สุดท้ายสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งให้มากขึ้น และพยายามทำทุก ๆ อย่างเพื่อที่จะได้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายใต้อุณหภูมิห้องสวีทสุดหรูชั้นบนสุดที่เย็นเฉียบกำลังปรากฏร่างของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังแลกรัดกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงอยู่บนเตียงคิงไซส์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เหงื่อหยดแล้วหยดเล่าร่วงไหลอาบแก้มสากยามเมื่อสะโพกหนาขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะตามแรงปรารถนาที่มีต่อนางแมวยั่วสวาทใต้ร่าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบสนองด้วยการแอ่นกายยืนหยัดต้อนรับสัมผัสอันเร่าร้อนอย่างเต็มใจกลับไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ที่ดังไม่หยุดหย่อนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านพ้นมาไม่นาน
กวินภพผละตัวออกห่างจาก ลิลิน สุทธิดำรงราช คู่ขาสาวสวยดีกรีนางแบบระดับแถวหน้าของวงการที่เขาโทร.เรียกให้เจ้าหล่อนมาหาที่คอนโดฯ ทันทีที่ภารกิจบนเตียงอันเร่าร้อนที่กินเวลายาวนานถึงสองชั่วโมงเต็มระหว่างเขาและเธอสิ้นสุดลง
ชายหนุ่มค่อย ๆ บรรจงถอดถุงยางอนามัยยี่ห้อดังกลิ่นโปรด ที่เขาไม่เคยที่จะไม่ใช้มันทุกครั้งออกจากกายก่อนจะโยนมันทิ้งที่ขยะข้างเตียงอย่างไม่สนใจใยดีพร้อม ๆ กับเซ็นเช็คให้นางแบบสาวเหมือนอย่างที่เคยทำบ่อย ๆ ตอนที่อีกฝ่ายลงทุนบินตามไปหากันถึงอังกฤษตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะมากครั้งกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ แต่สำหรับกวินภพแล้วผู้หญิงก็เหมือนกันหมดทั้งโลก มักมาก เห็นแก่เงิน และไม่เคยมีใครเลยที่จะรักเขาจริงโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนกลับไป
“ลินไม่อยากได้เงินของคุณอีกแล้วนะคะวิน คุณจะทำเหมือนลินเป็นโสเภณีชั่วคราวแบบนี้ไปตลอดไม่ได้นะคะ” รอยยิ้มหยักเผยขึ้นก่อนที่เขาจะหันไปสบสายตาคู่สวยของเจ้าของเสียงที่ดังไล่ตามหลังมาเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เพราะนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามักจะเซ็นเช็คให้กันหลังจากสิ้นสุดบทรักแสนเร่าร้อนจนห้องทั้งห้องแทบจะลุกเป็นไฟ เขาทำราวกับว่าเธอเป็นแค่สินค้าที่เช่ามาร่วมสนุกด้วยกันบนเตียง พอหมดคุณค่าก็โยนกลับทิ้งไปพร้อมกับให้รางวัลเป็นเงินก้อนโตไม่มีผิด
“ถ้าคุณไม่อยากได้เงิน แล้วคุณอยากได้อะไรครับ บ้าน รถ หรือคอนโดฯ” แน่นอนว่าเขาให้เธอได้ทุกสิ่ง ตราบใดที่เธอยังมอบความสุขให้แก่ร่างกายของเขา เหมือนอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้ต่อไป
แค่เพียงเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากกว่าบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเช่นเขา เพราะวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตที่แตกต่างเลยทำให้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์กลายเป็นเรื่องปกติไปตามกาลเวลา ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปอะไรเลยหากทั้งเขาและคู่ขายินยอมพร้อมใจที่จะทำมันทั้งคู่
“ลินอยากได้ตัวคุณค่ะ อยากได้ทุกอย่าง...ที่เป็นคุณ!” นางแบบสาวตอบกลับไปตามความจริงที่คิดอยู่ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อให้ได้รับรู้สักเท่าไรนัก เขาจึงได้เอ่ยถามกลับไปตรง ๆ
“แล้วที่คุณได้ไปถึงสองชั่วโมงเต็มนั่นยังไม่พออีกเหรอครับ ทำไมวันนี้คุณโลภจัง...” คนถูกถามส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้าไปโอบกอดร่างสมส่วนทั้ง ๆ ที่ทั้งตัวไม่มีสิ่งใดปกปิดเอาไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว เธอส่งสายตาหยาดเยิ้มให้พร้อม ๆ กับจงใจกดหน้าอกเข้ามาที่ลำตัวเขาอย่างจงใจ
“ลินไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย ถ้าเรื่องนั้นไม่มีวันที่ลินจะไม่พอใจ แต่ที่พูดไปเมื่อกี้ลินหมายถึงลินอยากเป็นมากกว่าคู่นอนชั่วคราวของคุณ ลินอยากเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกะ...”
“ผมว่าเราสองคนคุยเรื่องนี้รู้เรื่องแล้วนะครับลิน ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันแค่ชั่วคราวเท่านั้น และตอนนี้ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะสานสัมพันธ์ระยะยาวกับใคร ถ้าคุณเกิดเบื่อ จนรอไม่ไหวผมก็ยินดีที่จะปล่อยคุณไป” คำพูดที่ตีความหมายได้เพียงแค่หนึ่งเดียวทำเอาลิลินถึงกับหน้าเสีย แต่ไม่ช้าเธอก็ข่มอารมณ์ไม่พอใจเอาไว้พร้อม ๆ กับจูบหนัก ๆ ที่หน้าอกแข็งแกร่ง
“วินล่ะก็...ลินพูดแค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิดใส่กันด้วยคะ นี่คุณไปโมโหอะไรมาคะเนี่ย วันนี้ถึงได้ดูฉุนเฉียวนัก ลินรอได้ค่ะ ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหนลินก็จะรอ ลินรักคุณมากนะคะ คุณอย่าทิ้งลินนะ” เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศดี ๆ ตรงหน้าเสียไปนางแบบสาวจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อม ๆ กับสายตาหวานหยดย้อยที่ช้อนขึ้น มองคนตรงหน้าเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างออกไป
เธอรู้ดีว่าต้องทำตัวยังไง และทำแบบไหน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ได้คบหากับกวินภพนานมากกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ของเขาเหมือนอย่างทุกวันนี้แน่ แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเธออยู่ดี มันจริงที่ว่าเขาสามารถให้เธอได้ทุกอย่างยกเว้นทะเบียนสมรส และการคบหากันแบบเปิดเผยให้คนในสังคมได้รับรู้ แต่ใครเล่าจะรู้อนาคตว่าเขาจะไม่เกิดเบื่อและเขี่ยเธอทิ้งเหมือนลูกหมาลูกแมวตัวหนึ่ง หากเขาเกิดได้พบเจอผู้หญิงที่ถูกใจมากกว่าเข้าสักวัน
“ดีครับ พูดง่าย ๆ แบบนี้ค่อยน่าให้รางวัลหน่อย ผมชอบคนว่าง่าย คุณก็รู้นี่...” กวินภพตอบกลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะอุ้มร่างบอบบางขึ้นแนบอกพร้อม ๆ กับสาวเท้ามุ่งหน้าสู่เตียงกว้างอีกหน และไม่ลืมที่จะคว้าเอาซองถุงยางอนามัยซองใหม่ติดตัวไปด้วยเหมือนทุกครั้ง
มัทนายังคงนอนไม่หลับแม้ว่าจะพยายามแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่สำเร็จอยู่ดี เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านพ้นมานั้นทำเอาหญิงสาวแทบจะเข้าหน้าใครไม่ติดเลยสักคนเดียว
หลังจากที่กวินภพวางระเบิดลูกใหญ่ใส่เธอกลางศาลาท่าน้ำนั้น ทุกคนก็พากันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจนพาลมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก ๆ เว้นเสียแต่คนเดียวที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเธอมากกว่าใคร ๆ นั่นก็คือนวลแจ่มหัวหน้าแม่บ้านที่พอรู้เรื่องทั้งหมดก็สั่งให้เธอวางมือจากทุกสิ่ง ก่อนจะไล่ให้กลับเข้ามาพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง ถึงอย่างนั้นใครกันจะข่มตาให้หลับลงไปได้ ทั้ง ๆ ที่ภายในใจตอนนี้นั้น ยังคงมีแต่เรื่องหนัก ๆ ให้ต้องคิดทบทวนอยู่
“ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับไม่นอนอีกยัยมัท แล้วนี่มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”
เสียงที่เรียกมาจากข้างหลังส่งผลให้คนที่กำลังนั่งคิดไม่ตกอยู่ในศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะพาเจ้าสัวไกรวิทย์มานั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนมาใหม่เหมือนอย่างที่ชอบทำ
“ป้าแจ่ม มัทนอนไม่หลับจ้ะ เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต่อให้ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอไปอีกนานเท่านานเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยที่จู่ ๆ เธอจะต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเอาอย่างนั้น ไม่ใช่เลยสักนิด! “กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ล่ะสิ อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัวไปเลยมัทเอ๊ย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องบางเรื่องเราก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้หรอก”หัวหน้าแม่บ้านผู้สูงวัยเอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักเสมือนกับลูกคนหนึ่ง หวงแหนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยท่าทางอ่อนโยน ไม่แปลกเลยที่นางจะออกโรงปกป้องและให้กำลังใจในยามที่มัทนาไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งเฉกเช่นตอนนี้ เพราะเมื่อก่อนมักจะมีท่านเจ้าสัวไกรวิทย์คอยดูแลและปกป้องหญิงสาว แต่ตอนนี้เมื่อท่านไม่อยู่แล้วหน้าที่ที่ว่าเธอเองก็คงต้องสานต่อเพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องติดห่วงมัทนาอีกต่อไป “มัทไม่เข้าใจเลยจ
“ผมไม่แต่ง!” เสียงกึกก้องของ กวินภพ มลทนาพร ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมลทนาพรตระกูลเก่าแก่ที่ใครต่างก็รู้จักกันดีในฐานะตระกูลของเจ้าหลวงผู้ดีเก่าที่ถูกสืบทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน ทันทีที่ได้รับทราบถึงพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์ มลทนาพร ผู้เป็นปู่ที่เพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทนายประจำตระกูลที่เริ่มต้นอ่านพินัยกรรมมานานร่วมหนึ่งชั่วโมงด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความในพินัยกรรมนั้นต่างสร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาญาติที่เดินทางมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวินภพ ผู้เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของผู้ลาลับ ที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน ชายหนุ่มยอมรับได้ทุกอย่างที่ถูกเขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันให้ความสนใจกับมัน เว้นก็แต่คำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับสาวใช้ภายในบ้าน ผู้หญิงที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรคนนั้น! เพียงเพราะอยากจะตอบแทนที่พ่อกับแม่ของหล่อนเคยเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกศัตรูของท่านสั่งคนไป
“เธอทำบ้าอะไรกับปู่ฉันห๊ะยัยกาฝาก!” เสียงเข้มตวาดถามทันทีที่พบหญิงสาวที่เขากำลังตามหาอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะชอบพาปู่ของเขาออกมานั่งเล่นอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่จำความได้ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ถามเปล่า แต่เขายังกระชากต้นแขนแม่ตัวดีให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ให้สาสมกับความโกรธทั้งหมดที่เขากำลังมีต่อเธอ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณวิน! มัทเจ็บค่ะ” มัทนา ดวงใจ สาวใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสัวไกรวิทย์เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ หลานชายเพียงคนเดียวของผู้ที่มีพระคุณของเธอก็เดินตรงเข้ามาตวาดใส่หน้ากัน ทั้ง ๆ ที่น้อยครั้งมากที่เขาจะเข้ามาพูดคุยกับสาวใช้ต่ำต้อยในบ้านอย่างเธอ เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่เธอมีอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบ จากเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาจากพ่อกับแม่ที่ทำงานเป็นชาวประมงธรรมดาหาเช้ากินค่ำ แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งพ่อและแม่ของเธอบังเอิญเข้าไปช่วยเหลือเจ้าสัวไกรวิทย์ที่ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บเข้า ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกมันย้อนกลับมาจัดการกับพวกท่านทีหลัง เหลือไว้เพียงแต่เด็กสาววัยเจ็ดขวบที่หลบซ่อนอยู่ในโอ่งใบเล็ก ก่อนจะถูกชายชราที่เ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะตั้งรับการกระทำคาดคั้นของคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าเธอคือคนผิด โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้แก้ต่างหรืออธิบายอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะตีหน้ากันอย่างที่พูดออกมาทั้งหมด“มัทไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณวิน มัทไม่รู้เรื่องพินัยกรรมของคุณท่านจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง” ต่อให้กวินภพคาดคั้นแค่ไหนหญิงสาวก็ยังจะขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์มาก่อน ไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้มีพระคุณของตัวเองจะเขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา เพราะว่าท่านไม่เคยบอกหรือพูดอะไรเกี่ยวกับมันให้เธอได้รับรู้เลยแม้แต่คำเดียว“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนเดียวที่อยู่กับปู่ของฉันจนวันสุดท้ายของท่าน นี่คงจะไปเป่าหูท่านก่อนตายสิใช่ไหม ท่านถึงได้สั่งให้ฉันแต่งงานด้วยแบบนี้ หน้าด้าน! ไร้ยางอาย!” คำด่าทอที่รุนแรงไม่ต่างอะไรกับการถูกน้ำกรดร้อน ๆ สาดใส่หน้ากันนั้น ทำให้คนฟังปวดหนึบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่อยู่มัทนาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดกับคำสบประมาทที่เขามอบให้กัน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ตกใจกับเรื่องตรง
“ป้าแจ่ม มัทนอนไม่หลับจ้ะ เลยออกมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต่อให้ไม่มีเรื่องให้ต้องคิด ไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้ง่าย ๆ อยู่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะมีผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของเธอไปอีกนานเท่านานเลยก็ว่าได้ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยที่จู่ ๆ เธอจะต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่เกลียดเธอเสียยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนเอาอย่างนั้น ไม่ใช่เลยสักนิด! “กำลังคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่ล่ะสิ อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัวไปเลยมัทเอ๊ย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องบางเรื่องเราก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นมาได้หรอก”หัวหน้าแม่บ้านผู้สูงวัยเอ่ยบอกก่อนจะลูบหัวหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ รักเสมือนกับลูกคนหนึ่ง หวงแหนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดด้วยท่าทางอ่อนโยน ไม่แปลกเลยที่นางจะออกโรงปกป้องและให้กำลังใจในยามที่มัทนาไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งเฉกเช่นตอนนี้ เพราะเมื่อก่อนมักจะมีท่านเจ้าสัวไกรวิทย์คอยดูแลและปกป้องหญิงสาว แต่ตอนนี้เมื่อท่านไม่อยู่แล้วหน้าที่ที่ว่าเธอเองก็คงต้องสานต่อเพื่อให้ท่านได้จากไปอย่างสงบโดยไม่ต้องติดห่วงมัทนาอีกต่อไป “มัทไม่เข้าใจเลยจ
สุดท้ายสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งให้มากขึ้น และพยายามทำทุก ๆ อย่างเพื่อที่จะได้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใต้อุณหภูมิห้องสวีทสุดหรูชั้นบนสุดที่เย็นเฉียบกำลังปรากฏร่างของชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังแลกรัดกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงอยู่บนเตียงคิงไซส์กันอย่างไม่มีใครยอมใครเหงื่อหยดแล้วหยดเล่าร่วงไหลอาบแก้มสากยามเมื่อสะโพกหนาขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะตามแรงปรารถนาที่มีต่อนางแมวยั่วสวาทใต้ร่าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบสนองด้วยการแอ่นกายยืนหยัดต้อนรับสัมผัสอันเร่าร้อนอย่างเต็มใจกลับไปพร้อม ๆ กับเสียงร้องครวญครางของทั้งคู่ที่ดังไม่หยุดหย่อนมาตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านพ้นมาไม่นานกวินภพผละตัวออกห่างจาก ลิลิน สุทธิดำรงราช คู่ขาสาวสวยดีกรีนางแบบระดับแถวหน้าของวงการที่เขาโทร.เรียกให้เจ้าหล่อนมาหาที่คอนโดฯ ทันทีที่ภารกิจบนเตียงอันเร่าร้อนที่กินเวลายาวนานถึงสองชั่วโมงเต็มระหว่างเขาและเธอสิ้นสุดลงชายหนุ่มค่อย ๆ บรรจงถอดถุงยางอนามัยยี่ห้อดังกลิ่นโปรด ที่เขาไม่เคยที่จะไม่ใช้มันทุกครั้งออกจากกายก่อนจะโยนมันทิ้งที่ขยะข้างเตียงอย่างไม่สนใจใยดีพร้อม ๆ กับเซ็นเ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะตั้งรับการกระทำคาดคั้นของคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าเธอคือคนผิด โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอได้แก้ต่างหรืออธิบายอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะตีหน้ากันอย่างที่พูดออกมาทั้งหมด“มัทไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณวิน มัทไม่รู้เรื่องพินัยกรรมของคุณท่านจริง ๆ นะคะคุณผู้หญิง” ต่อให้กวินภพคาดคั้นแค่ไหนหญิงสาวก็ยังจะขอยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่เคยรู้เรื่องพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์มาก่อน ไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้มีพระคุณของตัวเองจะเขียนพินัยกรรมแบบนั้นขึ้นมา เพราะว่าท่านไม่เคยบอกหรือพูดอะไรเกี่ยวกับมันให้เธอได้รับรู้เลยแม้แต่คำเดียว“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนเดียวที่อยู่กับปู่ของฉันจนวันสุดท้ายของท่าน นี่คงจะไปเป่าหูท่านก่อนตายสิใช่ไหม ท่านถึงได้สั่งให้ฉันแต่งงานด้วยแบบนี้ หน้าด้าน! ไร้ยางอาย!” คำด่าทอที่รุนแรงไม่ต่างอะไรกับการถูกน้ำกรดร้อน ๆ สาดใส่หน้ากันนั้น ทำให้คนฟังปวดหนึบที่อกข้างซ้ายขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่อยู่มัทนาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดกับคำสบประมาทที่เขามอบให้กัน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็ตกใจกับเรื่องตรง
“เธอทำบ้าอะไรกับปู่ฉันห๊ะยัยกาฝาก!” เสียงเข้มตวาดถามทันทีที่พบหญิงสาวที่เขากำลังตามหาอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ที่เธอมักจะชอบพาปู่ของเขาออกมานั่งเล่นอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่จำความได้ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ถามเปล่า แต่เขายังกระชากต้นแขนแม่ตัวดีให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง ให้สาสมกับความโกรธทั้งหมดที่เขากำลังมีต่อเธอ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณวิน! มัทเจ็บค่ะ” มัทนา ดวงใจ สาวใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าสัวไกรวิทย์เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ หลานชายเพียงคนเดียวของผู้ที่มีพระคุณของเธอก็เดินตรงเข้ามาตวาดใส่หน้ากัน ทั้ง ๆ ที่น้อยครั้งมากที่เขาจะเข้ามาพูดคุยกับสาวใช้ต่ำต้อยในบ้านอย่างเธอ เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นตอนที่เธอมีอายุได้เพียงแค่เจ็ดขวบ จากเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เติบโตมาจากพ่อกับแม่ที่ทำงานเป็นชาวประมงธรรมดาหาเช้ากินค่ำ แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งพ่อและแม่ของเธอบังเอิญเข้าไปช่วยเหลือเจ้าสัวไกรวิทย์ที่ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บเข้า ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกมันย้อนกลับมาจัดการกับพวกท่านทีหลัง เหลือไว้เพียงแต่เด็กสาววัยเจ็ดขวบที่หลบซ่อนอยู่ในโอ่งใบเล็ก ก่อนจะถูกชายชราที่เ
“ผมไม่แต่ง!” เสียงกึกก้องของ กวินภพ มลทนาพร ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมลทนาพรตระกูลเก่าแก่ที่ใครต่างก็รู้จักกันดีในฐานะตระกูลของเจ้าหลวงผู้ดีเก่าที่ถูกสืบทอดมายังรุ่นต่อรุ่น ดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน ทันทีที่ได้รับทราบถึงพินัยกรรมของเจ้าสัวไกรวิทย์ มลทนาพร ผู้เป็นปู่ที่เพิ่งจะล่วงลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจากทนายประจำตระกูลที่เริ่มต้นอ่านพินัยกรรมมานานร่วมหนึ่งชั่วโมงด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าข้อความในพินัยกรรมนั้นต่างสร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาญาติที่เดินทางมาร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกวินภพ ผู้เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของผู้ลาลับ ที่เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อน ชายหนุ่มยอมรับได้ทุกอย่างที่ถูกเขียนเอาไว้ในพินัยกรรม ที่ใคร ๆ ต่างก็พากันให้ความสนใจกับมัน เว้นก็แต่คำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่ ที่บังคับให้เขาแต่งงานกับสาวใช้ภายในบ้าน ผู้หญิงที่เขาเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรคนนั้น! เพียงเพราะอยากจะตอบแทนที่พ่อกับแม่ของหล่อนเคยเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกศัตรูของท่านสั่งคนไป