"ขอนั่งด้วยคนสิคะ" หญิงสาวเดินมาถึง ก็เอ่ยพูดขึ้นกับเขาที่ถูกผู้หญิงนั่งรายล้อมอยู่ ข้างซ้ายพี่สาว ข้างขวาผู้หญิงที่แม่จัดหามาให้
"นั่งเลยครับ" คฑารีบลุกขึ้นให้เธอนั่งเก้าอี้ตัวนั้นแบบสุภาพบุรุษ แต่ไม่ใช่หรอกอยากจะสลัดใครบางคนแถวนี้ออกต่างหาก
"นี่เธอ!" กัลยาตะคอกเสียงไม่พอใจใส่รรรรรร
"อาหารที่นี่ท่าจะอร่อยนะคะคุณพี่"
"ใครพี่เธอ"
"คุณพี่เป็นพี่สาวของสามี ก็เท่ากับเป็นพี่ของฉันนั่นแหละค่ะ" รรรรรรยังแสร้งพูดต่อเหมือนไม่คิดอะไรกับคำพูดของพี่สาวเขา
กัลยารีบมองหาสามีของตัวเอง เพื่อที่จะให้มาจัดการผู้หญิงปากเก่งคนนี้ แต่พอมองไปเห็นสามีกำลังชนแก้วอยู่กับสาวที่ไหนไม่รู้ ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหา คนที่เป็นสามีในทันที
"คฑาทำไมลูกทำแบบนี้ ช่วยไว้หน้าแม่หน่อยได้ไหม!" อัญชัญเดินมาถึงก็นั่งข้างๆ ลูกชาย ซึ่งตอนนี้เขานั่งแทนที่พี่สาว
"เมื่อกี้ผมได้ยินคุณถามว่าอาหารที่นี่คงอร่อย ผมแนะนำจานนี้เลยครับ เป็นราชินีอาหารของโรงแรมพี่สาวผมเลย" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ตักอาหารจานที่พูดถึงวางลงใส่จานให้เธอ โดยที่ไม่สนใจคำพูดของแม่
"ต้องลองชิมดูก่อนค่ะ ว่าจะอร่อยเท่าคุณไหม" ว่าแล้วหญิงสาวก็ตักอาหารขึ้นมาชิมดู "ก็อร่อยดีนะคะ แต่สู้คุณไม่ได้" ดวงตางามส่งยิ้มหวานให้ในขณะที่พูดด้วย
เพล้ง! ช้อนในมือของคฑา ร่วงลงใส่จานตรงหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขามัวแต่มองหน้าเธอเวลาที่พูด
"แม่ทนไม่ไหวแล้วนะคฑา!"
"อะไรนะครับคุณแม่" ชายหนุ่มต้องได้รีบละสายตาจากเธอ แล้วหันมาคุยกับแม่บ้าง
"แม่ทนพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ไม่ไหวแล้ว ลูกพาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากงานเลี้ยงของแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ!"
และนี่แหละมันคือสิ่งที่รรรรรรต้องการ เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าเธอจะทนผู้ดีพวกนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งสองออกมาจากงานเลี้ยงพร้อมกัน พอมาถึงรถคฑาก็นึกขำ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เธอเห็น
"ฉันกลับเองได้ค่ะ" หญิงสาวไม่ยอมขึ้นรถกับเขา ชายหนุ่มมองดูชุดที่เธอสวมใส่ เพราะถ้าปล่อยให้นั่งแท็กซี่กลับคนเดียวคงอันตรายแน่
"เรื่องชุดเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอาไปคืนให้" แต่เธอกลับคิดว่าเขาคงกลัวเธอยึดชุดที่ใส่มาในคืนนี้
"ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ถ้านั่งแท็กซี่เจอพวกอารมณ์เปลี่ยวมันจะอันตราย"
"ฉันคงจะไม่ซวยมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ" ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเดินผ่านหน้าเขาไป ชายหนุ่มมองไปที่หน้าโรงแรม ก็เห็นพี่เขยเดินออกมา
"อุ๊ย" รรรรรรตกใจอยู่ดีๆ ก็ถูกเขาคว้าตัวเข้ามากอด
"อย่าเพิ่งพูดอะไร" ชายหนุ่มกระซิบพูดในขณะที่กำลังกอดเธออยู่
แค่นี้หญิงสาวก็รู้แล้วว่าคงมีคนตามออกมา
แต่พอมองไปอีกทีเขาก็เห็นแค่หลังรถของพี่เขย และทันใดนั้นพี่สาวก็เดินตามมา
"คุณสันติ!!" กัลยาตะโกนตามหลังรถสามีแบบโมโห เพราะทั้งสองมีปากเสียงกัน เรื่องที่สามีไปดื่มกับผู้หญิงในงาน
"จะขึ้นรถกลับด้วยกัน..หรือจะให้ยืนกอดอยู่แบบนี้" ในเวลานี้เขามีสองทางเลือกให้เธอ แน่นอนว่าหญิงสาวต้องเลือกขึ้นรถกับเขาแน่ ใครจะอยากให้เขากอดล่ะ
แต่กัลยาก็ไม่ได้สนใจคู่ของน้องชายหรอก เพราะตอนนี้ยังโมโหให้กับสามีอยู่
หญิงสาวนั่งรถมากับเขาจนถึงป้ายรถเมล์เธอก็เลยขอลง และเขาก็จอดให้โดยที่ไม่เอ่ยพูดอะไรสักคำ
เช้าวันต่อมา..ที่โรงพยาบาล
เมื่อคืนนี้พอแยกทางกัน เธอก็รีบกลับมาหาพี่สาวที่โรงพยาบาล และเช้ามาก็ต้องไปทำงานตามปกติ
"ฉันไปทำงานก่อนนะ ถ้าพี่ขี้เกียจนอนแล้วก็รีบตื่นล่ะ" รรรรรรคุยกับพี่สาวก่อนออกมา ทำไมเธอจะไม่ทุกข์ใจ เพราะตอนนี้ชีวิตครอบครัวมืดมนไปหมด แต่ก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้
[บริษัท]
หญิงสาวลงจากแท็กซี่พร้อมกับกระเป๋าชุดราตรีที่เธอใส่เมื่อคืนนี้มาด้วย
"อะไร" ชายหนุ่มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องทำงาน และมีเลขาเดินตามมา เธอได้วางกระเป๋านั้นลงตรงหน้าให้เขา
"ชุดเมื่อคืนนี้ค่ะ"
"ชุดเมื่อคืน? เธอเอามาทำไม"
"ก็มันเป็นของคุณ"
"ฉันซื้อให้เธอ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ"
"เธอเอามาคืนแบบนี้คิดว่าฉันจะเอาไปใช้ที่ไหนได้ล่ะ"
"ใช้ที่ไหนก็เรื่องของคุณสิ" ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินมาที่ประตู "แต่ฉันยังไม่ได้ซักนะ คุณส่งซักเองด้วย"
ได้ยินแบบนั้นสายตาของเขาก็มองต่ำลงไปดูของในถุง
"ก็ค่าซักมันแพงนี่คะ และฉันก็ทำงานให้คุณด้วย" ว่าแล้วเธอก็เปิดประตูออกจากห้องไป
แล้วเขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อเธอพูดมาหมดแล้ว ..มือหนาจับถุงนั้นวางลงข้างโต๊ะทำงาน แล้วเขาก็นั่งทำงานต่อ
เวลาผ่านไปจนใกล้จะถึงเที่ยงวัน
ก๊อก ก๊อก
"นัดทานข้าวกับลูกค้าตอนเที่ยง ผม จองโรงแรมไว้แล้วครับ"
"ถ้างั้นก็ออกไปกันเลย แล้วลูกค้าเดินทางมาหรือยัง" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นคว้าเสื้อสูทมาสวมใส่
"คงใกล้ถึงโรงแรมแล้วครับ"
ทั้งสองออกมาจากห้องพร้อมกัน ..สายตาคมมองหาเลขาหน้าห้อง แต่ก็ไม่เจอ
"เธอออกไปได้สักพักแล้วครับ ไม่ได้บอกใครด้วยว่าไปไหน"
โรงพยาบาล..ที่พี่สาวของเธอรักษาตัวอยู่
"พี่ริน" มือเรียวกุมมือพี่สาวไว้แน่น พอได้รับข้อความจากทางโรงพยาบาลว่าพี่สาวของเธอฟื้นแล้ว หญิงสาวก็ทิ้งงานทุกอย่างมา
"จะร้องไห้ทำไม" มือของพี่สาวเอื้อมขึ้นไปซับน้ำตาให้กับน้อง
"พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะฉันตกใจ" พี่สาวของเธอก็เหมือนแม่ เพราะทั้งสองขาดพ่อและแม่ไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย
"พี่ไม่ทิ้งเราไปไหนหรอก"
"พี่เห็นรักหรือยัง"
"ยังเลย" แค่รู้ว่าลูกปลอดภัยรรินธรก็ดีใจมากแล้ว
"พี่ชอบชื่อรักนรินทร์ที่ฉันตั้งให้หลานไหม"
"ชอบสิ" จริงๆ พยาบาลก็เล่าให้ฟังครั้งหนึ่งแล้ว รรินธรก็เลยไม่ได้สงสัยว่าใครที่ชื่อรัก
"เรามาแบบนี้ใครดูงานให้"
"ไม่มีหรอกเดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้ว" ว่าแล้วรรรรรรก็ออกมา เพราะอยากให้พี่สาวพักผ่อนต่อ
เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้วใช่ไหม ขออย่าให้เรื่องร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเธออีกเลย หญิงสาวได้แต่ภาวนาในขณะที่นั่งแท็กซี่กลับมาที่บริษัท
14 : 30 น.
ก๊อก ก๊อก
"เชิญ"
"ฉันขอโทษด้วยค่ะที่ออกไปไม่ได้บอก" หญิงสาวเห็นโน๊ตที่วางไว้ตรงโต๊ะทำงาน ก็เลยต้องรีบเข้ามาขอโทษ
"เธอต้องศึกษาการเป็นเลขาที่ดีแล้วล่ะ"
"แต่ฉันมีธุระด่วน.."
"ไม่ว่าธุระนั้นจะด่วนแค่ไหน ก็ต้องบอกคนอื่นไว้บ้างว่าตัวเองจะไปไหน"
"ฉันขอโทษอีกครั้งค่ะ"
"ออกไป" เขาไม่เคยให้สิทธิพิเศษกับใครมาก่อน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร
วันต่อมา.. ที่โรงพยาบาล
"พี่จะทำอะไร" รรรรรรออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่สาวพยายามลุกขึ้นจากเตียง
"พี่ขอย้ายโรงพยาบาล"
"จะย้ายโรงพยาบาลไปไหน"
"เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรอกมันแพง"
"พี่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่จนหายก่อนค่อยออก"
"รู้ไหมว่าค่ารักษามันเท่าไรแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาให้เขา"
"เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรับผิดชอบเอง"
"แกไปเอาเงินมาจากที่ไหน"
เธอตอบพี่สาวไม่ได้ว่าไปเอาเงินมาจากที่ไหน พี่สาวก็เลยไปลุกขึ้นอีกครั้ง
"ฉันยืมมาจากท่านประธาน"
"ท่านประธานเนี่ยนะจะให้ยืมเงิน?" มันยิ่งสร้างความสงสัยให้กับพี่สาวมาก แต่ก็อาจจะมีข้อยกเว้นหรือเปล่าเพราะเธอประสบอุบัติเหตุ
"พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"จะไม่ห่วงได้ยังไงยืมเขาก็ต้องได้ใช้หนี้ รู้ไหมว่าค่ารักษามันเท่าไรแล้ว" รรินธรถามเรื่องค่ารักษากับทางโรงพยาบาลมาแล้ว
"เท่าไร"
..พอได้ยินตัวเลขรรรรรรถึงกับตกใจ ทีแรกคิดว่าเงินที่ขอกับเขามาจะพอ แต่นี่... ค่ารักษาอะไรจะแพงขนาดนี้
"เรื่องเงินพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันดูแลพี่ในยามที่ไม่สบายได้ไหม" หญิงสาวอยากจะพูดให้พี่คลายกังวล"แต่พี่ดีขึ้นมากแล้ว""ถึงดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายขาดนี่ ถ้าย้ายโรงพยาบาลเผื่อมันทรุดลงล่ะ ฉันจะอยู่กับใคร พี่คิดข้อนี้บ้างไหม" รรรรรรเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าพี่ไม่ยอม จนพี่สาวต้องยอมฟัง แล้วค่อยๆ นอนลงที่เดิม"ถ้าพี่รักฉัน พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำตัวให้แข็งแรงเร็วๆ เข้าใจไหม" มือเรียวเอื้อมไปจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้กับพี่สาว ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งพี่และน้องก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตัวเองกำลังอ่อนแออยู่[บริษัท]หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ ใบหน้างามเงยขึ้นไปมองชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่ แล้วลอบถอนหายใจออกมา เพราะเธอต้องหาคำพูดเพื่อที่จะพูดกับเขาเรื่องเงินเวลาผ่านไปจนถึง 09 : 40 นาที ก๊อก ก๊อก ยังไงวันนี้เธอต้องคุยเรื่องเงินให้ได้ จะคุยตอนไหนก็คงเหมือนกัน หญิงสาวเลือกเวลาที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าใกล้เที่ยงเดี๋ยวเขาก็ออกไปทานข้าวกับลูกค้าอีก"เชิญ""บอสคะ..เออ.." อุตส่าห์ตั้งหลักมาแต่ไกล แต่พอเห็นสายตาที่เขามองมา กลั
มือเรียวกวักเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปมาหน้าโรงพยาบาล และก็มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดรับเธอพอบอกชื่อคอนโด แท็กซี่ก็พาเธอขับตรงไปที่นั่น เพราะรถโดยสารรู้จักคอนโดหรูแห่งนี้เป็นอย่างดี"ที่นี่เหรอคะ" ไม่แปลกหรอกที่เขาจะซื้อที่แบบนี้อยู่ เพราะรวยระดับนั้นแล้ว"ใช่แล้วจ๊ะหนู" แท็กซี่มองหน้าเธอ ก็รู้แล้วว่าคงมารับจ๊อบ เพราะคนรวยส่วนมากชอบแอบซื้อกินหญิงสาวส่งเงินให้ตามจำนวนที่มิเตอร์ขึ้น แล้วเธอก็เดินตรงเข้ามาด้านในรรรรรรบอกกับพนักงานที่ดูแลคอนโดชั้นล่าง ตามที่คฑาได้บอกไว้ พนักงานก็เลยปล่อยให้เธอขึ้นไปขึ้นมาถึงรรรรรรก็กดรหัสผ่านที่เขาให้ไว้อีกนั่นแหละ และเธอก็ได้เข้ามาในห้องสูทสุดหรูของคอนโดราคาแพงหญิงสาวมองหาสวิตช์ไฟ แต่พอเธอก้าวเข้ามาแค่ไม่กี่ก้าวไฟในห้องก็เปิดเอง"ขนาดไฟยังไม่ต้องเปิดเองเลย อะไรจะขนาดนั้น" เธอพูดกับตัวเองแล้วก็มองทอดออกไปดูด้านนอกอาคาร เพราะบรรยากาศยามค่ำคืนมันสวยงามมาก และคอนโดแห่งนี้ก็เป็นกระจกรอบทิศทางคนเราทำบุญมาไม่เท่ากันจริงๆ นี่แค่คอนโดที่เขาซื้อทิ้งไว้ ยังหรูหราได้ถึงเพียงนี้ มองลงไปดูแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แสงไฟในยามค่ำคืนของตึกอีกฝั่งหนึ่ง มันช่างดึ
เข้ามาถึงในห้องน้ำ มันก็สร้างความตะลึงให้เธออีกครั้ง แค่ห้องน้ำของเขา คงสร้างบ้านได้ทั้งหลัง มือเรียวลูบไล้อ่างอาบน้ำราคาแพง ถ้าได้นอนแช่ในอ่างนี้คงจะฟินน่าดู แต่เธอก็ต้องได้รีบชำระร่างกายของตัวเองออกหญิงสาวใช้น้ำฝักบัวที่แบ่งเป็นสัดส่วนและมีห้องกระจกกั้นไว้ พออาบน้ำเสร็จคนร่างเล็กก็เดินออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบร่างกายอยู่ดวงตากลมเปิดกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าเขากำลังฉายอะไรบนทีวีจอใหญ่ที่ติดอยู่ในห้องชายหนุ่มไม่พูดอะไรก็เข้าไปใช้ห้องน้ำต่อจากเธอ ซึ่งหญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อ เพราะคลิปที่เขาเปิดในทีวี มันคือภาพชายหญิงกำลังเริงรักกันอยู่บนเตียงแต่เธอก็จำเป็นต้องได้ดู เขาคงอยากจะได้แบบนี้ พอชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเธอนั่งอยู่ปลายเตียง และมองสิ่งที่เขาเปิดไว้รรรรรรกรอกสายตามองดูชายที่เพิ่งจะเดินผ่านหน้าของเธอไป เคยเห็นแต่เขาใส่ชุดสูท แต่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอกเลยก็ว่าได้ เพราะสัดส่วนของเขาไม่มีที่ให้ติเลยและเธอก็ต้องได้รีบละสายตาไปมองที่อื่นเมื่อเขาเดินกลับมาที่เธอ"พร้อมหรือยัง"ยังไม่พร้อมได้ไหม.. สิ่งที่คิดกับสิ่งท
[คฤหาสน์หลังงาม]"ทำไมวันนี้ถึงกลับดึก" คำถามแรกของผู้เป็นแม่ เมื่อเห็นลูกชายเปิดประตูรถออกมา"มีงานด่วนเข้ามาครับ" ทีแรกคฑาก็มาถึงบ้านแล้ว แต่พอได้รับโทรศัพท์จากเธอ เขาก็ออกไปโดยที่แม่ยังไม่รู้ว่ากลับมาครั้งหนึ่งแล้ว"แม่ไม่ปลื้มเลยนะที่ลูกทำแบบนี้ รู้ไหมว่าหนูเอมมี่รอทานข้าวเย็นด้วย""ถ้าผมไม่อยู่ กลืนข้าวไม่ลงหรือไงครับ""คฑา!""ขอโทษครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อย ขอตัวไปนอนก่อนนะ" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินขึ้นมาบนบ้าน โดยที่ไม่รอฟังว่าแม่จะพูดอะไรต่อ"แม่นึกว่าเราขึ้นห้องไปแล้ว" หันกลับมาอีกทีก็เห็นลูกสาวเดินเข้ามา"รอคุณสันติอยู่ค่ะแม่ ยังไม่กลับบ้านเลยไม่รู้ไปไหน โทรไปก็ไม่รับสาย""ยังไม่กลับอีกเหรอ" ว่าลูกชายกลับดึกแล้วลูกเขยยิ่งกลับดึกกว่าสันติและกัลยาก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดียวกัน ถึงแม้สันติจะชวนภรรยาแยกครอบครัวออกไปอยู่ส่วนตัว หรือไม่ก็ค้างที่โรงแรมของตัวเอง แต่ภรรยาก็ไม่ยอม เพราะอยากจะอยู่ใกล้แม่ฐานะครอบครัวของสันติไม่ใช่คนมั่งมีอะไร ส่วนมากก็ได้รับความช่วยเหลือจากภรรยา ที่จริงแม่ก็ไม่อยากให้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่เพราะลูกสาวมีลูกไม่ได้ก็เลยปล่อยไป เพราะถ้าแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่า
ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเขา แล้วเธอจะปฏิเสธได้อย่างไร หญิงสาวกลับมาที่โรงพยาบาลแล้วรอรับโทรศัพท์ ในใจก็ภาวนาว่าอย่าโทรมาเลย เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันผ่าตัดของพี่สาวแล้ว หรือว่าเราจะบอกเขาดี ..แต่บอกแล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะชีวิตของเธอกับพี่สาว ทั้งสองต่างก็ช่วยเหลือกันและกันเองมาโดยตลอด เพราะยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากใครไม่เคยได้ และเธอก็รู้ดีว่าพี่สาวต้องลำบากแค่ไหน กว่าจะเลี้ยงเธอโตมา ทั้งส่งเสียให้เล่าเรียน"คุณหมอบอกว่าให้พี่งดอาหารเพื่อรอผ่าตัดพรุ่งนี้ ทำไมพี่ต้องได้ผ่าตัดอีก" รรินธรพยายามถามหมอและพยาบาลดูแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าต้องถามญาติเอง ..เธอรู้ดีว่ามันเป็นจรรยาบรรณถ้าญาติไม่อนุญาตให้พูดก็ไม่สามารถที่จะบอกได้"พี่แค่ทำใจให้สบาย และทำตามที่ฉันบอก เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเองค่ะ" การผ่าตัดในครั้งนี้เธอได้คุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าจะเอาเนื้องอกออกมาก่อน และก็ต้องได้เอาเนื้องอกนั้นไปตรวจหามะเร็ง เพราะมันมีสิทธิ์พัฒนากลายเป็นมะเร็งได้"พี่จะไม่ตายใช่ไหม" คิดว่าต้องเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่เธอเป็นอยู่แน่ ที่จริงอาการปวดหัวก็มีมาสักระยะแล้ว แต่ไม่อยากจะให้น้องต้องมาคิดมาก และวันนั้นที่ตรวจร่าง
"ดูความร่านของผู้หญิงคนนี้สิ! แม่ไม่มีวันเอามาเป็นลูกสะใภ้ ให้เป็นเสนียดวงศ์ตระกูลของเราแน่!""แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ" ทั้งสองคุยกันอยู่ที่หน้าประตูห้องของคฑานี่เอง เพราะเสียงครางที่เขาตั้งใจให้ข้างนอกได้ยิน..มันได้ผลเช้าวันต่อมา.."โอ๊ย" คนตัวเล็กค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น สายตาของเธอมองดูผู้ชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ทำกับเธอแค่ครั้งเดียว มันก็เลยสร้างความเจ็บปวดบนร่างกายให้เธอมาก "กี่โมงแล้ว" มองดูแสงสว่างด้านนอกคงสายมากแล้วแน่เลย หญิงสาวก็เลยมองไปดูนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังห้องเธอต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะใกล้เวลาผ่าตัดแล้ว"บอสคะ" หญิงสาวไม่มีเวลาแม้แต่จะอาบน้ำ เธอลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าชุดเดิม พร้อมกับปลุกเขาให้ตื่น เพราะเขาบอกว่าจะให้คนไปส่ง ถ้าเดินออกไปเรียกแท็กซี่คงจะใช้เวลานานแน่ "บอส""อืม" คฑาเปล่งเสียงออกมาเหมือนกับรำคาญที่ถูกกวน"คุณคฑาตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!"คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับหลี่ตาขึ้นมามอง เพราะน้ำเสียงที่เธอใช้ เหมือนสั่งให้เขาตื่น และเขาก็ดูจะไม่ชอบใจนัก"คุณบอกว่าจะให้คนรถไปส่งฉัน" หญิงสาวต้องได้รีบเปลี่ยนโทนเสียงที่พูด"จะรีบไปไหนนอนต่อก่อน" เขายั
16 : 35 น. ของเย็นวันเดียวกันนั้นรรรรรรชะเง้อมองประตูห้องทำงานของท่านประธานหลายครั้งแล้ว ที่มองไม่ใช่เพราะว่าเธออยากรีบกลับไปพักผ่อน แต่อยากกลับไปหาพี่สาวกับหลานมากกว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป..ท่านประธานก็ยังไม่ออกมามือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วออกจากที่ทำงานโดยไม่บอกกล่าวกับใครเลย เพราะเธอคิดว่าถ้าเขามีธุระก็คงจะโทรตามเอง ที่เธอเลือกที่จะไม่บอกก็เพราะว่ากลัวเข้าไปรบกวนการทำงาน[โรงพยาบาล]"ได้นอนบ้างหรือเปล่าล่ะเรา" รรินธรถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวเปิดประตูเข้ามา เพราะรู้ดีว่าน้องเฝ้าตัวเองมาทั้งคืน แถมตอนเช้ายังต้องรีบไปทำงานอีก"พี่ดูสีหน้าสดใสขึ้นมากเลยนะ" เห็นแค่นี้เธอก็หายเหนื่อยแล้ว"พี่ว่าเรานอนพักผ่อนบ้างเถอะนะ" ต่างฝ่ายต่างก็เป็นห่วงกัน"เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้ค่ะ ขอไปดูหลานก่อนคิดถึงหนูรักจะแย่แล้ว" พอเห็นว่าพี่สาวดีขึ้นมาก เธอก็เลยไปดูหลาน"หนูรักคะ" มือเรียวลูบกระจกที่มีหลานสาวนอนดิ้นอยู่ในนั้น "ตอนนี้แม่ของหนูปลอดภัยแล้วนะ อีกไม่นานเราก็จะได้กลับบ้านพร้อมกัน หนูเป็นเด็กดีมากรู้ไหม"คุยกับหลานอยู่เพียงไม่นาน ก็ต้องได้กลับมาที่ห้องรรรรรรกลับมาถึงก็เห็นพี่สาวนอนหลับไปแล้ว หญ
"สวัสดีค่ะ"ทุกคนถึงกับหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกัน และมันก็ทำให้คฑา หยุดชะงักได้ เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร"??""เชิญคุณชมพูนุชมานั่งโต๊ะตัวนี้ได้เลยครับ" คนที่กล่าวเชิญก็คือนิรันดร์จากที่มองผู้หญิงคนนั้นคฑาก็เปลี่ยนเป้าหมายหันมองมาที่นิรันดร์ผู้ช่วยของตัวเองบ้าง"เธอคือเลขาที่จะมาช่วยงานอีกคนครับ""เข้ามาหาผมหน่อย""เออ..ครับ" นิรันดร์เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ก็จำเป็นต้องได้เดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องส่วนผู้หญิงที่ชื่อชมพูนุช เดินเข้าไปหา.."สวัสดีค่ะฉันจะมาทำตำแหน่งเลขา""สวัสดีค่ะ" รรรรรรมองผู้หญิงคนนี้แทบตาไม่กระพริบ เพราะความสวยของเธอ"โต๊ะตัวนี้ใช่ไหมคะ" ชมพูนุชยังแสร้งถามออกไป เพราะนิรันดร์ได้บอกเรื่องโต๊ะไปแล้ว"ค่ะ""ฉันชื่อชมพูนุช จะเรียกนุชเฉยๆ ก็ได้ค่ะ..แล้วคุณชื่ออะไรคะ""รรรรรรค่ะ""ระรันรอน..ชื่อแปลกจังเลยนะคะ""ค่ะ""ถ้างั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณรันแล้วกันนะคะ""ตามสบายเลยค่ะ""คุณรันทำงานที่นี่นานหรือยังคะ""คะ?" รรรรรรเริ่มจะสงสัยผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานหรือเข้ามาทำอะไรกันแน่..ในห้อง.."เล่ามา""เออ.. ผมเห็นว่าท่านประธานต้องการเลขาด่วน แถมเลขาเป็นงานก็หายาก ตอนนี้คุ
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่