“ผมไม่แต่ง!” เสียงกึกก้องของ กวินภพ มลทนาพร ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมลทนาพรตระกูลเก่าแก่ที่ใครต่างก็รู้จักกันดีในฐานะตระกูลของเจ้าหลวงผู้ดีเก่าที่ถูกสืบทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน ทันทีที่ได้รับทราบถึงพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์ มลทนาพร ผู้เป็นปู่ที่เพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทนายประจำตระกูลที่เริ่มต้นอ่านพินัยกรรมมานานร่วมหนึ่งชั่วโมงด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความในพินัยกรรมนั้นต่างสร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาญาติที่เดินทางมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวินภพ ผู้เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของผู้ลาลับ ที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน ชายหนุ่มยอมรับได้ทุกอย่างที่ถูกเขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันให้ความสนใจกับมัน เว้นก็แต่คำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับสาวใช้ภายในบ้าน ผู้หญิงที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรคนนั้น! เพียงเพราะอยากจะตอบแทนที่พ่อกับแม่ของหล่อนเคยเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกศัตรูของท่านสั่งคนไป
“เธอทำบ้าอะไรกับปู่ฉันห๊ะยัยกาฝาก!” เสียงเข้มตวาดถามทันทีที่พบหญิงสาวที่เขากำลังตามหาอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะชอบพาปู่ของเขาออกมานั่งเล่นอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่จำความได้ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ถามเปล่า แต่เขายังกระชากต้นแขนแม่ตัวดีให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ให้สาสมกับความโกรธทั้งหมดที่เขากำลังมีต่อเธอ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณวิน! มัทเจ็บค่ะ” มัทนา ดวงใจ สาวใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสัวไกรวิทย์เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ หลานชายเพียงคนเดียวของผู้ที่มีพระคุณของเธอก็เดินตรงเข้ามาตวาดใส่หน้ากัน ทั้ง ๆ ที่น้อยครั้งมากที่เขาจะเข้ามาพูดคุยกับสาวใช้ต่ำต้อยในบ้านอย่างเธอ เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่เธอมีอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบ จากเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาจากพ่อกับแม่ที่ทำงานเป็นชาวประมงธรรมดาหาเช้ากินค่ำ แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งพ่อและแม่ของเธอบังเอิญเข้าไปช่วยเหลือเจ้าสัวไกรวิทย์ที่ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บเข้า ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกมันย้อนกลับมาจัดการกับพวกท่านทีหลัง เหลือไว้เพียงแต่เด็กสาววัยเจ็ดขวบที่หลบซ่อนอยู่ในโอ่งใบเล็ก ก่อนจะถูกชายชราที่เ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะตั้งรับการกระทำคาดคั้นของคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าเธอคือคนผิด โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้แก้ต่างหรืออธิบายอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะตีหน้ากันอย่างที่พูดออกมาทั้งหมด“มัทไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณวิน มัทไม่รู้เรื่องพินัยกรรมของคุณท่านจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง” ต่อให้กวินภพคาดคั้นแค่ไหนหญิงสาวก็ยังจะขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์มาก่อน ไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้มีพระคุณของตัวเองจะเขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา เพราะว่าท่านไม่เคยบอกหรือพูดอะไรเกี่ยวกับมันให้เธอได้รับรู้เลยแม้แต่คำเดียว“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนเดียวที่อยู่กับปู่ของฉันจนวันสุดท้ายของท่าน นี่คงจะไปเป่าหูท่านก่อนตายสิใช่ไหม ท่านถึงได้สั่งให้ฉันแต่งงานด้วยแบบนี้ หน้าด้าน! ไร้ยางอาย!” คำด่าทอที่รุนแรงไม่ต่างอะไรกับการถูกน้ำกรดร้อน ๆ สาดใส่หน้ากันนั้น ทำให้คนฟังปวดหนึบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่อยู่มัทนาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดกับคำสบประมาทที่เขามอบให้กัน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ตกใจกับเรื่องตรง
สุดท้ายสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งให้มากขึ้น และพยายามทำทุก ๆ อย่างเพื่อที่จะได้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้อุณหภูมิห้องสวีทสุดหรูชั้นบนสุดที่เย็นเฉียบกำลังปรากฏร่างของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังแลกรัดกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงอยู่บนเตียงคิงไซส์กันอย่างไม่มีใครยอมใครเหงื่อหยดแล้วหยดเล่าร่วงไหลอาบแก้มสากยามเมื่อสะโพกหนาขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะตามแรงปรารถนาที่มีต่อนางแมวยั่วสวาทใต้ร่าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบสนองด้วยการแอ่นกายยืนหยัดต้อนรับสัมผัสอันเร่าร้อนอย่างเต็มใจกลับไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ที่ดังไม่หยุดหย่อนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านพ้นมาไม่นานกวินภพผละตัวออกห่างจาก ลิลิน สุทธิดำรงราช คู่ขาสาวสวยดีกรีนางแบบระดับแถวหน้าของวงการที่เขาโทร.เรียกให้เจ้าหล่อนมาหาที่คอนโดฯ ทันทีที่ภารกิจบนเตียงอันเร่าร้อนที่กินเวลายาวนานถึงสองชั่วโมงเต็มระหว่างเขาและเธอสิ้นสุดลงชายหนุ่มค่อย ๆ บรรจงถอดถุงยางอนามัยยี่ห้อดังกลิ่นโปรด ที่เขาไม่เคยที่จะไม่ใช้มันทุกครั้งออกจากกายก่อนจะโยนมันทิ้งที่ขยะข้างเตียงอย่างไม่สนใจใยดีพร้อม ๆ กับเซ็นเ
“ป้าแจ่ม มัทนอนไม่หลับจ้ะ เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต่อให้ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอไปอีกนานเท่านานเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยที่จู่ ๆ เธอจะต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเอาอย่างนั้น ไม่ใช่เลยสักนิด! “กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ล่ะสิ อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัวไปเลยมัทเอ๊ย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องบางเรื่องเราก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้หรอก”หัวหน้าแม่บ้านผู้สูงวัยเอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักเสมือนกับลูกคนหนึ่ง หวงแหนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยท่าทางอ่อนโยน ไม่แปลกเลยที่นางจะออกโรงปกป้องและให้กำลังใจในยามที่มัทนาไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งเฉกเช่นตอนนี้ เพราะเมื่อก่อนมักจะมีท่านเจ้าสัวไกรวิทย์คอยดูแลและปกป้องหญิงสาว แต่ตอนนี้เมื่อท่านไม่อยู่แล้วหน้าที่ที่ว่าเธอเองก็คงต้องสานต่อเพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องติดห่วงมัทนาอีกต่อไป “มัทไม่เข้าใจเลยจ
สัญญาข้อตกลงนายกวินภพ มลทนาพร ยินดีที่จะแต่งงานกับนางสาวมัทนา ดวงใจ ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ทั้งสองจะแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันตามที่พินัยกรรมระบุ ต่อหน้าคนอื่นทั้งคู่จะต้องแสดงความรักต่อกันเฉกเช่นสามีภรรยาทั่วไป นายกวินภพ มลทนาพร มีสิทธิ์ใช้ชีวิตตามปกติ และนางสาวมัทนา ดวงใจ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย รวมไปถึงนายกวินภพเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวกับนางสาวมัทนาด้วยเช่นกัน ทั้งคู่จะใช้จ่ายภายใต้การดูแลและเห็นชอบจากนางลัดดาวัลย์ มลทนาพร เท่านั้น นางสาวมัทนา ดวงใจ มีสิทธิ์เข้าไปทำงานที่บริษัทเอสเจกรุ๊ป ในตำแหน่งรองประธานผู้บริหารตามที่ข้อความในพินัยกรรมได้ระบุ แต่จะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจทุก ๆ เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตามที ทั้งสองจะต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กตามที่พินัยกรรมระบุ แต่จะต้องแยกห้องนอน และเป็นเพียงเพื่อนร่วมบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ทั้งคู่ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามให้บุคคลภายนอกรู้อย่างเด็ดขาด หากใครผิดกฏต้องยอมยกสมบัติให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งสองสามารถหย่าจากกันได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกันแล้วหนึ่งปี และฝ่ายที่ขอหย่าจะต้องคืนสมบัติให
“ใช่ครับ พอดีว่าผมพาว่าที่เจ้าสาวมาเลือกชุดแต่งงาน ถ้ายังไงฝากคุณช่วยเลือกชุดที่เหมาะสมกับเธอให้หน่อย งานแต่งแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวาตามสถานะของเจ้าสาว” เขาตอบและจงใจเชือดเฉือนกันด้วยการกดย้ำสถานะอันต่ำต้อยให้อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันเท่าไรได้ยิน ก่อนจะเดินไปอีกด้านเพื่อเลือกชุดเจ้าบ่าวให้กับตัวเองโดยไม่คิดที่จะหันกลับมาสนใจกับอะไรข้างหลังอีกเลย “มาเลยค่ะคุณน้อง เดี๋ยวพี่เลือกให้ รับรองว่าคุณน้องจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่นอน แต่ว่าก็ว่าเถอะนะคะ คุณน้องนี่โชคดีจังที่ได้เป็นเจ้าสาวของทายาทพันล้าน งานนี้สาว ๆ ทั้งประเทศคงร้องไห้กันหนักมากแน่ ๆ ยังไงพี่ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยเลยนะคะ” ประโยคยินดีจากเจ้าของร้านที่มัทนาเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าชื่อ ‘เจ๊ตาล’ ทำให้เธออยากจะบอกอีกฝ่ายกลับไปเหลือเกิน ว่าเธอพร้อมเสียสละจุดที่ยืนอยู่ให้กับหญิงสาวคนไหนก็ได้ทุกเวลา หากนั่นมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้จริงล่ะก็ มัทนาตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานอยู่นานจนกระทั่งหญิงสาวไปถูกใจเข้ากับชุด ๆ หนึ่งซึ่งเจ๊ตาลเจ้าของร้านก็ไม่รีรอที่จะจับหญิงสาวไปลองก่อนจะช่วยแต่งหน้าทำผมให้เข้าชุด
กวินภพขับรถคันหรูของตัวเองมาจนถึงผับแห่งหนึ่งตามที่ได้นัดเจอกับคู่ขาของตัวเองเอาไว้ ชายหนุ่มพยายามดับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองด้วยการใช้น้ำเมาเป็นตัวช่วย โดยมีลิลินคอยบริการให้อยู่ไม่ห่างตัวไปไหนทว่าภายในใจของเขากลับเอาแต่คิดเรื่องของผู้หญิงอีกคนไม่ยอมหยุด จนกระทั่งทนต่ออารมณ์บ้า ๆ ของตัวเองไม่ไหวจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ และโทร.กลับไปที่บ้านเพื่อถามอะไรบางอย่างจากคนที่นั่น “นี่ฉันเองกวินภพ มัทนากลับถึงบ้านหรือยัง” ยิ่งถามก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองว่าทำไมต้องไปเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนนั้นด้วย ไม่เข้าใจตัวเองในตอนนี้เอาเสียเลย ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นฝ่ายทิ้งเธอมา แต่ทำไมในใจมันถึงได้ว้าวุ่นชอบกล “ยังไม่เห็นเลยค่ะคุณวิน แล้วนี่ยัย เอ่อ…คุณมัทไม่ได้อยู่กับคุณวินหรอกเหรอคะ” คำตอบจากสาวใช้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วหม่นก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเหมือนคนกำลังใช้ความคิด นี่มันผ่านมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว ป่านนี้เธอควรต้องถึงบ้านแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึงอีก “ช่างเถอะ แค่นี้นะ” เสียงสบถดังตอบก่อนจะกดวางสายและหมุนตัวเดินกลับเข้าไปหาคู่ขาของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่เคร่งเครียด
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
มัทนายังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องจนเมื่อคุณหญิงลัดดาวัลย์ทนต่อความเป็นห่วงไม่ไหวถึงได้มาหาหญิงสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับนวลแจ่มที่ทั้งห่วงและสงสารมัทนามากกว่าใคร ๆหลังจากทั้งคู่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของกวินภพแล้วจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ทั้งเข้าใจและรู้ดีว่ามัทนาในตอนนี้นั้นคงจะกำลังสับสน และไม่อยากจะเชื่อใจใครที่ไหนอีก “มัท เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก” เสียงที่ดังจากทางด้านนอกห้องทำให้คนที่กำลังเติมแป้งอยู่หน้ากระจกชะงักค้างไปชั่วครู่ แต่พอจำได้ว่าเสียงที่เรียกอยู่นั้นเป็นใครหญิงสาวจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับคนสองคนที่ยืนรออยู่ “นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลัดดาวัลล์อุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของลูกสะใภ้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลทำให้ลืมมัทนาคนเก่าที่เคยชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเดรสง่าย ๆ เรียบหรูไปจนหมดสิ้น เมื่ออีกฝ่ายหันมาสวมใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปบวกกับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว เปลี่ยนจากสาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันได้อย่างสวยสง่า
“คุณเล่นพูดออกมาแบบนี้ระวังจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ นะคะ” แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าสิ่งเดียวที่เธออยากจะได้คือเขาเท่านั้นออกไปแค่ไหน แต่เมื่อใจรู้ดีว่าสิ่งนั้นเขาคงไม่มีวันมอบให้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเก็บมันเอาไว้ในใจเหมือนกับทุกที “ผมยอมครับ ถ้ามันจะทำให้คุณออกไปจากชีวิตผมกับครอบครัว คุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมอยากให้คุณได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลคุณไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” “น่าเสียดายนะคะที่คน ๆ นั้นเป็นคุณไม่ได้” “ผมขอโทษครับลิน ในใจของผมตอนนี้มีแค่มัทนาคนเดียว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นใครได้อีก” กวินภพย้ำชัดเจนถึงความต้องการภายในใจของเขาที่อยากจะให้คนที่อยู่ข้างกายคือมัทนาภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอ เขาก็ไม่ต้องการใครอื่นมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน “คุณรักแม่นั่นเหรอคะ! คนอย่างคุณน่ะเหรอคะจะรักใครเป็น คุณอย่าคิดว่าลินไม่รู้นะคะว่าที่คุณแกล้งทำดีกับนังนั่นก็เพราะว่าคุณอยากให้เธอตายใจ เพื่อที่ถึงเวลาคุณก็จะได้ฮุบเอาสมบัติอีกครึ่งที่มันสมควรจะเป็นของคุณตั้งแต่แรกกลับมา”เสียงใส ๆ ตวาดขึ้นสู้พร้อมเอ
“คุณวินอย่าคิดมากเลยนะคะ มัทเชื่อค่ะว่าสักวันแกจะเข้าใจและผ่านเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คงมีแต่คอยดูแลและให้กำลังใจแกให้แกผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้ และมัทก็ยังเชื่ออีกนะคะว่าคุณวินจะเป็นคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะดูจากท่าทางของแกในวันนี้ มันทำให้มัทรู้ว่าแกคงจะรักคุณมาก”“ผมเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนจะหันเหความสนใจทั้งหมดไปยังเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่ต้องมารับกรรมจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ ภาพนั้นถูกจ้องมองจากสายตาอีกคู่ของหญิงชราที่ได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นกวินภพและมัทนาเข้าใจกันและกันได้มากถึงเพียงนี้ เธอคงทำได้แค่หวังว่าขอให้ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งคู่นั้นต้องเจอกับปัญหาเข้าอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของใครก็ตามสองสามีภรรยาทำตามคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับแอนนาเบลเป็นอย่างดี ทั้งสามนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านก่อนมัทนาจะพาตัวยัยหนูจอมป่วนขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ปล่อยให้หน้าที่ล้างจานเป็นของคุณพ่อบ้านจำเป็นไป ไม่นานกวินภพก็เดินขึ้นตามมาติด ๆ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อได้เห็นสองสาว ที่กำลังผลัดกันเช็ดตัวให้อีกฝ่ายก