“นี่ยัยพรเมื่อไหร่ยัยดาจะกลับสักทีมันนานแล้วนะเธอโทรไปถามทีสิจะกลับตอนไหนกับข้าวจะเย็นหมดแล้วเนี่ย จะว่าไปแล้วชีวิตคนเรานี่มันก็สั้นจริง ๆ แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่าตายแล้วไปไหน น่าเบื่อจริง ๆ คำถามที่หาคำตอบไม่ได้เนี่ย”
“นี่ยัยเอ๋ เธอยังไม่เลิกคิดหาคำตอบจากคำถามพวกนี้อีกเหรอเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย”
“ไม่มีอะไร รีบ ๆ โทรตามยัยดากลับมาได้แล้วกับข้าวจะเย็นหมดแล้วเนี่ยเดี๋ยวก็ไม่อร่อยพอดีชักช้ารำไรอยู่นั่นแหละ”
ติ๊ดด ติ๊ด “ฮัลโหล ว่าไงพร มีอะไรหรือเปล่า” ชลดารับสายจากเพื่อนสนิท
“ดาเธออยู่ไหน รีบกลับมาได้แล้วกับข้าวจะเย็นหมดแล้วเนี่ย เรารำคาญเอ๋มากเลยเนี่ยตอนนี้”
“หืม มีอะไรหรือเอ๋เป็นอะไร หรือทำอะไรให้เธอไม่พอใจอย่างงั้นเหรอ”
“ก็บ่น ๆ อยู่นั้นเรื่องที่คนตายแล้วไปไหนนั่นแหละไม่รู้อะไรนักหนา”
“ฮ่า ๆ เอาน่าปล่อยเอ๋ไปเถอะ บอกเอ๋ไปแล้วกันเอาไว้เราตายก่อนนะเดี๋ยวกลับมาบอกให้ว่าตายแล้วไปไหน”
“ว๊าย ยัยดาพูดบ้าอะไรยะ ตายเตยอะไรพูดไม่ดีเลยรีบ ๆ กลับมาเลย”
ยังไม่ทันที่ชลดาจะได้พูดคุยตอบโต้กับเพื่อนเสียงปืนก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ร่างของชลดาทรุดลงไปกองกับพื้น
ปัง!!
“ยัยดา เสียงอะไรยัยดา เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเราได้ยินเสียงปืนตอบสิ ตอบเราสิ” พรได้แต่เรียกเพื่อนเสียงดัง
“ยัยพร เป็นอะไรยัยดาเป็นอะไรแล้วที่เมื่อกี้บอกเสียงปืน เสียงปืนอะไร”
“เราก็ไม่รู้ เอ๋ เราไม่รู้ เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่ดี ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงปืนเข้ามาในโทรศัพท์ ยัยดาจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
ทางด้านชลดาที่ตอนนี้ลมหายใจแผ่วลงทุกที ดวงตาของเธอปิดสนิทมือถือตกอยู่ข้างลำตัวในโสตประสาทได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คน ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่เธอได้ไปหาคำตอบด้วยตัวเอง
ตายแล้วไปไหนเธอได้แต่หวังว่าเธอจะสามารถกลับมาตอบคำถามของเพื่อนสนิทอย่างเอ๋ได้ และสามารถให้คำตอบกับเอ๋ ได้ว่าตายแล้วไปไหน
เอ๋และพรที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกพลันมือถือของพรก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของชลดา เพื่อนทั้งสองคนก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความโล่งอกแต่หลังจากพรที่รับสายของชลดานั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
“ฮัลโหล ยัยดาเธออยู่ไหนแล้วเมื่อกี้เสียงอะไร เราได้ยินเหมือนเสียงปืนเลย”
“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักกับเจ้าของมือถือเบอร์นี้หรือเปล่า สายล่าสุดที่เธอรับสายเป็นเบอร์ของคุณน่ะครับ”
“ตำรวจเหรอคะ! เพื่อนของฉันเป็นอะไรคะคุณตำรวจ ”
“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เพื่อนของคุณเสียชีวิตแล้วจากเหตุการณ์นักศึกษาทะเลาะวิวาทและมีการยิงกันเกิดขึ้นทำให้เพื่อนคุณโดนลูกหลงไปด้วย”
“ยัยพร ยัยดาเป็นอะไร ตำรวจโทรมาทำไม”
“ยัยดาตายแล้ว ได้ยินไหมว่ายัยดาตายแล้ว ตำรวจโทรมา เรารีบไปหายัยดากันเถอะ”
ในโลกคู่ขนานต่างมิติ
หยางเฉิงคุณที่พาลี่ถิงมาถึงโรงหมอในเวลาต่อมาทันทีที่มาถึงหมอชราก็รีบรักษาทันที แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเพราะนางโดนงูกัดมานานพอสมควร
ทำให้พิษได้แล่นเข้าสู่หัวใจของนางและสิ้นใจไปในตอนที่หมอชรากำลังทำการรักษาพอดี ทางด้านหมอชราที่เห็นว่าลี่ถิงตายแล้วและกำลังจะเดินออกไปแจ้งให้กับชายหนุ่มที่พาหญิงสาวคนนี้มารักษาว่าตัวเองไม่อาจยื้อชีวิตของนางเอาไว้ได้นั้น
แต่ยังไม่ทันที่หมอชราจะได้ก้าวขาพ้นประตู ชลดาในร่างของลี่ถิงก็ได้ส่งเสียงออกมาเสียก่อนทำให้หมอชราต้องรีบหันหลังกลับมาดูนางอีกครั้ง
“โอ๊ย ทำไมปวดหัวจัง”
“หือ ปวดหัวหรอ แม่นาง แม่นางได้ยินข้าหรือไม่”
หมอชรารีบจับชีพจรของลี่ถิงก็พบว่าปกติดีทุกอย่างเพียงแต่นางยังไม่ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น หมอชราได้แต่ยืนมองนางด้วยท่าทางโง่งม
เมื่อสักครู่นางได้หยุดหายใจไปแล้วและตรวจไม่พบชีพจรชีวิตใด ๆ แต่เพียงเวลาผ่านไปไม่นานไม่ถึงเค่อด้วยซ้ำชีพจรนางกลับเต้นปกติและหายใจปกติจะว่าเขาตรวจผิดก็ไม่ใช่ เขารักษาคนมาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ไม่น่าจะผิดพลาดได้
“พ่อหนุ่ม แม่นางที่เจ้าพามาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ร่างกายนางอ่อนแอมากตอนนี้เลยทำให้นางยังนอนไม่ได้สติอยู่ แต่ไม่ต้องกังวลนะพรุ่งนี้นางก็จะฟื้นแล้ว”
“ท่านหมอข้าสามารถพานางกลับไปได้หรือไม่ขอรับ”
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่แต่ เจ้าน่ะไปเช่าเกวียนมารับนางกลับไปก็แล้วกัน”
“ขอรับท่านหมอเช่นนั้นรบกวนท่านดูแลนางสักประเดี๋ยว ข้าจะรีบกลับมารับนาง”
“ได้ ๆ เจ้าไปเถอะ”
หลังจากที่เฉิงคุณไปไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมเกวียนและเมื่อจ่ายค่ายาและค่ารักษาเรียบร้อยแล้วเขาจึงอุ้มลี่ถิงไปวางบนเกวียนและกลับหมู่บ้านทันที
และเขายังได้แวะซื้อข้าวชั้นเลวและธัญพืชอีกนิดหน่อยเพื่อนำกลับไปทำอาหารให้น้องชายทั้งสอง เขาไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ซื้อคนป่วยมาด้วยเงินเกือบทั้งหมดที่มีไหนจะจ่ายค่ายาค่าหมออีก
แต่ก็ช่างเถอะหวังว่าพอนางฟื้นขึ้นมาแล้วจะสำนึกบุญคุณเขาบ้างและทำตัวว่าง่ายถ้าหากนางฟื้นขึ้นมาแล้วทำตัวร้ายกาจและขี้เกียจเขาก็ไม่ลังเลใจที่จะขับไล่ไสส่งนางออกไป
ระยะทางจากเมืองจินหลิงถึงหมู่บ้านหวงเป่ยใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วยามหากเดินทางด้วยเกวียนวัวถ้าหากเดินเท้าจะใช้เวลาถึงสองชั่วยามเลยทีเดียว
บ้านของเขาเป็นกระท่อมเล็ก ๆ สองหลังติดกันอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านพร้อมด้วยที่ดิน 7 หมู่ สมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อและแม่ของเขาเหลือเอาไว้ให้ และน้องชายอีกสองคน
เขาได้แต่หวังว่าเมียทาสที่เขาซื้อมานี้จะช่วยแบ่งเบาภาระของเขาได้บ้าง เฉิงคุณกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว
แต่ก็ดีเหมือนกันที่ในตอนนี้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครในหมู่บ้านไม่เช่นนั้นคงได้เกิดสงครามน้ำลายกันเกิดขึ้นอีกแน่
“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว แล้วนั่นท่านพาผู้ใดกลับมาด้วย พี่สาวท่านนี้เป็นใคร” หยางฮั่นคุณถามพี่ชายด้วยความสงสัย
“นั่นสิพี่ใหญ่ ไม่ใช่ท่านเข้าเมืองไปขายของป่าหรอกหรือทำไมถึงได้พาพี่สาวท่านนี้กลับมาด้วยได้” หยางสวี่คุณเองก็อดจะถามออกมาไม่ได้เช่นกัน
“เข้าบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันดีหรือไม่ พวกเจ้าไม่หิวหรือ กินข้าวกันหรือยัง”
“พวกข้ากินแล้ว ส่วนของพี่ใหญ่ข้าแบ่งเอาไว้ให้แล้ว ท่านไปกินข้าวก่อนเถอะ”
“อืม เอาล่ะต่อไปนี้ แม่นางคนนี้จะมาอยู่บ้านเราในฐานะพี่สะใภ้ของพวกเจ้า เข้าใจหรือไม่”
“ห๊ะ พี่สะใภ้ พี่ใหญ่นี่ท่านไม่ได้ไปฉุดหญิงชาวบ้านมาทำเมียหรือทำร้ายนางจนเป็นแบบนี้ใช่หรือไม่” ฮั่นคุณตะโกนออกมาเสียงหลง
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยน้องเล็ก ข้าจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ใครจะไปรู้ก็ท่านดูพี่สาวท่านนี้สิทำไมมีสภาพแบบนี้ล่ะ เป็นใครก็อดคิดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ข้าไม่ผิดสักหน่อย”
“ตอนแรกพี่ว่าจะไปซื้อทาสมาสักคนมาช่วยทำงานและดูแลพวกเจ้าตอนที่พี่ไม่อยู่ แต่กลับเจอแม่นางคนนี้ถูกทำร้ายและพามาขายข้าก็เลยตัดสินใจซื้อมาน่ะ”
“พี่ใหญ่บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยจะซื้อทาสมาทำไมขอรับข้าสองคนโตแล้วช่วยเหลือตัวเองได้ ท่านน่าจะเก็บเงินเอาไว้แต่งภรรยาเข้าบ้านดีกว่านะขอรับ”
“ก็นี่ไงน้องรอง พี่ก็พาภรรยามาแล้วนี่ไงเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก หากว่านางเป็นคนดีและขยันขันแข็งพี่ก็พร้อมจะรับนางเป็นภรรยาของพี่ แต่ถ้านางตื่นขึ้นมาแล้วขี้เกียจและเรื่องมากล่ะก็พี่จะเอานางไปขายที่ตลาดค้าทาสพวกเจ้าวางใจได้เลย”
“เฮ้อพี่ใหญ่ แค่ปล่อยนางไปก็พอขอรับ ยังไงเสียนางก็เป็นคนเช่นพวกเราอย่าให้ถึงกับต้องทำแบบนั้นเลย”
“อืม พี่ก็พูดไปอย่างนั้นเองใครจะไปทำแบบนั้นกันเห็นข้าพี่ใหญ่ของพวกเจ้าคนนี้เป็นคนยังไงกัน”
หลังจากที่มีการพูดคุยกันภายในครอบครัวแล้วน้องชายทั้งสองคนก็กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองส่วนห้องนี้ยกให้ลี่ถิงนอนและหยางเฉิงคุณเองก็นอนห้องนี้ด้วยเช่นกัน แต่เขาต้องปูฟูกเก่า ๆ นอนข้างเตียง ชลดาในร่างลี่ถิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกแต่เธอไม่กล้าส่งเสียงดังเลยแม้แต่น้อย นางมองไปที่ชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างเตียง
นี่มันไม่ใช่ชายหนุ่มในฝันของเธอหรอกหรือ แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้แถมยังอยู่ในร่างของคนอื่นและชายหนุ่มคนนี้ยังซื้อเธอมาในราคาห้าเหรียญเงินอีกด้วย เขาซื้อเธอมาเพื่อเป็นภรรยาทาสของเขา
นี่มันเรื่องอะไรกันนี่หรือคำตอบที่ว่าตายแล้วไปไหนใครก็ได้ที่ส่งนางมาที่นี่รบกวนกลับไปบอกเพื่อนนางให้ด้วยตายแล้วต้องมาอยู่ในร่างคนอื่นยังพอทน
แต่สามีจน ๆ นี่มายังไงถึงแม้ว่าจะหน้าตาหล่อเหลามากก็เถอะ เฮ้อแบบนี้คงต้องทำใจอย่างเดียว ชลดาได้แต่หวังว่ามันจะเป็นความฝันเหมือนทุกครั้ง
เธอจึงข่มตานอนอีกครั้งและหวังว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเป็นชลดาสาวโรงงานคนเดิม
เช้าวันใหม่หลังจากที่ชลดาตื่นขึ้นมากลางดึกและได้เรียบเรียงเหตุการณ์จากความทรงจำของไป๋ลี่ถิงซึ่งเป็นเจ้าของร่างนี้จึงทำให้นางได้รู้ถึงเรื่องราวและต้นสายปลายเหตุและการได้พบจุดจบอันน่าสังเวชนี้ชลดาได้แต่ขออวยพรให้เธอไปสู่ภพภูมิที่ดีและขอบคุณที่ยกร่างกายนี้ให้เธอต่อไปนี้ชลดาจะใช้ชีวิตเป็นไป๋ลี่ถิงต่อไปหยางเฉิงคุณที่ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นของทุกวันเพราะต้องไปดูกับดักสัตว์ที่วางเอาไว้หากว่าเขาไปสายอาจจะไม่เหลือเหยื่อในกับดักที่เขาวางเอาไว้เลยก็ได้ เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้งน้องชายทั้งสองคนจะตื่นในยามเหม่าทุกวัน ทั้งสองช่วยกันหุงหาอาหารและรดน้ำผักที่ปลูกเอาไว้กินเองที่สวนหลังบ้านจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูกต้องนักต้องเรียกว่ากระท่อมเก่า ๆ ผุ ๆ จะพังแหล่มิพังแหล่เสียดีกว่าชลดาในร่างไป๋ลี่ถิงนอนลืมตาอยู่บนเตียงถึงแม้อยากจะลุกขึ้นมาเต็มทีแต่ก็ไม่สามารถจะลุกขึ้นมาได้เพราะบาดแผลตามร่างกายและยังมีรอยฟกช้ำที่หัวอีก จึงทำได้เพียงนอนลืมตามองหลังคาฟางเก่า ๆ เท่านั้น“พี่รองท่านว่าพอพี่สะใภ้ตื่นขึ้นมาแล้วนางจะยินดีอยู่กับพวกเราหรือไม่”“น้องเล็กทำไมเจ้าพูดแบบนั้นล่ะ พี่ใหญ่บอกว่านางคือพี่สะ
หยางเฉิงคุณพาลี่ถิงเดินเข้ามาในกระท่อมส่วนที่ใช้เป็นห้องครัว ภายในห้องครัว ไม่ได้มีอาหารอยู่มากมายนักในไหมีข้าวอยู่ไม่มากในส่วนของเครื่องปรุงมีเพียงเกลือเท่านั้นเพราะน้ำตาลมีราคาแพงมากชาวบ้านที่สามารถมีน้ำตาลไว้ในห้องครัวนั้นถือว่าฐานะทางบ้านไม่ได้แย่เลย บนโต๊ะเล็ก ๆ มีกระต่ายป่าที่ทำความสะอาดแล้วพร้อมสำหรับทำอาหาร"ท่านพี่เจ้าคะ ที่บ้านปลูกผักอะไรเอาไว้บ้างท่านพาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่เผื่อจะมีอะไรที่พอจะเอามาทำอาหารได้บ้าง""ได้ เจ้าเดินตามมาทางนี้เลย"หยางเฉิงคุณพาลี่ถิงเดินมาหลังบ้านที่เขาและน้องชายปลูกผักเอาไว้ เพราะเขาเองต้องเข้าป่าล่าสัตว์และหาของป่าเพื่อนำไปขายจึงไม่มีเวลาได้ดูแลแปลงผักพวกนี้มากนักเขายกหน้าที่นี้ให้น้องชายทั้งสองคนเป็นคนคอยดูแล"พี่ใหญ่ทำไมมาที่นี่ล่ะพี่ต้องการอะไรหรือขอรับ"“ไม่มีอะไรแค่พี่สะใภ้ของเจ้าอยากมาดูว่าจะมีผักอะไรที่เอาไปทำอาหารเย็นได้บ้าง ข้าเลยพานางเดินมาดูเสียหน่อย”“อ่อ ถ้าเช่นนั้นพี่สะใภ้ต้องการอะไรบอกข้าได้เลย ข้าจะช่วยเก็บให้เอง”“ได้ พี่สะใภ้รบกวนเจ้าแล้ว”หลังจากนั้นลี่ถิงให้สวี่คุณเก็บหัวไชเท้า ผักกาดขาวและต้นหอม ผักที่ปลูกไว้มีไม่มากมีแค่
ไป๋ลี่ถิงมาอยู่ที่แห่งนี้ได้ครบ 7 วันพอดีเช้าวันนี้นางยังคงตื่นแต่เช้าเช่นเคยหลังจากหุงหาอาหารให้แก่บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แล้ว ถึงได้ออกไปดูแลแปลงผักร่วมกับน้องชายทั้งสองของสามีตอนนี้แผลตามตัวและหน้าของนางหายดีแล้ว เมื่อไม่มีแผลทำให้เฉิงคุณและน้อง ๆ นั้นรู้ว่าภรรยาและพี่สะใภ้ของเขาสวยมากแม้นางจะสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ มีรอยปะชุนก็ไม่ทำให้ความสวยของนางลดลงไปเลย หยางเฉิงคุณถึงกับหน้าดำมืดเพียงแค่เขาคิดว่าจะมีคนมามองเมียของเขา ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย เอ๊ะ เขาเป็นอะไรไปอีกแล้วทำไมรู้สึกแบบนี้แถมในใจยังรู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย เขาคงต้องไปหาหมอจริง ๆ เสียแล้ววันนี้เฉิงคุณเข้าป่าล่าสัตว์เช่นเคยแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเขาจะไปค้างคืนในป่าเพราะต้องเข้าไปในป่าลึกที่ไกลจากบ้านมากจึงจำเป็นต้องไปค้างคืนในป่าป่ารอบนอกนั้นไม่ค่อยมีสัตว์มาติดกับดักของเขาแล้วเพราะชาวบ้านในละแวกนี้ใคร ๆ ก็ต่างเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่ามาขายยังชีพกันทั้งนั้น ลี่ถิงเตรียมอาหารแห้งรวมถึงน้ำดื่มให้กับเฉิงคุณไปมากหน่อยทั้งนางยังทำแป้งทอดให้เขานำไปกินด้วย“ท่านพี่เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะไม่ต้องห่วงข้าจะดูแลน้อง ๆ เอง ท่านเองก
หลังจากที่ทั้งสามคนแบกตะกร้าที่อัดแน่นไปด้วยฟักทองและมันเทศกลับมาถึงบ้าน น้องชายทั้งสองล้มตัวลงนอนข้างตะกร้าด้วยความเหนื่อยล้าลี่ถิงรับเอาเถามันเทศไปแช่น้ำไว้ก่อนเพราะกลัวว่าถ้ามันเหี่ยวแล้วจะปลูกไม่ขึ้นแต่นางก็ไม่มั่นใจมากนักว่ามันจะปลูกได้หรือไม่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรปลูกได้ก็ดีปลูกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หลังจากนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วทั้งสามคนจึงได้ขนเอามันเทศและฟักทองเข้าไปเก็บในครัว“วันนี้ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราจะเจอของกินในป่า ถ้ามีมันเทศพวกนี้อยู่เราก็จะมีอาหารกินเพิ่มไปอีกหลายวันเลย”“ข้าว่าพรุ่งนี้พวกเราเข้าป่ากันอีกดีหรือไม่ ข้าคิดว่าในป่าลึกที่เราเข้าไปมันอาจจะมีอะไรดี ๆ อยู่ก็เป็นได้”“พี่สะใภ้แต่มันจะอันตรายเกินไปหรือไม่ป่าลึกขนาดนั้นข้ากลัวว่าจะมีสัตว์ป่าออกมาน่ะสิ”“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้เราก็ไม่เจอสัตว์ป่าเลยไม่ใช่หรือ ข้าว่าพวกมันน่าจะอยู่เข้าไปลึกกว่าที่พวกเราจะเดินไปถึง พวกมันเองก็คงไม่ออกมาง่าย ๆ หรอกเพราะกลัวถูกนายพรานล่าน่ะ”“อืม เช่นนั้นเอาตามที่พี่สะใภ้ว่าก็แล้วกัน ตกลงพรุ่งนี้เราจะเข้าป่ากันอีก แต่ข้าว่านะเราออกไปแต่เช้าหน่อยดีกว่าเพราะข้าไม่อยากไปสายน่ะ เดี๋ยวจะพลาดขอ
เช้าวันใหม่ลี่ถิงตื่นขึ้นมายามอิ๋นเช่นเคยและทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เข้าครัวทำอาหารวันนี้ไม่มีเนื้อสัตว์เลยลี่ถิงเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือกว่าจะถึงเวลาอาหารเช้าหลังจากที่ทำโจ๊กฟักทอง(หนานกวา)ผสมกับยวี่หมี่เอาไว้แล้วนางจึงคิดว่าจะไปที่ลำธารดูเผื่อมีอะไรที่สามารถเอากลับมาทำเป็นอาหารได้พอดีกับที่เด็กน้อยทั้งสองคนตื่นขึ้นมาพอดี หลังจากที่ทั้งสองคนล้างหน้าแล้วก็อาสาพาลี่ถิงไปที่ลำธาร “พี่สะใภ้ท่านจะไปที่ลำธารทำไมหรือขอรับ”“อ่อ ข้าอยากไปดูเสียหน่อยว่าจะสามารถหาอะไรมาทำอาหารเพิ่มได้หรือไม่น่ะ”“ข้ากินแค่โจ๊กก็ได้ขอรับโจ๊กหนานกวาผสมกับยวี่หมี่ก็อร่อยแล้ว (ฟักทอง+ข้าวโพด)”“น้องเล็กพี่สะใภ้อยากไปพวกเราก็พานางไปเถอะ พี่สะใภ้จะให้เอาตะกร้าไม้ไผ่ไปด้วยหรือไม่ขอรับ”“อืมเอาไปด้วยก็ดีนะ เผื่อจะได้ใช้ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสายเอาได้วันนี้เรายังมีงานให้ทำอีกมาก”“ขอรับ ตามมาทางนี้เลยขอรับ”ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังลำธารอากาศยามเช้าถือว่าสดชื่นไม่น้อย อากาศดีหายใจได้เต็มปอดไร้ซึ่งมลพิษดีต่อสุขภาพจริง ๆเดินมาประมาณ 1 เค่อ (15นาที) ก็มาถึงลำธารที่อยู่ส่วนท้ายสวนหลังบ้าน ริมลำธารมีหอมป่า กระเทียมป่าเกิดอยู่เต็
เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่ลี่ถิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นซึ่งเป็นเวลาที่นางตื่นเป็นปกติ แต่สามีอย่างเฉิงคุณกลับบอกให้นางนอนต่อไม่ต้องตื่นแต่เช้าขนาดนั้น แต่ลี่ถิงหรือจะยอมนางกลับบอกให้สามีนอนต่อส่วนนางจะไปรดน้ำผักและทำมื้อเช้าเตรียมเอาไว้หลังจากที่สามีกลับมาจากการนำสัตว์ป่าไปขาย นางและสามีรวมถึงน้องชายจะเข้าป่าเพื่อหาของป่าด้วยกัน“ถิงเอ๋อร์เจ้านอนต่ออีกหน่อยเถอะไม่ต้องรีบตื่นมากนักหรอก”“ข้าชินเสียแล้วล่ะเจ้าค่ะท่านพี่ ท่านเองก็นอนพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้ารดน้ำผักแล้วจะทำมื้อเช้าให้ท่านจะได้รีบเข้าเมืองไปขายของและรีบกลับ”“อืม เสื้อผ้าของเจ้าที่ติดตัวมามีแค่สามชุดเท่านั้นเอาไว้พอขายได้เงินข้าจะซื้อให้เจ้าเพิ่มนะ”“ยังไม่ต้องซื้อหรอกเจ้าค่ะท่านพี่ เสื้อผ้ายังพอใส่ได้ ที่สำคัญคือข้าวและแป้งต่าง ๆ ข้าอยากให้เรามีอาหารมากกว่านี้ก่อนเจ้าค่ะ น้องสองคนกำลังโตข้าอยากให้น้อง ๆ ได้เรียนหนังสือด้วย ท่านพี่นอนต่อเถอะเจ้าค่ะ”“เจ้าเองก็อย่าทำอะไรที่เหนื่อยเกินไปเข้าใจหรือไม่ มันทำให้ข้ารู้สึกผิดที่ไม่สามารถเลี้ยงดูให้เจ้าสบายได้มากกว่านี้”“ท่านพี่อย่ากังวลไปเลยข้าไม่ได้ลำบากอันใด”คล้อยหลังภรรยาออกไปแ
ไป๋ลี่ถิงเอ๋ยไป๋ลี่ถิงความโชคดีนี้เจ้าได้แต่ใดมาสิ่งที่นางหวังเอาไว้ว่าจะพบเจอกลับไม่เจอแต่สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอนั้นกลับเจอเอาเสียง่าย ๆ ปานนี้แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางดีใจได้ยังไง ใครจะไปอดใจไหว เฉิงคุณที่เห็นนางทำหน้าดีใจขนาดนั้นก็อดถามออกมาไม่ได้ “ถิงเอ๋อร์เจ้าเจออะไรหรือสิ่งนั้นใช่สิ่งที่เจ้าพูดเอาไว้ก่อนเข้าป่าหรือไม่”“ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ แต่สิ่งนี้จะทำให้เราอบอุ่นในฤดูหนาว ท่านพี่เห็นต้นไม้ต้นนั้นหรือไม่ที่มีฝักสีเขียวและสีน้ำตาลอยู่เต็มต้น นั่นเรียกว่าต้นงิ้วและฝักของมันหากเราแกะออกมามันจะมีปุยขาว ๆ ข้างในเรียกว่านุ่น แล้วเจ้านุ่นนี้สามารถทำฟูกนอนหมอนและผ้าห่มได้ อุ่นมากเลยล่ะ ส่วนต้นนั้นที่เกิดอยู่ทางด้านนั้นที่มีดอกสีขาวนั้นเรียกว่าฝ้ายสามารถนำมาบุข้างในเสื้อทำเป็นเสื้อกันหนาวได้เจ้าค่ะ”“จริงหรือ เจ้าพูดจริง ๆ ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้พวกเราก็ไม่ต้องทนหนาวอีกต่อไป”“จริงเจ้าค่ะ ข้าเคยโกหกท่านพี่หรือเจ้าคะ เอาล่ะน้องรองน้องเล็กพวกเจ้าเก็บดอกฝ้ายมาเถอะพี่สะใภ้จะสอนเก็บ ส่วนท่านพี่ท่านปีนขึ้นไปแล้วทำให้ฝักสีน้ำตาลร่วงลงมาข้าจะคอยเก็บอยู่ข้างล่าง”“ได้ ๆ ตกลง เจ้าพาน้องรอง
หลังจากจัดการฝ้ายและงานที่ต้องทำในตอนเช้าจนเสร็จแล้วทั้งสี่คนรีบลงมือกินอาหารเช้าทันทีและหลังจากนั้นพวกเขาเตรียมตัวเข้าป่าด้วยกันอีกครั้งและครั้งนี้เฉิงคุณจะวางกับดักสัตว์เอาไว้ด้วยหากว่าโชคดีอาจจะได้สัตว์ป่าไปขายในเมืองเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวด้วยสองสามวันมานี้เงินที่เขาหามาได้ก็ใช้จ่ายไปเกือบจะหมดแล้ว ถึงแม้ว่าในแต่ละวันจะมีอาหารการกินเพิ่มขึ้นมาแต่เงินก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดสิ่งหนึ่งในบ้านตอนนี้“เตรียมของเสร็จแล้วใช่หรือไม่ น้องรองน้องเล็ก แล้วพี่สะใภ้เจ้าล่ะนางอยู่ไหน”“เตรียมเสร็จแล้วขอรับ พี่สะใภ้กำลังห่ออาหารสำหรับเอาไปกินในป่าขอรับ” ฮั่นคุณ“อืม เตรียมน้ำดื่มเอาไปให้พอด้วยนะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าพวกเราจะเดินเข้าป่าไปลึกมากแค่ไหน หากไม่เจอแหล่งน้ำแล้วจะแย่เอา”“ขอรับพี่ใหญ่ ข้าจัดการเรียบร้อยแล้วมีพอสำหรับทุกคนแน่นอนขอรับ”“รอนานหรือไม่เจ้าคะท่านพี่ ไปกันเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวสายมากกว่านี้จะร้อนเอาและข้าไม่อยากกลับมาช้าด้วย อย่าลืมว่าพวกเราตากฝ้ายเอาไว้หลังบ้าน ข้ากลัวคนอื่นจะมาพบเจอเข้า”“วางใจเถอะเราตากในที่ลับตาคนอีกอย่างบ้านเราอยู่ท้ายหมู่บ้านไม่มีใครมาหรอก หากเจ้
หลังจากที่เฉิงคุณได้ซื้อพื้นที่ภูเขาและป่าเอาไว้เป็นจำนวนมากต่อมาไม่นานฮั่นคุณได้แต่งภรรยาเข้ามาในบ้าน เป็นบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าเมือง ตอนที่เขามาบอกว่าจะตบแต่งภรรยาให้พี่สะใภ้อย่างลี่ถิงส่งแม่สื่อไปสู่ขอ ลี่ถิงตกใจมากแต่ไม่ได้ถามไถ่ให้มากความเพราะเชื่อว่าน้องชายของสามีคงดูคนไม่ผิดซึ่งก็ไม่ต่างกับที่ลี่ถิงคิดเอาไว้ เยว่ซินบุตรสาวของเจ้าเมืองคนนี้หน้าตางดงามอีกทั้งงานบ้านงานเรือนนางจัดการได้เรียบร้อยดีมาก หลังจากที่ฮั่นคุณแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์อีกไม่นานเขาเองก็จะได้เป็นท่านพ่อแล้ว ส่วนสวี่คุณนั้นไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานเลยไม่อยากแต่งงานไม่ว่าแต่เขากลับทำหน้านิ่งทุกครั้งที่มีสตรีชายตามอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแต่งภรรยาแต่เขายังไม่เจอสตรีที่เขาอยากจะอยู่ด้วยตอนนี้คงต้องเลี้ยงหลานไปก่อน ในที่สุดหมู่บ้านตระกูลหยางได้ก่อตั้งขึ้น เฉิงคุณเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หมู่บ้านตระกูลหยางมีบริเวณกว้างใหญ่และเจริญรุ่งเรืองมาก คนงานในไร่ที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนในหมู่บ้านตระกูลหยางแล้ว เหวินข่ายเองก็ช่วยงานเฉิงคุณอย่างไม่ขาดตกบกพร่องที่หุบเขาหนานซานไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในด้านการแพทย์แต
หลังจากที่ลี่ถิงปวดท้องได้ไม่นานยายเฒ่าหมอตำแยและหนี่ฮวาพร้อมทั้งสาวใช้ในเรือนคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง อยู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่าทั้ง ๆ ที่ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกลงมาเหตุการณ์นี้ทำให้เฉิงคุณเป็นกังวลใจเป็นอย่างมากแต่ลูกชายทั้งสามนั้นบอกว่าไม่มีอะไร ขอท่านพ่ออย่าได้กังวล ในเวลาไม่นานเสียงทารกร้องไห้จ้าดังออกมาจากข้างในห้องพลันพายุฝนที่โหมกระหน่ำอยู่เมื่อสักครู่ก็หยุดลงเหมือนกับว่าไม่เคยมีพายุฝนเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้กับชาวบ้านและคนบ้านตระกูลหยางไม่ได้ ยังไม่ทันหายตกใจ อยู่ ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้งนี้ไม่มีลมหรือพายุฝนแต่กลับมีสายฟ้าผ่าลงมานับไม่ถ้วนท่ามกลางสายฟ้าที่กระหน่ำลงมาเสียงเด็กทารกร้องไห้จ้าขึ้นมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็เหมือนเดิมสายฟ้าที่กระหน่ำฟาดลงมาปานทัณฑ์สวรรค์ก็มิปาน พอเด็กทารกคลอดออกมาและส่งเสียงร้องไห้จ้าเหตุการณ์น่าสะพรึงเมื่อสักครู่ก็หายไปทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังไม่ทันที่คนบ้านหยางจะได้ตั้งตัวครั้งนี้กลับมีนกจำนวนมากบินอยู่เหนือพื้นที่บ้านตระกูลหยางราวกับว่าพวกมันกำลังดีใจและแ
หลังจากที่ทั้งสองคนได้ตกลงนัดแนะเวลาเดินทางกลับบ้านในครั้งนี้แล้ว เป็นเวลากว่า 4 ปีที่พวกเขาจากบ้านมา ครั้งนี้ซูไคไม่ได้ตามกลับไปด้วยเพราะต้องดูแลในส่วนของกองกำลังลับการเดินทางครั้งนี้จึงมีเพียงต้าหลง เสี่ยวหลง และผู้ติดตามเท่านั้นส่วนองครักษ์เงานั้นต้าหลงได้สั่งให้ไปดูแลที่บ้านตระกูลหยางก่อนหน้านั้นแล้วจำนวน 50 นาย ตอนนี้หวังเต๋อคือมือขวาของต้าหลง เสิ่นหยางคือมือขวาของเสี่ยวหลงเสี่ยวอั่งเป่าและเสี่ยวกู่จื่อม้าทั้งสองตัวตอนนี้มันเติบโตขึ้นมาอย่างสง่างามสมเป็นม้าฝีเท้าดี ที่รู้ใจเจ้านายของมันมาก ตอนนี้พวกมันเองก็ดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้กลับบ้านไปเจอพ่อแม่พี่น้องและฝูงของมัน“ท่านประมุขขอรับ เรื่องของฝากให้นายหญิงใหญ่ข้าเตรียมเอาไว้หมดแล้วขอรับ”“ดีมาก เจ้าส่งคนไปแจ้งที่หุบเขาหนานซานหรือยัง พี่ชายข้าว่ายังไงบ้าง”“ท่านประมุขชิงหลง บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ เจอกันที่จุดนัดพบได้เลย”“อืม เจ้าไปเรียกประชุมผู้อาวุโสข้าจะไปแจ้งอาจารย์ปู่"“ขอรับ ท่านประมุข”หลังจากจัดการทุกอย่างที่หุบเขาเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนออกเดินทางกลับบ้านทันที เสี่ยวหลงพาคนติดตามมารอพี่ชายที่จุดนัดพบเมื่อต้าหลงมา
หลังจากผ่านพ้นงานแต่งงานอันแสนวุ่นวายของต้าเซิ้นไปได้เพียง 3 เดือน ก็มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อบรรดาภรรยาเหล่าต้าพร้อมใจกันคลอดลูกในวันเดียวกันยกเว้นแต่ภรรยาของต้าหวังที่คลอดไปก่อนหน้านั้นแล้วเฉิงคุณและคนงานในไร่ต่างวุ่นวายกันมากการที่แม่วัวทั้งสามตัวต่างคลอดลูกในวันและเวลาเดียวกันทำเอาเสี่ยวตั้นและสวี่คุณวิ่งวุ่นไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชายและนายท่านส่วนพ่อวัวทั้งหลายก็พากันตื่นเต้นและยังคุยกันว่าใครจะได้ลูกชายหรือใครจะได้ลูกสาว ต้าหลางได้แต่มองบนใส่บรรดาเหล่าต้าเกอของมันจะตื่นเต้นอะไรนักหนากะอีแค่คลอดลูกได้ทีละตัวเนี่ย ต้าหลางนั้นใคร ๆ ก็มองว่ามันยังโสดไม่มีภรรยาแต่หารู้ไม่ว่าต้าหลางนั้นเก็บความลับของมันได้ดีมากไม่มีใครระแคะระคายเรื่องนี้เลยต้าหลางความจริงแล้วไม่ได้โสดสนิทขึ้นคานเหมือนที่ต้าเซิ้นปรามาสเอาไว้ ต้าหลางมีภรรยาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นจ่าฝูงของหมาป่าขนเงินที่อยู่กลางป่าลึกและที่สำคัญนางยังให้กำเนิดลูกชายให้ต้าหลาง 11 ตัวตอนนี้ลูก ๆ ของมันมีอายุได้ 3 เดือนแล้ว ไม่แปลกที่มันจะมองบนใส่เหล่าต้าเกอของมัน หลังจากวุ่นวายมา 2 ชั่วยาม ภรรยาต้าฟง คลอดวัวตัวผู้ออกมา เช่นเดียว
เหวินข่ายให้หนี่ฮวาไปตามนายหญิงส่วนตัวเขารีบควบม้าเข้าเมืองเพื่อไปตามนายน้อยทันที ครั้งนี้ต้าเซิ้นทำเกินไปจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าเจ้าลิงนี่ที่วัน ๆ เอาแต่อยู่โรงหมอและเข้าป่าหาสมุนไพรจะก่อเรื่องขึ้นได้ลี่ถิงเองก็ตกใจมากนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่หนี่ฮวามาเรียก นางก็รีบพาลูกชายลูกสาวไปหาสามีที่ศาลาริมธารท้ายไร่ทันที“หนี่ฮวามีใครไปบอกน้องรองแล้วหรือยัง”“มีแล้วเจ้าค่ะ ข้าให้เสี่ยวตั้นไปเรียนนายน้อยแล้วเจ้าค่ะนายหญิง”“เจ้ารู้หรือไม่มีเรื่องอะไรกัน ต้าเซิ้นก่อเรื่องอะไรขึ้น ปกติข้าไม่เห็นว่าต้าเซิ้นจะเกเรเลยสักครั้ง”“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ พี่เหวินข่ายบอกข้าให้มาเรียนนายหญิงส่วนเขาเข้าเมืองไปตามนายน้อยตามคำสั่งนายท่านเจ้าค่ะ”ลี่ถิงและลูก ๆ มาถึงศาลาริมธารท้ายไร่ ก็ตกใจกับฝูงลิงขนาดใหญ่ นางไม่รู้ว่ามีกี่ตัวกันแน่ แล้วมีตัวที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าฝูงนั่งจ้องต้าเซิ้นอยู่ไม่วางตาแต่ยังไม่กล้าลงมือต้าหลางอยู่ตรงกลางระหว่างฝูงลิง ต้าหวัง ต้าฟง เสี่ยวซี เสี่ยวเป่าและบรรดาภรรยาวัวมากันครบ ส่วนเมียของต้าหวังไม่ได้ออกมาจากคอกเพราะนางท้องแก่เต็มที“เกิดอะไรขึ้นท่านพี่ ลิงพวกนี้มาทำไมเจ้าคะ”
หลังจากที่เหล่าต้าทั้งหลายเข้าป่าเพื่อหาของป่าตามที่คุณชายระบุในจดหมายครบแล้ว เวลาก็ผ่านมาได้ 5 วันแล้วทุกอย่างเตรียมเรียบร้อย ถังหูลู่ 500 ไม้ เนื้อแห้งอีกหลาย 100 ชั่ง ลี่ถิงไม่รู้ว่าลูกชายทั้งสองต้องการของมากมายขนาดนี้ไปทำไม เหมือนกับว่าจะเอาไปเลี้ยงคนได้หลายสิบคนเลยทีเดียวแต่ลี่ถิงเองก็ไม่ได้สงสัยในตัวลูกชายทั้งสองนางยังเคารพในการตัดสินใจของลูกชายเสมอ ส่วนเฉิงคุณก็เอาผักดองแบบกิมจิมาจากร้านของฮั่นคุณเอาใส่รถม้าไปให้ลูกชายด้วยเพราะเขารู้ว่าลูกชายอย่างเสี่ยวหลงนั้นชอบมากส่วนคำขอที่ลูกชายได้ขอมานั้นเขาและภรรยาตกลงที่จะทำตามคำขอ แต่ต้องรอให้น้องชายน้องสาวมีอายุครบ 5 ขวบเสียก่อนต้าหลงและเสี่ยวหลงนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าหุบเขาหนานซาน หมอเทวดาอู๋จี้ผู้เป็นเจ้าหุบเขาเวลานี้ได้มีการพูดคุยกับทั้งสองคนเอาไว้แล้วและให้สองคนพี่น้องไปตกลงกันเอง เขาไม่ได้ระบุว่าใครขอเพียงเป็นหนึ่งในสองคนนี้ก็พอแล้ว ส่วนซูไคตอนนี้ไม่ว่าศิษย์หลานทั้งสองจะทำอะไรเขาก็เห็นดีเห็นงามไปหมดทุกเรื่อง และซูไคเป็นอีกคนที่ตามใจสองแฝดมาก เขาทำประหนึ่งว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกของเขาเสียอ
หลังจากที่ลูกชายออกไปได้ไม่นานลี่ถิงเดินหันหลังกลับเข้าบ้าน เพื่อดูแลลูกสาวคนเล็กทันที ถึงแม้ว่าลูกทั้งสองจะไม่มีอะไรให้นางต้องเป็นห่วง แต่หัวอกคนเป็นแม่ย่อมรักลูกเสมอ สำหรับลี่ถิงแล้วนางรักลูกเท่ากันทุกคนวันนี้สามีของนางยังคงยุ่งกับการค้าอยู่ตลอดเวลา ฮั่นคุณเองก็กลายมาเป็นกำลังหลักเพื่อช่วยเหลือพี่ชายที่โรงหมอของสวี่คุณถือว่าไม่มีอะไรวุ่นวายนัก มีแค่ชาวบ้านเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เขาเองไม่ได้คิดอยากจะหาเงินกับโรงหมอ ที่เขาเปิดโรงหมอขึ้นในหมู่บ้านเช่นนี้เพราะต้องการช่วยเหลือชาวบ้าน ถ้าตอนนั้นที่หมู่บ้านของพวกเขามีหมออยู่ท่านแม่คงไม่จากไปเร็วขนาดนี้“พี่รอง วันนี้ไม่ไปโรงหมอหรือ”ฮั่นคุณที่เดินมาดูร้านผักของหลานชายก่อนที่เขาจะออกไปทำงานช่วยพี่ชายในเมืองเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่ชายอีกคนของตัวเองกำลังสั่งให้คนงานขนผักและไข่ไก่มาเติม“เดี๋ยวไป แวะมาดูร้านให้เจ้าใหญ่ เจ้ารองน่ะ”“ขอรับ เช่นนั้นพี่รองก็ดูไปเถอะ ข้าไปช่วยพี่ใหญ่ก่อน ตอนนี้ร้านค้าในเมืองยุ่งมาก”“แล้วพี่สะใภ้ว่าอย่างไรบ้าง”“พี่สะใภ้บอกว่าต่อไปหากมีคู่ค้าคนไหนยินดีมารับผลผลิตที่หน้าไร่ พวกเรา
หลังจากวันที่หนิงฮวาพาครอบครัวย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเดิม ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาได้นับเดือนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาลี่ถิงและสามีก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางกับสามีด้วยความเต็มใจกัวจื่อเหลียงลี่ถิงให้ไปฝึกงานกับจางอ้ายเทียนที่โรงเตี๊ยม ส่วนหนิงฮวานั้นลี่ถิงหางานอย่างอื่นให้นางทำที่บ้านจะได้ดูแลลูก ๆ ที่ยังเล็กอยู่ของนาง ด้วยความช่วยเหลือจากคนบ้านหยางทำให้หนิงฮวาและครอบครัวไม่ได้รับความลำบากมากมายอย่างที่คิดเอาไว้ หนิงฮวาย้อนคิดถึงอดีตหากว่าตอนนั้นนางร่วมมือกับท่านแม่ทำร้ายลี่ถิง นอกจากนางจะทำไม่สำเร็จแล้วนางยังจะได้มีชีวิตที่ดีอย่างเช่นทุกวันนี้อยู่หรือไม่ลี่ถิงกับเฉิงคุณนับว่าเป็นคนที่ดีมากหนิงฮวาได้แต่คิดว่านางต้องติดหนี้บุญคุณลี่ถิงอีกกี่ครั้ง เพราะลี่ถิงเป็นคนที่มีจิตใจดี หากว่าเป็นคนอื่นจะยอมให้อภัยและให้ความช่วยเหลือแก่นางหรือ เรื่องนี้หนิงฮวาย่อมกำชับสามีให้ทำงานด้วยความตั้งใจและซื่อสัตย์อย่าได้มีใจมักได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ซึ่งนางเองก็ทราบดีว่าสามีของนางเองไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยแบบนั้น แต่นางเพียงต้องเตือนเขาเอาไว้แล้วก็มาถึงวันที่โรงหมอของสวี่คุณเปิดให้การรักษา ทุกอย่างดำเนินไ
อันหนิงฮวาพาสามีและลูกชายหญิงกลับมาถึงบ้านเดิมที่เมืองจินหลิง นางเองก็ไม่แน่ใจว่าบ้านของนางยังจะสามารถพักอาศัยอยู่หรือไม่ เพราะนางออกจากบ้านไป 8 ปีกว่า ๆเมื่อนางกลับมาถึงบ้าน ก็ต้องตกใจเพราะสภาพบ้านของนางไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะลี่ถิงคอยมาดูแลและซ่อมแซมให้อยู่เสมอ“ท่านพี่ถึงแล้วเจ้าค่ะ”"ถึงแล้วหรือ นี่มันดีมากเลย พี่ขอโทษนะฮวาเอ๋อร์ที่ไม่สามารถดูแลพวกเจ้าแม่ลูกให้อยู่อย่างสบายได้ ทำให้เจ้าต้องบากหน้ากลับบ้านเดิมมาทั้งอย่างนี้“ท่านพี่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ดีแล้วที่พวกเราออกมาจากตรงนั้นเสียได้ หากเราไม่ออกมาชีวิตพวกเราแม่ลูกยิ่งจะแย่มากไปกว่านี้นะเจ้าคะ ท่านคิดว่าป้าสะใภ้ของท่านจะปล่อยให้พวกเราแม่ลูกมีชีวิตที่ดีหรือเจ้าคะ”“พี่เข้าใจแล้ว ต่อไปนี้คนพวกนั้นจะไม่สามารถมารังแกพวกเราได้อีก”“เข้าบ้านกันเถอะเจ้าค่ะ ลูก ๆ คงหิวแล้ว”“ท่านแม่นี่คือบ้านของเราหรือขอรับ”“ใช่แล้วลูก นี่คือบ้านของพวกเราต่อไปนี้เราจะอยู่กันที่นี่ ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาทำร้ายพวกเจ้าได้อีก”“ใหญ่โตมากเลยขอรับ”หลังจากนั้นหนิงฮวาและสามีก็ช่วยกัน ทำความสะอาดบ้านและหุงหาอาหารให้กับตัวเองและลูก ๆ เมื่อก