มัทนาตื่นเช้าเหมือนปกติก่อนที่หญิงสาวจะลงมาทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ เอาไว้รอคนสองคนที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนลงมาเลย จนกระทั่งเวลาผ่านล่วงเลยไปนานร่างระหงที่สวมเพียงเสื้อยืดตัวโคร่งของนางแบบสาวจะปรากฏตัวขึ้นเป็นคนแรก“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณมัท เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมคะ” นางแบบสาวเอ่ยทักทายขึ้นพร้อมทั้งเปิดปากหาวออกมา จงใจจะทำให้มัทนาเจ็บปวดเล่นตามแผนที่กวินภพสั่งให้เธอทำในเช้าวันนี้ “มัทหลับสบายดีค่ะ” “ต่างจากลินเลยค่ะ เมื่อคืนลินแทบไม่ได้นอนเลย ก็วินน่ะสิคะ ไม่รู้ไปคึกอะไรมา สะกิดกวนลินทั้งคืนเลย นี่เสียงของเราสองคนคงไม่ได้รบกวนเวลานอนของคุณมัทหรอกนะคะ ลินว่าลินพยายามเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะคะเนี่ย แต่ก็กลัวมันจะไปรบกวนคุณมัทเลยต้องถาม..” คำถามที่จงใจบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างทำเอามัทนาถึงกลับเงียบนิ่งไป เธอพยายามข่มเอาความระทมไว้ในใจก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ กลับไปให้เจ้าของคำถาม ที่กำลังจ้องหน้าเหมือนกำลังรอคำตอบ “ไม่หรอกค่ะ...มัททำข้าวต้มเผื่อคุณกับคุณวินด้วย ถ้ายังไงมัทขอตัวก่อนนะคะ” มัทนาตัดบทก่อนจะพาตั
เขาขบเม้มเรียวปากสวยอย่างมันเขี้ยวในความหอมหวานของมันก่อนจะเอื้อมมือไปประคองใบหน้าของคนตัวเล็กเอาไว้ด้วยมือแกร่ง ฝืนบังคับให้เธอรับจูบที่แสนยาวนานของตัวเองจวบจนกระทั่งหญิงสาวเริ่มที่จะขาดอากาศหายใจระดมทุบไหล่ของเขาหลายครั้งนั่นเองคนเอาแต่ใจตัวเองถึงได้ยอมถอนริมฝีปากออกไปอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ขัดกับความต้องการภายในใจของเขาก็ไม่ผิด มัทนานั่งหอบหายใจอยู่นานโดยมีร่างสูงใหญ่ของกวินภพนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมไปไหน ครั้นเมื่อเริ่มตั้งสติได้หญิงสาวจึงรวบรวมความกล้าผลักอกคนขี้แกล้งให้ล้มลงก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นและวิ่งหนีออกมาเสียเอง หญิงสาวยกมือขึ้นกุมอกของตัวเองที่จนป่านนี้มันก็ยังคงเต้นเร็วแรงไม่หาย เธอไม่รู้ว่าจะกลับไปสู้กับคนใจร้ายที่เอาแต่คอยหาเรื่องแกล้งกันอยู่เรื่อยอย่างไร จึงพาตัวเองหนีหายเข้าไปในครัว “มีอะไรให้มัทช่วยหรือเปล่าคะป้าแจ่ม” หญิงสาวเอ่ยทักทายหญิงชราที่นับถือและรักมากกว่าใคร ๆ เมื่อพบหน้า แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นกลับกลายเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของบรรดาสาวใช้รอบข้างแทน “ไม่มีหรอก แล้วนี่มาทำอะไรในนี้ เอ็งน่ะไม่ใช่สาว
ร่างบอบบางถูกวางลงที่โซฟาในห้องรับแขกทันทีที่มาถึงจุดหมาย ก่อนที่กวินภพจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นและเดินจากไปก่อนจะหวนกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์ทำแผลและผ้าอุ่น ๆ อีกผืน เขาย่อตัวลงช้า ๆ ก่อนทำท่าจะเปิดเสื้อของหญิงสาวจากด้านหลัง “คุณวินจะทำอะไรคะ!” มัทนาร้องถามสุดเสียงเมื่อจู่ ๆ คนเอาแต่ใจก็จับชายเสื้อของเธอให้เลิกสูงขึ้น หญิงสาวทำท่าจะขยับหนี เพราะไม่รู้แน่ชัดว่ากวินภพคิดจะทำอะไรของเขากันแน่ “เฉยเถอะน่า ถ้าไม่อยากให้ฉันจับเธอมัดก็อยู่นิ่ง ๆ” เสียงเข้มตอบพร้อมกระชากข้อมือของเธอให้อยู่นิ่ง ๆ เขาสยบอาการดิ้นรนขัดขืนน้อย ๆ ด้วยสายตาดุดันเอาเรื่องซึ่งมันก็ได้ผลขึ้นทันที “ให้ตาย! ถ้าเป็นแผลเป็นนะมัทนาฉันเล่นงานเธอตายแน่”เขาตวาดลั่นเมื่อเห็นรอยแดง ๆ จากการถูกหม้อซุปร้อน ๆ ลวกเข้าที่สะโพกกลมมน แม้ว่าจะไม่มากนักแต่มันก็ทำให้ผิวสวย ๆ ของเธอเกิดร่องรอยขึ้นอยู่ดีมัทนาจ้องมองเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่ด้วยความสับสน เธอยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้เขาใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ ประคบแผลให้อย่างเบามือ แต่ที่ทำให้หญิงสาวสงสัยคงจะหนีไม่พ้นเสียงที่บ่นงึมงำตลอดเวลานั่นต่างหาก เขาทำราวกับว่าผ
หลังจากพากันไปรับประทานอาหารเย็นที่เรือนใหญ่กวินภพและมัทนาก็พากันกลับมาที่บ้านหลังเล็กของตัวเองพร้อมกันอีกครั้ง ก่อนต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ติดกันแค่ไม่กี่ก้าวมัทนาไม่รีรอที่จะรีบอาบน้ำและเตรียมเข้านอนเหมือนอย่างทุกวัน ติดแค่ว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ล้มตัวลงบนเตียงเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเข้าซะก่อน หญิงสาวรู้ได้ในทันทีเลยว่าใครเป็นเจ้าของฝ่ามือหนัก ๆ ที่กำลังทุบประตูห้องนอนของตัวเองราวกับพร้อมจะพังมันเข้ามาได้ทุกเมื่อ ครั้นพอแกล้งจะเงียบเสียงทำเป็นเข้านอนไปแล้วเสียงเข้ม ๆ จากคนด้านนอกกลับดังขึ้นเข้าซะก่อนราวกับตาเห็น “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ เปิดประตูเดี๋ยวนี้มัทนา” คนอะไรรู้ดีไปเสียหมด หญิงสาวต่อว่าพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากทำใจอยู่ครู่จึงยอมเดินไปเปิดประตูห้อง “คุณวินมีอะไรกับมัทหรือเปล่าคะ” หญิงสาวตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยถามหลังจากต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ไปนาน เพราะถ้ารอให้เขาพูด เห็นทีว่าเธอคงจะต้องยืนรอต่อไปทั้งคืนไม่ผิดแน่ “ไฟที่ห้องฉันเสีย” เสียงเข้มตอบกลับมาโดยที่เจ้าของคำพูด
บริษัทมลทนาพรจำกัด บริษัทส่งออกน้ำหอมชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีสาขาปลีกย่อยไปทั่วทวีปเอเชีย ผลกำไรต่อปีนั้นมากมายมหาศาลจนไม่สามารถตีเป็นมูลค่าที่แน่นอนได้ จนเมื่อข่าวร้ายของการสูญเสียผู้กุมบังเหียนใหญ่อย่างเจ้าสัวไกรวิทย์ที่จากไปกระจายไปทั่วทั้งบริษัทฯ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นพร้อม ๆ กับความอยากรู้ว่าใครกันจะเป็นผู้เข้ามาสานต่อตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดนี้ไป และแน่นอนว่าบุคคลที่ว่านั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากหลานชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวไกรวิทย์ ที่ถูกส่งตัวไปเรียนต่างประเทศนานหลายปี จึงไม่แปลกที่การเริ่มต้นการทำงานในวันแรกของกวินภพนั้นจะถูกจับจ้องมองจากผู้คนรอบด้านทันทีที่เขาจอดรถคันหรูของตัวเองที่หน้าบริษัทฯ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ เพราะไม่ชอบกับการตกเป็นเป้าสายตาจากผู้คนรอบข้างสักเท่าไร ต่างจากมัทนาที่ดูเหมือนทุก ๆ อย่างรอบกายของหญิงสาวจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจไปเสียหมด หลายครั้งที่เธอเคยเห็นภาพของตึกระฟ้าขนาดใหญ่ในหนังสือพิมพ์หรือแม้แต่โทรทัศน์ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวมีโอกาสได้มาเห็นบริษัทฯ ของผู้มีพระคุณด้วยตาตัวเอง ยิ่งได้มาเห็นเธอถึงได้
“ผมรู้สึกพอใจกับแผนงานของคุณมากครับคุณวิน มันยอดเยี่ยมและไร้ที่ติมาก”ชายหนุ่มเอ่ยชมคนตรงหน้า ที่ดูจากสายตาแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะมีความสามารถในหลาย ๆ ด้านพอ ๆ กับผู้เป็นปู่จนทุก ๆ คนในห้องประชุมต่างก็อดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยปากชมอย่างไม่ขาดสาย “ผมดีใจที่คุณชอบครับ” “ถ้ายังไงวันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันบ่อย ๆ นะครับคุณมัท ผมอยากฟังความเห็นของคุณเรื่องกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ใหม่ที่คุณเสนอมาในที่ประชุม ผมเห็นด้วยและคิดว่ามันเข้าท่ามาก ขอตัวก่อนนะครับ”มัทนาไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป เพราะรู้สึกได้ถึงรังสีอันน่ากลัวที่กำลังแผ่ซ่านอยู่ข้าง ๆ ตัวได้ดีก่อนใคร หญิงสาวทำได้เพียงยิ้มส่งจนกระทั่งกล้องภพเดินหายไปไกลลับสายตาเท่านั้น “จะมองตามมันอีกนานไหม!” เสียงเข้มจากคนข้างกายตวาดขึ้นจนหญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเข้า “ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัทขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่เพียงแต่ไม่ตอบคำถามกันเท่านั้น แต่กลับทำท่าจะเดินหนีกันไปเสียเฉย ๆ เมื่อพูดจบ และคงจะทำเช่นนั้นไปแล้วหากต้นแขนไม่ถูกกระชากจากด้านหลังเข้าซะก่อน “เรามีเรื่องต้องคุยกั
“เดี๋ยวก่อนค่ะวิน นี่คุณอย่าบอกนะคะว่าจะให้ภรรยาของคุณไปกับเราสองคนด้วย ก็ไหนว่าเย็นนี้เราสองคนจะไปดินเนอร์กันยังไงล่ะคะ แต่นี่คุณเล่นหอบเอาภรรยาไปด้วยแบบนี้ ถ้าคนอื่นเห็นลินจะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยของคุณเอาได้เหรอคะ” มัทนาก้มหน้ารับฟังทุก ๆ คำจากลิลินด้วยท่าทีสงบเงียบเชียบตามนิสัย เธอรู้ดีว่ายังไงเสียกวินภพก็ต้องเลือกคนอื่นอยู่แล้ว และเธอก็คงจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาจะเลือกด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงพยายามขืนตัวออกจากการจับกุมพร้อมกับเอ่ยบอกคนทั้งคู่เสียงสั่น“มัทว่ามัทกลับบ้านดีกว่าค่ะ เชิญคุณวินกับคุณลินตามสบายนะคะ มัทขอตัวก่อน” เธอกล่าวบอกเพียงสั้น ๆ ก็หมุนตัวพร้อมจะเดินจากไปทุกเมื่อ แต่กวินภพกลับไม่ยอมโดยง่าย เขาก้าวเดินตามหลังมาติด ๆ ก่อนจะกระชากแขนเธอเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี“ฉันบอกให้ไปเธอก็ต้องไป ส่วนลินถ้าเกิดว่าการไปดินเนอร์กันสามคนทำให้คุณกลัว ไว้วันหลังก็ได้ครับ ผมตามใจคุณ”“วิน...”“เอายังไงครับ จะไปหรือไม่ไป” เพราะกวินภพเริ่มแสดงความไม่พอใจในความเรื่องมากของตนเองให้ได้เห็น นางแบบสาวจึงไม่มีทางเลือกต้องยอมจำนนต่อความต้องการของเขาไป ซึ่งนั่นก็สร้างความพอใ
อีกด้านหนึ่ง “นี่มันเลยเวลาเลิกงานมาตั้งนานแล้วนะ ทำไมป่านนี้แล้วสองคนนั่นยังไม่พากันกลับมาอีก เราลองโทร.ไปถามกันดีไหมนวลแจ่ม” ประมุขหนึ่งเดียวภายในบ้านมลทนาพรแทบจะนั่งไม่ติดเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วยังไม่พบตัวคนสองคนที่น่าจะพากันกลับมาบ้านได้แล้วในตอนนี้ ที่นางกำลังห่วงสุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นมัทนา ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลานี้ถูกลูกชายตัวดีลากพาไปกลั่นแกล้งที่ไหนอีกหรือเปล่า “ป้าว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าค่ะคุณผู้หญิง ไม่แน่นะคะว่าบางทีคุณวินอาจจะพามัทนาแวะทานข้าวนอกบ้านก็ได้ค่ะ” แม่บ้านวัยชราเสนอความเห็น แม้ภายในใจจะเป็นห่วงมัทนาและเจ้านายหนุ่มไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายชีวิตคู่ของทั้งสองคนนั้นมากจนเกินไป “ถ้าเป็นแบบที่ป้าว่าก็ดีน่ะสิ แต่ฉันกลัวว่าตาวินจะสร้างเรื่องให้ยัยมัทเสียมากกว่า ขานั้นเป็นคนอ่อนต่อโลกแค่ไหนป้าก็รู้ ฉันล่ะไม่ไว้ใจตาวินเลย” คุณหญิงลัดดาวัลย์พูดพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่นานก็ยิ้มได้เมื่อเห็นดวงไฟจากรถคันหรูของพ่อลูกชายตัวดีที่กำลังขับเข้ามาด้านในตัวบ้าน “นี่แม่เกือบ ๆ จะให้ลุงมั่นเอารถออกไปตามหาอยู่แล้ว ตายแล้ว! นั่
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
มัทนายังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องจนเมื่อคุณหญิงลัดดาวัลย์ทนต่อความเป็นห่วงไม่ไหวถึงได้มาหาหญิงสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับนวลแจ่มที่ทั้งห่วงและสงสารมัทนามากกว่าใคร ๆหลังจากทั้งคู่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของกวินภพแล้วจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ทั้งเข้าใจและรู้ดีว่ามัทนาในตอนนี้นั้นคงจะกำลังสับสน และไม่อยากจะเชื่อใจใครที่ไหนอีก “มัท เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก” เสียงที่ดังจากทางด้านนอกห้องทำให้คนที่กำลังเติมแป้งอยู่หน้ากระจกชะงักค้างไปชั่วครู่ แต่พอจำได้ว่าเสียงที่เรียกอยู่นั้นเป็นใครหญิงสาวจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับคนสองคนที่ยืนรออยู่ “นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลัดดาวัลล์อุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของลูกสะใภ้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลทำให้ลืมมัทนาคนเก่าที่เคยชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเดรสง่าย ๆ เรียบหรูไปจนหมดสิ้น เมื่ออีกฝ่ายหันมาสวมใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปบวกกับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว เปลี่ยนจากสาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันได้อย่างสวยสง่า
“คุณเล่นพูดออกมาแบบนี้ระวังจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ นะคะ” แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าสิ่งเดียวที่เธออยากจะได้คือเขาเท่านั้นออกไปแค่ไหน แต่เมื่อใจรู้ดีว่าสิ่งนั้นเขาคงไม่มีวันมอบให้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเก็บมันเอาไว้ในใจเหมือนกับทุกที “ผมยอมครับ ถ้ามันจะทำให้คุณออกไปจากชีวิตผมกับครอบครัว คุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมอยากให้คุณได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลคุณไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” “น่าเสียดายนะคะที่คน ๆ นั้นเป็นคุณไม่ได้” “ผมขอโทษครับลิน ในใจของผมตอนนี้มีแค่มัทนาคนเดียว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นใครได้อีก” กวินภพย้ำชัดเจนถึงความต้องการภายในใจของเขาที่อยากจะให้คนที่อยู่ข้างกายคือมัทนาภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอ เขาก็ไม่ต้องการใครอื่นมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน “คุณรักแม่นั่นเหรอคะ! คนอย่างคุณน่ะเหรอคะจะรักใครเป็น คุณอย่าคิดว่าลินไม่รู้นะคะว่าที่คุณแกล้งทำดีกับนังนั่นก็เพราะว่าคุณอยากให้เธอตายใจ เพื่อที่ถึงเวลาคุณก็จะได้ฮุบเอาสมบัติอีกครึ่งที่มันสมควรจะเป็นของคุณตั้งแต่แรกกลับมา”เสียงใส ๆ ตวาดขึ้นสู้พร้อมเอ
“คุณวินอย่าคิดมากเลยนะคะ มัทเชื่อค่ะว่าสักวันแกจะเข้าใจและผ่านเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คงมีแต่คอยดูแลและให้กำลังใจแกให้แกผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้ และมัทก็ยังเชื่ออีกนะคะว่าคุณวินจะเป็นคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะดูจากท่าทางของแกในวันนี้ มันทำให้มัทรู้ว่าแกคงจะรักคุณมาก”“ผมเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนจะหันเหความสนใจทั้งหมดไปยังเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่ต้องมารับกรรมจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ ภาพนั้นถูกจ้องมองจากสายตาอีกคู่ของหญิงชราที่ได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นกวินภพและมัทนาเข้าใจกันและกันได้มากถึงเพียงนี้ เธอคงทำได้แค่หวังว่าขอให้ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งคู่นั้นต้องเจอกับปัญหาเข้าอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของใครก็ตามสองสามีภรรยาทำตามคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับแอนนาเบลเป็นอย่างดี ทั้งสามนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านก่อนมัทนาจะพาตัวยัยหนูจอมป่วนขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ปล่อยให้หน้าที่ล้างจานเป็นของคุณพ่อบ้านจำเป็นไป ไม่นานกวินภพก็เดินขึ้นตามมาติด ๆ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อได้เห็นสองสาว ที่กำลังผลัดกันเช็ดตัวให้อีกฝ่ายก