ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเขา แล้วเธอจะปฏิเสธได้อย่างไร หญิงสาวกลับมาที่โรงพยาบาลแล้วรอรับโทรศัพท์ ในใจก็ภาวนาว่าอย่าโทรมาเลย เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันผ่าตัดของพี่สาวแล้ว หรือว่าเราจะบอกเขาดี ..แต่บอกแล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะชีวิตของเธอกับพี่สาว ทั้งสองต่างก็ช่วยเหลือกันและกันเองมาโดยตลอด เพราะยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากใครไม่เคยได้ และเธอก็รู้ดีว่าพี่สาวต้องลำบากแค่ไหน กว่าจะเลี้ยงเธอโตมา ทั้งส่งเสียให้เล่าเรียน"คุณหมอบอกว่าให้พี่งดอาหารเพื่อรอผ่าตัดพรุ่งนี้ ทำไมพี่ต้องได้ผ่าตัดอีก" รรินธรพยายามถามหมอและพยาบาลดูแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าต้องถามญาติเอง ..เธอรู้ดีว่ามันเป็นจรรยาบรรณถ้าญาติไม่อนุญาตให้พูดก็ไม่สามารถที่จะบอกได้"พี่แค่ทำใจให้สบาย และทำตามที่ฉันบอก เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเองค่ะ" การผ่าตัดในครั้งนี้เธอได้คุยกับหมอแล้ว หมอบอกว่าจะเอาเนื้องอกออกมาก่อน และก็ต้องได้เอาเนื้องอกนั้นไปตรวจหามะเร็ง เพราะมันมีสิทธิ์พัฒนากลายเป็นมะเร็งได้"พี่จะไม่ตายใช่ไหม" คิดว่าต้องเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่เธอเป็นอยู่แน่ ที่จริงอาการปวดหัวก็มีมาสักระยะแล้ว แต่ไม่อยากจะให้น้องต้องมาคิดมาก และวันนั้นที่ตรวจร่าง
"ดูความร่านของผู้หญิงคนนี้สิ! แม่ไม่มีวันเอามาเป็นลูกสะใภ้ ให้เป็นเสนียดวงศ์ตระกูลของเราแน่!""แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ" ทั้งสองคุยกันอยู่ที่หน้าประตูห้องของคฑานี่เอง เพราะเสียงครางที่เขาตั้งใจให้ข้างนอกได้ยิน..มันได้ผลเช้าวันต่อมา.."โอ๊ย" คนตัวเล็กค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น สายตาของเธอมองดูผู้ชายที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้ทำกับเธอแค่ครั้งเดียว มันก็เลยสร้างความเจ็บปวดบนร่างกายให้เธอมาก "กี่โมงแล้ว" มองดูแสงสว่างด้านนอกคงสายมากแล้วแน่เลย หญิงสาวก็เลยมองไปดูนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังห้องเธอต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะใกล้เวลาผ่าตัดแล้ว"บอสคะ" หญิงสาวไม่มีเวลาแม้แต่จะอาบน้ำ เธอลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าชุดเดิม พร้อมกับปลุกเขาให้ตื่น เพราะเขาบอกว่าจะให้คนไปส่ง ถ้าเดินออกไปเรียกแท็กซี่คงจะใช้เวลานานแน่ "บอส""อืม" คฑาเปล่งเสียงออกมาเหมือนกับรำคาญที่ถูกกวน"คุณคฑาตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!"คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับหลี่ตาขึ้นมามอง เพราะน้ำเสียงที่เธอใช้ เหมือนสั่งให้เขาตื่น และเขาก็ดูจะไม่ชอบใจนัก"คุณบอกว่าจะให้คนรถไปส่งฉัน" หญิงสาวต้องได้รีบเปลี่ยนโทนเสียงที่พูด"จะรีบไปไหนนอนต่อก่อน" เขายั
16 : 35 น. ของเย็นวันเดียวกันนั้นรรรรรรชะเง้อมองประตูห้องทำงานของท่านประธานหลายครั้งแล้ว ที่มองไม่ใช่เพราะว่าเธออยากรีบกลับไปพักผ่อน แต่อยากกลับไปหาพี่สาวกับหลานมากกว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป..ท่านประธานก็ยังไม่ออกมามือเรียวเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วออกจากที่ทำงานโดยไม่บอกกล่าวกับใครเลย เพราะเธอคิดว่าถ้าเขามีธุระก็คงจะโทรตามเอง ที่เธอเลือกที่จะไม่บอกก็เพราะว่ากลัวเข้าไปรบกวนการทำงาน[โรงพยาบาล]"ได้นอนบ้างหรือเปล่าล่ะเรา" รรินธรถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวเปิดประตูเข้ามา เพราะรู้ดีว่าน้องเฝ้าตัวเองมาทั้งคืน แถมตอนเช้ายังต้องรีบไปทำงานอีก"พี่ดูสีหน้าสดใสขึ้นมากเลยนะ" เห็นแค่นี้เธอก็หายเหนื่อยแล้ว"พี่ว่าเรานอนพักผ่อนบ้างเถอะนะ" ต่างฝ่ายต่างก็เป็นห่วงกัน"เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้ค่ะ ขอไปดูหลานก่อนคิดถึงหนูรักจะแย่แล้ว" พอเห็นว่าพี่สาวดีขึ้นมาก เธอก็เลยไปดูหลาน"หนูรักคะ" มือเรียวลูบกระจกที่มีหลานสาวนอนดิ้นอยู่ในนั้น "ตอนนี้แม่ของหนูปลอดภัยแล้วนะ อีกไม่นานเราก็จะได้กลับบ้านพร้อมกัน หนูเป็นเด็กดีมากรู้ไหม"คุยกับหลานอยู่เพียงไม่นาน ก็ต้องได้กลับมาที่ห้องรรรรรรกลับมาถึงก็เห็นพี่สาวนอนหลับไปแล้ว หญ
"สวัสดีค่ะ"ทุกคนถึงกับหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกัน และมันก็ทำให้คฑา หยุดชะงักได้ เมื่อรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร"??""เชิญคุณชมพูนุชมานั่งโต๊ะตัวนี้ได้เลยครับ" คนที่กล่าวเชิญก็คือนิรันดร์จากที่มองผู้หญิงคนนั้นคฑาก็เปลี่ยนเป้าหมายหันมองมาที่นิรันดร์ผู้ช่วยของตัวเองบ้าง"เธอคือเลขาที่จะมาช่วยงานอีกคนครับ""เข้ามาหาผมหน่อย""เออ..ครับ" นิรันดร์เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ก็จำเป็นต้องได้เดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องส่วนผู้หญิงที่ชื่อชมพูนุช เดินเข้าไปหา.."สวัสดีค่ะฉันจะมาทำตำแหน่งเลขา""สวัสดีค่ะ" รรรรรรมองผู้หญิงคนนี้แทบตาไม่กระพริบ เพราะความสวยของเธอ"โต๊ะตัวนี้ใช่ไหมคะ" ชมพูนุชยังแสร้งถามออกไป เพราะนิรันดร์ได้บอกเรื่องโต๊ะไปแล้ว"ค่ะ""ฉันชื่อชมพูนุช จะเรียกนุชเฉยๆ ก็ได้ค่ะ..แล้วคุณชื่ออะไรคะ""รรรรรรค่ะ""ระรันรอน..ชื่อแปลกจังเลยนะคะ""ค่ะ""ถ้างั้นฉันจะเรียกคุณว่าคุณรันแล้วกันนะคะ""ตามสบายเลยค่ะ""คุณรันทำงานที่นี่นานหรือยังคะ""คะ?" รรรรรรเริ่มจะสงสัยผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานหรือเข้ามาทำอะไรกันแน่..ในห้อง.."เล่ามา""เออ.. ผมเห็นว่าท่านประธานต้องการเลขาด่วน แถมเลขาเป็นงานก็หายาก ตอนนี้คุ
"ฉันต้องไปที่โรงพยาบาล วันนี้ผลตรวจพี่สาวออก""ผลตรวจ..ตรวจอะไร?""ผลตรวจของพี่สาวฉันค่ะ""คุณริน?" ที่เขาไม่ได้ถามข่าวหารรินธร ก็เพราะเธอลาคลอดเหมือนพนักงานในบริษัททุกคนเพราะบริษัทมีสวัสดิการมากพอให้กับพนักงานอยู่แล้ว บางบริษัทอาจจะให้หยุดแค่ 3 เดือน แต่บริษัทนี้ให้หยุดถึง 4 เดือน เพื่อดูแลลูกที่ยังเล็กอยู่..ในระหว่างที่หยุดก็ยังได้เงินเดือนตามปกติ แถมยังได้เงินจากประกันสังคม และถ้ากลับเข้ามาทำงานหลังคลอด ก็ยังมีสวัสดิการอีกหลายอย่างรออยู่ เพราะบางคนคลอดลูกแล้วจะไม่กลับมาเลย ทางบริษัทก็เลยมีอะไรไว้ล่อพนักงานบ้างถึงขั้นนี้แล้วจะไม่บอกก็ไม่ได้ หญิงสาวก็เลยตัดสินใจบอกไป แต่เธอก็บอกแค่เรื่องผ่าตัด เพราะวันนี้เธอจำเป็นต้องได้กลับไปเพื่อฟังผลตรวจ ว่าเนื้องอกของพี่สาวจะพัฒนาขึ้นมาเป็นมะเร็งไหม"ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง??" คฑาคิดว่ารรินธรแค่ลาคลอดปกติ"ค่ะ.. วันนี้คุณหมอให้ไปฟังผลตรวจ ว่าเนื้องอกนั้นมันเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาหรือมันจะเป็นมะเร็ง""ขึ้นรถ""คะ?" นี่ขนาดเธอบอกไปหมดแล้วนะ เขายังจะลากตัวเธอไปด้วยให้ได้เหรอ ..หญิงสาวก็เลยจำเป็นต้องได้ขึ้นรถไปกับเขาขับรถออกมาจากบริษัท ชายหนุ่มก็ได้ถาม
"แต่นี่มันห้องทำงานนะคะ""แล้วไง ใครกระตุ้นมันก่อนล่ะ" เขาหมายถึงว่าใครเป็นคนทำให้มันแข็งตัว"ฉันไปกระตุ้นตอนไหน""ก็ตอนที่ครางไง""ฉันจะสื่อให้คุณรู้ว่าฉันเจ็บขาต่างหาก""ไม่ใช่แล้ว..เสียงเดียวกับโดนไอ้นี่เลย" ในขณะที่พูดสายตาคมก็ได้มองต่ำลงไป ซึ่งตอนนี้มันตุงออกมาจนเห็นได้ชัด"บอส" รรรรรรไม่คิดว่าเขาจะมีโมเม้นท์แบบนี้ เห็นเงียบขรึมทำแต่งานทั้งวัน"หึ" ชายหนุ่มนึกขำแล้วก็รูดซิปกลับคืน"??" หญิงสาวงงในงง แต่เธอก็รีบเอาขาลง แล้วก็จัดกระโปรงใหม่ กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเสียก่อน"จะไปไหน" ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินไปที่ประตู"ออกไปทำงานไงคะ""ไหนบอกเจ็บขาไง""คะ? อ้อ.." เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอจะเดินปกติออกไปไม่ได้ หญิงสาวก็เลยแกล้งเดินกระเผลกขณะที่เปิดประตูห้องออกไป"หึหึ" คฑามองตามแล้วก็นึกขำแต่รอยยิ้มนั้นต้องได้หุบลงเมื่อมองออกไปเห็นสายตาผู้หญิงอีกคนที่มองเข้ามาถ้าคนที่อยู่หน้าห้องตั้งใจฟังคงจะได้ยินเสียงพ่นลมหายใจ ไม่มีใครชอบหรอกการกดดันในที่ทำงานแบบนี้ แต่ก็เข้าใจแหละว่ามันต้องมีทุกที่"วันนี้บอสมีนัดทานข้าวไหม" ใจจริงก็อยากจะหาเรื่องว่าให้นั่นแหละ แต่ไม่รู้จะหาเรื่องอะไร นิรันดร์ก็
"ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ" เต้นไปก็ดูเหมือนว่าตัวเองเป็นตัวตลกที่เขาดึงเข้ามาทำประชดผู้หญิงอีกคน แต่เพราะคำว่าบุญคุณค้ำหัว เธอก็เลยต้องได้อยู่เป็นตัวตลกนั้นต่อ"เต้นอีกสักพัก" ริมฝีปากหนากระซิบพูด ถ้าคนอื่นมองคงคิดว่าคู่รักกำลังพูดหยอกเย้ากัน ..แต่นั่นมันคือคำสั่งเธอก็เลยต้องได้ทำตาม"โอ๊ย" เต้นไปได้อีกเพียงไม่นานหญิงสาวก็ขยับขาไม่ได้เพราะ..."ฉันเหยียบเท้าเธอเหรอ" ชายหนุ่มหยุดแล้วมองต่ำลงไปดู"ฉันไม่เป็นไรค่ะ" มัวแต่มองผู้หญิงอีกคน จนเผลอเหยียบเท้าเราเนี่ยนะ ..ทำไมเธอจะไม่เห็นสายตาของเขา ว่าแอบมองไปที่เธอคนนั้นตลอดเวลาเลยแต่มันก็ไม่แปลกหรอก เพราะผู้ชายในงานก็มองดูเธอคนนั้นเหมือนกัน วันนี้ชมพูนุชแต่งตัวสวยมาก คงตั้งใจแต่งมางานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากเธอ เพราะรีบและไม่มีชุดใส่ ต้องได้แวะซื้อชุด และแต่งตัวแบบลวกๆ"ฉันขอเข้าห้องน้ำค่ะ""เดี๋ยวพาไป""ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหน""ถ้างั้นก็รีบกลับมาแล้วกัน" ในขณะที่พูดสายตาของเขาก็ยังมองที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่เลย จนเธอเดินแยกตัวออกมาในห้องน้ำ.."หึ หึ ""??" รรรรรรที่กำลังใช้ห้องน้ำอยู่ต้องรีบเปิดประตูออกมาเพราะได้ยินเสียงคนหัวเราะ แล
"ต้องการคุยกับฉันเหรอคะ" หญิงสาวแปลกใจ พวกเขากำลังคิดจะทำอะไรกันอีกเนี่ย"อืม..ตามมา" กัลยาพูดพร้อมกับเดินนำหน้าไปที่ห้องประชุมเล็ก เพราะบริษัทแห่งนี้กัลยารู้ดีว่าห้องไหนเป็นห้องไหน ที่จริงเธอก็มีหุ้นส่วนอยู่ที่นี่ด้วย แต่ไม่ชอบบริหารบริษัท ชอบไปทางด้านการโรงแรมมากกว่ารรรรรรเดินตามเข้ามาแบบว่าง่าย พออีกฝ่ายเชิญให้นั่ง เธอก็นั่งลง"เรื่องที่เธอคุยเมื่อคืนนี้""เรื่องเมื่อคืนนี้? เรื่องอะไรคะ" หญิงสาวแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ทั้งๆ ที่เธอนั่นแหละเป็นคนทิ้งทวนไว้"ฉันรู้ดีว่าเธอต้องรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสามีของฉันแน่ เธอรู้อะไรบอกมาให้หมด""ตกลงคุณจะมาถามหรือจะมาขู่กันแน่คะ""เธออย่ามาเล่นลิ้นได้ไหม เธอรู้ใช่ไหมว่าสามีฉัน.." กัลยาหยุดแค่นั้นเพราะอายที่จะพูดต่อ และเธอก็ไม่อยากจะจ้างนักสืบ เพราะกลัวว่าจะเป็นข่าว"ถ้าคุณให้ความสนใจสามีสักนิด เหมือนกับสนใจเรื่องคนอื่น เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ""เรื่องคนอื่นที่ไหน นั่นน้องชายของฉัน""ถึงเป็นน้องชาย แต่ก็เป็นคนอื่นอยู่ดีค่ะ เพราะว่าคุณไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่กับน้องชายตลอดไปได้ คู่ชีวิตของคุณคือสามีไม่ใช่น้องชาย"กัลยาถึงกับเงีย
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่