จวนเจียวหย่งโหวหลิวหนิงอันเดินกรีดกรายมาที่เรือนหลักของเย่เจียวหั่ว เมื่อมาถึงหน้าเรือนนางก็แจ้งกับสาวใช้ ไม่นานสาวใช้ก็พานางมายังห้องโถง แต่ที่นั่งตรงตำแหน่งประมุขกลับมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเรียวหงทอดสายตามองนิ่งหลิวหนิงอันขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นศัตรูหัวใจของตนทำตัวราวกับเป็นเจ้าของจวน ทั้งที่จริงแล้วที่ตรงนั้นสมความเป็นนางมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะราชโองการของฮ่องเต้ นางก็จะได้เป็นฮูหยินน้อยของท่านพี่เจียวหั่วไปแล้วแววตาไม่เป็นมิตรมองสบกับห่าวเย่วเล่ออย่างถือดี หลิวหนิงอันหันไปพูดกับสาวใช้ด้วยท่าทางที่สงสัย“ท่านป้าให้ข้ามาพบท่านพี่เจียวหั่ว เหตุใดเจ้าถึงพาข้ามาพบนางเล่า” ใบหน้าหวานเอียงคอเล็กน้อย“เอ่อ...เรื่องนั้น คือท่านโหวไม่อยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ ข้าน้อยเลยไปเรียนฮูหยินน้อยแทนเจ้าค่ะ”เรือนร่างบอบบางทำท่าทางตกใจ ก่อนจะยอบกายคารวะห่าวเย่วเล่ออย่างเสียมิได้“ข้าช่างไม่รู้ความนัก ขออภัยฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าหลิวหนิงอันเป็นญาติผู้น้องของท่านพี่เจียวหั่ว วันนี้ข้าทำน้ำแกงปลาที่ท่านพี่เจียวหั่วชอบมาให้เจ้าค่ะ หวังว่าฮูหยินน้อยจะไม่ถือสาข้านะเจ้าคะ” ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปา
บทที่ 6จัดระเบียบบ่าวไพร่ตั้งแต่ที่หลิวหนิงอันกลับไปแล้ว ในความคิดของห่าวเย่วเล่อก็วนเวียนคิดแต่เรื่องของทั้งสอง หากว่าเย่เจียวหั่วมีใจกับหลิวหนิงอันจริง นางจะทำเช่นไร เพราะดูแล้วสตรีผู้นั้นก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะแต่งเข้ามายังจวนโหว หรือว่านางควรจะหลีกทางให้ทั้งสองคนนี้ดีนะเฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว นางขอนอนพักเอาแรงก่อนดีกว่าห่าวเย่วเล่อผล็อยหลับไปในทันที ร่างกายของนางที่รับศึกหนักเมื่อคืนยังคงอ่อนล้าอยู่มาก นั่นจึงทำให้นางหลับไปนานราวหนึ่งชั่วยาม รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โดนของหนักทับที่เอว“อื้อ...หนักจัง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างงัวเงียห่าวเย่วเล่อในความฝันนั้น ฝันเห็นว่าตนเองกำลังนอนอยู่ข้างกองไฟกองใหญ่ นางจึงได้ขยับตัวเข้าไปหากองไฟที่ให้ความอบอุ่น ทั้งยังอ้าแขนเข้าไปหากองไฟนั้นด้วย“อุ่นจัง”ใบหน้างามหลับตาพริ้มอย่างสุขใจ แต่ชายร่างสูงที่นอนอยู่ด้านข้างนั้นกลับเริ่มหายใจติดขัด เมื่อถูกเนื้อตัวนุ่มนิ่มของห่าวเย่วเล่อเข้ามาแนบชิด สองแขนเรียวของนางกำลังโอบกอดเอวหนาของเขา โดยที่ใบหน้าของนางกำลังคลอเคลียถูไถที่หน้าอกแกร่งที่ตอนนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเย่เจียวหั่วอยากจะลุกหนี แต่พอเห็นดวง
เย่เจียวหั่วนิ่งคิดไปครู่ “ฮูหยินคือเจ้านายของจวนโหว ย่อมสามารถกระทำการสิ่งใดก็ได้ตามสมควร ภายในเรือนนี้ฮูหยินจะทำสิ่งใดก็ได้ แต่ถ้าในจวนโหวเจ้าคงต้องบอกกล่าวแก่ท่านแม่เสียก่อน”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่” ใบหน้างามแย้มยิ้มอย่างโล่งใจ อย่างน้อยบุรุษผู้นี้ก็ยังมีหัวคิดเย่เจียวหั่วที่เห็นรอยยิ้มของหญิงงามนั้นพลันคันยุบยิบในหัวใจ เขากระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปยังห้องหนังสือคล้อยหลังร่างสูงห่าวเย่วเล่อยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเมื่อนึกถึงคำพูดของเขาเพ่ยเพ่ยที่รออยู่ด้านนอกเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำและผ้าสะอาด“ฮูหยินเช็ดหน้าก่อนนะเจ้าคะ”“ขอบใจเจ้ามากเพ่ยเพ่ย”ห่าวเย่วเล่อหยิบผ้าสะอาดมาเช็ดหน้าตาของตนเอง ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยแล้วเดินออกไปยังห้องโถง“เจ้าไปเรียกบ่าวในเรือนมาให้หมด ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับพวกเขาเล็กน้อย”“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย”หลังจากนั้นไม่นานสาวใช้กว่าสามสิบคน และบ่าวรับใช้ชายอีกสิบคนก็เดินเรียงแถวมาที่ห้องโถง โดยมีพ่อบ้านที่รู้ข่าวมาสมทบด้วย ถึงแม้เรื่องภายในจวนโหวนั้นฮูหยินใหญ่จะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด แต่ถ้าในส่วนของเรือนหลักนั้
บทที่ 7ไหว้บรรพชนวันเวลาผ่านไปราวสามเดือนแล้วที่ห่าวเย่วเล่อมาอยู่ที่จวนโหว ในยามเช้านางต้องไปเรือนของหลิวเถียนเพื่อร่ำเรียนกับมามาอาวุโส บทเรียนของนางคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิจการของจวนโหว และดูแลงานภายในของจวนโหวหลังจากที่นางเรียนรู้ได้หนึ่งเดือน หลิวเถียนก็ส่งสมุดบัญชีของร้านค้าที่อยู่ในการดูแลของจวนโหวให้นางดูแล ทั้งยังมอบหมายงานเรื่องการดูแลบ่าวไพร่ภายในจวนโหวด้วย ซึ่งห่าวเย่วเล่อก็ทำได้เป็นอย่างดีจนได้รับคำชมจากหลิวเถียนแม้แรกเริ่มหลิวเถียนจะไม่ชมชอบในตัวของห่าวเย่วเล่อนัก แต่พอนานไปนางก็เริ่มเอ็นดูในตัวสะใภ้ผู้นี้ ไม่ว่านางจะให้ทำงานสิ่งใดล้วนทำออกมาได้ดีจนน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะการดูแลสมุดบัญชีและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้น ห่าวเย่วเล่อสามารถคำนวณตัวเลขได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าคิดว่าตรงจุดนี้คำนวณผิดพลาดนะเจ้าคะ”สมุดบัญชีของร้านค้าที่ขายธัญพืชถูกยื่นมาให้หลิวเถียนได้ตรวจสอบ นางมองตามรายการและค่าใช้จ่ายที่ปรากฏในสมุด ก่อนจะพบว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้คำนวณผิดพลาดไปมาก“ผิดตามที่เจ้าว่าด้วย เจ้าลองตรวจย้อนหลังไปอีกสามเดือนให้แม่ที”“เจ้าค่ะท่านแม่”ห่าวเย่วเล่อกลับไ
อีกสามวันข้างหน้า คนของจวนโหวจะต้องขึ้นเขาไปสักการะป้ายบรรพชนที่วัดประจำตระกูล ห่าวเย่วเล่อที่เพิ่งแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้จึงได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมของไหว้ โดยมีมามาอาวุโสคอยกำกับดูแลอีกทีห่าวเย่วเล่อจัดเตรียมข้าวของอย่างครบครัน หลังจากนั้นก็มาถึงวันที่ต้องไปไหว้บรรพบุรุษที่วัดประจำตระกูล ขบวนรถม้าประกอบด้วยคันแรกคือหลิวเถียน และห่าวเย่วเล่อ ส่วนคันถัดไปคือของไหว้ที่เตรียมมาอย่างมากมายส่วนเย่เจียวหั่วเขาขี่ม้าประกบที่รถม้าคันแรก ทั้งตรวจดูความปลอดภัยและขี่นำขบวน การไปไหว้บรรพบุรุษครั้งนี้จะให้ผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาดขบวนรถม้าของจวนโหวมุ่งหน้าขึ้นเขาสู่วัดประจำตระกูล การเดินทางต้องใช้ระยะเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม อนึ่งเพราะหนทางที่เป็นทางลาดชันและขรุขระ จึงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างล่าช้าเมื่อขบวนรถม้ามาถึงกลับต้องแปลกใจ เมื่อมีรถม้าที่มีตราประทับของจวนตระกูลหลิวจอดรออยู่สองคัน หลิวเถียนที่ถูกห่าวเย่วเล่อประคองลงมาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจการมาไหว้บรรพบุรุษของจวนโหวชาวเมืองล้วนทราบกันดี แต่เหตุใดตระกูลหลิวจึงมาที่นี่ได้ ทั้งยังไม่มีการแจ้งนางก่อนล่วงหน้า เรื่องนี้ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างย
บทที่ 8ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนในจวนโหวเดินเข้าไปยังในวัด นำของไหว้ที่เตรียมมานั้นออกจัดเตรียมให้เรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มการไหว้บรรพบุรุษโดยเริ่มจากหลิวเถียนผู้อาวุโสที่สุด ถัดมาจึงเป็นเย่เจียวหั่วและห่าวเย่วเล่อหลังจากไหว้บรรพบุรุษเสร็จสิ้นแล้วทุกคนก็ออกมาจากในวัด แล้วเดินกลับมายังรถม้าที่จอดรออยู่ก่อนแล้วหลิวเถียนที่เดินออกมาพร้อมกับห่าวเย่วเล่อนั้น จับมือของหญิงสาวแล้วเอ่ยเรียกบุตรชาย“ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เจ้าพาเล่อเอ๋อร์ไปขอพรที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เสียก่อนเถิด”“ท่านแม่ขอรับ ข้าเกรงว่า...”“พานางไป อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำ” ดวงตาของหลิวเถียนเข้มขึ้น“ขอรับ”เย่เจียวหั่วได้แต่จำยอม เขาเดินเข้ามาหาห่าวเย่วเล่อแล้วจึงจูงมือกันพาไปยังด้านหลังของวัดที่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หลิวหนิงอันที่เห็นเช่นนั้นก็มองมาทางหลิวเถียนด้วยความไม่เข้าใจ นางอยากจะเอ่ยปากถามแต่มารดาของนางจับแขนห้ามไว้เสียก่อน“เย่ฮูหยินคงจะอยากอุ้มหลานใช่ไหมเจ้าคะ ว่ากันว่าหากคู่สามีภรรยามาไหว้ต้นไม่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่จะทำให้ตั้งครรภ์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว บุตรชายของข้าคนนี้ดื้อรั้นนัก การจะมีภรรยาสักคนช่างยา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน้อยใจก่อนหน้านี้หรือไม่ จึงทำให้ห่าวเย่วเล่อรู้สึกไม่สบอารมณ์ หัวใจดวงน้อยกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาคงจะกลัวว่าหลิวหนิงอันผู้นั้นจะรอนานสินะ เลยอ้างชื่อมารดาร่างระหงหันหลังจะเดินกลับไป แต่ถูกฝ่ามือหนาจับข้อมือเล็กให้หันกลับมา ใบหน้าคมที่เคยมีรอยยิ้มเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“ฮูหยินอยากเป็นคนไม่รักษาคำพูดเช่นนี้หรือ หรือว่าพวกชนเผ่าห่าวอู๋เป็นเช่นนั้นกัน คำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนไม่มีค่า บางเบาราวกับขนนก”“ท่านกำลังล้ำเส้นข้าแล้วนะเจ้าคะ”“ทำไม ข้าพูดถูกใช่หรือไม่เล่า”ห่าวเย่วเล่อสะบัดมือออกจากการเกาะกุม นางรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที แต่เย่เจียวหั่วกลับเดินเข้ามาประชิดเรือนร่างระหง ร่างกายสูงใหญ่แทบจะกลืนกินหญิงสาวจนมิดน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยลอดไรฟัน “อย่าได้มาท้าทายข้าเย่วเล่อ” ฝ่ามือหนาตวัดอุ้มร่างของห่าวเย่วเล่อเข้ามาในวงแขนแข็งแรง ก่อนจะเดินไปทิศที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องพานางมาไหว้ต้นไม้ศักดิ์พร้อมกับเขาให้ได้!!ห่าวเย่วเล่อพยายามดิ้นขลุกขลักให้ออกจากวงแขนของเย่เจียวหั่ว แต่เพราะร่างกายของทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไป ถึงอย่างไ
บทที่ 9ข่าวลือเย่เจียวหั่วเดินลงมาที่รถม้าด้วยใบหน้าอารมณ์ดี ผิดกับห่าวเย่วเล่อที่ใบหน้าของนางบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ นางจะคิดบัญชีกับเขาที่ล่วงเกินนางเมื่อครู่อย่างแน่นอน ดีที่บริเวณต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครอื่น มิเช่นนั้นนางคงอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี“เกิดอะไรขึ้น”หลิวเถียนที่เห็นใบหน้าของห่าวเย่วเล่อดูอารมณ์ไม่ดีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่มีอะไรหรอกขอรับท่านแม่ ข้าแค่แกล้งนางเล่นเท่านั้นเอง”“เจ้าลูกคนนี้ โตจนได้รับบรรดาศักดิ์แล้วนะ ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ” หลิวเถียนถลึงตามองบุตรชาย“ขออภัยขอรับท่านแม่ คราวหน้าข้าจะไม่ทำที่นี่อีก”เย่เจียวหั่วแฝงความนัยว่าจะไม่จูบห่าวเย่วเล่อที่นี่อีก แต่ต่อไปเขาจะจูบนางที่อื่นแทน แววตาคมทอดมองสบกับดวงตาหงส์อย่างสื่อความนัยดวงหน้างามที่บึ้งตึงพลันเห่อร้อนขึ้นมาราวกับคนเป็นไข้ นางก้มหน้าเสมองไปทางอื่น จนสบเข้ากับแววตามาดร้ายของหลิวหนิงอัน“รีบกลับกันเถอะ แม่ไม่อยากถึงจวนตอนพลบค่ำ”“ขอรับท่านแม่”จากนั้นทุกคนก็เตรียมตัวเดินทางกลับจวนโหว โดยสองแม่ลูกตระกูลหลิวนั่งรถม้าคันเดียวกับหลิวเถียนและห่าวเย่วเล่อ หลิวหนิงอันคอยชวนคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ภายใ
ตอนพิเศษ 3ดวงจันทร์แห่งความสุขท่านหมอหญิงถูกพาตัวมายังจวนโหวโดยถูกองครักษ์เงาของเย่เจียวหั่วพาตัวมา ทันทีที่มาถึงนางก็รีบตรงเข้าไปยังห้องคลอด และตรวจเด็กในครรภ์ของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เจ็บปวด“หายใจเข้าลึก ๆ นะเจ้าคะ หากเจ็บมากไม่ต้องกลั้นนะเจ้าคะ เปล่งเสียงร้องออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”“กรี๊ดดด!!”ทันทีที่ท่านหมอกล่าวเช่นนั้น ห่าวเยว่เล่อก็เปล่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที นางเจ็บที่ท้องมากราวกับร่างกายกำลังจะถูกดึงทึ้งอยู่ภายใน คราแรกนางก็พอยังทานทนไว้ แต่ตอนนี้มันเจ็บถี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และมีทีท่าว่าความเจ็บนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเย่เจียวหั่วที่มาถึงยังหน้าห้องคลอด เมื่อได้ยินเสียงภรรยาร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เขาก็ตรงปรี่จะเข้าไปยังภายในห้องคลอด ใบหน้าคมเข้มฉายชัดถึงความวิตกกังวล“ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านโหวเข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ”สาวใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องคลอดรีบเอ่ยห้าม“หลบไป! ข้าจะไปดูภรรยาของข้า” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น จนสาวใช้นางนั้นรู้สึกตัวหดเล็กลงราวกับมดปลวก“อาหั่ว มาหาแม่”หลิวเถียนที่ได้ทราบข่าวว่าลูกสะใภ้จะคลอดแล้ว นางก็รีบมาที่นี่จนได้ทันเห็นท่าทางที
ตอนพิเศษ 2ความใส่ใจของสามี5 เดือนผ่านไป จวนเจียวหย่งโหวสตรีในอาภรณ์สีชมพูอ่อนกำลังนั่งเอนหลังอ่านหนังสือที่ศาลาไม้ โต๊ะไม้ตรงหน้ามีจานขนมดอกกุ้ยฮวา ขนมหนวดมังกร และน้ำส้มคั้นวางอยู่ด้านหน้าของสตรีผู้นี้ ในแต่ละวันคืนที่อยู่ในจวนโหว นางนั้นเริ่มเบื่อหน่ายนัก มีเพียงการอ่านหนังสือและนั่งกินขนมหวานกับน้ำส้มคั้น ที่สามารถเยียวยาหัวใจของสตรีที่ตั้งครรภ์เช่นนางได้ตั้งแต่ที่ทุกคนห้ามปรามไม่ให้ทำงาน ห่าวเยว่เล่อจึงทำได้เพียงออกคำสั่งเท่านั้น วันแรกที่ได้เห็นผลส้มลูกใหญ่รสหวานอมเปรี้ยว นางก็ให้นึกถึงน้ำส้มคั้น คิดได้ดังนั้นห่าวเยว่เล่อจึงขอให้แม่ครัวของจวนโหวทำน้ำส้มคั้นให้นางดื่ม วิธีการนั้นแสนง่าย เพียงแค่นำส้มไปล้างน้ำด้วยน้ำที่ผสมเกลือ พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นผ่าส้มออกเป็นสองซีก แล้วค่อย ๆ บีบส้มให้น้ำส้มไหลลงในแก้วกระเบื้องเคลือบที่สั่งทำพิเศษ ชิมรสให้ได้ที่หรือไม่ก็เติมเกลืออีกสักเล็กน้อย เพียงแค่นี้นางก็มีน้ำส้มคั้นดื่มทุกวันแล้วคราแรกผู้คนในจวนโหวล้วนแปลกใจกับการทำเช่นนี้ เพราะเดิมทีพวกเขาจะเพียงแค่แกะเปลือกและกินผลส้มที่อยู่ข้างใน ยังไม่เคยมีผู้ใดนำส้มมาคั้นออกมาเป็นน้ำเลย แม่ครัว
ตอนพิเศษ 1ข้ารักนางเช่นนั้นหรือในยามที่ค่ำคืนอันเงียบสงัดนั้น เย่เจียวหั่วได้ขอเข้าพบหลิวเถียนในยามวิกาล สตรีในวัยกลางคนแปลกใจกับการมาของบุตรชายนัก หรือว่าเขาจะมีเรื่องสำคัญกันนะหลิวเถียนให้บุตรชายเข้ามาพบยังห้องนอนชั้นใน ตัวนางนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ไม้เนื้อหอมด้วยท่าทางสงบ แววตาคมกริบที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจ้องมองบุตรชายไม่วางตา“อาหั่วมีสิ่งใดหรือถึงมาหาแม่ดึกดื่นเช่นนี้”เย่เจียวหั่วคารวะผู้เป็นมารดา ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดนัก นั่นยิ่งทำให้หลิวเถียนตื่นตัวมากยิ่งขึ้น“ลูกแค่อยากมาพูดคุยกับท่านแม่ให้ชัดเจนขอรับ ลูกอยากให้ท่านแม่เลิกจับคู่ลูกกับหนิงอันเสียที ลูกมองนางอย่างน้องสาวเพียงคนหนึ่งเท่านั้น มิเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาเลย”หลิวเถียนขมวดคิ้วแน่น ความไม่พอใจฉายชัดเต็มใบหน้าของหญิงสูงวัย“เจ้าหลงเสน่ห์สตรีเผ่าห่าวอู๋เช่นนั้นหรือ เจ้าจึงเมินเฉยอันเอ๋อร์ของแม่เช่นนี้” น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ“ถึงไม่มีเยว่เล่อ ข้าก็ไม่คิดจะรับนางเป็นภรรยาอยู่แล้ว ท่านแม่ไม่คิดหรือขอรับว่าที่ท่านแม่เปิดโอกาสให้ข้ากับนางใกล้ชิดกันมานานหลายปี แต่ข้าก
ท่านหมอชราที่อยู่หน้าห้องเดินเข้ามาด้วยใบหน้าสงบ เขาทำความเคารพทั้งคู่ก่อนจะขออนุญาตห่าวเย่วเล่อ นางยื่นแขนให้แก่ท่านหมอชรา ผืนผ้าขาวบางสีขาวถูกนำมาวางที่ข้อมือหมอชราจับจุดชีพจรของหญิงสาว เวลาผ่านไปครู่สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น เขาทดลองจับชีพจรของห่าวเย่วเล่ออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามอาการต่าง ๆ ซึ่งนางก็เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา“ฤดูของฮูหยินมาหรือยังขอรับ”แค่ประโยคนี้ของท่านหมอหลุดออกมา ห่าวเย่วเล่อก็มั่นใจเต็มสิบส่วน นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นระริก “ยังไม่มาเจ้าค่ะ น่าจะสักสองเดือนได้แล้ว”ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาลูบที่หน้าท้องแบนราบของตนเองด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็วหมอชราคลี่ยิ้มอย่างยินดี ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นหันมาเอ่ยกับเย่เจียวหั่ว“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้วขอรับ”เย่เจียวหั่วหูอื้อตาลาย “วะ ว่าอย่างไรนะ” น้ำเสียงทุ้มเข้มเอ่ยถามตะกุกตะกัก“ท่านโหวกลายเป็นพ่อคนแล้วขอรับ ยินดีด้วยขอรับ” หมอชราคลี่ยิ้มเย่เจียวหั่วตรงเข้ามาจับมือหมอชราด้วยความดีใจ “ท่านหมอแน่ใจใช่หรือไม่ ไม่ได้ตรวจผิดพลาดใช่หรือไม่”“ข้าเป็นหมอมานานกว่า 40 ปี ย่อมไม่วันตรวจผิดพลาดอย่างแน
บทส่งท้ายหงเซ่อพยายามจะหนีไปทางช่องทางลับ แต่ถูกหลี่เฉินเจาตามมาจับกุมตัวไว้ได้ทัน เขาไม่ใช่เพียงแค่กุนซือหนุ่มที่เฉลียวฉลาด แต่ฝีมือดาบและวรยุทธ์ของเขาเองก็เป็นเลิศไม่แพ้สหายเช่นเดียวกันการรบกับเผ่าทุ่งหญ้ากินเวลาไปราวหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็สามารถจับกุมตัวหงเซ่อ หัวหน้าของชนเผ่าทุ่งหญ้าได้สำเร็จ ทหารของเผ่าทุ่งหญ้ายอมทิ้งอาวุธ ก้มหัวจำนนให้กับเย่เจียวหั่วแต่โดยดีทางฝ่ายทหารของเมืองเจียวนั้นได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดต้องพลีชีพในสงครามครั้งนี้ ความวุ่นวายของสงครามกับเผ่าทุ่งหญ้าจึงได้จบลงหงเซ่อถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แต่เพราะความเลวทรามที่เขาได้ทำไว้ เย่เจียวหั่วจึงได้มอบความตายอันน่าสะพรึงกลัวให้แก่เขาตัวอ่อนหนอนไหมพิษถูกป้อนใส่ปากให้กับหงเซ่อที่ถูกคุมขังในคุก เย่เจียวหั่วหยดเลือดไก่ให้นางพญาหนอนไหมพิษ มันดูดกลืนหยดเลือดด้วยความหิวกระหายเวลาผ่านไปราวสามชั่วลมหายใจ หงเซ่อก็พลันร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก! ช่วยด้วย เอามันออกไป ฆ่าข้า ฆ่าข้าเดี๋ยวนี้เลย”หงเซ่อดิ้นพล่านราวกับถูกน้ำร้อนลวก เขาจับกุมท้องของตนด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด ใบหน้าที่เคยทระนงพลันซีดเผ
นี่คือแผนที่ลับของชนเผ่าทุ่งหญ้า เหตุใดจึงไปอยู่ในมือของเย่เจียวหั่วได้“แผนที่นี้คือค่ายกลลับของเผ่าเจ้ามิใช่หรือ แต่ข้ากลับพบในห้องนอนของอนุท่านพ่อ นี่คงจะเป็นหลักฐานแล้วว่านางคือคนของเผ่าทุ่งหญ้า หาใช่เผ่าห่าวอู๋ที่นางเคยแอบอ้างไม่” เขาเอ่ยเสียงกร้าว “ข้าเองก็หลงผิดไปนาน คิดว่านี่คือแผนที่ของเผ่าห่าวอู๋ แต่ที่แท้คือเผ่าทุ่งหญ้าต่างหาก นับว่านางยังฉลาดจึงแอบซ่อนตัวตนของนางเอาไว้จนข้าไปพบเข้า”“บัดซบ นังโง่”หงเซ่อกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ“ข้าไม่อยากจะเสวนากับคนขลาดเช่นเจ้า จงมอบตัวซะ แล้วข้าจะปล่อยคนของเจ้าไปแต่โดยดี”“ไม่มีวัน! ข้าไม่ผิด เป็นพวกเจ้าที่รังแกข้า”หงเซ่อยังไม่ยอมจำนน ซึ่งนี่ก็เป็นความต้องการของเย่เจียวหั่วพอดี“ทหารกล้าแห่งเมืองเจียวจงฟัง! เผ่าทุ่งหญ้าสมคบคิดกับหลิวห่าวรัน สังหารอดีตท่านโหว ลอบสังหารฮูหยินท่านโหว นี่คือการก่อกบฏ ผู้ใดที่สามารถตัดศีรษะของหงเซ่อได้ มารับรางวัลจากข้า!!”“ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ ฆ่าหงเซ่อ”ตึง ตึง ตึง!!ทหารด้านหลังส่งเสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม กลองศึกของฝั่งเมืองเจียวตีสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณสัญญาณแห่งสงครามได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!เย่เ
บทที่ 18ท้องฟ้าสีแดงฉานอีกฟากหนึ่งของชนเผ่าทุ่งหญ้า ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าชนเผ่าทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ขว้างจอกเหล้าทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุด และองอาจที่สุดของชนเผ่าทุ่งหญ้านามของเขาคือ ‘หงเซ่อ’“เจ้านั่นมันตายแล้วอย่างนั้นหรือ”“ขะ ขอรับ ถูกตัดสินโทษประหารขอรับ”ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ “ไร้ประโยชน์สิ้นดี”แผนการที่สู้อุตส่าห์วางแผนมานานหลายปีล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่น่าร่วมมือกับคนโง่เลย แค่จัดการให้บุตรสาวเป็นฮูหยินของท่านโหวยังทำไม่ได้ เขารึสู้อุตส่าห์ส่งน้องสาวไปสังหารอดีตท่านโหวจนสำเร็จแล้วตอนแรกคิดว่าหลังจากอดีตท่านโหวตายไป เขาจะสามารถบุกทะลวงเมืองเจียวได้โดยง่าย แต่กลายเป็นเขาได้ปลุกพยัคฆ์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เย่เจียวหั่วผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ของท่านโหว ได้ยืนผงาดบุกทะลวงคนของเขาจนถอยร่น ยังดีที่เขาไหวตัวทันยอมยกธงขาว ไม่เช่นนั้นเขาคงได้สิ้นชีพไปเสียแล้ว“จะ จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ ถ้าหากท่านโหวสืบรู้ว่าเผ่าของเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจะทำอย่างไร”“จะกังวลไปทำไม ตอนนี้ข้ายังเป็นพันธมิตรกับแคว้นเป่ย อย่างไรเจ้าท่านโหวนั่นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” หงเซ่อ
“จัดการเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจึงตรงกลับมาทันที”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าให้กับเขา “ท่านพี่น่าจะไปหาท่านแม่ก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่คงยังสะเทือนใจไม่หาย”“ยิ่งพี่ไปหาท่านแม่อาจจะยิ่งปวดใจก็ได้ ช่วงนี้พี่รบกวนเจ้าฝากดูแลท่านแม่ด้วย”“เจ้าค่ะ”“ช่วงนี้เจ้าชอบนอนกลางวันบ่อยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”ห่าวเย่วเล่อส่ายหน้าปฏิเสธ “มีงานให้ต้องจัดการเยอะ ข้าก็เลยรู้สึกเพลีย ๆ นิดหน่อยเจ้าค่ะ”“โยนงานให้พ่อบ้านไปดูแลก่อนก็ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะล้มป่วย”ห่าวเย่วเล่อยิ้มหวาน หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นนักที่เขาห่วงใยนางเช่นนี้“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แล้วเรื่องที่ไล่บ่าวออกไปหลายคนเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ”เย่เจียวหั่วขยับกายมานั่งใกล้ภรรยา พร้อมกับกอดรัดเอวของนางไปด้วย ท่าทางของเขาราวกับลูกแมวน้อยที่กำลังออดอ้อน“บ่าวที่ถูกไล่คือสายสืบของท่านอา บางส่วนยังเป็นคนของหัวหน้าเผ่าทุ่งหญ้า เห็นทีพี่จะปล่อยไปไม่ได้เสียแล้ว”“นั่นคือเหตุผลที่ท่านพี่ทำตัวเย็นชากับข้า และปล่อยข่าวลือว่าไม่รักข้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว แม้คราแรกพี่อาจจะ...จะไม่ได้รักเจ้า แต่ตอนนี้พี่รักเจ้ามากที่สุด หากพี่แสดงว่ารักใคร่ในตัวเ
บทที่ 17บทลงโทษการตายของหลิวหนิงอันสร้างความสะเทือนใจให้กับเมืองเจียว สตรีที่เคยเป็นยอดพธูแห่งเมืองเจียวกลับปลิดชีพตนเอง บ่าวรับใช้ที่อยู่จวนตระกูลต่างให้ปากคำกับทางกรมอาญา สองแม่ลูกที่น่าสงสารมักถูกหลิวห่าวรันลงมือทุบตีอยู่บ่อยครั้งเขาจะใช้แส้หางม้าอันเป็นอาวุธประจำกาย ฟาดที่ร่างกายของบุตรสาวและภรรยา เมื่อทำสิ่งใดให้ไม่ถูกใจทั้งสองก็จะถูกลงโทษ แต่เพราะบริเวณที่โดนแส้ฟาดนั้นคือแผ่นหลัง จึงทำให้ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แต่หลังจากที่ท่านโหวเข้ามาจับกุมหลิวห่าวรัน ความเลวระยำที่เขาเคยทำไว้ก็พลันผุดพรายออกมาไม่รู้จบ ทั้งใช้อำนาจของตระกูลข่มเหงตระกูลที่ต่ำกว่า แอบอ้างอำนาจของพี่สาวเลี่ยงการจ่ายภาษีความผิดของเขาถูกเปิดโปง หลิวเถียนที่รับรู้ความเลวของน้องชายต่างมารดา นางถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย ห่าวเย่วเล่อผู้เป็นลูกสะใภ้จึงดูแลแม่สามีไม่ห่างคุกใต้ดินเมืองเจียวในมุมหนึ่งของห้องขังมีชายในวัยกลางคนนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นฟาง สายตาของเขาเลื่อนลอยออกไปไกล ความหวังที่อยากจะนั่งตำแหน่งท่านโหว ควบคุมเมืองเจียวพลันสลายหายไปในพริบตาถ้าหากบุตรสาวของเขาสามารถแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินท่านโหวได้ เขาคงไม่ต้อง