่เขา
"ทานสิครับรออะไรอยู่" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เริ่มทานข้าวแบบเอร็ดอร่อย แต่ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกชายกำลังทำประชด
วันต่อมา..
รรินธรมองดูสายตาของท่านประธานเวลามองมาที่น้องสาวของเธอมันดูแปลกๆ ถ้าจะว่าท่านสนใจในตัวน้องสาวก็คงไม่ใช่ เพราะคนระดับนี้แล้ว
เย็นวันนั้น..
เป็นอีกวันที่อัญชัญชวนเอมมี่มาทานข้าวที่บ้าน เพราะอยากจะให้ทำความรู้จักกับลูกชายไว้ให้มาก และเอมมี่ก็รู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับตัวของเขาแล้ว และฝ่ายหญิงก็รับปากแม่เขาว่าจะช่วยให้เต็มที่
"ถ้าแม่ยังขืนทำแบบนี้อยู่อีก ผมจะไปค้างที่คอนโด"
"ลูกไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้วแม่รู้ดี ลูกเคยสัญญากับพ่อไว้ก่อนที่จะตาย ว่าจะดูแลแม่แทนพ่อ"
เขาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อแม่ทวงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อก่อนตาย
"แม่แก่มากแล้ว ไม่รู้เมื่อไรแม่จะไปอยู่กับพ่อ แม่อยากจะอุ้มหลานก่อนไป"
"ไม่จริงหรอกครับ แม่ไม่ได้อยากอุ้มหลาน แต่แม่กลัวว่าผมจะไปคว้าผู้หญิง ที่แม่ไม่ชอบมาเป็นสมาชิกในครอบครัวมากกว่า"
"ในเมื่อลูกรู้แบบนั้นแล้ว ลูกก็อย่าทำให้แม่เสียใจสิ แม่รอเรือหลายๆ ตัวนั้น ไม่เหมาะสมกับลูกเลย"
"ใครรอเรือหลายๆ ตัวครับ" ชายหนุ่มถึงกับงงไม่รู้ว่าแม่กำลังพูดถึงใครอยู่
"ก็คนที่ลูกกำลังพัวพันอยู่ด้วยไง อย่าบอกนะว่าลูกไม่รู้จักชื่อของเธอ?"
"??" เขาลืมไปเลยแล้วเธอชื่ออะไร เคยเรียกแต่ชื่อเลขาที่เป็นพี่สาวของเธอ
ดวงตาอัญชัญมองลูกชายแบบเปล่งประกาย นางหยุดพูดตั้งแต่ถามประโยคที่ว่า ลูกชายไม่รู้จักชื่อผู้หญิงคนนั้นเหรอและเหมือนกับลูกชายจะรู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาพลาดเองที่ไม่รู้จักชื่อเธอ แต่แม่เขานี่ก็ยิ่งกว่า 5g สะอีก รู้ดีทุกเรื่องจริงๆชายหนุ่มขึ้นมาถึงข้างบน มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมารูดค้นหาชื่อของเลขา เพื่อที่จะโทรไปถามว่าน้องสาวของเธอชื่ออะไร แต่เขาต้องได้รีบหยุดตัวเองไว้ก่อนวันต่อมาที่บริษัท.."ผมจะไปดูงานที่ต่างจังหวัด""ค่ะ" รรินธรยืนฟังเจ้านายสั่งงาน"ผมจำเป็นต้องได้ให้เลขาไปด้วย ดูจากคุณรินแล้วคงจะไปไม่ได้""คะ?..เออ..ค่ะ" ไม่ว่าท่านประธานจะไปดูงานที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ก็ไม่เคยต้องเอาเลขาติดไปด้วย เพราะมีผู้ช่วยที่เป็นผู้ชายอยู่แล้ว"เพราะฉะนั้นคงเป็นหน้าที่เลขาใหม่แล้วล่ะ คุณบอกคนที่จะมาทำตำแหน่งเลขาแทนคุณให้เตรียมตัวด้วยนะเราจะเดินทางไปสามวัน""บอสหมายถึงน้องสาวของรินเหรอคะ""ก็คุณเอาน้องสาวมาทำงานในตำแหน่งนี้แทนคุณไม่ใช่เหรอ""แต่รันทำอะไรยังไม่ค่อยเป็นนะคะ""รันเหรอ" ในที่สุดก็รู้ชื่อเล่นของเธอแล้ว "ช่วยเอาสำเนาบัตรประชาชนของน้องสาวคุณ มาให้ผมด้วยนะ เด
วันต่อมา..คฑาจำเป็นต้องได้ล้มเลิกแผนการ ที่จะพาเธอไปด้วย เพราะถ้าเธอไป เขาก็ต้องได้พาผู้หญิงที่แม่จัดหามาให้ไปด้วย แถมต้องได้ให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำงานในบริษัท ความวุ่นวายคงได้บังเกิดแน่ชายหนุ่มก็เลยไปดูงานกับผู้ช่วยแค่สองคน จริงๆ แล้วงานไม่จำเป็นต้องมาดูถึงสามวัน เขาแค่อยากจะสานสัมพันธ์กับเธอ แต่พอเธอไม่มาด้วย พอเสร็จงานเขาก็เลยต้องบินกลับ ภายในวันนั้นเลยแต่กลับมาถึงก็ไม่ได้บอกใคร ชายหนุ่มมาพักอยู่ที่คอนโดหรู ใจกลางเมืองที่ซื้อทิ้งไว้ แต่ก่อนตอนที่ยังมีพ่ออยู่ เขามาพักอยู่ที่นี่ประจำ พอเสียพ่อไปแล้ว ก็เลยต้องได้กลับไปค้างที่บ้านเป็นเพื่อนแม่อีกหนึ่งวันผ่านไป.. เขาถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว ตั้งแต่กลับมาเมื่อวานนี้คฑาก็ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในคอนโด และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนที่เคยอยู่ร่วมคอนโดเดียวกัน ถึงเธอคนนั้นจะจากเขาไป เพราะเงินก้อนใหญ่ที่แม่เสนอให้ เขาก็ยังอดคิดถึงเธอไม่ได้คฑาต้องได้รีบสลัดภาพเก่าๆ ให้ออกไป เพราะถึงยังไงเธอก็เลือกเงิน ไม่ได้เลือกความรัก นี่แหละที่เขาไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย เพราะคิดว่าผู้หญิงทุกคนหวังแค่เงินคฑาพักผ่อนอยู่ได้เพียงไม่นาน ก็ต้องได้เข้าบริษัท เพ
หลายวันผ่านไป.. จากวันนั้นคฑาก็ยังหาวิธีโน้มน้าวจิตใจของเธอ แต่ก็ไม่ได้ผล จะใช้งานผู้หญิงคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะเขาได้โยนบทบาทนี้ให้กับเธอไปแล้วหึ..ธุรกิจมูลค่าหมื่นล้าน เขายังสานต่อจากพ่อมาได้ แต่กับผู้หญิงคนนี้ทำไมมันยากนักวะสายตาของทุกคนในห้องประชุมต่างก็เพ่งเล็งมาที่เดียวกัน..นั่นคือท่านประธาน"บอสครับ" นิรันดร์ผู้ช่วยได้สะกิดผู้เป็นนายเบาๆ"หือ? เอกสารพร้อมแล้วเหรอ""พร้อมแล้วครับ""พร้อมแล้วจะรออะไรอยู่ ก็เปิดดูกันสิครับ" เขาแค่พูดกลบเกลื่อนไปความแปลกของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีแค่ชื่อ นิสัยของเธอก็ยังแปลกไม่ยอมใคร คนแบบนี้แหละที่เขากำลังต้องการมุมปากชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเมื่อเปิดเอกสาร ..ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายที่เข้าร่วมประชุมต่างก็มองเอกสารกันให้วุ่น เพราะไม่รู้ว่าตรงไหนที่ทำให้ ท่านประธานอารมณ์ดีได้ถึงขนาดนี้หลังการประชุม.."คุณระ..ระ..""คะ?" เธอรู้ได้ในทันทีว่าเขาคงต้องการอยากจะเรียกชื่อเธอ แต่คงยังจำไม่ได้"เข้าไปหาผมในห้องหน่อย" ชายหนุ่มที่เพิ่งจะออกมาจากห้องประชุม ก็รีบตรงเข้าไปในห้องทำงาน "ระรอนรัน..ไม่สิ..ระรันรอน.." ก่อนที่เธอจะเข้ามาเขาพยายามทำความเข้าใจกับชื่อของเธอ"คะ?
>>{"คุณคือญาติของคุณรรินธร ใช่ไหมคะ"} {"ใช่ค่ะ??"} ถ้าตั้งใจฟังดีๆ ตอนนี้น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่น เพราะรู้สึกใจไม่ดีตั้งแต่พี่สาวออกไปแล้ว แถมยังมีคนโทรมาถามว่าเป็นญาติของพี่สาวไหม"ตอนนี้คุณรรินธร ประสบอุบัติเหตุ ทางเราต้องได้ผ่าคลอดให้เธอเป็นเคสเร่งด่วน คุณช่วยมาที่โรงพยาบาลได้ไหมคะ"กึก!! โทรศัพท์ในมือร่วงลงพื้นแบบไม่รู้ตัว ร่างกายของเธอชาไปหมดจนทำอะไรไม่ถูกแกร็ก! ประตูห้องถูกเปิดออกมาพร้อมกับเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่ง สายตาของเขามองกวาดไปทั่วหน้าห้อง แต่ก็ไม่เจอใครอยู่เลย"อะไรกัน" ชายหนุ่มไม่พอใจ..ถึงแม้ว่าเลขาคนพี่มีธุระกลับก่อน แต่คนน้องสมควรที่จะกลับทีหลังเขาไม่ใช่เหรอ คฑาก็เลยต้องได้กลับเข้าไปปิดไฟ ปิดประตูเองเช้าวันต่อมา.."นี่อะไรกัน" เมื่อวานนี้ออกไปก่อนก็ยังพออนุโลมได้ แต่มาวันนี้ ทั้งคนพี่และคนน้องก็ยังไม่เข้าบริษัทนิรันดร์ผู้ช่วยก็เลยต้องเป็นคนตามเอกสารให้กับท่านประธานเอง"เอกสารที่บอสต้องการครับ""ติดต่อได้หรือยัง" คฑาสั่งให้ผู้ช่วยติดต่อเลขาไป"ยังไม่ได้เลยครับ" นิรันดร์โทรหาทั้งพี่และน้องไม่มีใครเปิดเครื่องเลยสักคน "กำหนดคลอดก็ยังเหลืออีกตั้งสองสัปดาห์นี่ครับ""อ
"คุณแม่?""นี่มันอะไรกัน!" อัญชัญมองมือที่เกาะแขนลูกชายแบบไม่พอใจเอามากๆหญิงสาวเห็นสายตานั้นแล้วกำลังจะชักมือออก แต่ถูกเขาเหนี่ยวรั้งไว้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอคงจะปฏิเสธ ..แต่ครั้งนี้จากที่ทำแค่เกาะ มือเรียวเลื่อนขึ้นเป็นคล้องแขนเขาไว้ เหมือนคู่รักทั่วไปที่ทำกัน"ผมกำลังจะออกไปทานข้าวข้างนอกครับ คุณแม่มีธุระอะไร" ชายหนุ่มมองดูผู้หญิงที่มากับแม่แบบไม่พอใจ"แม่กำลังจะมาชวนลูกไปทานข้าวนั่นแหละ พอดีเลยออกไปทานพร้อมกัน""ผมจะไปทานกับ.." สายตาของเขามองกลับมาดูคนที่กอดแขนเขาอยู่ กลัวว่าเธอจะไม่เล่นละครด้วย"ฉันหิวแล้วค่ะเรารีบไปกันเถอะ" รรรรรรรู้ดีว่าเวลานี้เธอต้องทำยังไง"คุณแม่คะ เอมมี่ว่าเรากลับกันดีกว่า" หญิงสาวที่มากับอัญชัญเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่สื่อออกมาให้เห็นว่าเสียใจมาก กับภาพที่เห็นอยู่ในเวลานี้"หนูคือลูกสะใภ้ของแม่ตัวจริงจะกลัวอะไรล่ะ""แม่จะพูดอะไรก็สงสารเมียผมบ้างสิ""เมีย?" เห็นควงแขนกันก็ว่าตกใจมากแล้ว แต่ได้ยินคำว่าเมียออกจากปากท่านประธาน นิรันดร์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก"แกจะเอาใครเป็นเมียกี่ร้อยกี่พันคนแม่ไม่ว่า แต่คนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่มีแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น!""คงไม่ไ
แล้วคฑาจะรออะไร เงินหนึ่งล้านบาทสำหรับเขามันแค่เศษฝุ่น ชายหนุ่มโอนเข้าบัญชีธนาคารให้กับเธอในทันที เพราะนั่นมันหมายถึงการผูกมัดเธอเพื่อที่จะเก็บไว้ใช้งานพอได้เงินรรรรรรก็ขอไปทำธุระให้เสร็จก่อน แล้วค่อยจะกลับมาหาเขา ซึ่งคฑาก็ยอม ในที่สุดผู้หญิงทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่หยิ่งผยองแบบเธอก็ยังต้องการเงินของเขาอยู่ดีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง..นี่แหละเหตุผลที่เธอต้องใช้เงินถึงหนึ่งล้านบาท เพราะพี่สาวของเธอถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และค่าใช้จ่ายก็สูงลิบลิ่วที่รรรรรรเลือกโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเธอเหลือพี่สาวแค่คนเดียว ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กจะถูกผ่าคลอดออกมา แต่ก็ต้องได้อยู่ห้องอบสำหรับเด็กทารกแรกเกิด เพราะได้รับความกระทบกระเทือนตอนที่แม่ประสบอุบัติเหตุ"พี่สาวของฉันปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ" หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นคุณหมอออกมาจากห้องผ่าตัด"ใช่แล้วครับ แต่ต้องรอให้เธอฟื้นตัวให้ได้ก่อน คงใช้เวลาอีกสักระยะ""ฝากคุณหมอดูแลพี่สาวและก็หลานของฉันด้วยนะคะ" ตอนนี้ยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอกเมื่อรู้ว่าพี่สาวปลอดภัยแล้ว แต่ด่านต่อไปที่เธอจะเจอมันคงหนักหนาเอาการ เพราะเธอเห็นฤทธิ์เดชของแม่และพี่สาวของเขาแล้ว
"ขอนั่งด้วยคนสิคะ" หญิงสาวเดินมาถึง ก็เอ่ยพูดขึ้นกับเขาที่ถูกผู้หญิงนั่งรายล้อมอยู่ ข้างซ้ายพี่สาว ข้างขวาผู้หญิงที่แม่จัดหามาให้"นั่งเลยครับ" คฑารีบลุกขึ้นให้เธอนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแบบสุภาพบุรุษ แต่ไม่ใช่หรอกอยากจะสลัดใครบางคนแถวนี้ออกต่างหาก"นี่เธอ!" กัลยาตะคอกเสียงไม่พอใจใส่รรรรรร"อาหารที่นี่ท่าจะอร่อยนะคะคุณพี่""ใครพี่เธอ""คุณพี่เป็นพี่สาวของสามี ก็เท่ากับเป็นพี่ของฉันนั่นแหละค่ะ" รรรรรรยังแสร้งพูดต่อเหมือนไม่คิดอะไรกับคำพูดของพี่สาวเขากัลยารีบมองหาสามีของตัวเอง เพื่อที่จะให้มาจัดการผู้หญิงปากเก่งคนนี้ แต่พอมองไปเห็นสามีกำลังชนแก้วอยู่กับสาวที่ไหนไม่รู้ ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหา คนที่เป็นสามีในทันที"คฑาทำไมลูกทำแบบนี้ ช่วยไว้หน้าแม่หน่อยได้ไหม!" อัญชัญเดินมาถึงก็นั่งข้างๆ ลูกชาย ซึ่งตอนนี้เขานั่งแทนที่พี่สาว"เมื่อกี้ผมได้ยินคุณถามว่าอาหารที่นี่คงอร่อย ผมแนะนำจานนี้เลยครับ เป็นราชินีอาหารของโรงแรมพี่สาวผมเลย" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ตักอาหารจานที่พูดถึงวางลงใส่จานให้เธอ โดยที่ไม่สนใจคำพูดของแม่"ต้องลองชิมดูก่อนค่ะ ว่าจะอร่อยเท่าคุณไหม" ว่าแล้วหญิงสาวก็ตักอาหารขึ้นมาชิมดู "ก็อร่อย
"เรื่องเงินพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดูแลพี่ในยามที่ไม่สบายได้ไหม" หญิงสาวอยากจะพูดให้พี่คลายกังวล"แต่พี่ดีขึ้นมากแล้ว""ถึงดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายขาดนี่ ถ้าย้ายโรงพยาบาลเผื่อมันทรุดลงล่ะ ฉันจะอยู่กับใคร พี่คิดข้อนี้บ้างไหม" รรรรรรเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าพี่ไม่ยอม จนพี่สาวต้องยอมฟัง แล้วค่อยๆ นอนลงที่เดิม"ถ้าพี่รักฉัน พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำตัวให้แข็งแรงเร็วๆ เข้าใจไหม" มือเรียวเอื้อมไปจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้กับพี่สาว ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งพี่และน้องก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตัวเองกำลังอ่อนแออยู่[บริษัท]หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่ แล้วลอบถอนหายใจออกมา เพราะเธอต้องหาคำพูดเพื่อที่จะพูดกับเขาเรื่องเงินเวลาผ่านไปจนถึง 09 : 40 นาที ก๊อก ก๊อก ยังไงวันนี้เธอต้องคุยเรื่องเงินให้ได้ จะคุยตอนไหนก็คงเหมือนกัน หญิงสาวเลือกเวลาที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าใกล้เที่ยงเดี๋ยวเขาก็ออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก"เชิญ""บอสคะ..เออ.." อุตส่าห์ตั้งหลักมาแต่ไกล แต่พอเห็นสายตาที่เขามองมา กลั
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่