"เรื่องเงินพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดูแลพี่ในยามที่ไม่สบายได้ไหม" หญิงสาวอยากจะพูดให้พี่คลายกังวล
"แต่พี่ดีขึ้นมากแล้ว"
"ถึงดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายขาดนี่ ถ้าย้ายโรงพยาบาลเผื่อมันทรุดลงล่ะ ฉันจะอยู่กับใคร พี่คิดข้อนี้บ้างไหม" รรรรรรเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าพี่ไม่ยอม จนพี่สาวต้องยอมฟัง แล้วค่อยๆ นอนลงที่เดิม
"ถ้าพี่รักฉัน พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำตัวให้แข็งแรงเร็วๆ เข้าใจไหม" มือเรียวเอื้อมไปจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้กับพี่สาว ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งพี่และน้องก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตัวเองกำลังอ่อนแออยู่
[บริษัท]
หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่ แล้วลอบถอนหายใจออกมา เพราะเธอต้องหาคำพูดเพื่อที่จะพูดกับเขาเรื่องเงิน
เวลาผ่านไปจนถึง 09 : 40 นาที
ก๊อก ก๊อก ยังไงวันนี้เธอต้องคุยเรื่องเงินให้ได้ จะคุยตอนไหนก็คงเหมือนกัน หญิงสาวเลือกเวลาที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าใกล้เที่ยงเดี๋ยวเขาก็ออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก
"เชิญ"
"บอสคะ..เออ.." อุตส่าห์ตั้งหลักมาแต่ไกล แต่พอเห็นสายตาที่เขามองมา กลับลืมคำพูดไปหมด "คือ.."
"แล้ววันนี้จะรู้เรื่องกันไหม"
"ฉันอยากจะขอเงินคุณเพิ่ม" เธอไม่ใช้คำว่ายืม เพราะถ้ายืมมันต้องคืน ..เงินเยอะขนาดนั้น เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืน
"ขอเงินเพิ่ม?" เขาเป็นนักธุรกิจ ทุกคำที่พูดออกมา เขาต้องฟังให้แตกฉาน
"เออ..ค่ะ.." สีหน้าของเธอเริ่มซีดลง
คนร่างหนาวางงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วนั่งพิงเก้าอี้ สายตามองจ้องมาที่เธอ เหมือนต้องการคำอธิบายมากกว่า..เออค่ะ..ที่เธอพูดออกมา
"คุณอยากจะใช้งานฉันเพิ่มก็ได้ หรือจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันขอเงินเพิ่มอีกเท่าตัว" หญิงสาวกลั้นใจพูดให้จบประโยค
"หนึ่งล้านบาท??" เพราะถ้าเท่าตัวก็ต้องเป็นเงินอีกหนึ่งล้านบาท
"ใช่ค่ะ"
"ที่ได้ไปหนึ่งล้านคุณยังทำงานให้ผมไม่คุ้มเลย" ตอนนี้ความคิดของเขา ที่เธอเล่นตัวทีแรกเพราะอยากจะโก่งราคานี้เอง พอได้ไปก็ยังไม่พอ
"ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ" แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่ให้ อย่างมากก็ให้พี่สาวย้ายโรงพยาบาล เพราะถ้าเอาเงินที่เขาให้มาและเงินเก็บรวมกัน ก็ยังพอจ่ายค่ารักษาพยาบาลอยู่บ้าง
"จะเอาเงินไปทำไมนักหนา" สายตาคมมองตามไปแต่ก็ไม่ได้เรียกเธอไว้ เพราะถ้าเขาให้เงินเธอ ครั้งที่ 2 มันต้องมีครั้งที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ตามมา...เหมือนทุกคน
หญิงสาวนั่งทำงานแบบใจลอย งานที่ทำอยู่ไม่เข้าหัวเลย เพราะเธอคิดถึงแต่เรื่องพี่สาว
"นี่อะไรครับ"
"เอกสารที่คุณนิรันดร์ต้องการไงคะ"
"ขอโทษครับผมไม่ได้เอาอันนี้"
"เออ.. คุณจะเอาเอกสารอะไรคะ"
"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมหาเอง" ตอนค้นหาเอกสารที่ชั้น นิรันดร์ก็แอบมองดูรรรรรร ..ความคิดของเขาผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นเลขาท่านประธานเลย เพราะทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง หรือที่เธอมารับตำแหน่งนี้ คงเพราะต้องการไต่เต้าอย่างเดียว..
เย็นวันเดียวกัน.. ที่โรงพยาบาล
"พี่รินดีขึ้นบ้างไหม" เธออยากจะสอบถามอาการของพี่สาวดูก่อนที่จะพูดอะไรออกมา และคำตอบที่ได้คือวันนี้พี่สาวรู้สึกเวียนหัวทั้งวัน
รรรรรรก็เลยตัดสินใจไม่พูดเรื่องย้ายโรงพยาบาลดีกว่า ให้พี่สาวรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ไปก่อน
และแน่นอนว่า ค่ารักษาพยาบาลต้องเพิ่มขึ้นแน่ เพราะต้องได้ตรวจดูอาการอีกว่าทำไมรรินธรถึงมีอาการเวียนหัว
วันต่อมา..
"อะไรนะคะ??" รรรรรรแทบล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าอาการเวียนหัวของพี่สาว เกิดจากมีเนื้องอกในสมอง
"ถ้าทางญาติสู้ค่ารักษาไม่ไหว ก็ย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐบาลได้นะคะ" คำพูดของทางโรงพยาบาลหมายถึงว่า ให้รักษาตามยถากรรม เพราะเห็นจากสีหน้าแล้วคงจะสู้ค่ารักษาไม่ไหวแน่
และทางโรงพยาบาลก็แจ้งอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ดีอย่างหนึ่งคือ ทำให้เห็นเนื้องอกได้เร็วขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้มันเจริญเติบโตอาจจะกลายเป็นมะเร็ง
หึ!! ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เหรอ จะเรียกว่าโชคดีไหมเนี่ย
"คุณหมอเตรียมการรักษาพี่สาวฉันได้เลยค่ะ ถ้าร่างกายของพี่สาวฉันพร้อมผ่าตัด คุณหมอก็จัดการได้เลย เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะจัดการเอง"
"แต่ก่อนที่จะรักษา..ทางโรงพยาบาลอยากจะขอเก็บค่าใช้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งค่ะ"
"ครึ่งหนึ่งเหรอคะ" เงินค่าอุบัติเหตุ ค่าผ่าคลอด ค่ารักษาหลาน ก็ยังไม่ทันได้จ่าย ต้องได้มาจ่ายเงินค่าผ่าตัดเนื้องอกในสมองของพี่สาวอีกครึ่งหนึ่ง เอาเข้าไปสิชีวิตของฉัน "ได้ค่ะ..เท่าไรคะ"
คนที่แจ้งอาการต้องตรวจเช็คอีกทีหนึ่งว่า เธอต้องได้ใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ เพราะต้องได้จ่ายการรักษาก่อนหน้านั้นก่อน
นี่แหละหนาที่คนเขาทำประกันชีวิต เพื่อที่จะคุ้มครองตัวเองในยามป่วยไข้ แต่พวกเธอไม่มีเงินมากพอที่จะมาซื้อประกันชีวิตประกันอุบัติเหตุ เหมือนคนอื่นเขา และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย
รออยู่เพียงไม่นาน ทางโรงพยาบาลก็แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายมา มันทำให้เธอเข่าแทบทรุดอีกครั้ง รรรรรรขอร้องทางโรงพยาบาลไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับพี่สาว
และแน่นอนว่าพวกเขาต้องเก็บ ความลับเรื่องนี้ให้กับญาติผู้ป่วยตามเจตนารมณ์อยู่แล้ว
ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรลงไป หญิงสาวได้ไปที่ห้องทารกแรกเกิด เพื่อคุยกับหลานสาวตัวน้อยๆ ที่ยังอยู่ในตู้อบนั้น
"น้าจะช่วยแม่ของหนู ให้ถึงที่สุดนะ หนูไม่ต้องเป็นห่วง น้าขอแค่อย่างเดียวให้หนูเติบโตมาเป็นเด็กดี" มือเรียวเอื้อมไปลูบกระจกใสที่มีหลานตัวน้อยๆ นอนดิ้นอยู่ในนั้น
ครื่นนน ครื่นนนน
เดินออกมาจากห้องทารก เธอก็กดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาเขา
>>{"ฉันอยากจะขอคุยกับคุณหน่อยค่ะ"} หญิงสาวพูดขึ้นทันทีเมื่อปลายสายกดรับ
{"คุย??"} ชายหนุ่มมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 20 : 05 น. และเขาก็เพิ่งกลับมาถึงบ้าน
>>{"ขอโทษด้วยนะคะที่โทรมารบกวน ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร"}
{"ไปเจอกันที่คอนโด"} แล้วชายหนุ่มก็บอกที่อยู่ของคอนโดนั้นให้กับเธอไป
มือเรียวกวักเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปมาหน้าโรงพยาบาล และก็มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดรับเธอพอบอกชื่อคอนโด แท็กซี่ก็พาเธอขับตรงไปที่นั่น เพราะรถโดยสารรู้จักคอนโดหรูแห่งนี้เป็นอย่างดี"ที่นี่เหรอคะ" ไม่แปลกหรอกที่เขาจะซื้อที่แบบนี้อยู่ เพราะรวยระดับนั้นแล้ว"ใช่แล้วจ๊ะหนู" แท็กซี่มองหน้าเธอ ก็รู้แล้วว่าคงมารับจ๊อบ เพราะคนรวยส่วนมากชอบแอบซื้อกินหญิงสาวส่งเงินให้ตามจำนวนที่มิเตอร์ขึ้น แล้วเธอก็เดินตรงเข้ามาด้านในรรรรรรบอกกับพนักงานที่ดูแลคอนโดชั้นล่าง ตามที่คฑาได้บอกไว้ พนักงานก็เลยปล่อยให้เธอขึ้นไปขึ้นมาถึงรรรรรรก็กดรหัสผ่านที่เขาให้ไว้อีกนั่นแหละ และเธอก็ได้เข้ามาในห้องสูทสุดหรูของคอนโดราคาแพงหญิงสาวมองหาสวิตช์ไฟ แต่พอเธอก้าวเข้ามาแค่ไม่กี่ก้าวไฟในห้องก็เปิดเอง"ขนาดไฟยังไม่ต้องเปิดเองเลย อะไรจะขนาดนั้น" เธอพูดกับตัวเองแล้วก็มองทอดออกไปดูด้านนอกอาคาร เพราะบรรยากาศยามค่ำคืนมันสวยงามมาก และคอนโดแห่งนี้ก็เป็นกระจกรอบทิศทางคนเราทำบุญมาไม่เท่ากันจริงๆ นี่แค่คอนโดที่เขาซื้อทิ้งไว้ ยังหรูหราได้ถึงเพียงนี้ มองลงไปดูแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แสงไฟในยามค่ำคืนของตึกอีกฝั่งหนึ่ง มันช่างดึ
เข้ามาถึงในห้องน้ำ มันก็สร้างความตะลึงให้เธออีกครั้ง แค่ห้องน้ำของเขา คงสร้างบ้านได้ทั้งหลัง มือเรียวลูบไล้อ่างอาบน้ำราคาแพง ถ้าได้นอนแช่ในอ่างนี้คงจะฟินน่าดู แต่เธอก็ต้องได้รีบชำระร่างกายของตัวเองออกหญิงสาวใช้น้ำฝักบัวที่แบ่งเป็นสัดส่วนและมีห้องกระจกกั้นไว้ พออาบน้ำเสร็จคนร่างเล็กก็เดินออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบร่างกายอยู่ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าเขากำลังฉายอะไรบนทีวีจอใหญ่ที่ติดอยู่ในห้องชายหนุ่มไม่พูดอะไรก็เข้าไปใช้ห้องน้ำต่อจากเธอ ซึ่งหญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อ เพราะคลิปที่เขาเปิดในทีวี มันคือภาพชายหญิงกำลังเริงรักกันอยู่บนเตียงแต่เธอก็จำเป็นต้องได้ดู เขาคงอยากจะได้แบบนี้ พอชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเธอนั่งอยู่ปลายเตียง และมองสิ่งที่เขาเปิดไว้รรรรรรกรอกสายตามองดูชายที่เพิ่งจะเดินผ่านหน้าของเธอไป เคยเห็นแต่เขาใส่ชุดสูท แต่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอกเลยก็ว่าได้ เพราะสัดส่วนของเขาไม่มีที่ให้ติเลยและเธอก็ต้องได้รีบละสายตาไปมองที่อื่นเมื่อเขาเดินกลับมาที่เธอ"พร้อมหรือยัง"ยังไม่พร้อมได้ไหม.. สิ่งที่คิดกับสิ่งท
[คฤหาสน์หลังงาม]"ทำไมวันนี้ถึงกลับดึก" คำถามแรกของผู้เป็นแม่ เมื่อเห็นลูกชายเปิดประตูรถออกมา"มีงานด่วนเข้ามาครับ" ทีแรกคฑาก็มาถึงบ้านแล้ว แต่พอได้รับโทรศัพท์จากเธอ เขาก็ออกไปโดยที่แม่ยังไม่รู้ว่ากลับมาครั้งหนึ่งแล้ว"แม่ไม่ปลื้มเลยนะที่ลูกทำแบบนี้ รู้ไหมว่าหนูเอมมี่รอทานข้าวเย็นด้วย""ถ้าผมไม่อยู่ กลืนข้าวไม่ลงหรือไงครับ""คฑา!""ขอโทษครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อย ขอตัวไปนอนก่อนนะ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินขึ้นมาบนบ้าน โดยที่ไม่รอฟังว่าแม่จะพูดอะไรต่อ"แม่นึกว่าเราขึ้นห้องไปแล้ว" หันกลับมาอีกทีก็เห็นลูกสาวเดินเข้ามา"รอคุณสันติอยู่ค่ะแม่ ยังไม่กลับบ้านเลยไม่รู้ไปไหน โทรไปก็ไม่รับสาย""ยังไม่กลับอีกเหรอ" ว่าลูกชายกลับดึกแล้วลูกเขยยิ่งกลับดึกกว่าสันติและกัลยาก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดียวกัน ถึงแม้สันติจะชวนภรรยาแยกครอบครัวออกไปอยู่ส่วนตัว หรือไม่ก็ค้างที่โรงแรมของตัวเอง แต่ภรรยาก็ไม่ยอม เพราะอยากจะอยู่ใกล้แม่ฐานะครอบครัวของสันติไม่ใช่คนมั่งมีอะไร ส่วนมากก็ได้รับความช่วยเหลือจากภรรยา ที่จริงแม่ก็ไม่อยากให้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่เพราะลูกสาวมีลูกไม่ได้ก็เลยปล่อยไป เพราะถ้าแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่า
ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเขา แล้วเธอจะปฏิเสธได้อย่างไร หญิงสาวกลับมาที่โรงพยาบาลแล้วรอรับโทรศัพท์ ในใจก็ภาวนาว่าอย่าโทรมาเลย เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันผ่าตัดของพี่สาวแล้ว หรือว่าเราจะบอกเขาดี ..แต่บอกแล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะชีวิตของเธอกับพี่สาว ทั้งสองต่างก็ช่วยเหลือกันและกันเองมาโดยตลอด เพราะยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากใครไม่เคยได้ และเธอก็รู้ดีว่าพี่สาวต้องลำบากแค่ไหน กว่าจะเลี้ยงเธอโตมา ทั้งส่งเสียให้เล่าเรียน"คุณหมอบอกว่าให้พี่งดอาหารเพื่อรอผ่าตัดพรุ่งนี้ ทำไมพี่ต้องได้ผ่าตัดอีก" รรินธรพยายามถามหมอและพยาบาลดูแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าต้องถามญาติเอง ..เธอรู้ดีว่ามันเป็นจรรยาบรรณถ้าญาติไม่อนุญาตให้พูดก็ไม่สามารถที่จะบอกได้"พี่แค่ทำใจให้สบาย และทำตามที่ฉันบอก เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเองค่ะ" การผ่าตัดในครั้งนี้เธอได้คุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าจะเอาเนื้องอกออกมาก่อน และก็ต้องได้เอาเนื้องอกนั้นไปตรวจหามะเร็ง เพราะมันมีสิทธิ์พัฒนากลายเป็นมะเร็งได้"พี่จะไม่ตายใช่ไหม" คิดว่าต้องเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่เธอเป็นอยู่แน่ ที่จริงอาการปวดหัวก็มีมาสักระยะแล้ว แต่ไม่อยากจะให้น้องต้องมาคิดมาก และวันนั้นที่ตรวจร่าง
"ดูความร่านของผู้หญิงคนนี้สิ! แม่ไม่มีวันเอามาเป็นลูกสะใภ้ ให้เป็นเสนียดวงศ์ตระกูลของเราแน่!""แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ" ทั้งสองคุยกันอยู่ที่หน้าประตูห้องของคฑานี่เอง เพราะเสียงครางที่เขาตั้งใจให้ข้างนอกได้ยิน..มันได้ผลเช้าวันต่อมา.."โอ๊ย" คนตัวเล็กค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น สายตาของเธอมองดูผู้ชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ทำกับเธอแค่ครั้งเดียว มันก็เลยสร้างความเจ็บปวดบนร่างกายให้เธอมาก "กี่โมงแล้ว" มองดูแสงสว่างด้านนอกคงสายมากแล้วแน่เลย หญิงสาวก็เลยมองไปดูนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังห้องเธอต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะใกล้เวลาผ่าตัดแล้ว"บอสคะ" หญิงสาวไม่มีเวลาแม้แต่จะอาบน้ำ เธอลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าชุดเดิม พร้อมกับปลุกเขาให้ตื่น เพราะเขาบอกว่าจะให้คนไปส่ง ถ้าเดินออกไปเรียกแท็กซี่คงจะใช้เวลานานแน่ "บอส""อืม" คฑาเปล่งเสียงออกมาเหมือนกับรำคาญที่ถูกกวน"คุณคฑาตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!"คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับหลี่ตาขึ้นมามอง เพราะน้ำเสียงที่เธอใช้ เหมือนสั่งให้เขาตื่น และเขาก็ดูจะไม่ชอบใจนัก"คุณบอกว่าจะให้คนรถไปส่งฉัน" หญิงสาวต้องได้รีบเปลี่ยนโทนเสียงที่พูด"จะรีบไปไหนนอนต่อก่อน" เขายั
16 : 35 น. ของเย็นวันเดียวกันนั้นรรรรรรชะเง้อมองประตูห้องทำงานของท่านประธานหลายครั้งแล้ว ที่มองไม่ใช่เพราะว่าเธออยากรีบกลับไปพักผ่อน แต่อยากกลับไปหาพี่สาวกับหลานมากกว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป..ท่านประธานก็ยังไม่ออกมามือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วออกจากที่ทำงานโดยไม่บอกกล่าวกับใครเลย เพราะเธอคิดว่าถ้าเขามีธุระก็คงจะโทรตามเอง ที่เธอเลือกที่จะไม่บอกก็เพราะว่ากลัวเข้าไปรบกวนการทำงาน[โรงพยาบาล]"ได้นอนบ้างหรือเปล่าล่ะเรา" รรินธรถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวเปิดประตูเข้ามา เพราะรู้ดีว่าน้องเฝ้าตัวเองมาทั้งคืน แถมตอนเช้ายังต้องรีบไปทำงานอีก"พี่ดูสีหน้าสดใสขึ้นมากเลยนะ" เห็นแค่นี้เธอก็หายเหนื่อยแล้ว"พี่ว่าเรานอนพักผ่อนบ้างเถอะนะ" ต่างฝ่ายต่างก็เป็นห่วงกัน"เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้ค่ะ ขอไปดูหลานก่อนคิดถึงหนูรักจะแย่แล้ว" พอเห็นว่าพี่สาวดีขึ้นมาก เธอก็เลยไปดูหลาน"หนูรักคะ" มือเรียวลูบกระจกที่มีหลานสาวนอนดิ้นอยู่ในนั้น "ตอนนี้แม่ของหนูปลอดภัยแล้วนะ อีกไม่นานเราก็จะได้กลับบ้านพร้อมกัน หนูเป็นเด็กดีมากรู้ไหม"คุยกับหลานอยู่เพียงไม่นาน ก็ต้องได้กลับมาที่ห้องรรรรรรกลับมาถึงก็เห็นพี่สาวนอนหลับไปแล้ว หญ
"สวัสดีค่ะ"ทุกคนถึงกับหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกัน และมันก็ทำให้คฑา หยุดชะงักได้ เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร"??""เชิญคุณชมพูนุชมานั่งโต๊ะตัวนี้ได้เลยครับ" คนที่กล่าวเชิญก็คือนิรันดร์จากที่มองผู้หญิงคนนั้นคฑาก็เปลี่ยนเป้าหมายหันมองมาที่นิรันดร์ผู้ช่วยของตัวเองบ้าง"เธอคือเลขาที่จะมาช่วยงานอีกคนครับ""เข้ามาหาผมหน่อย""เออ..ครับ" นิรันดร์เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ก็จำเป็นต้องได้เดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องส่วนผู้หญิงที่ชื่อชมพูนุช เดินเข้าไปหา.."สวัสดีค่ะฉันจะมาทำตำแหน่งเลขา""สวัสดีค่ะ" รรรรรรมองผู้หญิงคนนี้แทบตาไม่กระพริบ เพราะความสวยของเธอ"โต๊ะตัวนี้ใช่ไหมคะ" ชมพูนุชยังแสร้งถามออกไป เพราะนิรันดร์ได้บอกเรื่องโต๊ะไปแล้ว"ค่ะ""ฉันชื่อชมพูนุช จะเรียกนุชเฉยๆ ก็ได้ค่ะ..แล้วคุณชื่ออะไรคะ""รรรรรรค่ะ""ระรันรอน..ชื่อแปลกจังเลยนะคะ""ค่ะ""ถ้างั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณรันแล้วกันนะคะ""ตามสบายเลยค่ะ""คุณรันทำงานที่นี่นานหรือยังคะ""คะ?" รรรรรรเริ่มจะสงสัยผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานหรือเข้ามาทำอะไรกันแน่..ในห้อง.."เล่ามา""เออ.. ผมเห็นว่าท่านประธานต้องการเลขาด่วน แถมเลขาเป็นงานก็หายาก ตอนนี้คุ
"ฉันต้องไปที่โรงพยาบาล วันนี้ผลตรวจพี่สาวออก""ผลตรวจ..ตรวจอะไร?""ผลตรวจของพี่สาวฉันค่ะ""คุณริน?" ที่เขาไม่ได้ถามข่าวหารรินธร ก็เพราะเธอลาคลอดเหมือนพนักงานในบริษัททุกคนเพราะบริษัทมีสวัสดิการมากพอให้กับพนักงานอยู่แล้ว บางบริษัทอาจจะให้หยุดแค่ 3 เดือน แต่บริษัทนี้ให้หยุดถึง 4 เดือน เพื่อดูแลลูกที่ยังเล็กอยู่..ในระหว่างที่หยุดก็ยังได้เงินเดือนตามปกติ แถมยังได้เงินจากประกันสังคม และถ้ากลับเข้ามาทำงานหลังคลอด ก็ยังมีสวัสดิการอีกหลายอย่างรออยู่ เพราะบางคนคลอดลูกแล้วจะไม่กลับมาเลย ทางบริษัทก็เลยมีอะไรไว้ล่อพนักงานบ้างถึงขั้นนี้แล้วจะไม่บอกก็ไม่ได้ หญิงสาวก็เลยตัดสินใจบอกไป แต่เธอก็บอกแค่เรื่องผ่าตัด เพราะวันนี้เธอจำเป็นต้องได้กลับไปเพื่อฟังผลตรวจ ว่าเนื้องอกของพี่สาวจะพัฒนาขึ้นมาเป็นมะเร็งไหม"ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง??" คฑาคิดว่ารรินธรแค่ลาคลอดปกติ"ค่ะ.. วันนี้คุณหมอให้ไปฟังผลตรวจ ว่าเนื้องอกนั้นมันเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาหรือมันจะเป็นมะเร็ง""ขึ้นรถ""คะ?" นี่ขนาดเธอบอกไปหมดแล้วนะ เขายังจะลากตัวเธอไปด้วยให้ได้เหรอ ..หญิงสาวก็เลยจำเป็นต้องได้ขึ้นรถไปกับเขาขับรถออกมาจากบริษัท ชายหนุ่มก็ได้ถาม
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่